ทริปนี้ขอลัดคิวทุกทริปที่ค้างไว้ตั้งแต่ สวิส ลาเวนเดอร์-ฮอกไกโด ลาเวนเดอร์-โปรวองซ์ และอีกมากมาย เนื่องด้วย จขกท .เพิ่งไปเที่ยวมาสดๆร้อนและขอเขียนเลยเพราะกลัวจะจำรายละเอียดไม่ได้ เริ่มด้วยการเดินทางรอบนี้เราจองไว้ช่วงสงกรานต์ของไทย ตอนเห็นตั๋วกดจองแบบไม่คิดเลยเพราะได้ตั๋วไปอเมริกาในราคาสองหมื่นคุ้มมาก จริงๆแล้วเราเคยไปอเมริกามาแล้วเมื่อสองปีก่อน ไปLA ซานฟราน และก็บินมานิวยอร์กประมาณ 2 wk แล้วครั้งนี้ไม่อยากไปเมืองซ้ำเลยบินลง Chicago จริงๆแล้ว Chicago ไม่ใช่จุดหมายปลายทางของเรา จริงๆเราตั้งใจจะไปคิวบา แต่จะบินผ่านอเมริกาเพราะค่าตั๋วบินจากอเมริกาไปคิวบาราคาถูกกว่ามาก สองจิตสองใจว่าจะดูซากุระที่ DC แต่เพื่อนที่อยู่ที่นี่บอกว่าสงกรานต์ซากุระน่าจะร่วงหมดแล้วอีกอย่างตั๋วไปDC ก็แพงกว่า Chicago ประมาณ 2,000-3,000 บาท ไปสองคนกับแม่ก็ครึ่งหมื่น สรุปบินลง Chicago แล้วต่อเครื่องจาก Chicago ไป Havana เมืองหลวงของคิวบาน่าจะสะดวกสุด Plan เดิมของเราคือเที่ยว Chicago 2 วันก่อนบินไป Havana แล้วกับมาเที่ยวต่ออีก 2 วัน แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ฮ่ะๆ เดี๋ยวมาเล่าต่อว่าเกิดอะไรขึ้น(กับชีวิตเราบ้าง)
การเดินทางเราเลือกบินกับสายการบิน China eastern airline ซึ่งต้องเปลี่ยนเครื่องบินที่เซี่ยงไฮ้ สนามบิน (PVG) ซึ่งเราเผื่อเวลาไว้ประมาณ 3 ชั่วโมงหลวมๆ สนามบินเซี่ยงไฮ้ผู่ตง(PVG)นี่ก็ดูโอเคนะ ปกติเราบินแต่สายตะวันออกกลางไม่ค่อยได้บินสายการบินจีน เกาหลี ญี่ปุ่นเท่าไหร่ ที่นั่งเราว่านั่งสบายนะ ทำไมเราว่าสบายกว่าสายตะวันออกกลางอีกแต่แม่บอกว่าชอบสายตะวันออกกลางมากกว่า ช่วงเปลี่ยนเครื่องใช้ prioritypass เข้า lounge ใกล้ gate ชื่อ First ClassLounge ส่วนตัวเราว่าเฉยๆ นั่งรอสั้นๆได้ ไม่มีห้องอาบน้ำซึ่งเราต้องบินต่ออีก 15 ชั่วโมงก็รู้สึกว่าไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่
15 ชั่วโมงบนเครื่องบินก็หลับๆตื่น ซักพักก็ถึง Chicago ช่วงเที่ยงๆ เวลาที่นี่ช้ากว่าไทยเกือบ 1 วัน ก่อนอื่นผ่าน ตม.ก่อน ตม. Chicago คนเข้าแถวไม่ยาวมากต่อแถว 30 นาทีก็เสร็จแล้ว เคยบินลง LA โอ้โห รอกัน 3 ชม. ยังไม่เสร็จรอบนี้กระเป๋ามาช้ากว่าผ่าน ตม.อีก จนลุ้นว่ากระเป๋าจะมาด้วยมั้ย สุดท้ายก็มาจากนั้นก็เข้าที่พัก เราเลือกพักHilton ที่สนามบิน O’Hare สนามบินที่บินลงเลยเพราะราคาโอเค รับได้ ขี้เกียจย้ายกระเป๋า วันที่ไปคิวบาต้องบินเช้าด้วยเลือกสะดวกไว้ก่อนดีกว่า โดยรร.จะอยู่ตรง Terminal2 แต่ถ้าบินมาจาก International จะบินลง Terminal 5 ซึ่งอยู่ห่างพอสมควรประมาณ 10 นาทีต้องนั่งรถShuttle ซึ่งถ้าใครต้องต่อเครื่องในประเทศอยากให้เผื่อเวลาไว้หน่อย
หลังจากเข้าที่พักเรียบร้อยเรากับแม่ก็ขอออกสำรวจ Chicago ยามค่ำคืน โดยซื้อตั๋วรถไฟCTA มีตั้งแต่แบบเที่ยวเดียว 5 USD หรือแบบ one-day 10 USD ใช้ได้ 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่ใช้ครั้งแรก แบบ 3-Days อันนี้คุ้มสุด 20 USD มาเที่ยว Chicago trip สั้นๆแนะนำซื้อแบบนี้เลย จากสนามบิน Chicago O’Hare เข้าตัวเมือง Chicago downtown ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงการเดินทางสะดวกสบายมาก รถไฟมีตลอดทั้งคืนแต่ความถี่จะต่างกันออกไปไม่ต้องกลัวสับสนรถไฟขาเข้าเมืองมีสายเดียวเส้นสีฟ้า ต้นทางคือที่สนามบินไม่ต้องกลัวขึ้นผิด
ส่วนการซื้อตั๋วก็ซื้อกับเครื่องออกตั๋วซื้อง่ายมาก หลังจากนั้นเราก็ได้เดินทางมายัง downtown เอาจริงๆใน Chicago downtown เนี่ยะ เดินถึงกันหมด สถานที่ท่องเที่ยวอยู่ใกล้กันหมด เราเลือกลงสถานี washington เพราะเป็นสถานีของสายสีฟ้าที่ใกล้ Millennium park มากที่สุด
https://www.transitchicago.com/assets/1/6/ctamap_SystemMap.pdf
https://www.transitchicago.com/maps/
สำหรับ Millennium parkเป็นที่ตั้งของ Landmark สำคัญคือ Cloud Gate หรือ The bean เจ้าถั่วสีเงินที่ทุกๆคนที่มาChicago ต้องมาถ่ายรูปด้วย แต่วันนี้มาถึงเย็นแล้วแค่มาดูลาดราวก่อนเพราะเพื่อนบอกว่าให้มาถ่ายช่วงเช้าคนจะน้อยกว่า นอกจาก Millennium park จะมี Cloud Gate ก็มี Jay Pritzker Pavilion เวทีแสดงคอนเสิร์ตกลางแจ้งรูปร่างหน้าตาแปลกตาดี ช่วงที่เราไปเป็นเดือนเมษา อากาศหนาวประมาณเลขตัวเดียวเลยไม่ค่อยมีคนออกมานั่งเล่นเท่าไหร่
นอกจากนี้ park นี้ยังมีน้ำพุยอดฮิต อย่างน้ำพุหน้าคน หรือ Crown Fountain ซึ่งทั้งสามที่อยู่ใกล้ๆกันหมดเดินถึงกันได้ หาไม่ยาก
บรรยากาศ Chicago ยามเย็น
ตึกประธานาธิบดี Trump
หลังจากเดินหนาวใน Millennium park ซักพักก็เลยคิดว่าเดี๋ยวไปหาอะไรกินเสร็จแล้วจะไปถ่ายกับ ป้าย Chicago theater ซึ่งเป็น Theater ที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ก่อนจะกลับไปที่พัก ได้รูปสวยๆของ Chicago ยามค่ำคืนไปหลายรูปเลยครับ
วันนี้แม่เรามาในธีม it all that jazz
วันรุ่งขึ้นเราตื่นตั้งแต่เช้าเพราะบอกกับแม่ว่าต้องรีบไปถ่ายกับ Cloud Gate ตั้งแต่เช้าเพราะจุดนี้คือ highlight ของ Chicago ตื่นมาตีห้าครึ่งฟ้าสว่างแล้ววันนี้แดดดีด้วย น่าจะถ่ายรูปสวย(และร้อน) จนแล้วจนรอดกว่าจะออกจากที่พักก็ 7 โมงแล้ว พอไปถึงคนเยอะแล้ว ฮือออออ ต้องรอจังหวะกว่าจะถ่ายได้ ตรงแถวๆ Cloud Gate คนเยอะมาก แดดแรงด้วย โชคดีที่พกกันแดดเนื้อ BB มาจากไทย กันแดดเนื้อเนียนดีจริงๆเราได้ลองใช้ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่แล้วตอนไปดูซากุระที่ญี่ปุ่นแล้วติดใจเลยเอามาใช้ต่อที่นี่
ขายของแรงๆเลยแล้วกัน SMOOTH E PHYSICAL ตัวนี้แหละครับ ขนาดกระทัดรัดพกสะดวก ตัวเดียวอยู่
เราอยู่ที่ Millennium park อยู่เกือบชั่วโมง เราว่าตรงนี้นี่ Highlight ของ Chicago แล้ว จะย้อนถ่ายกับไปวิวเมืองก็สวยเพราะแดดจะส่องหน้าพอดีตรง Cloud Gate นี่สวยมากเพราะแสงจะเข้าหน้าพอดี ไม่ย้อนแสง
น้องถั่วยิ่งสายคนยิ่งเยอะ
อีกซักรูปให้คุ้มๆ
แดดดีแต่อุณหภูมิหน่ะเลขตัวเดียว
ปกติไปเที่ยวไหนเราจะทำการบ้านเรื่องแสงด้วยว่าแต่ละสถานที่ควรไปตอนไหนโดยดูทิศของสถานที่ท่องเที่ยวเป็นหลัก แดดที่นี่แรงดีแต่เนื่องด้วยอากาศเย็นเลยไม่ทำให้รู้สึกร้อนแต่ต้องทากันแดดไม่งั้นเสร็จ
ตัวที่เราใช้นี่ดีกว่าคือจากประสบการณ์เราคือเวลาไปเที่ยวไหนทานกันแดดเอนถามว่าไปทะเลมาเหรอ กลับมาผิวเราจะเข้มขึ้นมากขนาดว่าทาเยอะมาก
แต่ตัวนี้เท่าที่ตัวเองใช้เองคือใช้แค่นิดเดียวทานแค่วันละครั้งหรือสองครั้ง อยู่ทนอยู่นานกลับมาไทยผิวก็เข้มขึ้นไม่มาก(จากเดิม) ส่วนแม่นี่นางผิวแพ้ง่ายด้วย ชอบเป็นกะแดดง่ายพอใช้กันแดดตัวนี้ สังเกตว่าไม่ค่อยแพ้แล้วก็ไม่ค่อยมีกะแดดเท่าไหร่ หลังจากขายของนานเอ้ยพักอยู่ตรง Cloud Gate อยู่นานเราก็เดินผ่าแดดไปต่อ
มุมนี้ก็ดี คนเริ่มเยอะย้ายมาถ่ายใกล้ๆ
บรรยากาศจุดอื่นๆใน Millennium park ถ้ามาช่วงมีใบไม้ ดอกไม้คงสวยกกว่านี้
เดินต่อมาที่ แม่น้ำ Chicago นอกจากวันนี้แดดที่แรงมากแล้วลมก็แรงมากเช่นกัน Chicago นี่มีชื่อเล่นว่า Windy city หรือเมืองแห่งลม ลมแรงจริงๆ
เป็นเมืองตั้งอยู่ในรัฐ Illinois เป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 3 ของสหรัฐอเมริกา(ทำไมเรารู้สึกว่าไม่ค่อยใหญ่ อาจเป้นเพราะโซน Down town ไม่ใหญ่มาก) เดินลัดเลาะไปเรื่อยๆจะเห็นตึกเก่าที่กลืมกลืนไปกับสถาปัตยกรรมใหม่ๆ
เห็นรางรถไฟลอยฟ้าที่ยังเป็นแบบโบราณอยู่เลย เจอตึกชื่อเดียวกับประธานาธิบดีคนปัจจุบัน แน่นอนตึกลุงTrump ตั้งตระง่านติดแม่น้ำ
Chicago แม่น้ำนี่ไหลผ่านตรงกลางเมืองเลยมีเรือทัวร์ชมสถาปัตยกรรมส่วนของตึกต่างๆใน Chicago แต่เราไม่ได้นั่งเพราะไม่ใช่คอสถาปัตย์ขนาดนั้น
เดินต่อไปเรื่อยๆประมาณ 1.5 Km ก็จะถึงจุดหมายต่อไปคือ Olive park เป็นสวนสาธารณเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆNavy pier
ตรง Olive park จะมีจุดถ่ายรูปกับตัวเมือง Chicago ตรงนี้สวยมาก เราชอบมาก แนะนำให้มาช่วงเช้าเพราะแดดกำลังส่องหน้าพอดี
รูปคู่กับแม่บ้าง
[SR] [พาแม่ไปเที่ยว] One day in Chicago แดดจ้า ฟ้าใส
การเดินทางเราเลือกบินกับสายการบิน China eastern airline ซึ่งต้องเปลี่ยนเครื่องบินที่เซี่ยงไฮ้ สนามบิน (PVG) ซึ่งเราเผื่อเวลาไว้ประมาณ 3 ชั่วโมงหลวมๆ สนามบินเซี่ยงไฮ้ผู่ตง(PVG)นี่ก็ดูโอเคนะ ปกติเราบินแต่สายตะวันออกกลางไม่ค่อยได้บินสายการบินจีน เกาหลี ญี่ปุ่นเท่าไหร่ ที่นั่งเราว่านั่งสบายนะ ทำไมเราว่าสบายกว่าสายตะวันออกกลางอีกแต่แม่บอกว่าชอบสายตะวันออกกลางมากกว่า ช่วงเปลี่ยนเครื่องใช้ prioritypass เข้า lounge ใกล้ gate ชื่อ First ClassLounge ส่วนตัวเราว่าเฉยๆ นั่งรอสั้นๆได้ ไม่มีห้องอาบน้ำซึ่งเราต้องบินต่ออีก 15 ชั่วโมงก็รู้สึกว่าไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่
15 ชั่วโมงบนเครื่องบินก็หลับๆตื่น ซักพักก็ถึง Chicago ช่วงเที่ยงๆ เวลาที่นี่ช้ากว่าไทยเกือบ 1 วัน ก่อนอื่นผ่าน ตม.ก่อน ตม. Chicago คนเข้าแถวไม่ยาวมากต่อแถว 30 นาทีก็เสร็จแล้ว เคยบินลง LA โอ้โห รอกัน 3 ชม. ยังไม่เสร็จรอบนี้กระเป๋ามาช้ากว่าผ่าน ตม.อีก จนลุ้นว่ากระเป๋าจะมาด้วยมั้ย สุดท้ายก็มาจากนั้นก็เข้าที่พัก เราเลือกพักHilton ที่สนามบิน O’Hare สนามบินที่บินลงเลยเพราะราคาโอเค รับได้ ขี้เกียจย้ายกระเป๋า วันที่ไปคิวบาต้องบินเช้าด้วยเลือกสะดวกไว้ก่อนดีกว่า โดยรร.จะอยู่ตรง Terminal2 แต่ถ้าบินมาจาก International จะบินลง Terminal 5 ซึ่งอยู่ห่างพอสมควรประมาณ 10 นาทีต้องนั่งรถShuttle ซึ่งถ้าใครต้องต่อเครื่องในประเทศอยากให้เผื่อเวลาไว้หน่อย
หลังจากเข้าที่พักเรียบร้อยเรากับแม่ก็ขอออกสำรวจ Chicago ยามค่ำคืน โดยซื้อตั๋วรถไฟCTA มีตั้งแต่แบบเที่ยวเดียว 5 USD หรือแบบ one-day 10 USD ใช้ได้ 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่ใช้ครั้งแรก แบบ 3-Days อันนี้คุ้มสุด 20 USD มาเที่ยว Chicago trip สั้นๆแนะนำซื้อแบบนี้เลย จากสนามบิน Chicago O’Hare เข้าตัวเมือง Chicago downtown ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงการเดินทางสะดวกสบายมาก รถไฟมีตลอดทั้งคืนแต่ความถี่จะต่างกันออกไปไม่ต้องกลัวสับสนรถไฟขาเข้าเมืองมีสายเดียวเส้นสีฟ้า ต้นทางคือที่สนามบินไม่ต้องกลัวขึ้นผิด
ส่วนการซื้อตั๋วก็ซื้อกับเครื่องออกตั๋วซื้อง่ายมาก หลังจากนั้นเราก็ได้เดินทางมายัง downtown เอาจริงๆใน Chicago downtown เนี่ยะ เดินถึงกันหมด สถานที่ท่องเที่ยวอยู่ใกล้กันหมด เราเลือกลงสถานี washington เพราะเป็นสถานีของสายสีฟ้าที่ใกล้ Millennium park มากที่สุด
https://www.transitchicago.com/assets/1/6/ctamap_SystemMap.pdf
https://www.transitchicago.com/maps/
สำหรับ Millennium parkเป็นที่ตั้งของ Landmark สำคัญคือ Cloud Gate หรือ The bean เจ้าถั่วสีเงินที่ทุกๆคนที่มาChicago ต้องมาถ่ายรูปด้วย แต่วันนี้มาถึงเย็นแล้วแค่มาดูลาดราวก่อนเพราะเพื่อนบอกว่าให้มาถ่ายช่วงเช้าคนจะน้อยกว่า นอกจาก Millennium park จะมี Cloud Gate ก็มี Jay Pritzker Pavilion เวทีแสดงคอนเสิร์ตกลางแจ้งรูปร่างหน้าตาแปลกตาดี ช่วงที่เราไปเป็นเดือนเมษา อากาศหนาวประมาณเลขตัวเดียวเลยไม่ค่อยมีคนออกมานั่งเล่นเท่าไหร่
นอกจากนี้ park นี้ยังมีน้ำพุยอดฮิต อย่างน้ำพุหน้าคน หรือ Crown Fountain ซึ่งทั้งสามที่อยู่ใกล้ๆกันหมดเดินถึงกันได้ หาไม่ยาก
บรรยากาศ Chicago ยามเย็น
ตึกประธานาธิบดี Trump
หลังจากเดินหนาวใน Millennium park ซักพักก็เลยคิดว่าเดี๋ยวไปหาอะไรกินเสร็จแล้วจะไปถ่ายกับ ป้าย Chicago theater ซึ่งเป็น Theater ที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ก่อนจะกลับไปที่พัก ได้รูปสวยๆของ Chicago ยามค่ำคืนไปหลายรูปเลยครับ
วันนี้แม่เรามาในธีม it all that jazz
วันรุ่งขึ้นเราตื่นตั้งแต่เช้าเพราะบอกกับแม่ว่าต้องรีบไปถ่ายกับ Cloud Gate ตั้งแต่เช้าเพราะจุดนี้คือ highlight ของ Chicago ตื่นมาตีห้าครึ่งฟ้าสว่างแล้ววันนี้แดดดีด้วย น่าจะถ่ายรูปสวย(และร้อน) จนแล้วจนรอดกว่าจะออกจากที่พักก็ 7 โมงแล้ว พอไปถึงคนเยอะแล้ว ฮือออออ ต้องรอจังหวะกว่าจะถ่ายได้ ตรงแถวๆ Cloud Gate คนเยอะมาก แดดแรงด้วย โชคดีที่พกกันแดดเนื้อ BB มาจากไทย กันแดดเนื้อเนียนดีจริงๆเราได้ลองใช้ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่แล้วตอนไปดูซากุระที่ญี่ปุ่นแล้วติดใจเลยเอามาใช้ต่อที่นี่
ขายของแรงๆเลยแล้วกัน SMOOTH E PHYSICAL ตัวนี้แหละครับ ขนาดกระทัดรัดพกสะดวก ตัวเดียวอยู่
เราอยู่ที่ Millennium park อยู่เกือบชั่วโมง เราว่าตรงนี้นี่ Highlight ของ Chicago แล้ว จะย้อนถ่ายกับไปวิวเมืองก็สวยเพราะแดดจะส่องหน้าพอดีตรง Cloud Gate นี่สวยมากเพราะแสงจะเข้าหน้าพอดี ไม่ย้อนแสง
น้องถั่วยิ่งสายคนยิ่งเยอะ
อีกซักรูปให้คุ้มๆ
แดดดีแต่อุณหภูมิหน่ะเลขตัวเดียว
ปกติไปเที่ยวไหนเราจะทำการบ้านเรื่องแสงด้วยว่าแต่ละสถานที่ควรไปตอนไหนโดยดูทิศของสถานที่ท่องเที่ยวเป็นหลัก แดดที่นี่แรงดีแต่เนื่องด้วยอากาศเย็นเลยไม่ทำให้รู้สึกร้อนแต่ต้องทากันแดดไม่งั้นเสร็จ
ตัวที่เราใช้นี่ดีกว่าคือจากประสบการณ์เราคือเวลาไปเที่ยวไหนทานกันแดดเอนถามว่าไปทะเลมาเหรอ กลับมาผิวเราจะเข้มขึ้นมากขนาดว่าทาเยอะมาก
แต่ตัวนี้เท่าที่ตัวเองใช้เองคือใช้แค่นิดเดียวทานแค่วันละครั้งหรือสองครั้ง อยู่ทนอยู่นานกลับมาไทยผิวก็เข้มขึ้นไม่มาก(จากเดิม) ส่วนแม่นี่นางผิวแพ้ง่ายด้วย ชอบเป็นกะแดดง่ายพอใช้กันแดดตัวนี้ สังเกตว่าไม่ค่อยแพ้แล้วก็ไม่ค่อยมีกะแดดเท่าไหร่ หลังจากขายของนานเอ้ยพักอยู่ตรง Cloud Gate อยู่นานเราก็เดินผ่าแดดไปต่อ
มุมนี้ก็ดี คนเริ่มเยอะย้ายมาถ่ายใกล้ๆ
บรรยากาศจุดอื่นๆใน Millennium park ถ้ามาช่วงมีใบไม้ ดอกไม้คงสวยกกว่านี้
เดินต่อมาที่ แม่น้ำ Chicago นอกจากวันนี้แดดที่แรงมากแล้วลมก็แรงมากเช่นกัน Chicago นี่มีชื่อเล่นว่า Windy city หรือเมืองแห่งลม ลมแรงจริงๆ
เป็นเมืองตั้งอยู่ในรัฐ Illinois เป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 3 ของสหรัฐอเมริกา(ทำไมเรารู้สึกว่าไม่ค่อยใหญ่ อาจเป้นเพราะโซน Down town ไม่ใหญ่มาก) เดินลัดเลาะไปเรื่อยๆจะเห็นตึกเก่าที่กลืมกลืนไปกับสถาปัตยกรรมใหม่ๆ
เห็นรางรถไฟลอยฟ้าที่ยังเป็นแบบโบราณอยู่เลย เจอตึกชื่อเดียวกับประธานาธิบดีคนปัจจุบัน แน่นอนตึกลุงTrump ตั้งตระง่านติดแม่น้ำ
Chicago แม่น้ำนี่ไหลผ่านตรงกลางเมืองเลยมีเรือทัวร์ชมสถาปัตยกรรมส่วนของตึกต่างๆใน Chicago แต่เราไม่ได้นั่งเพราะไม่ใช่คอสถาปัตย์ขนาดนั้น
เดินต่อไปเรื่อยๆประมาณ 1.5 Km ก็จะถึงจุดหมายต่อไปคือ Olive park เป็นสวนสาธารณเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆNavy pier
ตรง Olive park จะมีจุดถ่ายรูปกับตัวเมือง Chicago ตรงนี้สวยมาก เราชอบมาก แนะนำให้มาช่วงเช้าเพราะแดดกำลังส่องหน้าพอดี
รูปคู่กับแม่บ้าง
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม