วงการลูกหนังโลกต้องจารึกประวัติศาสตร์ เมื่อ 4 สโมสรชั้นนำในประเทศอังกฤษได้แก่ ลิเวอร์พูล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, อาร์เซน่อล และ เชลซี ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยยุโรปครบทั้งสองรายการ โดยทีมจากเมืองผู้ดีเป็นชาติแรกที่ทำได้สำเร็จ เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเลย เต็มที่ก็มีแค่ 3 ใน 4 ทีมจากประเทศเดียวกันที่ได้เข้าชิง 2 ถ้วยยุโรปเท่านั้น
ประเทศอังกฤษ สร้างประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลทวีปยุโรป เมื่อกลายเป็นชาตแรกที่มี 4 สโมสรเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศทั้ง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ซึ่งเป็น 2 รายการบอลถ้วยระดับสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป
ลิเวอร์พูล และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2 ตัวแทนจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่างก็เพิ่งโชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมจนพลิกกลับมาเข้ารอบชิงชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อย่างน่าประทับใจ โดยฝั่ง "หงส์แดง" เคยแพ้ บาร์เซโลน่า ไปก่อน 0-3 ในรอบรองชนะเลิศ นัดแรก ก่อนจะถล่มอีกฝ่าย 4-0 ในนัดสอง ส่วน สเปอร์ส ก็มาได้ 3 ลูกจาก ลูกัส มูร่า ในนัดสองของรอบตัดเชือก จนทำให้เข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน
นอกจากในรอบชิงดำของ แชมเปี้ยนส์ ลีก จะเป็นการเจอกันเองของทีมจากเกาะอังกฤษแล้วนั้น ในรอบชิงชนะเลิศของศึก ยูโรปา ลีก ก็เป็นสองทีมจากเมืองผู้ดีเช่นกัน โดย อาร์เซน่อล ปราบ บาเลนเซีย สกอร์รวม 2 นัด 7-3 ขณะที่ เชลซี ต้องอาศัยการดวลจุดโทษชนะ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต หลังจากเสมอในเวลา 1-1 รวม 2 นัดเสมอ 2-2 ต่อเวลาพิเศษก็ยังสกอร์เดิม
ก่อนหน้านี้เคยมีแค่ 3 จาก 4 ทีมในรอบชิงดำของ 2 รายการบอลถ้วยยุโรปที่มาจากประเทศเดียวกัน ซึ่งมีทั้งหมด 7 ซีซั่นที่เกิดเรื่องแบบนั้น เริ่มจากฤดูกาล 1979-80 ที่ ฮัมบูร์ก เอสเฟา เจอกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในรอบชิงดำของ ยูโรเปี้ยน คัพ (ชื่อเก่าของ แชมเปี้ยนส์ ลีก) ส่วนใน ยูฟ่า คัพ (ชื่อเดิมของ ยูโรปา ลีก) เป็นการดวลกันของ แฟร้งค์เฟิร์ต กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตามด้วยซีซั่น 1989-90 ที่ เอซี มิลาน เจอกับ เบนฟิก้า ในศึก ยูโรเปี้ยน คัพ และ ยูเวนตุส ดวลกับ ฟิออเรนติน่า ใน ยูฟ่า คัพ
หลังจากนั้น ในฤดูกาล 1994-95 เอซี มิลาน ก็ได้เจอกับ อาแจ็กซ์ ในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนใน ยูฟ่า คัพ เป็นการเจอกันของ ปาร์ม่า กับ ยูเวนตุส ส่วนในซีซั่น 1997-98 ยูเวนตุส ได้เล่นกับ เรอัล มาดริด ในรายการ แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วน อินเตอร์ มิลาน กับ ลาซิโอ มาดวลกันเองใน ยูฟ่า คัพ
ขณะที่ซีซั่น 2007-08 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เชลซี โคจรมาชิงแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก กัน ส่วนใน ยูฟ่า คัพ เป็นการเจอกันของ เรนเจอร์ส กับ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์ส เบิร์ก โดยถึงแม้ เรนเจอร์ส จะมาจาก สกอตแลนด์
แต่พวกเขาก็ถูกนับให้เป็นทีมจาก สหราชอาณาจักร เหมือนกับ "ปีศาจแดง" และ "สิงโตน้ำเงินคราม"
พอถึงฤดูกาล 2013-14 เรอัล มาดริด กับ แอตเลติโก มาดริด ก็มาเจอกันในรอบชิงชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วน เซบีย่า ไปชิงแชมป์ ยูโรปา ลีก กับ เบนฟิก้า ก่อนที่ในซีซั่น 2015-16 เซบีย่า จะได้เล่นรอบชิงดำของ ยูโรปา ลีก อีกครั้ง ด้วยการเจอกับ ลิเวอร์พูล ส่วนใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้ง 2 ทีมจากกรุงมาดริดก็โคจรมาเผชิญหน้ากันอีกหน
credit : www.siamsport.co.th
ยิ่งใหญ่ ! 4 ทีมอังกฤษสร้างประวัติศาสตร์ชิงถ้วยยุโรปชาติแรก
ประเทศอังกฤษ สร้างประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลทวีปยุโรป เมื่อกลายเป็นชาตแรกที่มี 4 สโมสรเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศทั้ง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ซึ่งเป็น 2 รายการบอลถ้วยระดับสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป
ลิเวอร์พูล และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2 ตัวแทนจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่างก็เพิ่งโชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมจนพลิกกลับมาเข้ารอบชิงชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อย่างน่าประทับใจ โดยฝั่ง "หงส์แดง" เคยแพ้ บาร์เซโลน่า ไปก่อน 0-3 ในรอบรองชนะเลิศ นัดแรก ก่อนจะถล่มอีกฝ่าย 4-0 ในนัดสอง ส่วน สเปอร์ส ก็มาได้ 3 ลูกจาก ลูกัส มูร่า ในนัดสองของรอบตัดเชือก จนทำให้เข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน
นอกจากในรอบชิงดำของ แชมเปี้ยนส์ ลีก จะเป็นการเจอกันเองของทีมจากเกาะอังกฤษแล้วนั้น ในรอบชิงชนะเลิศของศึก ยูโรปา ลีก ก็เป็นสองทีมจากเมืองผู้ดีเช่นกัน โดย อาร์เซน่อล ปราบ บาเลนเซีย สกอร์รวม 2 นัด 7-3 ขณะที่ เชลซี ต้องอาศัยการดวลจุดโทษชนะ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต หลังจากเสมอในเวลา 1-1 รวม 2 นัดเสมอ 2-2 ต่อเวลาพิเศษก็ยังสกอร์เดิม
ก่อนหน้านี้เคยมีแค่ 3 จาก 4 ทีมในรอบชิงดำของ 2 รายการบอลถ้วยยุโรปที่มาจากประเทศเดียวกัน ซึ่งมีทั้งหมด 7 ซีซั่นที่เกิดเรื่องแบบนั้น เริ่มจากฤดูกาล 1979-80 ที่ ฮัมบูร์ก เอสเฟา เจอกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในรอบชิงดำของ ยูโรเปี้ยน คัพ (ชื่อเก่าของ แชมเปี้ยนส์ ลีก) ส่วนใน ยูฟ่า คัพ (ชื่อเดิมของ ยูโรปา ลีก) เป็นการดวลกันของ แฟร้งค์เฟิร์ต กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตามด้วยซีซั่น 1989-90 ที่ เอซี มิลาน เจอกับ เบนฟิก้า ในศึก ยูโรเปี้ยน คัพ และ ยูเวนตุส ดวลกับ ฟิออเรนติน่า ใน ยูฟ่า คัพ
หลังจากนั้น ในฤดูกาล 1994-95 เอซี มิลาน ก็ได้เจอกับ อาแจ็กซ์ ในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนใน ยูฟ่า คัพ เป็นการเจอกันของ ปาร์ม่า กับ ยูเวนตุส ส่วนในซีซั่น 1997-98 ยูเวนตุส ได้เล่นกับ เรอัล มาดริด ในรายการ แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วน อินเตอร์ มิลาน กับ ลาซิโอ มาดวลกันเองใน ยูฟ่า คัพ
ขณะที่ซีซั่น 2007-08 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เชลซี โคจรมาชิงแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก กัน ส่วนใน ยูฟ่า คัพ เป็นการเจอกันของ เรนเจอร์ส กับ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์ส เบิร์ก โดยถึงแม้ เรนเจอร์ส จะมาจาก สกอตแลนด์ แต่พวกเขาก็ถูกนับให้เป็นทีมจาก สหราชอาณาจักร เหมือนกับ "ปีศาจแดง" และ "สิงโตน้ำเงินคราม"
พอถึงฤดูกาล 2013-14 เรอัล มาดริด กับ แอตเลติโก มาดริด ก็มาเจอกันในรอบชิงชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วน เซบีย่า ไปชิงแชมป์ ยูโรปา ลีก กับ เบนฟิก้า ก่อนที่ในซีซั่น 2015-16 เซบีย่า จะได้เล่นรอบชิงดำของ ยูโรปา ลีก อีกครั้ง ด้วยการเจอกับ ลิเวอร์พูล ส่วนใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้ง 2 ทีมจากกรุงมาดริดก็โคจรมาเผชิญหน้ากันอีกหน
credit : www.siamsport.co.th