EUrail Pass ( ตั๋วรถไฟEUrail Global Pass )
ติดตามเพจเราได้อีก 1 ช่องทางนะครับ
https://www.facebook.com/pbxtrip

จุดประสงค์ที่มาทำเพจนี้ก็คืออยากจะแชร์ประสบการณ์ในการไปเที่ยวแต่ครั้งของเราเอง อัปเดตข้อมูลใหม่ๆ เพื่อเป็นไอเดียให้กับใครที่จะเดินทางเร็วๆนี้หรือมีแพลนว่าจะไปเที่ยว เพิ่มกิเลสให้คนอยากเที่ยวด้วย ( ไปตามเพจเราได้นะในเฟสบุ๊ค
https://www.facebook.com/pbxtrip )
Topic แรกนี้เราขอแชร์ประสบการณ์ ใช้ตั๋ว EUrail Global Pass ทริคการใช้ตั๋วรถไฟในการเดินทางทริปยุโรปว่า ซื้อจากไหน วางแพลงยังไง เริ่มใช้แบบไหน ใช้ได้กับอะไรบ้าง จองที่นั่งยังไง แล้วต้องทำอย่างไร
ขอบอกแพลนในทริปก่อนนะว่าเราไป 3 ประเทศ 1. สวิสเซอร์แลนด์ 🇨🇭 2. ออสเตรีย 🇦🇹 3. อิตาลี 🇮🇹 ทั้งหมด 12 วัน *เราขอแยก Swiss Pass ไปเป็นอีก Topic นะตามคำเรียกร้องอีกที
Plan trip
( Zurich-Luzern-Bern-Zurich-Zermatt-Zurich-Innsbruck-Salzburg-Hallstatt-Salzburg-Venice-Milan-Como-Milan-Rome-Florence-Rome-Milan ) จุกมาก
แพลนขอเราจะดูเหมือนแน่นมาก แต่เอาจริงๆแล้วสบายมากเราใช้ทริคแบบ 2 1 2 1 คือจะพัก 2 คืนสลับกับ 1 คืนตามเมืองต่างๆจะได้ไม่เหนื่อยแล้วอีกอย่างแต่ละเมืองก็ห่างกันมากใช้เวลาเดินทางไม่นาน มีเวลาให้ชิลกาแฟ ตื่นสายได้ไม่ต้องรีบมากเพราะโรงแรมแต่ละที่เราก็จองเดินทางสะดวก ใกล้ Train Station ส่วนสถานที่ก็เน้นไป 1Day trip ( Matterhorn/Hallstatt/Como/Florence )
อันดับแรก ซื้อมาจากไหน?
เราสั่งซื้อออนไลน์กับ Klook ซึ่งก็ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว ทุกครั้งที่เราไปต่างประเทศตั๋วรถไฟ การเดินทางต่างๆ เราไว้ใจ Klook มาอันดับ 1 เลย สะดวกแถมได้ Creditเงินคืนเพื่อเอามาเป็นส่วนลดในครั้งต่อไปได้ด้วย บางอย่างซื้อมาก็สามารถใช้แบบตั๋ว E-ticket ได้เลยไม่ต้องไปแลกให้เสียเวลา ในส่วนของ EUrail Global Pass ที่เราสั่งเป็นแบบ Flexible 7Days เราทำการสั่งซื้อกับ Klook ส่งมาทาง Airmail เร็วมากใช้เวลาไม่ถึง 3 วันเมล์มาส่งถึงบ้านเลยที่สำคัญส่งฟรีนะครับ ราคาลองเช็คใน App ได้เลย
หาข้อมูลรถไฟได้จากไหน?
แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าขบวนไหนเราขึ้นได้-ขึ้นไม่ได้ แนะนำให้ Download App EUrail planner มาใช้ App สามารถดูได้เลยว่า ขึ้นจากต้นทาง-ไปปลายทาง มีขบวนไหนบ้าง เวลาเท่าไหร่ ใช้เวลาเดินทางกี่ชม. เปลี่ยนขบวนที่ไหน มีครบหมดไม่ยาก Search ดูถ้าใน App มีรายละเอียดของขบวนรถโชว์ก็สามารถใช้ EUrail Global Pass ขึ้นได้เลย
อันนี้เป็นตัวอย่าง
เราจะเดินทางจาก Zurich-Innsbruck บอกรอบ บอกเวลา บอกสถานีที่หยุดจอด เวลาจะถึงต่างๆ เป๊ะมาก บอกเลย
*จะบอกกทริคเล็กน้อยในการขึ้นรถไฟในยุโรปเพื่อไม่ให้งง อย่าไปโฟกัสที่ปลายทางของเรา ให้ดูที่เลขขบวนและเวลาออกเป็นตัวหลัก
อย่างในรูปเราจะไปลงที่ Innsbruck แต่ขบวนที่เราจะขึ้นนั้นปลายทางอยู่ที่ Graz HBF แต่ใช้เลขขบวนเดียวกันคือ EC163 เพราะปลายทางที่เราจะไปก็คือสถานีนี่รถไฟแวะจอดเท่านั้น ให้เราดูเลขขบวนและเวลาออกให้ดี ขนาดเราขึ้นมาเป็น 10 ขบวนยังมีหลงบ้าง
การใช้งานของ EUrail Pass
หน้าตาของตั๋วก็จะประมาณนี้ ห้ามทำหายเด็ดขาด อย่าให้ขาด อย่าให้เปียก ไม่สามารถ re-print หรือขอใหม่ได้ ใช้ตลอดทั้งทริปพยายามเก็บไว้ดีดี
การเริ่มใช้งานก็ง่ายมาก พอเราได้ตั๋วมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็เขียนข้อมูลส่วนตัวเราลงไปในตั๋วได้เลยมาดูทีล่ะข้อกัน
1. ช่องให้เขียนวันที่เริ่มใช้งาน
- ช่องบนเขียนวันที่เริ่มต้นใช้ตั๋วขึ้นรถไฟ
- ช่องล่างคือวันสุดท้ายที่สามารถใช้ได้ แต่ละตั๋วจะมีรายละเอียดบอกว่าตั๋วมีอายุกี่เดือนนับจากเริ่มใช้งาน
หรือถ้าไม่ทราบจริงๆก็ให้พนักงานเข้าเช็คให้อีกทีได้เลยไม่ยาก
2. รายละเอียดของวันที่ในการเดินทาง *เฉพาะแบบ Flexible
- ถ้าเป็นตั๋วแบบ Consecutive จะมีการพิมพ์วันเดินทางมาให้อยู่แล้ว จะเรียงตั้งแต่วันที่เรากำหนดใช้ตั๋ว
- ถ้าเป็นแบบ Flexible เราจะสามารถกำหนดวันที่เราจะใช้ได้เองตามสบาย ไม่ต้องเรียงกันก็ได้ เราว่ามันสะดวกในการแพลนทริปมากเลย
3. ชื่อ และ หมายเลขหนังสือเดินทาง
- ชื่อจะมีการพิมพ์ใส่ให้มาอยู่แล้ว ตอนจองตั๋วต้องเช็คให้ดี ให้ถูกต้องตามชื่อใน passport
- หมายเลขหนังสือเดินทางเราเป็นคนเขียนเอง
4. ประทับตราเพื่อเริ่มใช้งาน
- ตั๋วจะสามารถใช้ได้แบบถูกต้องคือต้องมีการประทับตราว่าได้รับการเปิดใช้งานแล้ว โดยสามารถไปทำที่สถานีรถไฟได้ทุกที่
ยื่นตั๋วพร้อมกับพาสปอร์ท แจ้งพนักงานให้ validate ตั๋วให้ได้เลย
ท่านี้เราก็สามารถใช้ EUrail Pass ได้แล้ว
ต่อไปเป็นการเขียน Travel Itinerary
เป็นการคอนเฟิร์มว่าเราเดินทางจากไหนไปถึงไหน วัน-เวลาเมื่อไหร่ ใช้การเดินทางประเภทอะไร แล้วผู้ตรวจตั๋วก็จะทำการเช็คและสแตมป์อนุญาต
- ในแบบตัวอย่าง
เราเดินทาง วันที่ 1 Apr
รถขบวน 08:40 from Zurich-Innsbruck by Train
การจองที่นั่ง ( Seat Reservation )
ทำไมต้องจองที่นั่ง ใช่อยู่ว่าบางประเทศนั้นไม่ต้องจองที่นั่งบนรถไฟ ( สวิส ออสเตรีย เป็นต้น ) เป็นแบบ First come first serve ใครมาก่อนก็หาที่นั่งตามใจได้เลยมีที่ว่างค่อนข้างมาก
แต่เราเจอกับตัวมาแล้วว่าตอนขากลับจาก Zermatt-Zurich ตอนเย็นวันอาทิตย์รถไฟเต็ม เต็มชนิดที่ว่าต้องยืนหรือนั่งตรงบันไดเนื่องจากคนเขาออกไป Day trip กันค่อนข้างมากทำให้ต้องยืนรอที่นั่งเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ถ้าวันนั้นเราจองที่นั่งไปบนขบวนนั้น จะมีเจ้าหน้าที่เอาชื่อของเราไปติดไว้บนหัวที่นั่งเพื่อให้ผู้โดยสารคนอื่นทราบว่าที่นั่งนี้มีคนจองไม่สามารถนั่งได้ พอเราขึ้นไปบนขบวนแค่เดินไปยังที่นั่งโชว์บัตร EUrail Pass และใบจองก็เป็นอันที่เรียบร้อย
แต่จะมีบางประเทศที่คุณต้องจองที่นั่งทุกครั้งในการเดินทางรถไฟ นั้นคืออิตาลี ถ้าหากลืมจองที่นั่งแล้วคิดว่าค่อนไปจองหรือไม่โดนตรวจหรอก อย่าเสี่ยงเลยเราขอบอกตรงนี้ อิตาลีตรวจเข้มมากแทบจะทุกครั้งในการขึ้นรถไฟของเรา พี่เราโดนมาแล้วไม่จองที่นั่งไปก่อน โดนไป 28€ ( ค่าจองที่นั่ง 10€/ค่าจองตู้ขบวนอีก 10€/ค่าปรับอีก 8€ ) จุกไปเลย ฉะนั้นก่อนจะไปขึ้นรถไฟที่อิตาลีเพื่อเวลาก่อนหน้าซัก 20นาทีไปที่ตู้พนักงานขายตั๋ว *กดบัตรคิว แล้วก็แจ้งเจ้าหน้าที่เลยว่าขอจองที่นั่ง บอกปลายทางและเวลาขบวนที่เราต้องการพร้อมกับ EUrail Pass+พาสปอร์ท ค่าเสียหายรอบล่ะ 10€ ครับ เขาก็จะให้เป็นสลิปแบบในรูปมาเอาไปขึ้นรถได้เลย นั่งให้ถูกตู้ ถูกที่นั่งนะครับ
Last but not least
สุดท้ายเมื่อจบทริปแล้วตัวตั๋วอย่าทิ้งไปนะ เขาจะให้เราเขียนชื่อ-ที่อยู่ แล้วส่งกลับคืน EUrail Pass เขาจะเหมือนเก็บข้อมูลแล้วก็จะส่งคืนมาให้เราเป็นเหมือนของที่ระลึกภายหลังนะ
ก็หวังว่าเรื่องราวการใช้ EUrail Global Pass ของเราจะมีประโยชน์กับทุกคนที่กำลังหาข้อมูลอยู่ไม่มากก็น้อย บางทีภาษาเขียนเราอาจะ งงๆ ก็อย่าว่ากันนะมือใหม่หัดทำ Blog มีข้อสงสัยอะไร เม้นคำถามไว้ที่คอมเมนท์ได้เลยเราจะมาตอบให้นะเพื่อมีบางอย่างเราไม่ได้อธิบายไว้ สุดท้ายนี้ฝากเพจเราด้วยนะ กดไลค์กดแชร์กันเยอะๆนะครับ #PBxTrip
[CR] รีวิว EUrail Pass ( ตั๋วรถไฟ EUrail Global Pass )
EUrail Pass ( ตั๋วรถไฟEUrail Global Pass )
ติดตามเพจเราได้อีก 1 ช่องทางนะครับ https://www.facebook.com/pbxtrip
Topic แรกนี้เราขอแชร์ประสบการณ์ ใช้ตั๋ว EUrail Global Pass ทริคการใช้ตั๋วรถไฟในการเดินทางทริปยุโรปว่า ซื้อจากไหน วางแพลงยังไง เริ่มใช้แบบไหน ใช้ได้กับอะไรบ้าง จองที่นั่งยังไง แล้วต้องทำอย่างไร
ขอบอกแพลนในทริปก่อนนะว่าเราไป 3 ประเทศ 1. สวิสเซอร์แลนด์ 🇨🇭 2. ออสเตรีย 🇦🇹 3. อิตาลี 🇮🇹 ทั้งหมด 12 วัน *เราขอแยก Swiss Pass ไปเป็นอีก Topic นะตามคำเรียกร้องอีกที
Plan trip
( Zurich-Luzern-Bern-Zurich-Zermatt-Zurich-Innsbruck-Salzburg-Hallstatt-Salzburg-Venice-Milan-Como-Milan-Rome-Florence-Rome-Milan ) จุกมาก
แพลนขอเราจะดูเหมือนแน่นมาก แต่เอาจริงๆแล้วสบายมากเราใช้ทริคแบบ 2 1 2 1 คือจะพัก 2 คืนสลับกับ 1 คืนตามเมืองต่างๆจะได้ไม่เหนื่อยแล้วอีกอย่างแต่ละเมืองก็ห่างกันมากใช้เวลาเดินทางไม่นาน มีเวลาให้ชิลกาแฟ ตื่นสายได้ไม่ต้องรีบมากเพราะโรงแรมแต่ละที่เราก็จองเดินทางสะดวก ใกล้ Train Station ส่วนสถานที่ก็เน้นไป 1Day trip ( Matterhorn/Hallstatt/Como/Florence )
เราสั่งซื้อออนไลน์กับ Klook ซึ่งก็ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว ทุกครั้งที่เราไปต่างประเทศตั๋วรถไฟ การเดินทางต่างๆ เราไว้ใจ Klook มาอันดับ 1 เลย สะดวกแถมได้ Creditเงินคืนเพื่อเอามาเป็นส่วนลดในครั้งต่อไปได้ด้วย บางอย่างซื้อมาก็สามารถใช้แบบตั๋ว E-ticket ได้เลยไม่ต้องไปแลกให้เสียเวลา ในส่วนของ EUrail Global Pass ที่เราสั่งเป็นแบบ Flexible 7Days เราทำการสั่งซื้อกับ Klook ส่งมาทาง Airmail เร็วมากใช้เวลาไม่ถึง 3 วันเมล์มาส่งถึงบ้านเลยที่สำคัญส่งฟรีนะครับ ราคาลองเช็คใน App ได้เลย
แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าขบวนไหนเราขึ้นได้-ขึ้นไม่ได้ แนะนำให้ Download App EUrail planner มาใช้ App สามารถดูได้เลยว่า ขึ้นจากต้นทาง-ไปปลายทาง มีขบวนไหนบ้าง เวลาเท่าไหร่ ใช้เวลาเดินทางกี่ชม. เปลี่ยนขบวนที่ไหน มีครบหมดไม่ยาก Search ดูถ้าใน App มีรายละเอียดของขบวนรถโชว์ก็สามารถใช้ EUrail Global Pass ขึ้นได้เลย
เราจะเดินทางจาก Zurich-Innsbruck บอกรอบ บอกเวลา บอกสถานีที่หยุดจอด เวลาจะถึงต่างๆ เป๊ะมาก บอกเลย
*จะบอกกทริคเล็กน้อยในการขึ้นรถไฟในยุโรปเพื่อไม่ให้งง อย่าไปโฟกัสที่ปลายทางของเรา ให้ดูที่เลขขบวนและเวลาออกเป็นตัวหลัก
อย่างในรูปเราจะไปลงที่ Innsbruck แต่ขบวนที่เราจะขึ้นนั้นปลายทางอยู่ที่ Graz HBF แต่ใช้เลขขบวนเดียวกันคือ EC163 เพราะปลายทางที่เราจะไปก็คือสถานีนี่รถไฟแวะจอดเท่านั้น ให้เราดูเลขขบวนและเวลาออกให้ดี ขนาดเราขึ้นมาเป็น 10 ขบวนยังมีหลงบ้าง
หน้าตาของตั๋วก็จะประมาณนี้ ห้ามทำหายเด็ดขาด อย่าให้ขาด อย่าให้เปียก ไม่สามารถ re-print หรือขอใหม่ได้ ใช้ตลอดทั้งทริปพยายามเก็บไว้ดีดี
การเริ่มใช้งานก็ง่ายมาก พอเราได้ตั๋วมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็เขียนข้อมูลส่วนตัวเราลงไปในตั๋วได้เลยมาดูทีล่ะข้อกัน
1. ช่องให้เขียนวันที่เริ่มใช้งาน
- ช่องบนเขียนวันที่เริ่มต้นใช้ตั๋วขึ้นรถไฟ
- ช่องล่างคือวันสุดท้ายที่สามารถใช้ได้ แต่ละตั๋วจะมีรายละเอียดบอกว่าตั๋วมีอายุกี่เดือนนับจากเริ่มใช้งาน
หรือถ้าไม่ทราบจริงๆก็ให้พนักงานเข้าเช็คให้อีกทีได้เลยไม่ยาก
2. รายละเอียดของวันที่ในการเดินทาง *เฉพาะแบบ Flexible
- ถ้าเป็นตั๋วแบบ Consecutive จะมีการพิมพ์วันเดินทางมาให้อยู่แล้ว จะเรียงตั้งแต่วันที่เรากำหนดใช้ตั๋ว
- ถ้าเป็นแบบ Flexible เราจะสามารถกำหนดวันที่เราจะใช้ได้เองตามสบาย ไม่ต้องเรียงกันก็ได้ เราว่ามันสะดวกในการแพลนทริปมากเลย
3. ชื่อ และ หมายเลขหนังสือเดินทาง
- ชื่อจะมีการพิมพ์ใส่ให้มาอยู่แล้ว ตอนจองตั๋วต้องเช็คให้ดี ให้ถูกต้องตามชื่อใน passport
- หมายเลขหนังสือเดินทางเราเป็นคนเขียนเอง
4. ประทับตราเพื่อเริ่มใช้งาน
- ตั๋วจะสามารถใช้ได้แบบถูกต้องคือต้องมีการประทับตราว่าได้รับการเปิดใช้งานแล้ว โดยสามารถไปทำที่สถานีรถไฟได้ทุกที่
ยื่นตั๋วพร้อมกับพาสปอร์ท แจ้งพนักงานให้ validate ตั๋วให้ได้เลย
ท่านี้เราก็สามารถใช้ EUrail Pass ได้แล้ว
เป็นการคอนเฟิร์มว่าเราเดินทางจากไหนไปถึงไหน วัน-เวลาเมื่อไหร่ ใช้การเดินทางประเภทอะไร แล้วผู้ตรวจตั๋วก็จะทำการเช็คและสแตมป์อนุญาต
- ในแบบตัวอย่าง
เราเดินทาง วันที่ 1 Apr
รถขบวน 08:40 from Zurich-Innsbruck by Train
ทำไมต้องจองที่นั่ง ใช่อยู่ว่าบางประเทศนั้นไม่ต้องจองที่นั่งบนรถไฟ ( สวิส ออสเตรีย เป็นต้น ) เป็นแบบ First come first serve ใครมาก่อนก็หาที่นั่งตามใจได้เลยมีที่ว่างค่อนข้างมาก
แต่เราเจอกับตัวมาแล้วว่าตอนขากลับจาก Zermatt-Zurich ตอนเย็นวันอาทิตย์รถไฟเต็ม เต็มชนิดที่ว่าต้องยืนหรือนั่งตรงบันไดเนื่องจากคนเขาออกไป Day trip กันค่อนข้างมากทำให้ต้องยืนรอที่นั่งเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ถ้าวันนั้นเราจองที่นั่งไปบนขบวนนั้น จะมีเจ้าหน้าที่เอาชื่อของเราไปติดไว้บนหัวที่นั่งเพื่อให้ผู้โดยสารคนอื่นทราบว่าที่นั่งนี้มีคนจองไม่สามารถนั่งได้ พอเราขึ้นไปบนขบวนแค่เดินไปยังที่นั่งโชว์บัตร EUrail Pass และใบจองก็เป็นอันที่เรียบร้อย
แต่จะมีบางประเทศที่คุณต้องจองที่นั่งทุกครั้งในการเดินทางรถไฟ นั้นคืออิตาลี ถ้าหากลืมจองที่นั่งแล้วคิดว่าค่อนไปจองหรือไม่โดนตรวจหรอก อย่าเสี่ยงเลยเราขอบอกตรงนี้ อิตาลีตรวจเข้มมากแทบจะทุกครั้งในการขึ้นรถไฟของเรา พี่เราโดนมาแล้วไม่จองที่นั่งไปก่อน โดนไป 28€ ( ค่าจองที่นั่ง 10€/ค่าจองตู้ขบวนอีก 10€/ค่าปรับอีก 8€ ) จุกไปเลย ฉะนั้นก่อนจะไปขึ้นรถไฟที่อิตาลีเพื่อเวลาก่อนหน้าซัก 20นาทีไปที่ตู้พนักงานขายตั๋ว *กดบัตรคิว แล้วก็แจ้งเจ้าหน้าที่เลยว่าขอจองที่นั่ง บอกปลายทางและเวลาขบวนที่เราต้องการพร้อมกับ EUrail Pass+พาสปอร์ท ค่าเสียหายรอบล่ะ 10€ ครับ เขาก็จะให้เป็นสลิปแบบในรูปมาเอาไปขึ้นรถได้เลย นั่งให้ถูกตู้ ถูกที่นั่งนะครับ
สุดท้ายเมื่อจบทริปแล้วตัวตั๋วอย่าทิ้งไปนะ เขาจะให้เราเขียนชื่อ-ที่อยู่ แล้วส่งกลับคืน EUrail Pass เขาจะเหมือนเก็บข้อมูลแล้วก็จะส่งคืนมาให้เราเป็นเหมือนของที่ระลึกภายหลังนะ
ก็หวังว่าเรื่องราวการใช้ EUrail Global Pass ของเราจะมีประโยชน์กับทุกคนที่กำลังหาข้อมูลอยู่ไม่มากก็น้อย บางทีภาษาเขียนเราอาจะ งงๆ ก็อย่าว่ากันนะมือใหม่หัดทำ Blog มีข้อสงสัยอะไร เม้นคำถามไว้ที่คอมเมนท์ได้เลยเราจะมาตอบให้นะเพื่อมีบางอย่างเราไม่ได้อธิบายไว้ สุดท้ายนี้ฝากเพจเราด้วยนะ กดไลค์กดแชร์กันเยอะๆนะครับ #PBxTrip
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้