รีวิว อิตาลีเที่ยวเอง เม.ย. 2568
โปรแกรมเที่ยว 12 วัน 9 คืน โดยเริ่มจากกรุงเทพ-ดูไบ-มิลาน-โบโลญา-ฟลอเรนซ์-ซอเรนโต้-เกาะคาปรี-โรม-ดูไบ-กรุงเทพ ไปช่วงสงกรานต์ 2568 เราขอแบ่งปันประสบการณ์แบบแยกเป็นเรื่องๆไปนะ ไม่เน้นบรรยายเรื่องเที่ยวเพราะข้อมูลในเน็ตมีเยอะอยู่แล้ว เอาเรื่องที่คิดว่าน่าจะเป็นประเด็นที่สำคัญในการใช้ชีวิตดีกว่า
ที่พัก
ค่าโรงแรมในยุโรปราคาค่อนข้างสูง ถ้าเป็นพวก B&B (Bed & Breakfast)จะราคาถูกกว่า แต่เลือกให้ดีนะ ถ้ามีคำว่า B&B นำหน้า มีอาหารเช้าให้ มีคนต้อนรับเราอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่มีคำว่า B&B ก็มักจะไม่มีอาหารเช้าให้ และอาจไม่เจอใครเทคแคร์เราเลย ตอนไปมิลาน เจ้าของส่งคลิปการเข้าพักมาให้ดู ที่เหลือเราต้องทำเองหมด มีปัญหาอะไรก็ต้องแก้เอง มีลิฟต์แต่ไม่ให้กุญแจใช้ลิฟต์ ต้องแบกกระเป๋าขึ้นบันไดเอง ประตูห้องก็ฝืดเปิดยากมาก ถือว่าบริการเลวสุดๆ แต่ตอนมาโรม ยังมีคนมาเปิดประตูพาไปดูห้อง แนะนำอะไรให้บ้าง จากนั้นไม่เจอกันอีกเลย ข้อสำคัญ ถ้าเลือกพักแบบนี้ให้เช็คทางเข้าที่พักให้ดีเพราะจะเป็นอพาร์ตเมนท์ปล่อยเช่า ไม่มีป้ายชื่อที่พักใหญ่ๆให้เห็นอย่างเด่นชัด ต้องดูภาพหน้าตาประตูและที่อยู่เอาไว้ล่วงหน้า พอไปถึงให้ดูป้ายชื่อห้องตรงหน้าประตูอีกทีแล้วกดออดเรียก อีกอย่างเราเจอที่พักชื่อเดียวกันแต่อยู่คนละเมือง ยกเลิกเกือบไม่ทัน เช็คให้ดี
ตั๋วเดินทางภายในเมือง
แต่ละเมืองจะมีตั๋วเดินทางที่ร้านขายยาสูบ Tabacchiหรือไม่ก็ร้านขายของชำ โดยรวมตั๋วมี 3แบบ รายเที่ยว (ครั้งเดียวเท่านั้น)หรือแบบราย 75/90นาที แล้วแต่เมือง ใช้กี่ครั้งก็ได้ในเวลาที่กำหนด หรือแบบราย 24ชั่วโมง ขึ้นรถบัส รถราง รถไฟใต้ดิน(ถ้ามี)ข้อสำคัญเวลาใช้บริการต้อง validateตั๋วก่อนเสมอ เพื่อแสดงเวลาเริ่มต้นใช้บริการ ถ้ารถบัส รถราง เครื่องอยู่บนรถ ก็แหย่ตั๋วเข้าช่องให้ตอกเวลาลงไป ถ้าลืมระวังเจอเจ้าหน้าที่มาตรวจแล้วโดนปรับ ตอนไปปิซ่า เจอกลุ่มคนไทย ไม่ได้ซื้อตั๋วแบบเรา แต่ใช้บัตรtravel cardแตะจ่ายค่ารถแทน (บนรถมีเครื่องให้แตะบัตร visa, master card)แต่ตอนเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋ว (ซึ่งขึ้นมาบ่อยมาก)พบว่าบัตรใบนั้นยังไม่ได้ชำระค่าโดยสาร ก็เลยเห็นคุยกันอยู่นาน ไม่รู้โดนปรับไหม และอีกที ตอนขึ้นรถไฟมีวัยรุ่นจีนไม่ได้ validateตั๋ว โดนปรับเลย รถไฟจะมีเครื่อง validateตั๋วตรงชานชลานะ ไม่มีบนรถไฟ
รถไฟเดินทางระหว่างเมือง
ถ้าซื้อตั๋วล่วงหน้าผ่าน App.ต่างๆ App.เหล่านั้นจะสร้าง QR code ตั๋วให้เราอัตโนมัติ ไม่ต้อง validate ก่อนขึ้นรถไฟ แต่ถ้าไปซื้อตั๋วผ่านตู้ขายตั๋วที่สถานี จะต้อง validateก่อนขึ้นรถไฟนะ การตรวจตั๋ว ตอนขึ้นจะไม่มีใครมาตรวจตั๋วเราเลย ต้องให้รถไฟออกไปสักพักใหญ่แล้วจะเริ่มมีจนท.มาตรวจ บนรถไฟควรวางของไว้ให้ตรงตำแหน่งที่นั่งเรา คนฝรั่งเขาหวงสิทธิ์ส่วนตัวมาก ถ้าเราไปวางตรงตำแหน่งเขาๆจะมาบอกให้เราขยับออกไป เวลาขึ้นรถไฟที่วางกระเป๋าอาจไม่พอเพราะคนก่อนหน้าวางชุ่ยๆไว้ก่อน ก็วางทับมันไปเลยค่ะ ไม่อยากไปจัดระเบียบกระเป๋าใหม่เดี๋ยวจะหาว่าเราไปยุ่งกับของส่วนตัว บางขบวนจะมีที่เก็บกระเป๋าไว้ตรงช่องว่างระหว่างที่นั่งนะ ดูให้ดี กระเป๋าเดินทางขนาดกลางจะหาที่วางง่ายกว่าไซส์ใหญ่ รถไฟระหว่างเมืองจะมีห้องน้ำให้ เวลาซื้อตั๋วรถไฟจากตู้ขายตั๋วที่โรม อย่าเงอะงะนะ ไม่งั้นจะมีคนเข้ามาช่วย ยังไงก็ระวังตัวไว้ด้วย
รถไฟชานเมือง
เวลาไปเมืองเล็กๆ เช่น ปิซ่า หรือปอมเปอี เราต้องใช้รถไฟชานเมือง ซึ่งจะเป็นตั๋วเปิดไม่มีเลขที่นั่ง แปลว่าตามสบายหากันเอาเอง ส่วนใหญ่ก็ได้ยืน แต่ถ้าไปซื้อตั๋วที่สถานี ตั๋วที่ได้จะเป็นภาษาอิตาลี อ่านไม่รู้เรื่อง ไม่บอกข้อมูลอะไรเลย ไม่รู้ว่าออกกี่โมง ชานชลาไหน ก็ต้องถามจนท.รถไฟเอา ก็สังเกตุเอานะถ้าเมืองท่องเที่ยวจะมีคนรอขึ้นรถไฟเยอะก็ชานชลานั้นแหละ รถไฟชานเมืองไม่มีห้องน้ำให้
รถบัส Sita Busที่เมือง Sorrento
เป็นรถบัสที่วิ่งไป Positano , Amalfiและจุดอื่นตามแนวชายฝั่ง Amalfiตั๋วมีแบบรายเที่ยว 2.4ยูโร และแบบเหมา 24ชม. 10ยูโร เราไปซื้อแบบเหมาซึ่งไม่คุ้ม ซื้อตั๋วที่ร้านขายยาสูบ คงเป็นเพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง น้องแกยัดให้ซื้อแบบเหมามาเลย ซึ่งมารู้ทีหลังจากคนชาติอื่นว่า ซื้อรายเที่ยวก็ได้ รอขึ้นรถบัสชั่วโมงกว่า ขึ้นแล้วไม่มีที่นั่งด้วยนะ ได้ตั๋วยืน และไปถึง Positanoแล้ว ต้องเดินลัดเลาะลงเขาไปเมืองอีก ซึ่งถ้าจะให้ตะกายขึ้นมาเพื่อนั่งบัสอีกที เราก็ไม่ไหวละ ก็เลยตีตั๋วเรือกลับ Sorrentoเลย ไม่ไป Amalfiค่าเรือจะแพงพอควร แต่เร็วและสะดวก ไม่ต้องรอนานเหมือนรถบัส แต่เราคิดว่าถ้าไม่รีบนักขากลับรถบัสก็น่าจะได้อยู่นะ เพราะคนเลือกกลับเรือแทนไปเยอะแล้ว …. 555
จากโรมไปสนามบิน
ที่สถานีรถไฟ Roma Terminiเป็นสถานีขนส่งหลัก มีทั้งรถบัสและรถไฟตรงไปที่สนามบิน Fiumicinoรถไฟมี 2แบบ แบบแพงคือ 32 นาทีวิ่งรวดเดียวถึง รถออกทุก 15นาที แบบถูกคือ 51นาทีมีแวะเปลี่ยนขบวน 1จุด และก็มีรถบัสวิ่งตรงสนามบินใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมง เราซื้อแบบแพง ตั๋วรถไฟที่ซื้อจากตู้จะระบุแค่วันที่ ไม่ระบุเวลา/ที่นั่ง อยากไปตอนไหนก็ไปยืนรอเลยขอแค่ให้ตรงวัน ขึ้นไปหาที่นั่งกันตามใจชอบ อย่าลืมตอกเวลาตั๋วก่อนขึ้นรถไฟด้วยนะ รถไฟไปสนามบินจะกำหนดชานชลาจอดเป็น ชานชลาที่ 24 ริมสุด
ที่โรมใช้บริการ Hop on Hop off ช่วยทุ่นแรงได้ ได้ชมวิวเมือง ได้เดินทางด้วย จุดขายตั๋วมีเต็มไปหมด มีรถแดง ชมพู เขียว เลือกราคาตามใจชอบ โดยรวมก็จอดที่เดียวกัน อาจต่างกันที่เส้นทาง จุดจอดไม่เท่ากัน มันเป็นตั๋ว 24 ชม. รถจะหยุดวิ่งตอน 20.00 น. รอบสุดท้ายล้อหมุน 17.45 น. จุดเริ่มต้นเดินทางจุดที่ 1 อยู่ที่สถานี Roma Termini ด้านข้างสถานี มีป้ายจอดรถปักไว้อยู่
อาหารการกิน
ร้านที่ขายอาหารตามที่ต่างๆ ถ้า take awayจะไม่มีค่าบริการ ถ้าเลือกนั่งกินที่ร้านก็จะคิดเป็นรายหัว 2-4 ยูโรต่อคน
อาหารที่ราคาถูกสุดที่เจอคือ Mcdonaldคนเยอะมาก ซอสต่างๆไม่มีฟรีนะ ต้องซื้อ ร้านอาหารที่นี่แม้เขาคิดค่าบริการรายหัวไปแล้วนั้น เขาจะระบุในบิลว่า **ไม่รวมค่าทิป**นั่นก็แล้วแต่เราแล้วหล่ะว่าให้ทิปไหม ที่เจอมาเราไม่ให้ ดูท่าทางเขาผิดหวังนะ มีที่นึงเราให้ 5%เขาไม่ยิ้มและไม่มีขอบคุณใดๆ แต่บางที่เด็กบริการดีจริงๆ เราให้ เด็กยิ้มกว้างเดินมาเช็คแฮนต์เลย
ห้องน้ำ
มาตรฐานคนละ 1ยูโร แต่ที่สถานทีรถไฟนาโปลี คนละ 1.2ยูโร แต่ที่ซอเรนโต้คนละ 0.5ยูโร ถ้าจะกินอาหารที่ร้านอยู่แล้วก็ไปรอเข้าฟรีที่ร้านอาหารแทน
น้ำดื่ม
ที่อิตาลีน้ำก๊อกดื่มได้ แวะห้องน้ำที่ไหนก็รินใส่ขวดเลยจะได้ไม่เสียค่าน้ำ ค่าน้ำขนาด 500 cc.ขวดละ 1-2ยูโรแล้วแต่พื้นที่ แต่ถ้ากินที่ร้านอาหาร จะเป็นขวดแก้วราคาก็ 3ยูโรขึ้นไปแล้วแต่ร้าน
ความปลอดภัย
เราโดนมา 2เรื่อง
1. โดนล้วงกระเป๋าที่สถานีรถไฟโรมนะ กระเป๋าคาดเอวก็ไม่รอด เงินสด 320 ยูโรกับบัตรเครดิต 2 ใบ หายจ้อย โจรมันทำงานเป็นทีม ทำงานกันตอนเบียดเสียดกันขึ้นรถไฟ เราเองก็วุ่นวายกับกระเป๋าเดินทาง พลัดหลงกับแฟน จังหวะนรกมาเลย รู้ตัวอีกทีตอนถึงที่พักแล้ว ยังไงระวังให้มากๆ เงินควรแบ่งที่เก็บ ส่วนที่ใช้จ่ายประจำวันก็แบ่งออกมาคาดไว้ที่อกและใส่เสื้อคลุมปิดซิบอีกทีไปเลย ดีว่าพาสปอร์ตกับมือถือยังอยู่ ใครที่ทำประกันเดินทางเอาไว้และครอบคลุมกรณีนี้ ขอเคลมได้นะ แต่เราไปอ่านเงื่อนไขแล้ว ต้องโดนจี้ โดนปล้น แบบนั้นเลย และต้องแจ้งความภายใน 24 ชม.ถึงจะเข้าข่ายขอเคลมซึ่งได้คืนมา 3000 บาท ที่สนามบินโรม มีออฟฟิสตำรวจที่ Terminal 3เราไปแจ้งที่นั่น ซึ่งมันเกิน 24 ชม.มาแล้วก็เลยไม่ยื่นขอเคลม
2. ที่โบโลญญา เจอพนักงานขายกาแฟอมเงิน เราให้แบงค์ 20 ไปเพราะอยากได้เศษตังค์มาใช้ ปรากฎว่านางทอนเงินเหมือนเราให้แบงค์ 10ไป อันนี้เราจำแม่นเพราะตั้งใจให้แบงค์ 20เรายืนกรานไป นางก็ตีหน้าเฉยตอบว่าเราให้แบงค์ 10แล้วนางก็ยักไหล่ทำงานต่อ ยังไงถ้าไม่อยากเจอแบบนี้ ก็ให้ทวนคำพูดตอนยื่นแบงค์ให้นะ ว่าเราให้แบงค์อะไรให้คุณ (จะได้ไม่มามั่ว)
อื่นๆ
* การใช้ Googleนำทาง บางทีระบบนำทางก็เพี๊ยน ยังไงควรทำการบ้านเรื่องการเดินทางไปก่อนบ้างจะดีกว่า ไม่งั้นจะเจอแบบเรา คือบอกให้ขึ้นรถบัส ขึ้นแล้วดันมาเปลี่ยนให้เดินทางอีกแบบนึง ซึ่งมันนั่งมาแล้วจะเปลี่ยนยังไง เอาไปเอามาต้องลงเดินซึ่งทำให้เสียเวลาและเหนื่อยเกินจำเป็น
ที่เที่ยวกรุงวาติกัน กับโคลอสเซียม ช่วงเช้าคนจะเยอะมาก ต้องรอคิวเข้านาน ถ้าเลือกเป็นช่วงบ่าย-เย็นคิวจะน้อยกว่า ถ้าซื้อตั๋วเข้าโคลอสเซียมล่วงหน้าไปแล้ว อย่าเลทนะ เพราะเขาจะไม่ให้เข้า
* ที่ Positanoได้กิน Lemon Sorbet เป็นไอติมที่อยู่ในผลเลมอน อร่อยมากกกก
* เกาะคาปรีมีเที่ยวเรือไปกลับหลายเที่ยวต่อวัน ซื้อตั๋วได้ที่ท่าเรือ Sorrentoราคาต่อวัน ไป-กลับ 47ยูโร/คน ราคามาตรฐานไม่ต้องไปเสาะหาราคาถูกกว่าให้เสียเวลานะจ๊ะ ขากลับ ดูเที่ยวเรือที่จะกลับที่จอมอนิเตอร์ท่าเรือว่าไปขึ้นเรือที่ Gateไหน ถ้าใกล้เวลาแล้วแต่จอไม่ขึ้นเลข Gateอย่านิ่งเฉยนะ ให้ไปถามที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วยี่ห้อเรือที่เรานั่งมา ไม่ก็เดินเข้าไปทางขึ้นเรือ Gate 1-12 เลย เพราะเป็นช่องจอดเรือโดยสารลำใหญ่ ไล่ดูชื่อเรือยี่ห้อที่ตรงกับตั๋วเรา ถามจนท.เอาว่าใช่รอบของเราไหม ตอนเราไปเราเลือกซื้อแพคเกจตั๋วเรือไป-กลับ พร้อมทัวร์นั่งเรือรอบเกาะคาปรี 1ชม.คิดคนละ 65ยูโร พอเอาเข้าจริงเจอปัญหาว่าไม่มี bookingที่เป็นชื่อเรา เจรจาอยู่นานสุดท้ายก็ให้ขึ้นเรือ เราแนะนำว่าซื้อแต่ตั๋วเรือไปกลับก็พอ ไปถึงคาปรีค่อยไปเลือกซื้อโปรแกรมเที่ยวอีกทีก็ได้ อาจแพงกว่านิดนึงแต่น่าจะชัวร์กว่า ถ้าไปหลายคน แนะนำให้ลองนั่งแท๊กซี่เปิดประทุนนะ มันได้ฟีลเวลาขึ้นลงเขามากๆ บรรยากาศดีสุดๆ ที่คาปรีข้าวของ อาหารการกินก็จะแพงมาก ถ้าไปกินที่ Anacapriราคาจะเบากว่า เดินทางในเกาะคาปรี มีรถบัสนะ เลือกเอาว่าจะไปจุดไหน เช่น Anacapri หรือประภาคาร เป็นต้น
ชื่อสินค้า: มิลาน-โบโลญา-ฟลอเรนซ์-ซอเรนโต้-เกาะคาปรี-โรม เที่ยวเอง แนะนำประเด็นทั่วไป
[CR] ิอิตาลี เที่ยวเอง เม.ย. 2568
โปรแกรมเที่ยว 12 วัน 9 คืน โดยเริ่มจากกรุงเทพ-ดูไบ-มิลาน-โบโลญา-ฟลอเรนซ์-ซอเรนโต้-เกาะคาปรี-โรม-ดูไบ-กรุงเทพ ไปช่วงสงกรานต์ 2568 เราขอแบ่งปันประสบการณ์แบบแยกเป็นเรื่องๆไปนะ ไม่เน้นบรรยายเรื่องเที่ยวเพราะข้อมูลในเน็ตมีเยอะอยู่แล้ว เอาเรื่องที่คิดว่าน่าจะเป็นประเด็นที่สำคัญในการใช้ชีวิตดีกว่า
ที่พัก
ค่าโรงแรมในยุโรปราคาค่อนข้างสูง ถ้าเป็นพวก B&B (Bed & Breakfast)จะราคาถูกกว่า แต่เลือกให้ดีนะ ถ้ามีคำว่า B&B นำหน้า มีอาหารเช้าให้ มีคนต้อนรับเราอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่มีคำว่า B&B ก็มักจะไม่มีอาหารเช้าให้ และอาจไม่เจอใครเทคแคร์เราเลย ตอนไปมิลาน เจ้าของส่งคลิปการเข้าพักมาให้ดู ที่เหลือเราต้องทำเองหมด มีปัญหาอะไรก็ต้องแก้เอง มีลิฟต์แต่ไม่ให้กุญแจใช้ลิฟต์ ต้องแบกกระเป๋าขึ้นบันไดเอง ประตูห้องก็ฝืดเปิดยากมาก ถือว่าบริการเลวสุดๆ แต่ตอนมาโรม ยังมีคนมาเปิดประตูพาไปดูห้อง แนะนำอะไรให้บ้าง จากนั้นไม่เจอกันอีกเลย ข้อสำคัญ ถ้าเลือกพักแบบนี้ให้เช็คทางเข้าที่พักให้ดีเพราะจะเป็นอพาร์ตเมนท์ปล่อยเช่า ไม่มีป้ายชื่อที่พักใหญ่ๆให้เห็นอย่างเด่นชัด ต้องดูภาพหน้าตาประตูและที่อยู่เอาไว้ล่วงหน้า พอไปถึงให้ดูป้ายชื่อห้องตรงหน้าประตูอีกทีแล้วกดออดเรียก อีกอย่างเราเจอที่พักชื่อเดียวกันแต่อยู่คนละเมือง ยกเลิกเกือบไม่ทัน เช็คให้ดี
ตั๋วเดินทางภายในเมือง
แต่ละเมืองจะมีตั๋วเดินทางที่ร้านขายยาสูบ Tabacchiหรือไม่ก็ร้านขายของชำ โดยรวมตั๋วมี 3แบบ รายเที่ยว (ครั้งเดียวเท่านั้น)หรือแบบราย 75/90นาที แล้วแต่เมือง ใช้กี่ครั้งก็ได้ในเวลาที่กำหนด หรือแบบราย 24ชั่วโมง ขึ้นรถบัส รถราง รถไฟใต้ดิน(ถ้ามี)ข้อสำคัญเวลาใช้บริการต้อง validateตั๋วก่อนเสมอ เพื่อแสดงเวลาเริ่มต้นใช้บริการ ถ้ารถบัส รถราง เครื่องอยู่บนรถ ก็แหย่ตั๋วเข้าช่องให้ตอกเวลาลงไป ถ้าลืมระวังเจอเจ้าหน้าที่มาตรวจแล้วโดนปรับ ตอนไปปิซ่า เจอกลุ่มคนไทย ไม่ได้ซื้อตั๋วแบบเรา แต่ใช้บัตรtravel cardแตะจ่ายค่ารถแทน (บนรถมีเครื่องให้แตะบัตร visa, master card)แต่ตอนเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋ว (ซึ่งขึ้นมาบ่อยมาก)พบว่าบัตรใบนั้นยังไม่ได้ชำระค่าโดยสาร ก็เลยเห็นคุยกันอยู่นาน ไม่รู้โดนปรับไหม และอีกที ตอนขึ้นรถไฟมีวัยรุ่นจีนไม่ได้ validateตั๋ว โดนปรับเลย รถไฟจะมีเครื่อง validateตั๋วตรงชานชลานะ ไม่มีบนรถไฟ
รถไฟเดินทางระหว่างเมือง
ถ้าซื้อตั๋วล่วงหน้าผ่าน App.ต่างๆ App.เหล่านั้นจะสร้าง QR code ตั๋วให้เราอัตโนมัติ ไม่ต้อง validate ก่อนขึ้นรถไฟ แต่ถ้าไปซื้อตั๋วผ่านตู้ขายตั๋วที่สถานี จะต้อง validateก่อนขึ้นรถไฟนะ การตรวจตั๋ว ตอนขึ้นจะไม่มีใครมาตรวจตั๋วเราเลย ต้องให้รถไฟออกไปสักพักใหญ่แล้วจะเริ่มมีจนท.มาตรวจ บนรถไฟควรวางของไว้ให้ตรงตำแหน่งที่นั่งเรา คนฝรั่งเขาหวงสิทธิ์ส่วนตัวมาก ถ้าเราไปวางตรงตำแหน่งเขาๆจะมาบอกให้เราขยับออกไป เวลาขึ้นรถไฟที่วางกระเป๋าอาจไม่พอเพราะคนก่อนหน้าวางชุ่ยๆไว้ก่อน ก็วางทับมันไปเลยค่ะ ไม่อยากไปจัดระเบียบกระเป๋าใหม่เดี๋ยวจะหาว่าเราไปยุ่งกับของส่วนตัว บางขบวนจะมีที่เก็บกระเป๋าไว้ตรงช่องว่างระหว่างที่นั่งนะ ดูให้ดี กระเป๋าเดินทางขนาดกลางจะหาที่วางง่ายกว่าไซส์ใหญ่ รถไฟระหว่างเมืองจะมีห้องน้ำให้ เวลาซื้อตั๋วรถไฟจากตู้ขายตั๋วที่โรม อย่าเงอะงะนะ ไม่งั้นจะมีคนเข้ามาช่วย ยังไงก็ระวังตัวไว้ด้วย
รถไฟชานเมือง
เวลาไปเมืองเล็กๆ เช่น ปิซ่า หรือปอมเปอี เราต้องใช้รถไฟชานเมือง ซึ่งจะเป็นตั๋วเปิดไม่มีเลขที่นั่ง แปลว่าตามสบายหากันเอาเอง ส่วนใหญ่ก็ได้ยืน แต่ถ้าไปซื้อตั๋วที่สถานี ตั๋วที่ได้จะเป็นภาษาอิตาลี อ่านไม่รู้เรื่อง ไม่บอกข้อมูลอะไรเลย ไม่รู้ว่าออกกี่โมง ชานชลาไหน ก็ต้องถามจนท.รถไฟเอา ก็สังเกตุเอานะถ้าเมืองท่องเที่ยวจะมีคนรอขึ้นรถไฟเยอะก็ชานชลานั้นแหละ รถไฟชานเมืองไม่มีห้องน้ำให้
รถบัส Sita Busที่เมือง Sorrento
เป็นรถบัสที่วิ่งไป Positano , Amalfiและจุดอื่นตามแนวชายฝั่ง Amalfiตั๋วมีแบบรายเที่ยว 2.4ยูโร และแบบเหมา 24ชม. 10ยูโร เราไปซื้อแบบเหมาซึ่งไม่คุ้ม ซื้อตั๋วที่ร้านขายยาสูบ คงเป็นเพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง น้องแกยัดให้ซื้อแบบเหมามาเลย ซึ่งมารู้ทีหลังจากคนชาติอื่นว่า ซื้อรายเที่ยวก็ได้ รอขึ้นรถบัสชั่วโมงกว่า ขึ้นแล้วไม่มีที่นั่งด้วยนะ ได้ตั๋วยืน และไปถึง Positanoแล้ว ต้องเดินลัดเลาะลงเขาไปเมืองอีก ซึ่งถ้าจะให้ตะกายขึ้นมาเพื่อนั่งบัสอีกที เราก็ไม่ไหวละ ก็เลยตีตั๋วเรือกลับ Sorrentoเลย ไม่ไป Amalfiค่าเรือจะแพงพอควร แต่เร็วและสะดวก ไม่ต้องรอนานเหมือนรถบัส แต่เราคิดว่าถ้าไม่รีบนักขากลับรถบัสก็น่าจะได้อยู่นะ เพราะคนเลือกกลับเรือแทนไปเยอะแล้ว …. 555
จากโรมไปสนามบิน
ที่สถานีรถไฟ Roma Terminiเป็นสถานีขนส่งหลัก มีทั้งรถบัสและรถไฟตรงไปที่สนามบิน Fiumicinoรถไฟมี 2แบบ แบบแพงคือ 32 นาทีวิ่งรวดเดียวถึง รถออกทุก 15นาที แบบถูกคือ 51นาทีมีแวะเปลี่ยนขบวน 1จุด และก็มีรถบัสวิ่งตรงสนามบินใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมง เราซื้อแบบแพง ตั๋วรถไฟที่ซื้อจากตู้จะระบุแค่วันที่ ไม่ระบุเวลา/ที่นั่ง อยากไปตอนไหนก็ไปยืนรอเลยขอแค่ให้ตรงวัน ขึ้นไปหาที่นั่งกันตามใจชอบ อย่าลืมตอกเวลาตั๋วก่อนขึ้นรถไฟด้วยนะ รถไฟไปสนามบินจะกำหนดชานชลาจอดเป็น ชานชลาที่ 24 ริมสุด
ที่โรมใช้บริการ Hop on Hop off ช่วยทุ่นแรงได้ ได้ชมวิวเมือง ได้เดินทางด้วย จุดขายตั๋วมีเต็มไปหมด มีรถแดง ชมพู เขียว เลือกราคาตามใจชอบ โดยรวมก็จอดที่เดียวกัน อาจต่างกันที่เส้นทาง จุดจอดไม่เท่ากัน มันเป็นตั๋ว 24 ชม. รถจะหยุดวิ่งตอน 20.00 น. รอบสุดท้ายล้อหมุน 17.45 น. จุดเริ่มต้นเดินทางจุดที่ 1 อยู่ที่สถานี Roma Termini ด้านข้างสถานี มีป้ายจอดรถปักไว้อยู่
อาหารการกิน
ร้านที่ขายอาหารตามที่ต่างๆ ถ้า take awayจะไม่มีค่าบริการ ถ้าเลือกนั่งกินที่ร้านก็จะคิดเป็นรายหัว 2-4 ยูโรต่อคน
อาหารที่ราคาถูกสุดที่เจอคือ Mcdonaldคนเยอะมาก ซอสต่างๆไม่มีฟรีนะ ต้องซื้อ ร้านอาหารที่นี่แม้เขาคิดค่าบริการรายหัวไปแล้วนั้น เขาจะระบุในบิลว่า **ไม่รวมค่าทิป**นั่นก็แล้วแต่เราแล้วหล่ะว่าให้ทิปไหม ที่เจอมาเราไม่ให้ ดูท่าทางเขาผิดหวังนะ มีที่นึงเราให้ 5%เขาไม่ยิ้มและไม่มีขอบคุณใดๆ แต่บางที่เด็กบริการดีจริงๆ เราให้ เด็กยิ้มกว้างเดินมาเช็คแฮนต์เลย
ห้องน้ำ
มาตรฐานคนละ 1ยูโร แต่ที่สถานทีรถไฟนาโปลี คนละ 1.2ยูโร แต่ที่ซอเรนโต้คนละ 0.5ยูโร ถ้าจะกินอาหารที่ร้านอยู่แล้วก็ไปรอเข้าฟรีที่ร้านอาหารแทน
น้ำดื่ม
ที่อิตาลีน้ำก๊อกดื่มได้ แวะห้องน้ำที่ไหนก็รินใส่ขวดเลยจะได้ไม่เสียค่าน้ำ ค่าน้ำขนาด 500 cc.ขวดละ 1-2ยูโรแล้วแต่พื้นที่ แต่ถ้ากินที่ร้านอาหาร จะเป็นขวดแก้วราคาก็ 3ยูโรขึ้นไปแล้วแต่ร้าน
ความปลอดภัย
เราโดนมา 2เรื่อง
1. โดนล้วงกระเป๋าที่สถานีรถไฟโรมนะ กระเป๋าคาดเอวก็ไม่รอด เงินสด 320 ยูโรกับบัตรเครดิต 2 ใบ หายจ้อย โจรมันทำงานเป็นทีม ทำงานกันตอนเบียดเสียดกันขึ้นรถไฟ เราเองก็วุ่นวายกับกระเป๋าเดินทาง พลัดหลงกับแฟน จังหวะนรกมาเลย รู้ตัวอีกทีตอนถึงที่พักแล้ว ยังไงระวังให้มากๆ เงินควรแบ่งที่เก็บ ส่วนที่ใช้จ่ายประจำวันก็แบ่งออกมาคาดไว้ที่อกและใส่เสื้อคลุมปิดซิบอีกทีไปเลย ดีว่าพาสปอร์ตกับมือถือยังอยู่ ใครที่ทำประกันเดินทางเอาไว้และครอบคลุมกรณีนี้ ขอเคลมได้นะ แต่เราไปอ่านเงื่อนไขแล้ว ต้องโดนจี้ โดนปล้น แบบนั้นเลย และต้องแจ้งความภายใน 24 ชม.ถึงจะเข้าข่ายขอเคลมซึ่งได้คืนมา 3000 บาท ที่สนามบินโรม มีออฟฟิสตำรวจที่ Terminal 3เราไปแจ้งที่นั่น ซึ่งมันเกิน 24 ชม.มาแล้วก็เลยไม่ยื่นขอเคลม
2. ที่โบโลญญา เจอพนักงานขายกาแฟอมเงิน เราให้แบงค์ 20 ไปเพราะอยากได้เศษตังค์มาใช้ ปรากฎว่านางทอนเงินเหมือนเราให้แบงค์ 10ไป อันนี้เราจำแม่นเพราะตั้งใจให้แบงค์ 20เรายืนกรานไป นางก็ตีหน้าเฉยตอบว่าเราให้แบงค์ 10แล้วนางก็ยักไหล่ทำงานต่อ ยังไงถ้าไม่อยากเจอแบบนี้ ก็ให้ทวนคำพูดตอนยื่นแบงค์ให้นะ ว่าเราให้แบงค์อะไรให้คุณ (จะได้ไม่มามั่ว)
อื่นๆ
* การใช้ Googleนำทาง บางทีระบบนำทางก็เพี๊ยน ยังไงควรทำการบ้านเรื่องการเดินทางไปก่อนบ้างจะดีกว่า ไม่งั้นจะเจอแบบเรา คือบอกให้ขึ้นรถบัส ขึ้นแล้วดันมาเปลี่ยนให้เดินทางอีกแบบนึง ซึ่งมันนั่งมาแล้วจะเปลี่ยนยังไง เอาไปเอามาต้องลงเดินซึ่งทำให้เสียเวลาและเหนื่อยเกินจำเป็น
ที่เที่ยวกรุงวาติกัน กับโคลอสเซียม ช่วงเช้าคนจะเยอะมาก ต้องรอคิวเข้านาน ถ้าเลือกเป็นช่วงบ่าย-เย็นคิวจะน้อยกว่า ถ้าซื้อตั๋วเข้าโคลอสเซียมล่วงหน้าไปแล้ว อย่าเลทนะ เพราะเขาจะไม่ให้เข้า
* ที่ Positanoได้กิน Lemon Sorbet เป็นไอติมที่อยู่ในผลเลมอน อร่อยมากกกก
* เกาะคาปรีมีเที่ยวเรือไปกลับหลายเที่ยวต่อวัน ซื้อตั๋วได้ที่ท่าเรือ Sorrentoราคาต่อวัน ไป-กลับ 47ยูโร/คน ราคามาตรฐานไม่ต้องไปเสาะหาราคาถูกกว่าให้เสียเวลานะจ๊ะ ขากลับ ดูเที่ยวเรือที่จะกลับที่จอมอนิเตอร์ท่าเรือว่าไปขึ้นเรือที่ Gateไหน ถ้าใกล้เวลาแล้วแต่จอไม่ขึ้นเลข Gateอย่านิ่งเฉยนะ ให้ไปถามที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วยี่ห้อเรือที่เรานั่งมา ไม่ก็เดินเข้าไปทางขึ้นเรือ Gate 1-12 เลย เพราะเป็นช่องจอดเรือโดยสารลำใหญ่ ไล่ดูชื่อเรือยี่ห้อที่ตรงกับตั๋วเรา ถามจนท.เอาว่าใช่รอบของเราไหม ตอนเราไปเราเลือกซื้อแพคเกจตั๋วเรือไป-กลับ พร้อมทัวร์นั่งเรือรอบเกาะคาปรี 1ชม.คิดคนละ 65ยูโร พอเอาเข้าจริงเจอปัญหาว่าไม่มี bookingที่เป็นชื่อเรา เจรจาอยู่นานสุดท้ายก็ให้ขึ้นเรือ เราแนะนำว่าซื้อแต่ตั๋วเรือไปกลับก็พอ ไปถึงคาปรีค่อยไปเลือกซื้อโปรแกรมเที่ยวอีกทีก็ได้ อาจแพงกว่านิดนึงแต่น่าจะชัวร์กว่า ถ้าไปหลายคน แนะนำให้ลองนั่งแท๊กซี่เปิดประทุนนะ มันได้ฟีลเวลาขึ้นลงเขามากๆ บรรยากาศดีสุดๆ ที่คาปรีข้าวของ อาหารการกินก็จะแพงมาก ถ้าไปกินที่ Anacapriราคาจะเบากว่า เดินทางในเกาะคาปรี มีรถบัสนะ เลือกเอาว่าจะไปจุดไหน เช่น Anacapri หรือประภาคาร เป็นต้น
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้