อันดับเรียงตามความยาก ง่าย ในสถานการณ์ตอนนั้น และสภาพนักเตะของทีมที่เจอกันด้วย ขอเรียงลำดับดังต่อไปนี้
อันดับที่5 ความประมาท คือ การดูถูกอย่างร้ายแรง การ come back ที่สุดยอดของซุปเปอร์เดปอร์
จากการถล่มเดปอร์คาซานซิโร่ 4-1 ทำให้มิลานฝันหวานถึงการเข้ารอบรอง ซึ่งในปีนั้นทางสะดวกสุดๆในการเป็นแชมป์สมัยที่7 ของมิลาน แต่การประมาทของโค้ชและผู้เล่น คือหายนะ การส่งสำรองครึ่งทีมในการไปเยือนถิ่นริอาซอร์ คือความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง การดรอปกาก้าและอินซากี้เป็นสิ่งที่แฟนบอลมิลานในสมัยนั้นถามหาสาเหตุว่า โค้ชต้องการสื่อถึงอะไร คงเป็นนัดที่ฝังใจอันเชลอตติไปอีกนานว่า เขาคิดอะไรอยู่ กว่าจะรู้ตัว ส่งอินซากี้และกาก้าลงไป ก็สายเสียแล้ว และจากการประมาทในครั้งนั้น มิลานก็ถูกลงโทษอย่างสาสมด้วยสกอร์ 4-0 ตกรอบไปอย่างเจ็บปวด ปล่อยให้คู่ชิงในปีนั้นเป็นโมนาโกชิงกับปอร์โต้
อันดับที่4 การกลับมาถล่มปารีสคาบ้านของบาเซโลน่า
ที่ผมให้อันดับ4เพราะ ทีมๆนี้คือ บาเซโลน่า การไปแพ้ที่ปารีสถึง 0-4 ทำให้แฟนๆทั่วโลกคิดว่า บาซ่าคงจอดป้ายแค่รอบนี้เท่านั้น แต่ก็ยังมีหลายๆคนมั่นใจว่า บาซ่าจะถล่มปารีสคืนที่คัมป์นูได้แน่นอน การนำปารีสถึง3-0 ทำให้โมเมนตัมเทมาทางฝั่งของบาซ่าทั้งหมด แต่แฟนบาซ่าก็เหมือนถูกกระทืบที่หัวใจรัวอย่างเต็มแรง เมื่อคาวานี่มายิง away goal ในนาทีที่62 ทำให้บาซ่าจะต้องยิงอีก3ลูกในเวลาที่เหลือ และที่พีคกว่านั้นคือ เล่นมาจนกระทั่งนาที่ที่87 ก็ยังไม่มีวี่แววจะยิงปารีสได้แม้แต่ลูกเดียว แฟนๆบาซ่าทุกคนสิ้นหวังกับเวลา2นาทีที่เหลือ+การทดเวลา แต่เหมือนพระเจ้าเล่นตลกกระชากพวกเขาจากขุมนรกขึ้นมาซะงั้น ด้วยลูกจุดประกายความหวังของเนย์มาร์ในนาทีที่88 และบาซ่าก็ทำสิ่งที่น่าเหลือเชื่อในอีก5นาที่ที่ทดเวลากับ2ประตูที่ต้องการ เข้ารอบต่อไปชนิดที่ผู้เล่นปารีสทรุดลงกับพื้นและเป็นเกมประวัติศาสตร์ที่ผู้คนจะต้องพูดถึงไปอีกนานแสนนาน แต่...เนื่องจากทีมๆนี้คือบาซ่าและคู่แข่งคือปารีส ผมจึงให้อยู่ในอันดับที่4 เท่านั้น ตามคำกล่าวข้างต้น
อันดับที่3 การกลับมาเข้ารอบและส่งบาซ่าตกรอบที่แอนฟิลด์ในเกมล่าสุด
การไปพ่ายแพ้ที่คัมป์นูแบบขาดลอย 0-3 ด้วยรูปเกมที่ไม่เป็นรอง ทำให้เหล่าสาวกเดอะคอปต่างมีความหวังลึกๆว่า พวกเขาจะโกงความตายกลับมาได้ (ในส่วนตัวเจ้าของกระทู้ ก็คิดในใจว่าเกมนี้ลิเวอร์พูลจะชนะแน่นอน แต่ไม่น่าพอที่จะเข้ารอบ) กลายเป็นว่าพวกเขาจัดหนักบาซ่าทบต้นทบดอกไป 4-0 ชนิดที่เมสซี่และพรรคพวกหาทางกลับบ้านไม่เจอเลยทีเดียว แต่เกมนี้มันไม่ใช่ปาฏิหารย์ ปาฏิหารย์มันเกิดจากเกมที่แทบจะไม่มีทางสู้ เกมที่แทบมองไม่เห็นหนทางในการกลับมา แต่เกมนี้ของลิเวอร์พูลมันเกิดจากความพยายามและฝีมือของพวกเขา ทำให้โกงความตายกลับมาได้และเข้ารอบชิง เพื่อไปลุ้นถ้วยUCL สมัยที่6ได้สำเร็จ เกมนี้ผมจึงให้อยู่แค่อันดับที่3 เพราะมันไม่ใช่ปาฏิหารย์แต่ประการใด
อันดับที่2 ดับซ่าต่างดาว การพลิกนรกเข้ารอบของโรม่า
แม้ความยากในเกมนี้จะไม่เท่ากับลิเวอร์พูล(เกมล่าสุด) เพราะได้ away goal กลับมาจากคัมป์นู1ลูก แต่ด้วยความที่เป็นโรม่า ต้องบอกเลยว่า เกรดทีมของพวกเขา เป็นรองทั้งลิเวอร์พูลและบาเซโลน่ามาก ผมจึงเห็นว่าการ come back ของโรม่า ยากกว่าของลิเวอร์พูลเล็กน้อย จึงให้มาอยู่ในอันดับที่2 ทำให้เปิดแผลของทีมต่างดาวที่ไม่มีเป๊บคุม ว่าบาซ่าก็ไม่ใช่ทีมที่ไร้เทียมทานขนาดที่จะเอาชนะไม่ได้
อันดับที่1 ค่ำคืนแห่งปาฏิหารย์ที่ อิสตัลบูล
ไม่มีคำไหนจะอธิบายเกมลูกหนังในค่ำคืนนั้นได้ดีเท่ากับคำว่า ปาฏิหารย์อีกแล้ว มิลานในช่วงนั้นต้องบอกว่าแกร่งทั่วแผ่นจริงๆ ปี2002-2007 คือช่วงที่มิลานรุ่งสุดขีด เข้ารอบ8ทีม UCL เป็นอย่างต่ำ เข้าชิง3ครั้ง ได้แชมป์ UCLไป 2ครั้ง คือตามหน้ากระดานแล้วเป็นต่อลิเวอร์พูลมากจริงๆ และยิ่งรูปเกมในครึ่งแรกที่นำลิเวอร์พูล 3-0 ต้องบอกว่าแฟนๆลิเวอร์พูลไม่คาดคิดว่าจะกลับมาได้ หมดครึ่งแรกเกือบทุกคนปิดไฟนอนไปเลียแผลใจกันหมดแล้ว แต่ครึ่งหลัง มันเป็นหนังคนละม้วน ปาฏิหารย์มันมีจริง ลิเวอร์พูลไม่ได้ใช้เวลา45นาทีที่เหลือในการตีเสมอ แต่พวกเขาใช้เวลาร่วมๆ20 นาทีเท่านั้นตีเสมอ และเวลาที่เหลือของลิเวอร์พูลจนจบ90นาที+30นาทีช่วงทดเวลาพิเศษ ลิเวอร์พูลตั้งรับแบบอุตลุดในการต้านทานการบุกอันหนักหน่วงจากมิลาน 120 นาทีในค่ำคืนที่อิสตัลบูล มิลานเหนือกว่าร่วมๆ100นาที มีแค่20นาทีเท่านั้นที่ลิเวอร์พูลทำได้3ประตู ที่ลิเวอร์พูลเหนือกว่ามิลาน นอกจากนั้นยังได้ชอตเซพมหัศจรรย์ของ เจอร์ซี่ ดูเดค ที่แฟนมิลานแบบผมอุทานดังลั่นบ้านว่า jet dow มันรับได้ยังไง นำไปสู่การเสมอ3-3 และดวลจุดโทษชนะจนได้แชมป์สมัยที่5 ไปแบบแฟนมิลานชอกช้ำถึงทรวงใน(เพราะเป็นการย้ำแผลเดิม จากที่ซุปเปอร์เดปอร์ ถล่มมาเมื่อปีก่อน) แม้ในอีก2 ฤดูกาลถัดมา กาก้า อินซากี้และผองเพื่อน จะมาช่วยกันล้างแค้นอัดลิเวอร์พูลไป 2-1 คว้าแชมป์สมัยที่7ไปครองอย่างสวยงาม แต่ค่ำคืนที่อิสตัลบูลก็ยังตามมาให้บทเรียนผมและแฟนมิลานท่านอื่นๆ ให้ระลึกไว้อยู่เสมอว่า ปาฏิหารย์มันมีจริง และทีมที่เหนือกว่าไม่จำเป็นจะต้องเป็นผู้ชนะเสมอไป
** สุดท้ายนี้ ถ้วย UCL ปีนี้ ลิเวอร์ไม่น่าพลาดกับการคว้าแชมป์สมัยที่6 แต่ในเมื่อยังเหลือนัดชิงอีก1นัด ผมในฐานะแฟนมิลานก็ขอแช่งต่อไป ถ้าลิเวอร์พูลได้แชมป์สมัยที่6 คงจะจี้ตูดมิลานติดๆ แต่มิลานไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นเลยมาตลอดร่วมๆ10ปีแล้ว โอกาสโดนแซง8สมัยมีสูงมาก ดังนั้นจึงขอแช่งลิเวอร์พูลแล้วกันนะครับ **
5 ที่สุดแห่งการ Come Back ของเกม UCL ในใจของเจ้าของกระทู้
อันดับที่5 ความประมาท คือ การดูถูกอย่างร้ายแรง การ come back ที่สุดยอดของซุปเปอร์เดปอร์
จากการถล่มเดปอร์คาซานซิโร่ 4-1 ทำให้มิลานฝันหวานถึงการเข้ารอบรอง ซึ่งในปีนั้นทางสะดวกสุดๆในการเป็นแชมป์สมัยที่7 ของมิลาน แต่การประมาทของโค้ชและผู้เล่น คือหายนะ การส่งสำรองครึ่งทีมในการไปเยือนถิ่นริอาซอร์ คือความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง การดรอปกาก้าและอินซากี้เป็นสิ่งที่แฟนบอลมิลานในสมัยนั้นถามหาสาเหตุว่า โค้ชต้องการสื่อถึงอะไร คงเป็นนัดที่ฝังใจอันเชลอตติไปอีกนานว่า เขาคิดอะไรอยู่ กว่าจะรู้ตัว ส่งอินซากี้และกาก้าลงไป ก็สายเสียแล้ว และจากการประมาทในครั้งนั้น มิลานก็ถูกลงโทษอย่างสาสมด้วยสกอร์ 4-0 ตกรอบไปอย่างเจ็บปวด ปล่อยให้คู่ชิงในปีนั้นเป็นโมนาโกชิงกับปอร์โต้
อันดับที่4 การกลับมาถล่มปารีสคาบ้านของบาเซโลน่า
ที่ผมให้อันดับ4เพราะ ทีมๆนี้คือ บาเซโลน่า การไปแพ้ที่ปารีสถึง 0-4 ทำให้แฟนๆทั่วโลกคิดว่า บาซ่าคงจอดป้ายแค่รอบนี้เท่านั้น แต่ก็ยังมีหลายๆคนมั่นใจว่า บาซ่าจะถล่มปารีสคืนที่คัมป์นูได้แน่นอน การนำปารีสถึง3-0 ทำให้โมเมนตัมเทมาทางฝั่งของบาซ่าทั้งหมด แต่แฟนบาซ่าก็เหมือนถูกกระทืบที่หัวใจรัวอย่างเต็มแรง เมื่อคาวานี่มายิง away goal ในนาทีที่62 ทำให้บาซ่าจะต้องยิงอีก3ลูกในเวลาที่เหลือ และที่พีคกว่านั้นคือ เล่นมาจนกระทั่งนาที่ที่87 ก็ยังไม่มีวี่แววจะยิงปารีสได้แม้แต่ลูกเดียว แฟนๆบาซ่าทุกคนสิ้นหวังกับเวลา2นาทีที่เหลือ+การทดเวลา แต่เหมือนพระเจ้าเล่นตลกกระชากพวกเขาจากขุมนรกขึ้นมาซะงั้น ด้วยลูกจุดประกายความหวังของเนย์มาร์ในนาทีที่88 และบาซ่าก็ทำสิ่งที่น่าเหลือเชื่อในอีก5นาที่ที่ทดเวลากับ2ประตูที่ต้องการ เข้ารอบต่อไปชนิดที่ผู้เล่นปารีสทรุดลงกับพื้นและเป็นเกมประวัติศาสตร์ที่ผู้คนจะต้องพูดถึงไปอีกนานแสนนาน แต่...เนื่องจากทีมๆนี้คือบาซ่าและคู่แข่งคือปารีส ผมจึงให้อยู่ในอันดับที่4 เท่านั้น ตามคำกล่าวข้างต้น
อันดับที่3 การกลับมาเข้ารอบและส่งบาซ่าตกรอบที่แอนฟิลด์ในเกมล่าสุด
การไปพ่ายแพ้ที่คัมป์นูแบบขาดลอย 0-3 ด้วยรูปเกมที่ไม่เป็นรอง ทำให้เหล่าสาวกเดอะคอปต่างมีความหวังลึกๆว่า พวกเขาจะโกงความตายกลับมาได้ (ในส่วนตัวเจ้าของกระทู้ ก็คิดในใจว่าเกมนี้ลิเวอร์พูลจะชนะแน่นอน แต่ไม่น่าพอที่จะเข้ารอบ) กลายเป็นว่าพวกเขาจัดหนักบาซ่าทบต้นทบดอกไป 4-0 ชนิดที่เมสซี่และพรรคพวกหาทางกลับบ้านไม่เจอเลยทีเดียว แต่เกมนี้มันไม่ใช่ปาฏิหารย์ ปาฏิหารย์มันเกิดจากเกมที่แทบจะไม่มีทางสู้ เกมที่แทบมองไม่เห็นหนทางในการกลับมา แต่เกมนี้ของลิเวอร์พูลมันเกิดจากความพยายามและฝีมือของพวกเขา ทำให้โกงความตายกลับมาได้และเข้ารอบชิง เพื่อไปลุ้นถ้วยUCL สมัยที่6ได้สำเร็จ เกมนี้ผมจึงให้อยู่แค่อันดับที่3 เพราะมันไม่ใช่ปาฏิหารย์แต่ประการใด
อันดับที่2 ดับซ่าต่างดาว การพลิกนรกเข้ารอบของโรม่า
แม้ความยากในเกมนี้จะไม่เท่ากับลิเวอร์พูล(เกมล่าสุด) เพราะได้ away goal กลับมาจากคัมป์นู1ลูก แต่ด้วยความที่เป็นโรม่า ต้องบอกเลยว่า เกรดทีมของพวกเขา เป็นรองทั้งลิเวอร์พูลและบาเซโลน่ามาก ผมจึงเห็นว่าการ come back ของโรม่า ยากกว่าของลิเวอร์พูลเล็กน้อย จึงให้มาอยู่ในอันดับที่2 ทำให้เปิดแผลของทีมต่างดาวที่ไม่มีเป๊บคุม ว่าบาซ่าก็ไม่ใช่ทีมที่ไร้เทียมทานขนาดที่จะเอาชนะไม่ได้
อันดับที่1 ค่ำคืนแห่งปาฏิหารย์ที่ อิสตัลบูล
ไม่มีคำไหนจะอธิบายเกมลูกหนังในค่ำคืนนั้นได้ดีเท่ากับคำว่า ปาฏิหารย์อีกแล้ว มิลานในช่วงนั้นต้องบอกว่าแกร่งทั่วแผ่นจริงๆ ปี2002-2007 คือช่วงที่มิลานรุ่งสุดขีด เข้ารอบ8ทีม UCL เป็นอย่างต่ำ เข้าชิง3ครั้ง ได้แชมป์ UCLไป 2ครั้ง คือตามหน้ากระดานแล้วเป็นต่อลิเวอร์พูลมากจริงๆ และยิ่งรูปเกมในครึ่งแรกที่นำลิเวอร์พูล 3-0 ต้องบอกว่าแฟนๆลิเวอร์พูลไม่คาดคิดว่าจะกลับมาได้ หมดครึ่งแรกเกือบทุกคนปิดไฟนอนไปเลียแผลใจกันหมดแล้ว แต่ครึ่งหลัง มันเป็นหนังคนละม้วน ปาฏิหารย์มันมีจริง ลิเวอร์พูลไม่ได้ใช้เวลา45นาทีที่เหลือในการตีเสมอ แต่พวกเขาใช้เวลาร่วมๆ20 นาทีเท่านั้นตีเสมอ และเวลาที่เหลือของลิเวอร์พูลจนจบ90นาที+30นาทีช่วงทดเวลาพิเศษ ลิเวอร์พูลตั้งรับแบบอุตลุดในการต้านทานการบุกอันหนักหน่วงจากมิลาน 120 นาทีในค่ำคืนที่อิสตัลบูล มิลานเหนือกว่าร่วมๆ100นาที มีแค่20นาทีเท่านั้นที่ลิเวอร์พูลทำได้3ประตู ที่ลิเวอร์พูลเหนือกว่ามิลาน นอกจากนั้นยังได้ชอตเซพมหัศจรรย์ของ เจอร์ซี่ ดูเดค ที่แฟนมิลานแบบผมอุทานดังลั่นบ้านว่า jet dow มันรับได้ยังไง นำไปสู่การเสมอ3-3 และดวลจุดโทษชนะจนได้แชมป์สมัยที่5 ไปแบบแฟนมิลานชอกช้ำถึงทรวงใน(เพราะเป็นการย้ำแผลเดิม จากที่ซุปเปอร์เดปอร์ ถล่มมาเมื่อปีก่อน) แม้ในอีก2 ฤดูกาลถัดมา กาก้า อินซากี้และผองเพื่อน จะมาช่วยกันล้างแค้นอัดลิเวอร์พูลไป 2-1 คว้าแชมป์สมัยที่7ไปครองอย่างสวยงาม แต่ค่ำคืนที่อิสตัลบูลก็ยังตามมาให้บทเรียนผมและแฟนมิลานท่านอื่นๆ ให้ระลึกไว้อยู่เสมอว่า ปาฏิหารย์มันมีจริง และทีมที่เหนือกว่าไม่จำเป็นจะต้องเป็นผู้ชนะเสมอไป
** สุดท้ายนี้ ถ้วย UCL ปีนี้ ลิเวอร์ไม่น่าพลาดกับการคว้าแชมป์สมัยที่6 แต่ในเมื่อยังเหลือนัดชิงอีก1นัด ผมในฐานะแฟนมิลานก็ขอแช่งต่อไป ถ้าลิเวอร์พูลได้แชมป์สมัยที่6 คงจะจี้ตูดมิลานติดๆ แต่มิลานไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นเลยมาตลอดร่วมๆ10ปีแล้ว โอกาสโดนแซง8สมัยมีสูงมาก ดังนั้นจึงขอแช่งลิเวอร์พูลแล้วกันนะครับ **