HAPPY VERY IN TAIWAN : พาลูก 6 เดือน เที่ยวไต้หวันครั้งแรก

สวัสดีค่ะ หนูชื่อ เด็กหญิงเวรี่ หนูเพิ่งเคยไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกค่ะ เจออะไรแปลกๆสวยๆก็จะตื่นเต้นหน่อย
และนี่ก็คือกระทู้ท่องเที่ยวอันแรกของหนูนะคะ หนูขอยืมล๊อกอินของคุณพ่อมาเล่น และขอให้คุณแม่พิมพ์ตามเสียง อ้อแอ๊ ของหนูเอง
ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวกับ พี่ๆ น้าๆ ลุงๆ ป้าๆ ด้วยนะคะ / เวรี่


สำหรับการทำ Passport ของเด็กน้อยนะคะ 

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

การจองตั๋วสำหรับเด็ก อายุน้อยกว่า 2 ขวบ แต่ละสายการบินค่าธรรมเนียมต่างกันนะคะ ครั้งนี้ แม่เลือกเดินทางกับ China Airline แบบ full service ค่ะ เป็นครั้งแรกของแม่กับพ่อด้วยที่ได้เดินทางกับสายการบินนี้ โดยแม่จองผ่าน Traveloka เพราะราคารวมมาแล้ว ไม่บวกเพิ่ม ไม่จุกจิกดีค่ะ เวลาจองให้เลือกจองลูกไปด้วยเลยนะคะ อย่าหวังว่าจะไปจ่ายเพิ่มที่สนามบิน มันยุ่งยากกว่ามาก แต่ก็แล้วแต่คนอื่นสะดวกเนาะ


เมื่อได้ตั๋วแล้วก็จองที่พักค่ะ อันนี้เราจองโรงแรม โดยมีเงื่อนไขของพ่อว่าต้องใกล้สถานีรถไฟ เพราะ ไม่อยากลากกระเป๋าไกล เอาของเก็บง่าย เดินทางง่าย แม่เลยได้ โรงแรมชื่อว่า Diary of Taipei Hotel ติดกับสถานี MRT Ximen Exit  6 โดยอ่านจากรีวิว แล้ว บางคนบอกว่า แค่เดิน 30 วินาทีจากสถานีก็ถึงโรงแรมแล้ว ซึ่งก็จริง จองได้ คืนละ 3 พันบาทไทยค่ะ เป็นห้องที่นอนได้ 3 คน เตียงใหญ่ 1 เตียง และ เตียงเล็ก 1 เตียง จองไป 4 คืน ผ่าน Booking.com แล้วค่อยไปจ่ายเงินที่โรงแรมวันเข้าพัก

ข้อดีของโรงแรมนี้คือ
- ใกล้สถานี MRT มากๆ และใกล้แหล่ง ช๊อปปิ้ง Ximenting มากๆ
- ร้านอาหาร และ ร้านสะดวกซื้อ 7-11 หรือ Watsons ก็อยู่ใกล้มากๆ
- ผู้คนพลุกพล่าน ไม่เปลี่ยว
- ราคาพอรับได้ไม่แพงเกินไป

ข้อเสียของโรงแรมนี้คือ
- ไม่มีอาหารเช้า
- ห้องที่เราจองไม่มีหน้าต่าง ทำให้ห้องอับ
- ผนังของโรงแรมนี้ไม่กันเสียงใดๆ ห้องข้างๆคุยกันยังได้ยิน เพราะฉะนั้นเสียงลูกร้องตอนดึกๆข้างๆห้องได้ยินแน่นอน

ในรูปจาก booking.com คือตึกด้านขวา ตรงกลางที่เห็นเลข 6 คือ MRT Exit 6
โรงแรมนี้จะอยู่ชั้น 5 ถึงชั้นที่ 10 ตอนไปเจอพี่คนไทยมาพักเหมือนกัน มากับลูกอีก 3 คน

และแม่เตรียมแพ็คของของลูกสำหรับเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกค่ะ

เนื่องจากเวรี่อายุ 6 เดือน นอกจากนมแล้ว เวรี่จะต้องเริ่มกินข้าวแล้ว แม่เลยเตรียมสิ่งของไปคือ
เสื้อผ้าลูกที่ใส่ วันละ 2 ชุด รวมเป็น 10 ชุด 

นมผงที่ลูกกิน โดยตักแบ่งใส่ถุงแบ่งนมผง เพื่อให้สะดวกในการเดินทางไปเที่ยวที่ต่างๆ แม่เตรีมไป 16 ถุง

อุปกรณ์ปั๊มนม ถุงเก็บน้ำนม และผ้าคลุมให้นม

ขวดนม แม่เตรียมไปแค่ 4 ขวด พร้อม น้ำยาล้างขวดนม และ ถุงนึ่งขวดนมในไมโครเวฟ

อุปกรณ์ทานอาหาร ชามข้าว ช้อน 2 อัน และ อาหารเด็กแบบสำเร็จรูปเอาไป 5 ถุง พร้อมผ้ากันเปื้อนแบบซักล้างได้

เป้ และ Hip Seat และ  รถเข็นเด็ก

ยาต่างๆของลูก ยาแก้ไข้ ยาแก้หวัด ที่พ่นจมูก น้ำเกลือหยอดจมูก (ที่ไทเปไม่มีร้านขายยาสำหรับเด็กทารก หากเป็นอะไรต้องไปโรงพยาบาลเท่านั้นค่ะ)
อุปกรณ์ต่างๆ เช่น ทิชชูเปียก คอตตอนบัด ผ้าอ้อม บีแพนเทน บลาๆๆๆๆๆ 

ที่สำคัญ และ ต้องเตรียมไปเยอะๆเผื่อๆหน่อยนะคะ แพมเพิ้สค่ะ หาซื้อยากมาก บ้านนี้เตรียมไปไม่พอ และ โชคดีมากที่เจอพี่คนไทยเลยขอเขาค่ะ
*** ถ้าพี่แหม่มได้มาอ่าน ขอบคุณพี่แหม่มมากนะคะ มีน้ำใจมากๆเลย เอามาให้เวรี่เกือบ 10 แผ่นได้ค่ะ

อันนี้คือภาพของบางส่วนที่เตรียมไปนะคะ วุ่นวายมากกว่าจะจัดของเสร็จ มียาพ่อ ยาแม่ ยาลูก และ อุปกรณ์ เครื่องปั๊มนมค่ะ

และสุดท้ายก่อนเดินทาง แม่ซื้อประกันการเดินทางให้เวรี่ค่ะ เป็นของ Aetna ค่ะ เพราะสามารถทำให้กับเวรี่ได้ บางยี่ห้อต้องอายุ 2 ปีขึ้นไปค่ะ
ส่วนพ่อกับแม่ซื้อของ Cigna เพราะจะมีประกันของเสียหายไว้ด้วย

เพี้ยนลาเวนเดอร์

ป่ะ เรามาเริ่มเดินทางไปกับเวรี่กันนะคะ Very is happy Very is happy


หลังจากเมื่อคืนที่นอนหลับไป ภาพก็ตัดมาที่สนามบินเลยค่า แม่กับพ่อขุดหนูออกมาจากที่นอน ดูซิคะยังใส่ชุดนอนอยู่เลย
ไฟล์ทเช้ามากแม่ยังไม่ทันแต่งหน้าเลย พ่อก็พาหนูไป Check in ก่อน เพื่อโหลดกระเป๋า และรถเข็นเด็ก เพราะหนูอยากนั่ง Hip seat มากกว่าค่ะ
หลังจากนั้นเราก็เดินลั้นลาไปผ่าน ต.ม. กัน เจ้าหน้าที่น่ารักมากค่ะ ให้หนูไปช่อง Piority ที่คิวสั้น และเราก็ผ่านอย่างรวดเร็วเลยค่ะ


พ่อพาเข้า เล้าจ์แวะกินโจ๊กกรุบกริบ แต่หนูยังกินไม่ได้ ก็ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ แล้วก็ง่วงค่ะ พ่อเลยอุ้มแวะเล่นกับคนในเล้าจ์เล็กน้อย หลังจากนั้นเราก็ เดินไปที่ เกทเพื่อรอขึ้นเครื่องค่า


และแล้วก็ถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่องค่ะ พี่แอร์สายการบินนี้สวยมากเลยค่ะ 


พ่อบอกว่า ลูกเรือของสายการบินนี้ดีมาก พูดจาดี ปฎิบัติกับผู้โดยเสมือนเป็นลูกค้า (บางสายการบินลูกเรือจะหยิ่งๆหน่อย)
ช่วงก่อนเครื่องจะขึ้น เหมือนจะเป็นผู้บริหาร (ที่โดยสารมาด้วย) ลุกมากจากที่นั่งโซนด้านหน้า มาทักทายผู้โดยสารหลายๆคนฝั่ง economy ด้วย

ในทริปนี้พ่อจะใช้กล้อง Cannon EOS RP กับ กล้องจากมือถือ Huawei P30 นะคะ


ระหว่างรอขึ้นเครื่องพนักงานก็ขอย้ายที่นั่งมาเป็นหน้าสุดเพื่อที่จะได้สะดวก และกว้างสำหรับเด็กเล็ก 
หนูก็ไม่รู้หรอกว่า baby bassinet มันเป็นยังไงและหนูจะชอบไหม 

พอเครื่องขึ้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว พี่แอร์ก็เอา baby bassinet มาติดให้ โดยเอาไปแขวนกับรูที่อยู่หน้าที่นั่งให้


โดยมีข้อแม้ว่า ถ้าสัญญานรัดเข็มขัดดัง หรือ สภาพอากาศไม่ดี ต้องอุ้มหนูออกจากที่นอนนี้ทันที เพื่อความปลอดภัยค่ะ 
ถ้าจะถามว่า ตอนขึ้นเครื่องหนูร้องไหม ร้องค่ะ 555 ถึงแม้ว่าแม่จะเตรียมความพร้อมไปอย่างดี เอาหนูเข้าเต้า หลอกล่อต่างๆ ให้จุ๊บขวดนม แต่หนูก็ร้องไห้ นิดหน่อย แล้วก็เผลอหลับไปค่ะ 


ลักษณะของ baby bassinet ของที่นี่จะคล้ายกับเปล สี่เหลี่ยม บุด้วยผ้าสีน้ำเงิน แล้วมีหมอนให้ 1 ใบ เปลความยาวพอดีตัวหนูเลยค่ะ คาดว่าอีกสักเดือนหน้าหนูคงจะไม่สามารถนอนในนี้ได้แล้ว หนูนอนไปสักชั่วโมงก็ตื่นมาอ้อ แอ๊ เล่นของเล่นแล้วค่ะ ต้องขอโทษลุงๆป้าๆผู้โดยสารท่านอื่นในไฟล์ทนั้นด้วยนะคะ แหะๆ


บิน 3 ชั่วโมงนิดๆก็ถึงประเทศไต้หวันกันแล้วค่ะ ที่นี่เวลาจะเร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง อากาศดีมากค่ะ ไม่ร้อนเลย พอลงเครื่องมาแม่ก็ เขียนใบผ่าน ตม ขาเข้า แล้วเข้าช่อง Piority อีกแล้วค่ะ ดีมากๆเลย แล้วลงไปรับกระเป๋า และรถเข็นกัน (ตอนรับรถเข็น ตัวด้ามจับที่เป็นโฟมหุ้มของรถเข็นที่โหลดมามันฉีก แต่ทางสายการบินบอกว่าไม่รับผิดชอบค่ะ เนื่องจากเป็นการเสียหายภายนอก และไม่ยอมออกใบเคลมให้เราเอาไปเคลมกับประกันการเดินทางที่ซื้อมาอีกด้วย โหดร้ายกับหนูที่สุดเลย งือๆ  ครั้งหน้าจะไม่โหลดพร้อมกระเป๋าอีกแล้ว ) นี่คือหน้าตาของหนูหลังจากที่รู้ว่ารถเข็นพังค่ะ แหะๆล้อเล่นๆ หลังจากที่เอาลงรถเข็นค่ะ หนูไม่ค่อยชอบนั่งเลย


หลังจากรับกระเป๋าออกมาแล้ว แม่ก็เดินไปเอา Pocket wifi ที่จองเอาไว้ จาก KLOOK ค่ะ เดินไปเอาตามแผนที่ ที่เขาให้ไว้ใน App เลย
สะดวกมากๆ โชว์ QR code จากในมือถือก็ได้แล้ว ได้ wifi วันละ 52 บาทก็ไม่แย่ค่ะ ในเมืองไม่มีปัญหาเลย 


แล้วเราก็เดินตามทางเพื่อไปขึ้น MRT กันเลยค่ะ ตอนแรกพ่อกับแม่ก็งงๆ ไม่รู้ไปทางไหนดี เจ้าหน้าที่สนามบินเดินเข้ามาถามเลยนะคะ ถามว่าจะไปไหน จะทำอะไร มีอะไรให้ช่วยไหม ดูเป็นมิตรมากๆเลยค่า บ้านเราแลกเงินที่สนามบินไต้หวันนะคะ ประมาณ หมื่นนึง ได้ยินว่าเรทดีกว่า แลกที่เมืองไทยค่ะ


รถไฟเข้าเมืองของที่นี่จะมีอยู่ 2 แบบ คือแบบ Express Train ขบวนสีม่วง รถด่วน ที่จอดแค่บางสถานี และแบบ Commuter Train ขบวนสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นขบวนแบบปกติ จอดทุกสถานี ราคาเท่ากันทั้งสองแบบ ใช่ค่ะ เรามาไม่ทัน Express เราก็เลยนั่งแบบ Commuter เอา ชิวๆนั่งเล่น  นอนเล่น เน้นถ่ายรูป เราจะต้องไปเปลี่ยนขบวนที่ Taipei main station เพื่อไปสายสีเขียวไป Ximen ค่ะ


ในรถไฟก็คล้ายๆบ้านเรา แต่จะมีที่นั่ง Piority เสมอ และคนพร้อมจะลุกให้นั่งทันทีที่เห็นบุคคน Piority มา น่าชื่นชมมากเลยค่ะ

บ้านเมืองเขาค่ะ เมื่อมองออกมาจากรถไฟ

พ่อบอกว่า จริงๆบ้านเมืองเค้าไม่ได้สีซีดแบบนี้หรอกลูก พ่อปรับเอง กลัวไม่ชิคไม่คูล .... จ้าาาาาาา
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่