สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆผู้อ่านทุกคน
พบกันอีกครั้งแล้วนะครับในกระทู้ที่สองของผม เนื้อหาในกระทู้นี้คือช่วงเวลาให้หลังจากกระทู้ที่แล้วประมาณ1ปีนะครับ
จะเป็นเรื่องที่ผมประสบพบเจอมาในปีที่แล้ว ขอให้ทุกท่านลองอ่านดูกันครับ
"ขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณผู้ล่วงลับที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงในกระทู้นี้ ให้ไปสู่สุคติ ในภพภูมิที่ดีด้วยเทอญ"
...............................................................................
เหตุการณ์หลายๆอย่างในชีวิตของผม จะว่าเปลี่ยนไปจากเดิมมากไหม ก็คงไม่ได้มากมายอะไรหนักหนา
การเห็นวิญญาณของผมเห็นเป็นครั้งเป็นคราว ไม่ได้เห็นทุกวันทุกตน แต่ผมก็ยังคงหมั่นไปทำบุญเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับอยู่เรื่อยๆ
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนจบการศึกษาชั้นม.3 เมื่อถึงเวลาของการจากลา หลายคนก็ต่างโศกเศร้า บ้างก็ได้เจอกันอีก
บ้างก็อาจจะต้องแยกย้ายไปทำตามความฝัน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่จะต้องย้ายไปเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนใกล้ๆบ้าน งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
แต่กระนั้น ก่อนทุกคนจะแยกย้าย เพื่อนๆในกลุ่มผมได้คิดจัดงานเลี้ยงเล็กๆภายในกลุ่มเพื่อน7คน โดยใช้สถานที่คือตึกโรงอาหารของโรงเรียน ห้องเรียนของพวกเรานั้นเอง คุยกันเสร็จสรรพต่างคนก็ตกลงและแยกย้ายไปทำหน้าที่ โดยผมและฟิล์มต้องไปแจ้งยามโรงเรียนและคุณครู บางส่วนก็ไปซื้อของเพื่อเตรียมกินเลี้ยง "อยู่ถึงดึกได้ลุงไม่ว่าอะไรหรอก แต่พวกเรากล้าอยู่กันจริงหรอ?" ลุงยามถามย้ำผม เหมือนกังวลอะไรบางเรื่อง "ทำไมหละลุงผีดุหรอ" ผมแกล้งถามลุงยามขำๆด้วยความที่สนิทกันอยู่แล้ว "จำไม่ได้รึไง ปีก่อนที่นักเรียนโดดตึกลงมาตายน่ะ เฮี้ยนมาก ลุงเห็นโดดทุกคืนเลย 4ทุ่มก็มาแล้ว แล้วยังไม่ได้มีแค่นั้นนะ.." ในตอนนั้นผมเห็นสีหน้าฟิล์มเริ่มถอดสี จึงรีบพูดตัดบทลุงไป "ผีเผออะไรกันลุง ตาฝาดแล้ว ผมไปก่อนนะ" ผมและฟิล์มรีบเดินขึ้นไปยังห้องเรียนเพื่อเตรียมจัดของ และรอกิน เวลาล่วงเลยไปประมาณ3ทุ่มกว่าๆ พวกเราสังสรรค์กันอย่างสนุก มีการดื่มบ้างเล็กน้อยตามประสาวัยรุ่นเกเรๆ เพื่อนแต่ละคนเริ่มเมาได้ที่จึงชวนกันเล่นพิเรนทร์" เฮ้ย ไหนๆก็จะจบละ ลองหาไรเล่นกันดีกว่า จะได้มีอะไรไว้เล่าให้รุ่นน้องไว้ฟัง"ต้นพูดนำ "เอาดีวะผีถ้วยแก้วดีปะ"วินพูดเสริมขึ้นมาเชิงเห็นด้วย
ในตอนนั้นเพื่อนหลายคนจึงต้องจำใจเล่นกับพวกมันไปด้วย ยกเว้นผมกับวุฒิที่รู้ว่าถ้าเล่นไปคงไม่ดีแน่ แต่ก็ขัดพวกนั้นไม่ได้ ผมจึงออกไปนั่งฟังเพลงรอ
ตรงหน้าห้อง นั่งลงเปิดเพลงฟังไปได้สักพัก ผมมีความรุ้สึกเหมือนลมเย็นๆแวบผ่านหน้าเข้าไปในห้องที่เพื่อนๆกำลังทำพิธีเรียกวิญญาณกันอยู่
ด้วยความเบื่อและอยากออกไปสูดอาการ ผมจึงหยิบขวดเครื่องดื่มติดมือไป เพื่อขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้าของโรงเรียน
พระจันทร์ในคืนนั้นกลมสวยทอแสงสว่างจ้า การดื่มท่ามกลางอากาศเย็นๆของตอนกลางคืนคนเดียว มันช่างผ่อนคลายจริงๆ
จู่ๆก็เกิดสัมผัสเย็นๆมาจากแผ่นหลัง หางตาผมหันไปมองเห็นเป็นนักเรียนหญิงม.ปลายคนหนึ่ง พร้อมกับมือเย็นเฉียบที่สะกิดแผ่นหลังของผม
"มานั่งทำอะไรอยู่คนเดียว เป็นเด็กเป็นเล็ก มาดื่มอย่างงี้ได้ไง" พี่สาวคนนั้นตอบกลับผม เธอสวยและน่ารักมากๆสำหรับผม เอาง่ายๆคือตรงสเปคเลย
ตั้งแต่เห็นครั้งแรก แต่ติดที่ว่าใจผมรู้ว่าเธอไม่ใช่คนเนี่ยสิครับ "อ๋อ ขี้เกียจอยู่กับเพื่อนอะ มันเล่นพิเรนทร์ๆกันอยู่ ไม่อยากเข้าไปยุ่ง" ผมตอบพี่สาวคนนั้น
"รู้ใช่ไหมว่าพี่ไม่ใช่คน?" "รู้ดิ"ผมรีบตอบกลับไป "เนี่ยเมื่อกี้ก็ถูกเชิญไปเล่นถ้วยแก้วมา เพื่อนแกตลกๆทั้งนั้นเลย" เธอตอบผมด้วยรอยยิ้ม
ผีมันต้องน่ากลัวๆ แล้วจ้องจะเอาชีวิตคนที่เล่นไม่ใช่หรอวะ? ผมได้แต่คิดในใจ ด้วยความสับสนที่ต้องมานั่งคุยกับผีตัวเป็นๆแบบนี้
"ทำไมถึงมาให้ผมเห็นอะ"ผมรีบถามก่อนที่เธอคนนั้นจะหายไปจนไม่ได้คุยเสียก่อน "ปกติก็ให้เห็นเกือบทุกคนแหละ แต่เขากลัวกัน เลยไม่ค่อยให้ใครเห็นแล้ว มันทั้งเหงา ทั้งเปล่าเปลี่ยว ทั้งหดหู่ที่ไปไหนไม่ได้ ต้องทำอะไรซ้ำๆเดิมๆ ไปเกิดไม่ได้ ย้อนเวลาไปได้พี่คงไม่ทำแบบนั้นหรอก" เธอพูดพร้อมน้ำตาที่คลอ ผมเห็นทั้งรู้สึกหดหู่และสงสารเธอในเวลาเดียวกัน แต่ในเมื่อมันเป็นกฎแห่งกรรม ที่ผมไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับกรรมของใครได้ จึงทำได้แต่ภาวนาให้เธอหมดกรรม แล้วไปเกิดโดยเร็วเสียที "นี่ ขอบคุณมากเลยนะที่คุยเป็นเพื่อน น่ารักแบบนี้ตอนยังอยู่คงจีบไปแล้ว"เราคุยกันอย่างเฮฮาอีกหลายประโยค
"ระวังไว้หน่อยก็ดีนะ ตอนนี้มีวิญญาณตายโหงเข้ามาในโรงเรียน น่ากลัวมาก" ยังไม่ทันจะถามเพิ่มเติม เธอรีบบอกลาผมพร้อมตัดพ้อ "ไว้เจอกันใหม่นะ ถึงเวลาอีกแล้ว เฮ้อ จะได้เจอใครคุยด้วยอีกไหมเนี้ย" สิ้นสุดประโยคนั้น เธอเดินไปยังบริเวณขอบตึก หันมายิ้มให้ผม แววตาของเธอพอจะบอกผมได้ ว่าสิ่งที่เธอต้องเจอซ้ำๆ มันทุกข์ทรมาณขนาดไหน วิบากกรรมที่เธอก่อไว้ มันช่างใหญ่หลวง เธอต้องชดใช้มันไปจนกว่าจะหมดอายุขัย ก่อนที่เธอจะโดดลงไป
ผมเห็นภาพที่เกิดต่อหน้าก็น้ำตาคลอจนเกือบจะร้องออกมา
จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว เป็นเสียงที่ไม่ได้ยินมานานเป็นปี "ไปช่วยเพื่อน!" ได้ยินอย่างนั้นผมไม่รอช้า รีบวิ่งให้ไวที่สุดเพื่อไปยังห้องเรียน มองไปรอบห้องเห็นเพื่อนๆนั่งคุยกันอยู่ตามปกติ แต่ไร้วี่แววของไอต้น "ไอต้นอยู่ไหน!" ผมตะโกนถามเพื่อนในห้องอย่างร้อนใจ
"มันแพ้พนันอะ เลยต้องไปทำภารกิจที่พวกกูสั่ง" "พวกให้มันทำอะไร" "ไปหยิบน้ำแดงกุมารห้องอาจารย์เคน" วินตอบ
ผมนึกโมโหที่เพื่อนๆเล่นอะไรพิเรนทร์ จึงรีบวิ่งไปยังห้องปกครอง เมื่อใกล้ถึงผมมองไปเห็นไอต้นนอนสลบอยู่หน้าห้อง แต่กลับมีร่างหญิงสาวปริศนาท้องโต
ใส่ชุดคลุมท้องสีขาว ผมเผ้ารุงรัง กำลังจะเอื้อมมือลงไปสัมผัสร่างกายของต้นพร้อมฮัมเพลงนกกาเหว่า ซึ่งเป็นเพลงกล่อมเด็กของไทย
ทำนองช่างฟังดูโหยหวน เสียงลากยานเยือกเย็น ฟังแล้วกลัวจับใจ จนแขนขาของผมแทบแข็งตายมันตรงนั้น
"เจ้านกกาเหว่าเอ๋ย... ไข่ให้ไว้แม่กาฟัก...แม่กาก็หลงรัก... คิดว่าลูกในอุทธรณ์..." วิญญาณตนนั้นร้องพร้อมลูบไล้สัมผัสไปทั่วร่างกายของต้น ผมเรียกสติกลับมาได้จึงตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง "เฮ้ย!!" วิญญาณตนนั้นหันกลับมามองที่ผม ดวงตาซีดไร้ซึ่งตาดำ "ลูกแม่อยู่ไหน...ลูกแม่...กรี๊ดดดดดดด"
ร่างนั้นหายไปในพริบตา ราวกับกลัวบางสิ่งบางอย่าง ผมหันกลับไปมองชายคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ด้านหลังผม พร้อมมีดพร้าในมือ "เธอมาทำอะไรที่นี่ ทำไมยังไม่กลับบ้าน" อาจารย์เคนครูฝ่ายปกครองคนใหม่ของโรงเรียนถามผมเสียงแข็ง "ผมกินเลี้ยงกับเพื่อนอยู่ครับ แต่เพื่อนมันเล่นไม่รู้เรื่องกัน ใช้ให้เพื่อนผมมาขโมยน้ำแดงกุมารทอง สภาพก็เป็นแบบนี้ครับ"ผมตอบ พร้อมชี้มือไปที่ร่างของต้น "ถ้าเพื่อนเธอฟื้นรีบกลับกันไปเลยนะ แล้วอย่ามายุ่งกับของครูอีก อย่าหาว่าไม่เตือนแล้วกัน ระวังจะจบไม่สวย" อ.เคนพูดเชิงขู่ด้วยน้ำเสียงเลิ่กลั่ก พอต้นเริ่มมีสติผมจึงรีบพยุงต้นกลับไปที่ห้องเรียน เพื่อบอกกับเพื่อนๆในเรื่องที่เกิดขึ้น
พร้อมกับด่าเพื่อนที่เล่นไม่คิดกันไป "ก็อาจารย์เขาชอบอวดอ้างสรรพคุณกุมารเขานี่หว่า พึ่งได้มาไม่กี่อาทิตย์ โม้ซะใหญ่โตทั่วโรงเรียน กูหมั่นไส้"
วินตอบผม "แฟนอาจารย์เขาก็พึ่งเสียไปนี่ ทำไมไม่มีท่าทีเสียใจตรงไหนเลย แถมวันก่อนเห็นเราเห็นแกไปกินข้าวกับครูผู้หญิงอื่นที่ห้างอีก"หญิงพูดเสริม
แต่เวลาก็ล่วงเลยมาจนใกล้5ทุ่มแล้ว พวกเราเก็บของแล้วจึงรีบแยกย้ายกันกลับบ้าน เพื่อนๆบางส่วนจะไปนอนที่ห้องของวุฒิ แต่ผมขอตัวกลับก่อน
ผมนอนลงบนเตียงได้แต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ "ลูกแม่อยู่ไหน"? ประโยคนี้ทำให้ผมสงสัยถึงการมาของเธอคนนั้น
และการที่อ.เคนนำกุมารมาไว้ที่โรงเรียน มันอาจจะเชื่อมโยงกันก็เป็นได้ แต่เธอคนนั้นจะมาตามกุมารตัวนี้ไปทำไมกัน ผมมัวคิดจนหลับเข้าสู่ฝัน
"พี่จ๋า" เด็กชายตัวน้อยวิ่งเข้ามาเรียกผม ผมยิ้มรับและลูบหัวเด็กน้อยคนนั้น "หนูอยากกลับไปหาแม่พี่ช่วยหนูได้ไหม" เด็กน้อยพูดเชิงอ้อนวอน
"แล้วทำไมไม่กลับไปหาแม่หละครับ" "คนใจร้ายเขาขังหนูไว้ หนูไปไหนไม่ได้ หนูสงสารแม่ พี่อย่ากลัวแม่หนูนะ" ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา
ห่วงพันธนาการ
พบกันอีกครั้งแล้วนะครับในกระทู้ที่สองของผม เนื้อหาในกระทู้นี้คือช่วงเวลาให้หลังจากกระทู้ที่แล้วประมาณ1ปีนะครับ
จะเป็นเรื่องที่ผมประสบพบเจอมาในปีที่แล้ว ขอให้ทุกท่านลองอ่านดูกันครับ
"ขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณผู้ล่วงลับที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงในกระทู้นี้ ให้ไปสู่สุคติ ในภพภูมิที่ดีด้วยเทอญ"
...............................................................................
เหตุการณ์หลายๆอย่างในชีวิตของผม จะว่าเปลี่ยนไปจากเดิมมากไหม ก็คงไม่ได้มากมายอะไรหนักหนา
การเห็นวิญญาณของผมเห็นเป็นครั้งเป็นคราว ไม่ได้เห็นทุกวันทุกตน แต่ผมก็ยังคงหมั่นไปทำบุญเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับอยู่เรื่อยๆ
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนจบการศึกษาชั้นม.3 เมื่อถึงเวลาของการจากลา หลายคนก็ต่างโศกเศร้า บ้างก็ได้เจอกันอีก
บ้างก็อาจจะต้องแยกย้ายไปทำตามความฝัน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่จะต้องย้ายไปเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนใกล้ๆบ้าน งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
แต่กระนั้น ก่อนทุกคนจะแยกย้าย เพื่อนๆในกลุ่มผมได้คิดจัดงานเลี้ยงเล็กๆภายในกลุ่มเพื่อน7คน โดยใช้สถานที่คือตึกโรงอาหารของโรงเรียน ห้องเรียนของพวกเรานั้นเอง คุยกันเสร็จสรรพต่างคนก็ตกลงและแยกย้ายไปทำหน้าที่ โดยผมและฟิล์มต้องไปแจ้งยามโรงเรียนและคุณครู บางส่วนก็ไปซื้อของเพื่อเตรียมกินเลี้ยง "อยู่ถึงดึกได้ลุงไม่ว่าอะไรหรอก แต่พวกเรากล้าอยู่กันจริงหรอ?" ลุงยามถามย้ำผม เหมือนกังวลอะไรบางเรื่อง "ทำไมหละลุงผีดุหรอ" ผมแกล้งถามลุงยามขำๆด้วยความที่สนิทกันอยู่แล้ว "จำไม่ได้รึไง ปีก่อนที่นักเรียนโดดตึกลงมาตายน่ะ เฮี้ยนมาก ลุงเห็นโดดทุกคืนเลย 4ทุ่มก็มาแล้ว แล้วยังไม่ได้มีแค่นั้นนะ.." ในตอนนั้นผมเห็นสีหน้าฟิล์มเริ่มถอดสี จึงรีบพูดตัดบทลุงไป "ผีเผออะไรกันลุง ตาฝาดแล้ว ผมไปก่อนนะ" ผมและฟิล์มรีบเดินขึ้นไปยังห้องเรียนเพื่อเตรียมจัดของ และรอกิน เวลาล่วงเลยไปประมาณ3ทุ่มกว่าๆ พวกเราสังสรรค์กันอย่างสนุก มีการดื่มบ้างเล็กน้อยตามประสาวัยรุ่นเกเรๆ เพื่อนแต่ละคนเริ่มเมาได้ที่จึงชวนกันเล่นพิเรนทร์" เฮ้ย ไหนๆก็จะจบละ ลองหาไรเล่นกันดีกว่า จะได้มีอะไรไว้เล่าให้รุ่นน้องไว้ฟัง"ต้นพูดนำ "เอาดีวะผีถ้วยแก้วดีปะ"วินพูดเสริมขึ้นมาเชิงเห็นด้วย
ในตอนนั้นเพื่อนหลายคนจึงต้องจำใจเล่นกับพวกมันไปด้วย ยกเว้นผมกับวุฒิที่รู้ว่าถ้าเล่นไปคงไม่ดีแน่ แต่ก็ขัดพวกนั้นไม่ได้ ผมจึงออกไปนั่งฟังเพลงรอ
ตรงหน้าห้อง นั่งลงเปิดเพลงฟังไปได้สักพัก ผมมีความรุ้สึกเหมือนลมเย็นๆแวบผ่านหน้าเข้าไปในห้องที่เพื่อนๆกำลังทำพิธีเรียกวิญญาณกันอยู่
ด้วยความเบื่อและอยากออกไปสูดอาการ ผมจึงหยิบขวดเครื่องดื่มติดมือไป เพื่อขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้าของโรงเรียน
พระจันทร์ในคืนนั้นกลมสวยทอแสงสว่างจ้า การดื่มท่ามกลางอากาศเย็นๆของตอนกลางคืนคนเดียว มันช่างผ่อนคลายจริงๆ
จู่ๆก็เกิดสัมผัสเย็นๆมาจากแผ่นหลัง หางตาผมหันไปมองเห็นเป็นนักเรียนหญิงม.ปลายคนหนึ่ง พร้อมกับมือเย็นเฉียบที่สะกิดแผ่นหลังของผม
"มานั่งทำอะไรอยู่คนเดียว เป็นเด็กเป็นเล็ก มาดื่มอย่างงี้ได้ไง" พี่สาวคนนั้นตอบกลับผม เธอสวยและน่ารักมากๆสำหรับผม เอาง่ายๆคือตรงสเปคเลย
ตั้งแต่เห็นครั้งแรก แต่ติดที่ว่าใจผมรู้ว่าเธอไม่ใช่คนเนี่ยสิครับ "อ๋อ ขี้เกียจอยู่กับเพื่อนอะ มันเล่นพิเรนทร์ๆกันอยู่ ไม่อยากเข้าไปยุ่ง" ผมตอบพี่สาวคนนั้น
"รู้ใช่ไหมว่าพี่ไม่ใช่คน?" "รู้ดิ"ผมรีบตอบกลับไป "เนี่ยเมื่อกี้ก็ถูกเชิญไปเล่นถ้วยแก้วมา เพื่อนแกตลกๆทั้งนั้นเลย" เธอตอบผมด้วยรอยยิ้ม
ผีมันต้องน่ากลัวๆ แล้วจ้องจะเอาชีวิตคนที่เล่นไม่ใช่หรอวะ? ผมได้แต่คิดในใจ ด้วยความสับสนที่ต้องมานั่งคุยกับผีตัวเป็นๆแบบนี้
"ทำไมถึงมาให้ผมเห็นอะ"ผมรีบถามก่อนที่เธอคนนั้นจะหายไปจนไม่ได้คุยเสียก่อน "ปกติก็ให้เห็นเกือบทุกคนแหละ แต่เขากลัวกัน เลยไม่ค่อยให้ใครเห็นแล้ว มันทั้งเหงา ทั้งเปล่าเปลี่ยว ทั้งหดหู่ที่ไปไหนไม่ได้ ต้องทำอะไรซ้ำๆเดิมๆ ไปเกิดไม่ได้ ย้อนเวลาไปได้พี่คงไม่ทำแบบนั้นหรอก" เธอพูดพร้อมน้ำตาที่คลอ ผมเห็นทั้งรู้สึกหดหู่และสงสารเธอในเวลาเดียวกัน แต่ในเมื่อมันเป็นกฎแห่งกรรม ที่ผมไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับกรรมของใครได้ จึงทำได้แต่ภาวนาให้เธอหมดกรรม แล้วไปเกิดโดยเร็วเสียที "นี่ ขอบคุณมากเลยนะที่คุยเป็นเพื่อน น่ารักแบบนี้ตอนยังอยู่คงจีบไปแล้ว"เราคุยกันอย่างเฮฮาอีกหลายประโยค
"ระวังไว้หน่อยก็ดีนะ ตอนนี้มีวิญญาณตายโหงเข้ามาในโรงเรียน น่ากลัวมาก" ยังไม่ทันจะถามเพิ่มเติม เธอรีบบอกลาผมพร้อมตัดพ้อ "ไว้เจอกันใหม่นะ ถึงเวลาอีกแล้ว เฮ้อ จะได้เจอใครคุยด้วยอีกไหมเนี้ย" สิ้นสุดประโยคนั้น เธอเดินไปยังบริเวณขอบตึก หันมายิ้มให้ผม แววตาของเธอพอจะบอกผมได้ ว่าสิ่งที่เธอต้องเจอซ้ำๆ มันทุกข์ทรมาณขนาดไหน วิบากกรรมที่เธอก่อไว้ มันช่างใหญ่หลวง เธอต้องชดใช้มันไปจนกว่าจะหมดอายุขัย ก่อนที่เธอจะโดดลงไป
ผมเห็นภาพที่เกิดต่อหน้าก็น้ำตาคลอจนเกือบจะร้องออกมา
จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว เป็นเสียงที่ไม่ได้ยินมานานเป็นปี "ไปช่วยเพื่อน!" ได้ยินอย่างนั้นผมไม่รอช้า รีบวิ่งให้ไวที่สุดเพื่อไปยังห้องเรียน มองไปรอบห้องเห็นเพื่อนๆนั่งคุยกันอยู่ตามปกติ แต่ไร้วี่แววของไอต้น "ไอต้นอยู่ไหน!" ผมตะโกนถามเพื่อนในห้องอย่างร้อนใจ
"มันแพ้พนันอะ เลยต้องไปทำภารกิจที่พวกกูสั่ง" "พวกให้มันทำอะไร" "ไปหยิบน้ำแดงกุมารห้องอาจารย์เคน" วินตอบ
ผมนึกโมโหที่เพื่อนๆเล่นอะไรพิเรนทร์ จึงรีบวิ่งไปยังห้องปกครอง เมื่อใกล้ถึงผมมองไปเห็นไอต้นนอนสลบอยู่หน้าห้อง แต่กลับมีร่างหญิงสาวปริศนาท้องโต
ใส่ชุดคลุมท้องสีขาว ผมเผ้ารุงรัง กำลังจะเอื้อมมือลงไปสัมผัสร่างกายของต้นพร้อมฮัมเพลงนกกาเหว่า ซึ่งเป็นเพลงกล่อมเด็กของไทย
ทำนองช่างฟังดูโหยหวน เสียงลากยานเยือกเย็น ฟังแล้วกลัวจับใจ จนแขนขาของผมแทบแข็งตายมันตรงนั้น
"เจ้านกกาเหว่าเอ๋ย... ไข่ให้ไว้แม่กาฟัก...แม่กาก็หลงรัก... คิดว่าลูกในอุทธรณ์..." วิญญาณตนนั้นร้องพร้อมลูบไล้สัมผัสไปทั่วร่างกายของต้น ผมเรียกสติกลับมาได้จึงตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง "เฮ้ย!!" วิญญาณตนนั้นหันกลับมามองที่ผม ดวงตาซีดไร้ซึ่งตาดำ "ลูกแม่อยู่ไหน...ลูกแม่...กรี๊ดดดดดดด"
ร่างนั้นหายไปในพริบตา ราวกับกลัวบางสิ่งบางอย่าง ผมหันกลับไปมองชายคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ด้านหลังผม พร้อมมีดพร้าในมือ "เธอมาทำอะไรที่นี่ ทำไมยังไม่กลับบ้าน" อาจารย์เคนครูฝ่ายปกครองคนใหม่ของโรงเรียนถามผมเสียงแข็ง "ผมกินเลี้ยงกับเพื่อนอยู่ครับ แต่เพื่อนมันเล่นไม่รู้เรื่องกัน ใช้ให้เพื่อนผมมาขโมยน้ำแดงกุมารทอง สภาพก็เป็นแบบนี้ครับ"ผมตอบ พร้อมชี้มือไปที่ร่างของต้น "ถ้าเพื่อนเธอฟื้นรีบกลับกันไปเลยนะ แล้วอย่ามายุ่งกับของครูอีก อย่าหาว่าไม่เตือนแล้วกัน ระวังจะจบไม่สวย" อ.เคนพูดเชิงขู่ด้วยน้ำเสียงเลิ่กลั่ก พอต้นเริ่มมีสติผมจึงรีบพยุงต้นกลับไปที่ห้องเรียน เพื่อบอกกับเพื่อนๆในเรื่องที่เกิดขึ้น
พร้อมกับด่าเพื่อนที่เล่นไม่คิดกันไป "ก็อาจารย์เขาชอบอวดอ้างสรรพคุณกุมารเขานี่หว่า พึ่งได้มาไม่กี่อาทิตย์ โม้ซะใหญ่โตทั่วโรงเรียน กูหมั่นไส้"
วินตอบผม "แฟนอาจารย์เขาก็พึ่งเสียไปนี่ ทำไมไม่มีท่าทีเสียใจตรงไหนเลย แถมวันก่อนเห็นเราเห็นแกไปกินข้าวกับครูผู้หญิงอื่นที่ห้างอีก"หญิงพูดเสริม
แต่เวลาก็ล่วงเลยมาจนใกล้5ทุ่มแล้ว พวกเราเก็บของแล้วจึงรีบแยกย้ายกันกลับบ้าน เพื่อนๆบางส่วนจะไปนอนที่ห้องของวุฒิ แต่ผมขอตัวกลับก่อน
ผมนอนลงบนเตียงได้แต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ "ลูกแม่อยู่ไหน"? ประโยคนี้ทำให้ผมสงสัยถึงการมาของเธอคนนั้น
และการที่อ.เคนนำกุมารมาไว้ที่โรงเรียน มันอาจจะเชื่อมโยงกันก็เป็นได้ แต่เธอคนนั้นจะมาตามกุมารตัวนี้ไปทำไมกัน ผมมัวคิดจนหลับเข้าสู่ฝัน
"พี่จ๋า" เด็กชายตัวน้อยวิ่งเข้ามาเรียกผม ผมยิ้มรับและลูบหัวเด็กน้อยคนนั้น "หนูอยากกลับไปหาแม่พี่ช่วยหนูได้ไหม" เด็กน้อยพูดเชิงอ้อนวอน
"แล้วทำไมไม่กลับไปหาแม่หละครับ" "คนใจร้ายเขาขังหนูไว้ หนูไปไหนไม่ได้ หนูสงสารแม่ พี่อย่ากลัวแม่หนูนะ" ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา