สวัสดีเพื่อนชาวพันทิปทุกคนค่ะ กระทู้นี้เป็น กระทู้ที่ 3 หลังจากแอบสิงมาเป็นปีๆ และคาดว่าจะเป็น กระทู้ ที่ีสาระมากที่สุด ฮ่าๆๆๆๆ
เนื่องจากเรื่องที่จะบอกเนื้อหาเยอะมาก หากผิดพลาดประการ ขอ อภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ปกติเป็นคนใส่แว่นสายตามาตั้งแต่มัธยมปลายเนื่องจากสายตาเอียงและสั้น ค่าสายตาเรา ซ้ายอยู่ที่ สั้น 50 เอียง 375 ขวา สั้น 75 ไม่เอียง
ใส่บางถอดบ้างตลอดจนปัจจัย อาจเป็นเพราะอายุที่มากขึ้นและใช้สายตาจากการทำงานเยอะอาการตาปวดตาและล้าตาจึงชัดขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ทน
ไปหาหมอบางแต่ก็แก้ไม่ไม่ถูกจุดซะทีอาจเป็นเพราะเวลาไปทีไรก็แจ้งว่าปวดหัวลามไปตาทุกทีและก็ถูกส่งไปตรวจต่อที่สมองหรืออายุกรรมไปซะทุกที
จนไปได้อ่านบทความในเพจของจ่าพิชิตซึ่งเคสนั้นเกิดขึ้นในเด็กและได้รับการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว เราจึงทักไปสอบถามจ่าใน inbox จ่าเองก็บอกให้เราไปหาหมอได้เลยใช้สิทธิประกันสังคมได้เลย เราจึงตัดสินใจไปหาหมออีกครั้ง แต่ครั้งนี้แจ้งตรงคัดกรองโรคเลยคะว่า "ปวดตา" ก็ถูกส่งไป จักษุฯ
ในทันทีเลยค่ะ
อาการของตาเราเป็นแบบนี้นะคะ (พบได้น้อยมาก แต่ใช่คะเราเป็นหนึ่งในผู้โชคดีค่ะ ฮ่า ๆ ๆ) เรามีปัญหาแบบนี้ที่ตาซ้ายคะ เวลามองที่เดียวนาน ๆ ตาซ้ายจะเลื่อนต่ำลง ๆ มาเหมือนภาพเลยค่ะ
ตรวจตาครั้งแรก กับ รพ.ลาดพร้าว
ไปถึงเคาว์เตอร์ ส่งเอกสารที่เคาว์เตอร์รอพยาบาลเรียก ชั่งน้ำหนัก วัดความดัน และตรวจวัดสายตา ขั้นตอนการตรวจตา จะเหมือนกันทุกครั้งที่ไปหาหมอเลย
ตรวจแรกก็จะมีวัดสายตาโดยการอ่านป้ายบนผนัง และ วัดความดันลูกตาโดยเครื่องเป่าจะเป่าลมที่ตาเรา 1 ครั้ง แต่ตกใจนิดๆ แต่ไม่เจ็บนะคะ อาจมีการตรวจวัดสายตากับเครื่องดิจิตอลบางครั้งแล้วแต่คุณหมอจะบอกค่ะ
พบหมอตาครั้งแรก
เจอคุณหมอท่านแรกก็วินิจฉัยโรคเลยคะ ว่าเราเป็นโรคตาขี้เกียจ(ตาเหล่) สักประวัติกันไปมาก็ส่งเคสเราต่อให้คุณหมออีกท่านคะ เนื่องจากคุณหมอท่านนี้เชี่ยวชาญในโรคตาเหล่ในเด็กคะ เราก็รอนัดจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์
พบคุณหมอ เพียงพร ครั้งแรก
ตรวจกับคุณหมอเพียงพรครั้งแรก คุณหมอจะมีเครื่องอะไรสักอย่างไม่แน่ใจ ฉายไฟเข้าไปในตา แสบตาหน่อยๆ แต่ไม่เจ็บค่ะ จากนั้นคุณหมอจะให้มองนิ้วคุณหมอและแสงจากไฟฉายค่ะ บน ล่าง ซ้าย ขวา เวลามองตาข้างที่ซ้ายที่เป็นปัญหามันจะตึงๆ และเห็นภาพซ้อนค่ะ จากนั้นคุณหมอจะให้เรามองป้ายในห้องตรวจตรวจค่ะ มองตัวเลขหรือตัวหนังสือตัวใดตัวหนึ่ง แล้วเอาพลาสติกมาปิดตาข้างหนึ่งของเราไว้ค่ะ วิธีนี้เราเข้าใจเองว่าเป็นวิธีที่คุณหมอดูการทำงานของตาแต่ละข้างของเราค่ะ จากนั้นคุณหมอก็จะพาเราไปห้องแห่งความลับ ไม่ใช่! ห้องตรวจวัดสายตาอีกรอบ แต่คราวนี้ไปลองใส่แว่นปริซึม (แว่นๆหนา ที่ให้เด็กใส่แก้ปัญหาตาเหล่เบื้องต้น ลดการเกิดภาพซ้อนเวลามองวัตถุ) ของเราลองแล้วลองอีก ก็ยังเกิดภาพซ้อนอยู่ดี คุณหมอเลยพากลับห้องตรวจพูดคุยถึงเรื่องอาการต่อค่ะ คุณหมอยังไม่วินิจฉัยทันทีคะ คุณหมอคาดเดาอยู่ว่าเราที่เส้นประสาทตาคู่ที่ 4 เป็นอัมพาต(เป็นตั้งแต่เกิดแต่เพิ่งแสดงอาการ)หรือมีเนื้องอกในสมอง(เพิ่งเจอและแสดงอาการในผู้ใหญ่) เนื่องจากอาการเพิ่งมาแสดงตอนแก่ ฮ่า ๆ คุณหมอเลยนัดให้มา CT Scan สมองในครั้งต่อไปคะ ก่อนกลับบ้านเจาะเหลือดก่อน 1หลอดค่ะ เพื่อตรวจก่อนทำ CT Scan
(ขออนุญาติใส่ชื่อคุณหมอเลยนะคะ เนื่องจากตอนทำหาเครดิตคุณหมอแทบไม่ได้เลย ขอใช้พื้นที่ในนี้เป็นการยืนยันว่าคุณหมอเก่งมากค่ะ)
CT Scan
ก่อนเข้ารับ CT Scan ไม่ต้องงดน้ำ งดอาหารนะคะ มาที่ เปลี่ยนเสื้อ ถอดเครื่องประดับทั้งหลายออกนะคะ แนะนำให้พาญาติหรือคนดูแลมาด้วยนะคะ เนื่องจากหลังจากฉีดสี จะมีอาการร้อนผ่าวๆในตัวหรืออาจอาเจียนได้ค่ะ เมื่อเข้าไปในห้องสแกน หมอจะให้น้ำเกลือเราทางข้อพับนะคะ ในน้ำเกลือไปสักพักพยาบาลจะฉีดสี เค้าจะบอกก่อนนะคะว่าจะฉีกแล้วนะคะคะ ห้ามกลืนน้ำลาย(ถ้าทำได้) เพราะถ้ากลืนน้ำลายจะขมคอ ทำให้อ้วกได้คะ ระหว่างฉีดเราพยายามทำตามพยายามบอก กลัวนิดหน่อยแต่ใจสู้ค่ะ ระหว่างยากำลังเดินทางตัวเราจะร้อนวาบไปทั่วตัวเลยค่ะ ร้อนแบบหู้วววว ยามันไปแล้ววว ไปแขน ไปขา มาคอแล้ว(กลิ่นยาตีมาเลย) มาหน้า แล้วมาร้อนจุดสุดท้ายที่ร้อนสุดๆคือตรงน้องสาวเราค่ะ(ไม่ได้ทะลึ่งแต่อย่างใดนะคะ มันเป็นแบบนี้จริง ๆ อาจเป็นเพราะตรงนั้นมีเส้นประสาทเยอะสุด ก็เป็นด้ายยยย) พักให้ยาเดินทางสักพัก เค้าจะเอาเราเข้าอุโมงค์ค่ะ เข้าไปแปปเดียว ไม่ถึง 5 นาที(มั้ง) ก็เสร็จแล้วค่ะ จากนั้นเราก็กลับบ้านได้ รอฟังผลวันเจอกับคุณหมอค่ะ ของเราหมอนัดอีกทีสิ้นเดือน ซึ่งจริงผล ไม่เกิน 2อาทิตย์ก็ออกแล้วค่ะ และแน่นอนว่าหากเจอก้อนเนื้อ เค้าจะแจ้งเราก็ที่เรานัดคุณหมออยู่แล้วค่ะ **เรื่องค่าใช้จ่าย ไม่เสียนะคะ ประกันสังคมจ่ายให้ครอบคลุมค่ะ
พบคุณหมอ เพียงพร ครั้งที่ 2
ผลของ CT Scan ออกแล้ว ไม่มีก้อนเนื้อในสมองค่ะ คุณหมอสรุปว่า เราเป็น เส้นประสาทตาคู่ที่ 4 มีปัญหา ทำให้ตา 2 ข้างทางงานไม่สัมพันธ์กัน วันนี้ที่เราไปหาหมอเหมือนว่าสายตาเราแสดงอาการมากขึ้น ใช่งานแปป ๆ ก็ปวด และล้าแล้ว คุณหมออธิบายว่า เป็นไปได้ว่าที่เรามาตรวจแล้วไปสะกิดมันตรงจุด จึงทำให้มันแสดงอาการเร็วขึ้นหนักขึ้นกว่าเดิม คุณหมอเลยบอกว่าวิธีแก้ไขอาการนี้คือ "ผ่าตัด" โดยอธิบายต่อว่า เราจะผ่าตัดกล้ามเนื้อตาที่ตาขวา เพื่อให้ตาซ้ายที่ต่ำลงกลับมาอยู่ตรงกลางให้ได้มากที่สุด(สมองคนเราทำงานกลับด้านค่ะ ขวาสั่งซ้าย ซ้ายสั่งขวา) เรามีปัญหาที่ตาซ้าย เราจึงต้องผ่าตัดตาขวาค่ะ ก่อนกลับบ้าน ต้องไปเจาะเลือดก่อนทำการผ่าตัด 3หลอด แล้วกลับมาคุยเรื่องห้องพักหลังผ่าตัดค่ะ รพ. จะให้เลือกว่าเราอยากพักแบบไหน ห้องรวม(ประกันสังคมครอบคลุม ไม่ต้องจ่ายเองค่ะ) ห้อพิเศษแบบ นอน 2คน (ประมาณ 2,000+) ห้องพิเศษ เดี่ยว (เราเลือก package นี้ ประมาณ 3,500+)
ถึงวันผ่าตัดแล้ว
ไวเหมือนโกหก ^^ จริง ๆ เหมือนว่าเราไปหาหมอมากกว่า 2 นะ จำไม่ได้จริง ฮ่า ๆ ก่อนทำการผ่าตัดการปกติเลยคะ งดน้ำ งดอาหาร ตั้งแต่เที่ยงคืน หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็ตั้งแต่ 7.00 เนื่องจากเรานัดผ่าตัดตอน 17.00 เราต้องไป รพ. แต่เช้านะคะ มาคุยเรื่องรายะละเอียดการผ่าตัด การจองห้อง การเตรียมตัวก่อนและหลังผ่าตัดค่ะ เราไปถึง รพ. ตั้งแต่ 9.00 นั่งรอ+นั่งฟังพยาบาล ราว ๆ 10.30 เราก็ได้ไปพักที่ห้องค่ะ ก่อนไปที่ห้องพยาบาลแจ้งว่าคุณหมอเลื่อนเวลาผ่าตัด จาก 17.00 เป็น 15.00 ค่ะ เร็วขึ้นไปอี๊กกก ตื่นเต้นวุ้ยยย
เข้าห้องรอขึ้นเขียง
พอถึงห้องคุณพยาบาลเข้ามาให้น้ำเกลือ ทนแทนน้ำและอาหารที่เราอดก่อนผ่าตัดค่ะ การผ่าตัดครั้งนี้เราต้องวางยาสลบค่ะ เฉพาะฉะนั้นห้ามมีอาหารหรือน้ำในกระเพาะอาหารหรือหลอดลม เพื่อป้องการกันสำลักระหว่างผ่าตัดค่ะ การผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ไม่รวมไปเตรียมตัวในห้องผ่าตัด 1 ชม. และพักฟื้นหลังให้ยาสลบ(ป้องกันการเมายา) อีกประมาณ 1-2 ชม. ค่ะ เราไปหารอที่พบคุณหมอก่อนการผ่า ตั้งแต่ 13.00 ย้ายตัวไปที่ห้องผ่าตัดตอน 14.00 เข้าห้องผ่าตัดประมาณ 15.30 กลับถึงห้องพัก ประมาณ 18.30 ค่ะ
ก่อนเข้าห้องผ่า(นอนรอเวลา) อาจารย์หมอท่านนึงชวนพูดคุย ท่านบอกว่าเดี๋ยวจะมีรมยาสลบนะ ผ่าเสร็จจะมึนๆ ต้องนอนพักดูอาการก่อน หลับไปแล้วจะหลับยาวเลยนะ แต่เดี๋ยวอยากให้ตื่นจะปลุก ตื่นมาแล้วเจ็บคอหน่อยนะ ต้องใช้ท่อช่วยหายใจใส่ลงคอ ตอนเอาออกจะเจ็บๆ เคืองหน่อย อาจารย์หมอท่านนี้น่ารักมากเลยค่ะ ชวนคุยลดความหวาดกลัวการผ่าตัดครั้งแรกในชีวิตไปได้เยอะเลย
ได้เวลาเฉือด!!!!!
เข้าไปในห้องผ่า คุณหมอเจ้าของไข้จะเข้ามารีเชคอาการอีกครั้ง พร้อมกับตรวจสายตามอีกรอบค่ะ วิธีนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว มาถึงการให้ยาสลบค่ะ มีแอบกลัวนิดหน่อย แต่พยาบาล อาจารย์หมอ และคุณหมอ ให้กำลังใจเป็นอย่างดีคะ เริ่มด้วยเอาท่อยามาครอบปากและจมูก พร้อมกับบอกให้เราหายใจเข้าลึกๆ สูดไปแรกๆ ก็เหมือนกับเราสูดอาการปกติค่ะ หายใจไปสักระยะ ได้กลิ่นคล้ายยาคล้ายโรงพยาบาล(คิดในใจว่ามาแล้ววว ยามาแล้ว) สูดไปปรื้ดเดียวค่ะ ทีเดียว ป๊อก! ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย รู้สึกตัวอีกทีน่าจะตอนผ่าเสร็จแล้ว รู้สึกเหมือนมีคนมายกตัวเปลี่ยนเตียง แต่ก็ยังไม่ได้รู้สึกเต็มที่นะคะ จะรู้สึกจริงๆก็ตอนโดนปลุกค่ะ จำไม่ได้ว่าตอนนั้นท่อช่วยหายออกหรือยังแต่ความรู้สึกคือเจ็บคอมากกกกกก ไอเหมือนจะตาย เจ็บคอเจ็บท้องไปหมด และหิวน้ำมากกกก เจ้าหน้าที่ก็ปล่อยให้นอนรอไปเรื่อย นอนเน่าเป็นผักกับไอคร่อกๆวนไปค่ะ และแล้วก็ถึงเวลาที่สมควร เจ้าหน้าพาเราไปที่ห้องพักค่ะ ขยับขึ้นเตียงได้ก็รอขอน้ำกินก่อนสิ่งอื่นใดเลยค่ะ
อาการหลังผ่าตัด
จะบอกว่ามันไม่เจ็บเลยนะคะ ไม่รู้สึกเจ็บใด ๆเลยจริง ๆ ที่รู้สึกคือ ปวดค่ะ ปวดแบบทนได้แต่ถ้าได้พาราสักเม็ดคงจะดีมาก ฮ่า ๆ ๆ กับมีอาการเคืองๆตา ซึ่งน่าจะเป็นไหมที่เย็บแผล ซึ่งจะค่อยๆหายไปเอง เมื่อไหมเริ่มละลายค่ะ พักสักพักก็ทานข้าวทานยาแก้ปวด แล้วก็นอน นอนวนไปเรื่อย ๆ รอเปิดตาในวันรุ่งขึ้น ระหว่างนี้จะมีพยาบาลมาวัดไข้และวัดความดัน คาดว่าน่าจะประมาณทุก 3ชม. เพื่อดูว่าเราไม่ได้ติดเชื้อหลังการผ่าตัด และจะค่อยถามว่าเราฉี่กี่รอบแล้วอึไหม? ซึ่งเราเอง ฉี่หลายรอบมากค่ะ แต่ไม่อึเลย
เปิดตาจ้า
ประมาณ 9.00 คุณหมอเจ้าของไข้มาเปิดตา เช็คแผล รอเคลียค่าใช้จ่ายและกลับบ้านค่ะ เคลียค่าเสียหายก่อนกลับที่ 3,085 บาท สบายใจพร้อมใบรับรอแพทย์ ให้พักฝื้น 7 วันค่ะ คุณหมอแจ้งว่าอาการจะดีขึ้นเรื่อยๆ โดยนัดมาดูอาการหลังผ่าต้ด 1อาทิตย์ และทุกเดือนๆ เป็นเวลา 3เดือนค่ะ
และนี้ภาพก่อนการผ่าตัดค่ะ ตาเราจะเป็นแบบนี้ค่ะ (ขอซ่อนเป็นสปอยนะคะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทิ้งท้ายด้วยภาพตา เมื่อเปิดแล้วหลังภาพตัด 6วัน ค่ะ (ขอซ่อนสปอยเหมือนเดิม เกรงใจในความสดของหน้าค่ะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การดูแลความสะอาดหน้าหลังผ่าตัดคือใช้สำลีชุบน้ำเกลือบีบให้ไม่มีน้ำหยดหรือผ้าเช็ดก้นเด็ก เช็ดหน้าตลอด 2อาทิตย์ ห้ามล่างหน้าเด็ดขาดนะคะ
หากน้ำเข้าตา สามารถทำให้ติดเชื้อได้ค่ะ สระผมที่ร้านเท่านั้นและอย่าลืมหาผ้าไปปิดตากันน้ำหรือละอองแชมพูครีมนวดเข้าตาด้วยนะคะ อาบน้ำ แปรงฟัน ได้ปกติค่ะ แต่ระวังอย่าทำแรง น้ำจะกระเด็นเข้าตาได้ค่ะ
ในวันที่เราเขียนกระทู้นี้ เข้าสู่วันที่ 8 แล้วค่ะ เลือดที่อยู่ในตาจางลงไปตามลำดับ อาการที่แสดงตอนนี้คือ เคืองตาและคันตาค่ะ เป็นเนื่องจากไหมละลายเริ่มละลาย ปลายไหมบางส่วนโผล่ออกมาโดนบริเวณหางตา จะรู้สึกเคืองเหมือนขนตาเข้าตา แต่ไม่เจ็บนะคะ รู้สึกรำคาญสะมากกว่า และที่เริ่มคันน่าจะเป็นเพราะแผลใกล้หาแล้วค่ะ
เขียนมาสะเยอะ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องใช้สายตานะคะ กระทู้นี้เราใช้เวลาเขียน 3วัน ค่ะ พิมพ์ไปพักไปสุดท้ายก็จบจนได้ ^^
หวังว่าก็กระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อยและขอ อภัย อีกครั้งสำหรับความยืดยาวของกระทู้ค่ะ
[CR] รีวิวการผ่าตัดกล้ามเนื้อตาในผู้ใหญ่ แบบละเอียดสุดๆ
เนื่องจากเรื่องที่จะบอกเนื้อหาเยอะมาก หากผิดพลาดประการ ขอ อภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ปกติเป็นคนใส่แว่นสายตามาตั้งแต่มัธยมปลายเนื่องจากสายตาเอียงและสั้น ค่าสายตาเรา ซ้ายอยู่ที่ สั้น 50 เอียง 375 ขวา สั้น 75 ไม่เอียง
ใส่บางถอดบ้างตลอดจนปัจจัย อาจเป็นเพราะอายุที่มากขึ้นและใช้สายตาจากการทำงานเยอะอาการตาปวดตาและล้าตาจึงชัดขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ทน
ไปหาหมอบางแต่ก็แก้ไม่ไม่ถูกจุดซะทีอาจเป็นเพราะเวลาไปทีไรก็แจ้งว่าปวดหัวลามไปตาทุกทีและก็ถูกส่งไปตรวจต่อที่สมองหรืออายุกรรมไปซะทุกที
จนไปได้อ่านบทความในเพจของจ่าพิชิตซึ่งเคสนั้นเกิดขึ้นในเด็กและได้รับการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว เราจึงทักไปสอบถามจ่าใน inbox จ่าเองก็บอกให้เราไปหาหมอได้เลยใช้สิทธิประกันสังคมได้เลย เราจึงตัดสินใจไปหาหมออีกครั้ง แต่ครั้งนี้แจ้งตรงคัดกรองโรคเลยคะว่า "ปวดตา" ก็ถูกส่งไป จักษุฯ
ในทันทีเลยค่ะ
อาการของตาเราเป็นแบบนี้นะคะ (พบได้น้อยมาก แต่ใช่คะเราเป็นหนึ่งในผู้โชคดีค่ะ ฮ่า ๆ ๆ) เรามีปัญหาแบบนี้ที่ตาซ้ายคะ เวลามองที่เดียวนาน ๆ ตาซ้ายจะเลื่อนต่ำลง ๆ มาเหมือนภาพเลยค่ะ
ตรวจตาครั้งแรก กับ รพ.ลาดพร้าว
ไปถึงเคาว์เตอร์ ส่งเอกสารที่เคาว์เตอร์รอพยาบาลเรียก ชั่งน้ำหนัก วัดความดัน และตรวจวัดสายตา ขั้นตอนการตรวจตา จะเหมือนกันทุกครั้งที่ไปหาหมอเลย
ตรวจแรกก็จะมีวัดสายตาโดยการอ่านป้ายบนผนัง และ วัดความดันลูกตาโดยเครื่องเป่าจะเป่าลมที่ตาเรา 1 ครั้ง แต่ตกใจนิดๆ แต่ไม่เจ็บนะคะ อาจมีการตรวจวัดสายตากับเครื่องดิจิตอลบางครั้งแล้วแต่คุณหมอจะบอกค่ะ
พบหมอตาครั้งแรก
เจอคุณหมอท่านแรกก็วินิจฉัยโรคเลยคะ ว่าเราเป็นโรคตาขี้เกียจ(ตาเหล่) สักประวัติกันไปมาก็ส่งเคสเราต่อให้คุณหมออีกท่านคะ เนื่องจากคุณหมอท่านนี้เชี่ยวชาญในโรคตาเหล่ในเด็กคะ เราก็รอนัดจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์
พบคุณหมอ เพียงพร ครั้งแรก
ตรวจกับคุณหมอเพียงพรครั้งแรก คุณหมอจะมีเครื่องอะไรสักอย่างไม่แน่ใจ ฉายไฟเข้าไปในตา แสบตาหน่อยๆ แต่ไม่เจ็บค่ะ จากนั้นคุณหมอจะให้มองนิ้วคุณหมอและแสงจากไฟฉายค่ะ บน ล่าง ซ้าย ขวา เวลามองตาข้างที่ซ้ายที่เป็นปัญหามันจะตึงๆ และเห็นภาพซ้อนค่ะ จากนั้นคุณหมอจะให้เรามองป้ายในห้องตรวจตรวจค่ะ มองตัวเลขหรือตัวหนังสือตัวใดตัวหนึ่ง แล้วเอาพลาสติกมาปิดตาข้างหนึ่งของเราไว้ค่ะ วิธีนี้เราเข้าใจเองว่าเป็นวิธีที่คุณหมอดูการทำงานของตาแต่ละข้างของเราค่ะ จากนั้นคุณหมอก็จะพาเราไปห้องแห่งความลับ ไม่ใช่! ห้องตรวจวัดสายตาอีกรอบ แต่คราวนี้ไปลองใส่แว่นปริซึม (แว่นๆหนา ที่ให้เด็กใส่แก้ปัญหาตาเหล่เบื้องต้น ลดการเกิดภาพซ้อนเวลามองวัตถุ) ของเราลองแล้วลองอีก ก็ยังเกิดภาพซ้อนอยู่ดี คุณหมอเลยพากลับห้องตรวจพูดคุยถึงเรื่องอาการต่อค่ะ คุณหมอยังไม่วินิจฉัยทันทีคะ คุณหมอคาดเดาอยู่ว่าเราที่เส้นประสาทตาคู่ที่ 4 เป็นอัมพาต(เป็นตั้งแต่เกิดแต่เพิ่งแสดงอาการ)หรือมีเนื้องอกในสมอง(เพิ่งเจอและแสดงอาการในผู้ใหญ่) เนื่องจากอาการเพิ่งมาแสดงตอนแก่ ฮ่า ๆ คุณหมอเลยนัดให้มา CT Scan สมองในครั้งต่อไปคะ ก่อนกลับบ้านเจาะเหลือดก่อน 1หลอดค่ะ เพื่อตรวจก่อนทำ CT Scan
(ขออนุญาติใส่ชื่อคุณหมอเลยนะคะ เนื่องจากตอนทำหาเครดิตคุณหมอแทบไม่ได้เลย ขอใช้พื้นที่ในนี้เป็นการยืนยันว่าคุณหมอเก่งมากค่ะ)
CT Scan
ก่อนเข้ารับ CT Scan ไม่ต้องงดน้ำ งดอาหารนะคะ มาที่ เปลี่ยนเสื้อ ถอดเครื่องประดับทั้งหลายออกนะคะ แนะนำให้พาญาติหรือคนดูแลมาด้วยนะคะ เนื่องจากหลังจากฉีดสี จะมีอาการร้อนผ่าวๆในตัวหรืออาจอาเจียนได้ค่ะ เมื่อเข้าไปในห้องสแกน หมอจะให้น้ำเกลือเราทางข้อพับนะคะ ในน้ำเกลือไปสักพักพยาบาลจะฉีดสี เค้าจะบอกก่อนนะคะว่าจะฉีกแล้วนะคะคะ ห้ามกลืนน้ำลาย(ถ้าทำได้) เพราะถ้ากลืนน้ำลายจะขมคอ ทำให้อ้วกได้คะ ระหว่างฉีดเราพยายามทำตามพยายามบอก กลัวนิดหน่อยแต่ใจสู้ค่ะ ระหว่างยากำลังเดินทางตัวเราจะร้อนวาบไปทั่วตัวเลยค่ะ ร้อนแบบหู้วววว ยามันไปแล้ววว ไปแขน ไปขา มาคอแล้ว(กลิ่นยาตีมาเลย) มาหน้า แล้วมาร้อนจุดสุดท้ายที่ร้อนสุดๆคือตรงน้องสาวเราค่ะ(ไม่ได้ทะลึ่งแต่อย่างใดนะคะ มันเป็นแบบนี้จริง ๆ อาจเป็นเพราะตรงนั้นมีเส้นประสาทเยอะสุด ก็เป็นด้ายยยย) พักให้ยาเดินทางสักพัก เค้าจะเอาเราเข้าอุโมงค์ค่ะ เข้าไปแปปเดียว ไม่ถึง 5 นาที(มั้ง) ก็เสร็จแล้วค่ะ จากนั้นเราก็กลับบ้านได้ รอฟังผลวันเจอกับคุณหมอค่ะ ของเราหมอนัดอีกทีสิ้นเดือน ซึ่งจริงผล ไม่เกิน 2อาทิตย์ก็ออกแล้วค่ะ และแน่นอนว่าหากเจอก้อนเนื้อ เค้าจะแจ้งเราก็ที่เรานัดคุณหมออยู่แล้วค่ะ **เรื่องค่าใช้จ่าย ไม่เสียนะคะ ประกันสังคมจ่ายให้ครอบคลุมค่ะ
พบคุณหมอ เพียงพร ครั้งที่ 2
ผลของ CT Scan ออกแล้ว ไม่มีก้อนเนื้อในสมองค่ะ คุณหมอสรุปว่า เราเป็น เส้นประสาทตาคู่ที่ 4 มีปัญหา ทำให้ตา 2 ข้างทางงานไม่สัมพันธ์กัน วันนี้ที่เราไปหาหมอเหมือนว่าสายตาเราแสดงอาการมากขึ้น ใช่งานแปป ๆ ก็ปวด และล้าแล้ว คุณหมออธิบายว่า เป็นไปได้ว่าที่เรามาตรวจแล้วไปสะกิดมันตรงจุด จึงทำให้มันแสดงอาการเร็วขึ้นหนักขึ้นกว่าเดิม คุณหมอเลยบอกว่าวิธีแก้ไขอาการนี้คือ "ผ่าตัด" โดยอธิบายต่อว่า เราจะผ่าตัดกล้ามเนื้อตาที่ตาขวา เพื่อให้ตาซ้ายที่ต่ำลงกลับมาอยู่ตรงกลางให้ได้มากที่สุด(สมองคนเราทำงานกลับด้านค่ะ ขวาสั่งซ้าย ซ้ายสั่งขวา) เรามีปัญหาที่ตาซ้าย เราจึงต้องผ่าตัดตาขวาค่ะ ก่อนกลับบ้าน ต้องไปเจาะเลือดก่อนทำการผ่าตัด 3หลอด แล้วกลับมาคุยเรื่องห้องพักหลังผ่าตัดค่ะ รพ. จะให้เลือกว่าเราอยากพักแบบไหน ห้องรวม(ประกันสังคมครอบคลุม ไม่ต้องจ่ายเองค่ะ) ห้อพิเศษแบบ นอน 2คน (ประมาณ 2,000+) ห้องพิเศษ เดี่ยว (เราเลือก package นี้ ประมาณ 3,500+)
ถึงวันผ่าตัดแล้ว
ไวเหมือนโกหก ^^ จริง ๆ เหมือนว่าเราไปหาหมอมากกว่า 2 นะ จำไม่ได้จริง ฮ่า ๆ ก่อนทำการผ่าตัดการปกติเลยคะ งดน้ำ งดอาหาร ตั้งแต่เที่ยงคืน หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็ตั้งแต่ 7.00 เนื่องจากเรานัดผ่าตัดตอน 17.00 เราต้องไป รพ. แต่เช้านะคะ มาคุยเรื่องรายะละเอียดการผ่าตัด การจองห้อง การเตรียมตัวก่อนและหลังผ่าตัดค่ะ เราไปถึง รพ. ตั้งแต่ 9.00 นั่งรอ+นั่งฟังพยาบาล ราว ๆ 10.30 เราก็ได้ไปพักที่ห้องค่ะ ก่อนไปที่ห้องพยาบาลแจ้งว่าคุณหมอเลื่อนเวลาผ่าตัด จาก 17.00 เป็น 15.00 ค่ะ เร็วขึ้นไปอี๊กกก ตื่นเต้นวุ้ยยย
เข้าห้องรอขึ้นเขียง
พอถึงห้องคุณพยาบาลเข้ามาให้น้ำเกลือ ทนแทนน้ำและอาหารที่เราอดก่อนผ่าตัดค่ะ การผ่าตัดครั้งนี้เราต้องวางยาสลบค่ะ เฉพาะฉะนั้นห้ามมีอาหารหรือน้ำในกระเพาะอาหารหรือหลอดลม เพื่อป้องการกันสำลักระหว่างผ่าตัดค่ะ การผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ไม่รวมไปเตรียมตัวในห้องผ่าตัด 1 ชม. และพักฟื้นหลังให้ยาสลบ(ป้องกันการเมายา) อีกประมาณ 1-2 ชม. ค่ะ เราไปหารอที่พบคุณหมอก่อนการผ่า ตั้งแต่ 13.00 ย้ายตัวไปที่ห้องผ่าตัดตอน 14.00 เข้าห้องผ่าตัดประมาณ 15.30 กลับถึงห้องพัก ประมาณ 18.30 ค่ะ
ก่อนเข้าห้องผ่า(นอนรอเวลา) อาจารย์หมอท่านนึงชวนพูดคุย ท่านบอกว่าเดี๋ยวจะมีรมยาสลบนะ ผ่าเสร็จจะมึนๆ ต้องนอนพักดูอาการก่อน หลับไปแล้วจะหลับยาวเลยนะ แต่เดี๋ยวอยากให้ตื่นจะปลุก ตื่นมาแล้วเจ็บคอหน่อยนะ ต้องใช้ท่อช่วยหายใจใส่ลงคอ ตอนเอาออกจะเจ็บๆ เคืองหน่อย อาจารย์หมอท่านนี้น่ารักมากเลยค่ะ ชวนคุยลดความหวาดกลัวการผ่าตัดครั้งแรกในชีวิตไปได้เยอะเลย
ได้เวลาเฉือด!!!!!
เข้าไปในห้องผ่า คุณหมอเจ้าของไข้จะเข้ามารีเชคอาการอีกครั้ง พร้อมกับตรวจสายตามอีกรอบค่ะ วิธีนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว มาถึงการให้ยาสลบค่ะ มีแอบกลัวนิดหน่อย แต่พยาบาล อาจารย์หมอ และคุณหมอ ให้กำลังใจเป็นอย่างดีคะ เริ่มด้วยเอาท่อยามาครอบปากและจมูก พร้อมกับบอกให้เราหายใจเข้าลึกๆ สูดไปแรกๆ ก็เหมือนกับเราสูดอาการปกติค่ะ หายใจไปสักระยะ ได้กลิ่นคล้ายยาคล้ายโรงพยาบาล(คิดในใจว่ามาแล้ววว ยามาแล้ว) สูดไปปรื้ดเดียวค่ะ ทีเดียว ป๊อก! ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย รู้สึกตัวอีกทีน่าจะตอนผ่าเสร็จแล้ว รู้สึกเหมือนมีคนมายกตัวเปลี่ยนเตียง แต่ก็ยังไม่ได้รู้สึกเต็มที่นะคะ จะรู้สึกจริงๆก็ตอนโดนปลุกค่ะ จำไม่ได้ว่าตอนนั้นท่อช่วยหายออกหรือยังแต่ความรู้สึกคือเจ็บคอมากกกกกก ไอเหมือนจะตาย เจ็บคอเจ็บท้องไปหมด และหิวน้ำมากกกก เจ้าหน้าที่ก็ปล่อยให้นอนรอไปเรื่อย นอนเน่าเป็นผักกับไอคร่อกๆวนไปค่ะ และแล้วก็ถึงเวลาที่สมควร เจ้าหน้าพาเราไปที่ห้องพักค่ะ ขยับขึ้นเตียงได้ก็รอขอน้ำกินก่อนสิ่งอื่นใดเลยค่ะ
อาการหลังผ่าตัด
จะบอกว่ามันไม่เจ็บเลยนะคะ ไม่รู้สึกเจ็บใด ๆเลยจริง ๆ ที่รู้สึกคือ ปวดค่ะ ปวดแบบทนได้แต่ถ้าได้พาราสักเม็ดคงจะดีมาก ฮ่า ๆ ๆ กับมีอาการเคืองๆตา ซึ่งน่าจะเป็นไหมที่เย็บแผล ซึ่งจะค่อยๆหายไปเอง เมื่อไหมเริ่มละลายค่ะ พักสักพักก็ทานข้าวทานยาแก้ปวด แล้วก็นอน นอนวนไปเรื่อย ๆ รอเปิดตาในวันรุ่งขึ้น ระหว่างนี้จะมีพยาบาลมาวัดไข้และวัดความดัน คาดว่าน่าจะประมาณทุก 3ชม. เพื่อดูว่าเราไม่ได้ติดเชื้อหลังการผ่าตัด และจะค่อยถามว่าเราฉี่กี่รอบแล้วอึไหม? ซึ่งเราเอง ฉี่หลายรอบมากค่ะ แต่ไม่อึเลย
เปิดตาจ้า
ประมาณ 9.00 คุณหมอเจ้าของไข้มาเปิดตา เช็คแผล รอเคลียค่าใช้จ่ายและกลับบ้านค่ะ เคลียค่าเสียหายก่อนกลับที่ 3,085 บาท สบายใจพร้อมใบรับรอแพทย์ ให้พักฝื้น 7 วันค่ะ คุณหมอแจ้งว่าอาการจะดีขึ้นเรื่อยๆ โดยนัดมาดูอาการหลังผ่าต้ด 1อาทิตย์ และทุกเดือนๆ เป็นเวลา 3เดือนค่ะ
และนี้ภาพก่อนการผ่าตัดค่ะ ตาเราจะเป็นแบบนี้ค่ะ (ขอซ่อนเป็นสปอยนะคะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทิ้งท้ายด้วยภาพตา เมื่อเปิดแล้วหลังภาพตัด 6วัน ค่ะ (ขอซ่อนสปอยเหมือนเดิม เกรงใจในความสดของหน้าค่ะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การดูแลความสะอาดหน้าหลังผ่าตัดคือใช้สำลีชุบน้ำเกลือบีบให้ไม่มีน้ำหยดหรือผ้าเช็ดก้นเด็ก เช็ดหน้าตลอด 2อาทิตย์ ห้ามล่างหน้าเด็ดขาดนะคะ
หากน้ำเข้าตา สามารถทำให้ติดเชื้อได้ค่ะ สระผมที่ร้านเท่านั้นและอย่าลืมหาผ้าไปปิดตากันน้ำหรือละอองแชมพูครีมนวดเข้าตาด้วยนะคะ อาบน้ำ แปรงฟัน ได้ปกติค่ะ แต่ระวังอย่าทำแรง น้ำจะกระเด็นเข้าตาได้ค่ะ
ในวันที่เราเขียนกระทู้นี้ เข้าสู่วันที่ 8 แล้วค่ะ เลือดที่อยู่ในตาจางลงไปตามลำดับ อาการที่แสดงตอนนี้คือ เคืองตาและคันตาค่ะ เป็นเนื่องจากไหมละลายเริ่มละลาย ปลายไหมบางส่วนโผล่ออกมาโดนบริเวณหางตา จะรู้สึกเคืองเหมือนขนตาเข้าตา แต่ไม่เจ็บนะคะ รู้สึกรำคาญสะมากกว่า และที่เริ่มคันน่าจะเป็นเพราะแผลใกล้หาแล้วค่ะ
เขียนมาสะเยอะ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องใช้สายตานะคะ กระทู้นี้เราใช้เวลาเขียน 3วัน ค่ะ พิมพ์ไปพักไปสุดท้ายก็จบจนได้ ^^
หวังว่าก็กระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อยและขอ อภัย อีกครั้งสำหรับความยืดยาวของกระทู้ค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น