#เขาพ่อตาโชงโดง ( #ยอดกะเปอร์) ช่วงปลายเดือนเมษายน
ยอดนี้มีความสูงราว 975ม. ซึ่งที่นี้..จัดเป็นยอดที่มีความสูงที่สุด เฉพาะในจังหวัดระนอง บริเวณยอดยังมีพื้นที่สำหรับพักแคมป์ และ ยังเป็นจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นวิวได้ แบบ180องศา โดยวิวฝั่งตะวันตก จะเห็นทะเลอันดามัน และ เกาะต่างๆ เช่น เกาะพยายาม
ที่มาของ #โชงโดง คือ ลักษณะของยอดเขาเหมือน กะโดงเรือ ซึ่งเมื่อสมัยก่อน เวลาเรือที่เดินทางมาจากทะเลฝั่งอันดามัน เวลาร่องเรือมาถึงบริเวณนี้
ก็จะสังเกตุเห็น ยอดเขาสูงๆ ตั้งเด่น ลักษณะเหมือน กะโดงเรือ คนเรือก็จะรู้ทันที ว่าที่นี้ คือ ฝั่งประเทศไทย
ส่วนคำว่า #พ่อตา ซึ่งแปลว่า ใหญ่ จึงเป็นที่มาของชื่อ #ยอดเขาพ่อตาโชงโดง
ทริปนี้ที่แรก ตัวผมเองวางเพลนว่าจะพาน้องๆไปเที่ยวทะเลที่ระนอง แล้วแวะไปเดินขึ้นเขา นอนเล่นที่โชงโดงสักคืน เมื่อช่วงกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่เพลนนี้เลื่อนไปก่อน เลยไม่ได้ไป ไปเที่ยวที่อื่นแทน แต่เป็นทริปลงใต้เช่นกัน
พอดีพี่ #น้อยหลงทาง ได้จัดทริปเดินป่า #เขาพ่อตาโชงโดง ขึ้นมาพอดี ในช่วงปลายเมย. ผมจึงลงชื่อ และ ได้มาร่วมทริปกับพี่น้อย เจ้าประจำ
จากข้อมูลที่พอทราบมาว่า ที่นี้เดินไม่ไกล ระยะทางแค่ ราว3km. แถมเป็นจุดชมวิวที่เห็นทะเลฝั่งอันดามัน และ ช่วงเช้ายังมีโอกาสเห็นทะเลหมอกด้วย แฟนผม จึงขอตามมาด้วยในทริปนี้ ส่วนจะเดินง่ายเดินยากยังไง มาดูรีวิวกันต่อ
:
#คลิปvdo เขาพ่อตาโชงโดง
https://youtu.be/Rnr9RXCkses
:
ทริปนี้เรามีสมาชิกร่วมเดินทางขึ้นโชงโดงกัน 9คน นำโดย พี่น้อย,พี่Ant,พี่วรา,พี่ชิน,เบริด์,ลูกชิด,บอย,ฮ้อ,ดิ๋ม
เราเดินทางออกจากกรุงเทพ ในเวลากลางคืนด้วยรถตู้ เพื่อที่จะมาถึง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง ในตอนเช้า
#เช้าวันแรก ที่ ตลาดกะเปอร์ เราแวะซื้อเสบียง และ กินมื้อเช้าที่นี้เลย แล้วเดินทางไปยัง บ้านผู้ใหญ่ หมู่บ้านหินขาว โดยนัดคนนำทางไว้ ชื่อ พี่สง่า ซึ่งส่วนตัวผมรู้จักพี่เค้าก่อนหน้านี้อยู่แล้ว
ภาพนี้มองจากหน้าบ้านผู้ใหญ่บ้านหินขาว
แล้วจัดแจงของขึ้นรถกระบะ ไปยังจุดเดิน ซึ่งจุดที่เริ่มเดินนี้ จะอยู่ตรงหลังบ้านพี่สง่า เรียกว่า ทริปนี้...เรามาเดินเขาหลังบ้านเพื่อนนั้นเอง555
ใช้เวลานั่งรถกระบะ ไปยังจุดเดิน ที่บ้านพี่สง่า อีกราว30นาที แต่เส้นทางช่วงสุดท้าย เรียกว่า น่าสงสารช่วงล่างรถกันเลยทีเดียว เรามาถึงจุดเริ่มเดิน ราว9โมงเช้า ที่นี้ความสูง ราว388ม. บ้านพี่สง่า จะอยู่ในเขตหมู่บ้านหินกลม
ซึ่งอย่างที่บอก ทริปนี้เดินแค่3km. เราเลยไม่รีบ เลยนั่งเมาส์มอย และ เก็บเสาวรสที่อยู่แถวบ้านพี่สง่า มากินเล่นกันก่อน
***ก่อนอื่น...เส้นทางขึ้น เขาโชงโดง จะมี2จุด จุดที่เราจะใช้เดินขึ้นเป็นเส้นทางเก่า ส่วนอีกจุดเป็นเส้นทางใหม่ ซึ่งถูกปรับปรุงให้เดินง่ายขึ้น ด้วยการทำทางเดินเป็นคอนกรีต ด้วยการพัฒนาของ อบต.กะเปอร์ ที่จะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งจุดทางขึ้นนี้ จะอยู่ถึงก่อน จุดทางขึ้นเก่าที่เราจะไปเดินขึ้นกัน สำหรับจุดเดินทั้ง2จุดนี้ ระยะทางพอๆกัน แต่จะต่างกันต้องความเป็นธรรมชาติระหว่างทาง
:
:
พอได้เวลา ราว10:30 พวกเราก็เริ่มเดินกัน ที่ความสูงราว388ม. เพื่อจะไปยัง ยอดเขาโชงโดง ที่ความสูง ราว975ม. ซึ่งเมื่อมองจากหลังบ้านพี่สง่า เราก็จะเห็น ยอดเขาพ่อตาโชงโดง อยู่ข้างหน้าเรานี้เอง แต่ดูจากรูปการแล้ว แค่3km. กับระยะความสูงอีกราว600ม. น่าจะชันเอาเรื่อง!!
เริ่มต้น...เราเดินมาได้ไม่กี่สิบเมตร เราก็เข้าสู่เขตป่า ช่วงแรกทางเดินยังไม่ชันมาก เดินต่อมาอีกได้ ราว400ม. ที่ความสูงราว440ม. เราก็เจอ #ดอกบัวผุด ซึ่งกำลังบานอยู่พอดี บริเวณนี้มี ดอกบัวผุด ขึ้นมาพอสมควร แต่ที่เห็นชัดตอนนี้มีเพียงดอกเดียว ที่กำลังบานอยู่
#คลิปvdo ดอกบัวผุด
https://youtu.be/Mw4IZVgqxJI
รากเถาวัลย์ ที่เกิดดอกบัวผุด
ดอกบัวผุด ที่เน่าแล้ว สีจะดำ
หลังจากที่เราเก็บภาพ ดอกบัวผุด ก็เดินต่อมาอีกนิดหน่อย ก็จะเจอจุดพักล้างหน้าล้างตา ตรงนี้จะมีท่อน้ำ ซึ่งต่อมาจากด้านบนเขา
แล้วเดินต่อไปตามร่องน้ำ ซึ่งตอนที่เรามาเป็นช่วงหน้าแล้ง จึงทำให้เดินสบาย เพราะ ถ้าปกติมาช่วงหน้าฝน ที่นี้จะมีน้ำไหลผ่าน
เราเดินตามร่องห้วยมา ราว300ม. ที่ความสูงราว465ม. ก็เจอทางตัดขึ้นแล้ว ตอนนี้เราเดินมาได้ เกือบ1km. ซึ่งก็แสดงว่า เหลืออีกแค่ ราว2km.กว่า เองสิ!!!
:
:
ตอนนี้..จะเป็นช่วงที่ เดินไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ตอนนี้อากาศเรียกว่า ร้อนอบอ้าวใช้ได้เลย (ช่วงที่เรามา ที่กทม.อุณหภูมิ ราว40องศา)
พวกเราค่อยๆเดินขึ้นไปแบบไม่รีบมาก เพื่อที่จะได้ไม่เหนื่อยมาก เส้นทางเดินบางช่วงไม่ได้ชัดมาก ต้องอาศัยคอยมอง และ แกะรอยเส้นทางในบางช่วง
แม้พื้นดินจะไม่ได้แฉะจากฝน เนื่องจากที่นี้ฝนไม่ได้ตกมา2วันแล้ว แต่ก็ยังมีทากมาค่อยต้อนรับอยู่ดี แม้จะไม่มากนัก
จนเราเดินมาถึง ที่ความสูงราว630ม. ตอนนี้เราเดินมาได้ ราว1.6km. ตรงนี้จะเป็นสันเขาไม่กว้างมาก เป็นช่องลมผ่าน ทำให้ไม่ร้อน
พวกเราจึงนั่งพัก และ กินมื้อเที่ยงกันที่นี้ เนื่องจากเป็นเวลาเที่ยงพอดี ส่วนมื้อเที่ยงเราก็ คือ ข้าวเหนียวไก่ทอด ซึ่งซื้อมาจากตลาดกะเปอร์นั้นเอง
พี่สง่า (คนนำทาง) บอกเราว่า “ตอนนี้เดินมาได้ครึ่งทางแล้ว” หลังจากที่กินมื้อเที่ยงกันเรียบร้อย เราก็เดินขึ้นชันต่อไปเรื่อยๆ
:
:
เดินต่อมาได้ ราว500ม. ก็เจอทางสามแยก ที่ความสูงราว740ม. จุดตรงสามแยกนี้ จะเป็นจุดที่ทางเดิน เส้นเก่า กับ เส้นที่ปรับปรุงใหม่ มาชนกัน
ตอนนี้เราเดินกันมาได้ ราว2km. บริเวณนี้จะมีโต๊ะม้านั่ง ให้นั่งพักกัน จากจุดนี้ไปก็จะเป็นทางเดิน ที่ถูกราดด้วยคอนกรีตแล้ว ซึ่งทาง อบต.กะเปอร์ ได้มาทำไว้ เมื่อ1-2ปี ซึ่งเป็นเส้นทางอีกจุดที่กล่าวไว้ตั้งแต่ตอนต้นเรื่อง
:
:
เราเดินตามทางคอนกรีตไปเรื่อยๆ ซึ่งถือว่าจากจุดนี้ไป เส้นทางค่อนข้างชันพอสมควร แต่ถ้าเป็นทางพื้นดินธรรมชาติ คงจะเดินแล้วรู้สึกดีกว่านี้มาก
จากจุดตรงสามแยก เดินขึ้นมาตามทางปูน ช่วงนี้ระหว่างทางที่เดิน สองข้างทางมีเศษขยะขวดพลาสติก อยู่เป็นระยะๆ ซึ่งสาเหตุก็น่าจะมาจาก ที่ก่อนหน้านี้ ก่อนที่เราจะมากัน ได้มีการจัดงานวิ่งขึ้นเขาพ่อตาโชงโดง ที่ทาง อบต.กะเปอร์ จัดขึ้น
เราเดินทางปูน..มาได้ราว500ม. ก็จะหมดทางปูนแล้ว จากจุดนี้ก็จะเป็นทางพื้นดินอีกครั้ง ทำให้รู้สึกสัมผัสธรรมชาติมากขึ้น ค่อยเหมือนมาเดินป่าหน่อย
ระหว่างทางตอนนี้ ทางฝั่งขวามือ เราก็จะสามารถมองเห็นวิวทะเลฝั่งอันดามันได้แล้ว จริงๆจุดนี้ แต่เดิมจะมีต้นไม้คอยบังวิว จะทำให้เห็นวิวไม่ชัดมาก แต่ปัจจุบันเพิ่งถูกตัดไปได้ไม่นาน คงเป็นช่วงตอนจัดงานวิ่ง
พวกเราจึงหยุดพักถ่ายรูปตรงนี้กันสักพักใหญ่ ตรงนี้ความสูงราว835ม. และอีกอย่างตอนนี้เดินมา ราว2.5km. แล้ว ซึ่งน่าจะเหลือระยะทางอีกไม่ไกล
#########
เขาพ่อตาโชงโดง (ยอดกะเปอร์) อ.กะเปอร์ จ.ระนอง
#เขาพ่อตาโชงโดง ( #ยอดกะเปอร์) ช่วงปลายเดือนเมษายน
ยอดนี้มีความสูงราว 975ม. ซึ่งที่นี้..จัดเป็นยอดที่มีความสูงที่สุด เฉพาะในจังหวัดระนอง บริเวณยอดยังมีพื้นที่สำหรับพักแคมป์ และ ยังเป็นจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นวิวได้ แบบ180องศา โดยวิวฝั่งตะวันตก จะเห็นทะเลอันดามัน และ เกาะต่างๆ เช่น เกาะพยายาม
ที่มาของ #โชงโดง คือ ลักษณะของยอดเขาเหมือน กะโดงเรือ ซึ่งเมื่อสมัยก่อน เวลาเรือที่เดินทางมาจากทะเลฝั่งอันดามัน เวลาร่องเรือมาถึงบริเวณนี้
ก็จะสังเกตุเห็น ยอดเขาสูงๆ ตั้งเด่น ลักษณะเหมือน กะโดงเรือ คนเรือก็จะรู้ทันที ว่าที่นี้ คือ ฝั่งประเทศไทย
ส่วนคำว่า #พ่อตา ซึ่งแปลว่า ใหญ่ จึงเป็นที่มาของชื่อ #ยอดเขาพ่อตาโชงโดง
ทริปนี้ที่แรก ตัวผมเองวางเพลนว่าจะพาน้องๆไปเที่ยวทะเลที่ระนอง แล้วแวะไปเดินขึ้นเขา นอนเล่นที่โชงโดงสักคืน เมื่อช่วงกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่เพลนนี้เลื่อนไปก่อน เลยไม่ได้ไป ไปเที่ยวที่อื่นแทน แต่เป็นทริปลงใต้เช่นกัน
พอดีพี่ #น้อยหลงทาง ได้จัดทริปเดินป่า #เขาพ่อตาโชงโดง ขึ้นมาพอดี ในช่วงปลายเมย. ผมจึงลงชื่อ และ ได้มาร่วมทริปกับพี่น้อย เจ้าประจำ
จากข้อมูลที่พอทราบมาว่า ที่นี้เดินไม่ไกล ระยะทางแค่ ราว3km. แถมเป็นจุดชมวิวที่เห็นทะเลฝั่งอันดามัน และ ช่วงเช้ายังมีโอกาสเห็นทะเลหมอกด้วย แฟนผม จึงขอตามมาด้วยในทริปนี้ ส่วนจะเดินง่ายเดินยากยังไง มาดูรีวิวกันต่อ
:
#คลิปvdo เขาพ่อตาโชงโดง
https://youtu.be/Rnr9RXCkses
:
ทริปนี้เรามีสมาชิกร่วมเดินทางขึ้นโชงโดงกัน 9คน นำโดย พี่น้อย,พี่Ant,พี่วรา,พี่ชิน,เบริด์,ลูกชิด,บอย,ฮ้อ,ดิ๋ม
เราเดินทางออกจากกรุงเทพ ในเวลากลางคืนด้วยรถตู้ เพื่อที่จะมาถึง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง ในตอนเช้า
#เช้าวันแรก ที่ ตลาดกะเปอร์ เราแวะซื้อเสบียง และ กินมื้อเช้าที่นี้เลย แล้วเดินทางไปยัง บ้านผู้ใหญ่ หมู่บ้านหินขาว โดยนัดคนนำทางไว้ ชื่อ พี่สง่า ซึ่งส่วนตัวผมรู้จักพี่เค้าก่อนหน้านี้อยู่แล้ว
ภาพนี้มองจากหน้าบ้านผู้ใหญ่บ้านหินขาว
แล้วจัดแจงของขึ้นรถกระบะ ไปยังจุดเดิน ซึ่งจุดที่เริ่มเดินนี้ จะอยู่ตรงหลังบ้านพี่สง่า เรียกว่า ทริปนี้...เรามาเดินเขาหลังบ้านเพื่อนนั้นเอง555
ใช้เวลานั่งรถกระบะ ไปยังจุดเดิน ที่บ้านพี่สง่า อีกราว30นาที แต่เส้นทางช่วงสุดท้าย เรียกว่า น่าสงสารช่วงล่างรถกันเลยทีเดียว เรามาถึงจุดเริ่มเดิน ราว9โมงเช้า ที่นี้ความสูง ราว388ม. บ้านพี่สง่า จะอยู่ในเขตหมู่บ้านหินกลม
ซึ่งอย่างที่บอก ทริปนี้เดินแค่3km. เราเลยไม่รีบ เลยนั่งเมาส์มอย และ เก็บเสาวรสที่อยู่แถวบ้านพี่สง่า มากินเล่นกันก่อน
***ก่อนอื่น...เส้นทางขึ้น เขาโชงโดง จะมี2จุด จุดที่เราจะใช้เดินขึ้นเป็นเส้นทางเก่า ส่วนอีกจุดเป็นเส้นทางใหม่ ซึ่งถูกปรับปรุงให้เดินง่ายขึ้น ด้วยการทำทางเดินเป็นคอนกรีต ด้วยการพัฒนาของ อบต.กะเปอร์ ที่จะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งจุดทางขึ้นนี้ จะอยู่ถึงก่อน จุดทางขึ้นเก่าที่เราจะไปเดินขึ้นกัน สำหรับจุดเดินทั้ง2จุดนี้ ระยะทางพอๆกัน แต่จะต่างกันต้องความเป็นธรรมชาติระหว่างทาง
:
:
พอได้เวลา ราว10:30 พวกเราก็เริ่มเดินกัน ที่ความสูงราว388ม. เพื่อจะไปยัง ยอดเขาโชงโดง ที่ความสูง ราว975ม. ซึ่งเมื่อมองจากหลังบ้านพี่สง่า เราก็จะเห็น ยอดเขาพ่อตาโชงโดง อยู่ข้างหน้าเรานี้เอง แต่ดูจากรูปการแล้ว แค่3km. กับระยะความสูงอีกราว600ม. น่าจะชันเอาเรื่อง!!
เริ่มต้น...เราเดินมาได้ไม่กี่สิบเมตร เราก็เข้าสู่เขตป่า ช่วงแรกทางเดินยังไม่ชันมาก เดินต่อมาอีกได้ ราว400ม. ที่ความสูงราว440ม. เราก็เจอ #ดอกบัวผุด ซึ่งกำลังบานอยู่พอดี บริเวณนี้มี ดอกบัวผุด ขึ้นมาพอสมควร แต่ที่เห็นชัดตอนนี้มีเพียงดอกเดียว ที่กำลังบานอยู่
#คลิปvdo ดอกบัวผุด
https://youtu.be/Mw4IZVgqxJI
รากเถาวัลย์ ที่เกิดดอกบัวผุด
ดอกบัวผุด ที่เน่าแล้ว สีจะดำ
หลังจากที่เราเก็บภาพ ดอกบัวผุด ก็เดินต่อมาอีกนิดหน่อย ก็จะเจอจุดพักล้างหน้าล้างตา ตรงนี้จะมีท่อน้ำ ซึ่งต่อมาจากด้านบนเขา
แล้วเดินต่อไปตามร่องน้ำ ซึ่งตอนที่เรามาเป็นช่วงหน้าแล้ง จึงทำให้เดินสบาย เพราะ ถ้าปกติมาช่วงหน้าฝน ที่นี้จะมีน้ำไหลผ่าน
เราเดินตามร่องห้วยมา ราว300ม. ที่ความสูงราว465ม. ก็เจอทางตัดขึ้นแล้ว ตอนนี้เราเดินมาได้ เกือบ1km. ซึ่งก็แสดงว่า เหลืออีกแค่ ราว2km.กว่า เองสิ!!!
:
:
ตอนนี้..จะเป็นช่วงที่ เดินไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ตอนนี้อากาศเรียกว่า ร้อนอบอ้าวใช้ได้เลย (ช่วงที่เรามา ที่กทม.อุณหภูมิ ราว40องศา)
พวกเราค่อยๆเดินขึ้นไปแบบไม่รีบมาก เพื่อที่จะได้ไม่เหนื่อยมาก เส้นทางเดินบางช่วงไม่ได้ชัดมาก ต้องอาศัยคอยมอง และ แกะรอยเส้นทางในบางช่วง
แม้พื้นดินจะไม่ได้แฉะจากฝน เนื่องจากที่นี้ฝนไม่ได้ตกมา2วันแล้ว แต่ก็ยังมีทากมาค่อยต้อนรับอยู่ดี แม้จะไม่มากนัก
จนเราเดินมาถึง ที่ความสูงราว630ม. ตอนนี้เราเดินมาได้ ราว1.6km. ตรงนี้จะเป็นสันเขาไม่กว้างมาก เป็นช่องลมผ่าน ทำให้ไม่ร้อน
พวกเราจึงนั่งพัก และ กินมื้อเที่ยงกันที่นี้ เนื่องจากเป็นเวลาเที่ยงพอดี ส่วนมื้อเที่ยงเราก็ คือ ข้าวเหนียวไก่ทอด ซึ่งซื้อมาจากตลาดกะเปอร์นั้นเอง
พี่สง่า (คนนำทาง) บอกเราว่า “ตอนนี้เดินมาได้ครึ่งทางแล้ว” หลังจากที่กินมื้อเที่ยงกันเรียบร้อย เราก็เดินขึ้นชันต่อไปเรื่อยๆ
:
:
เดินต่อมาได้ ราว500ม. ก็เจอทางสามแยก ที่ความสูงราว740ม. จุดตรงสามแยกนี้ จะเป็นจุดที่ทางเดิน เส้นเก่า กับ เส้นที่ปรับปรุงใหม่ มาชนกัน
ตอนนี้เราเดินกันมาได้ ราว2km. บริเวณนี้จะมีโต๊ะม้านั่ง ให้นั่งพักกัน จากจุดนี้ไปก็จะเป็นทางเดิน ที่ถูกราดด้วยคอนกรีตแล้ว ซึ่งทาง อบต.กะเปอร์ ได้มาทำไว้ เมื่อ1-2ปี ซึ่งเป็นเส้นทางอีกจุดที่กล่าวไว้ตั้งแต่ตอนต้นเรื่อง
:
:
เราเดินตามทางคอนกรีตไปเรื่อยๆ ซึ่งถือว่าจากจุดนี้ไป เส้นทางค่อนข้างชันพอสมควร แต่ถ้าเป็นทางพื้นดินธรรมชาติ คงจะเดินแล้วรู้สึกดีกว่านี้มาก
จากจุดตรงสามแยก เดินขึ้นมาตามทางปูน ช่วงนี้ระหว่างทางที่เดิน สองข้างทางมีเศษขยะขวดพลาสติก อยู่เป็นระยะๆ ซึ่งสาเหตุก็น่าจะมาจาก ที่ก่อนหน้านี้ ก่อนที่เราจะมากัน ได้มีการจัดงานวิ่งขึ้นเขาพ่อตาโชงโดง ที่ทาง อบต.กะเปอร์ จัดขึ้น
เราเดินทางปูน..มาได้ราว500ม. ก็จะหมดทางปูนแล้ว จากจุดนี้ก็จะเป็นทางพื้นดินอีกครั้ง ทำให้รู้สึกสัมผัสธรรมชาติมากขึ้น ค่อยเหมือนมาเดินป่าหน่อย
ระหว่างทางตอนนี้ ทางฝั่งขวามือ เราก็จะสามารถมองเห็นวิวทะเลฝั่งอันดามันได้แล้ว จริงๆจุดนี้ แต่เดิมจะมีต้นไม้คอยบังวิว จะทำให้เห็นวิวไม่ชัดมาก แต่ปัจจุบันเพิ่งถูกตัดไปได้ไม่นาน คงเป็นช่วงตอนจัดงานวิ่ง
พวกเราจึงหยุดพักถ่ายรูปตรงนี้กันสักพักใหญ่ ตรงนี้ความสูงราว835ม. และอีกอย่างตอนนี้เดินมา ราว2.5km. แล้ว ซึ่งน่าจะเหลือระยะทางอีกไม่ไกล
#########