Dtac นี่เจอปัญหาลูกค้าไหลออกมาหลายปีต่อเนื่องกันแล้ว ซึ่งราคาหุ้นที่ผ่านมาจะตกก็ไม่แปลก ถ้าจำไม่ผิดตั้งแต่ปี 57-58 จนถึงปี 62 นี้ได้ ซึ่งสาเหตุหลักๆที่ได้ยินมาจากผู้ใช้บริการก็คือ dtac ไม่มีสัญญาณ ตรงโน้นก็ไม่เจอสัญญาณ dtac ตรงนี้ก็ไม่เจอสัญญาณ dtac
แต่เท่าที่จำได้ ปี 57 สัญญาณ 3G dtac ก็ครอบคลุมไปเยอะแล้วนะ แต่การขยายโครงข่ายก็ยังนับว่าช้ากว่าค่ายอื่น และช่องโหว่สัญญาณก็ยังเยอะกว่าอีก 2 ค่าย ซึ่งช่วงเวลานั้นคลื่น 850 และ 1800 ก็ใกล้หมดสัมปทานแล้วด้วย ก็ได้แค่เน้นขยายโครงข่าย 2100 ส่วน 850 ก็ขยายอยู่ประมาณนึง แต่ด้วยจำนวนเสา dtac ที่มีน้อยและการขยายโครงข่ายที่ไม่ทันค่ายอื่น ยังเป็นรองค่ายอื่น ทำให้ความครอบคลุมสัญญาณยังเป็นรองค่ายอื่นอยู่ดี ทำให้โอกาสที่จะดึงดูดลูกค้าจากค่ายอื่นหรือรั้งให้ลูกค้าตัวเองอยู่ต่อจึงเป็นเรื่องยาก
จึงพอสรุปได้ 4 ข้อตั้งแต่ช่วงที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ที่ทำให้ dtac ลูกค้าไหลออก
1.คลื่น 850 ซึ่งเป็นคลื่นที่กระจายสัญญาณได้กว้าง อุดช่องโหว่สัญญาณได้ง่ายใกล้หมดสัมปทาน จึงทำให้การขยาย 850 ไปยังเสาต่างๆทำได้น้อย สัญญาณเป็นช่องโหว่เยอะ
2.คลื่น 1800 กว้าง 20 mhz ซึ่งเป็นตัวรองรับ data ได้ดีใกล้หมดสัมปทาน การขยายโครงข่าย 1800 เพื่อให้มีประสิทธิภาพรองรับ data ก็ขยายได้น้อย ทำให้การรองรับ data คุณภาพน้อย
3.จำนวนเสา dtac น้อย พึ่งจะมาได้ 20,000 ขึ้น เสาปีที่แล้วนี้เอง ทำให้ขยายโครงข่าย 2100 ซึ่งเป็นคลื่นหลักในการรองรับ data ของช่วงที่ผ่านมาได้น้อยและล่าช้า คู่แข่งเอาลูกค้าไปกินหมด
4.ตั้งแต่ปี 60 จนถึงตอนนี้ค่ายอื่นๆมีแพ็กเกจเน็ตบ้าน+เน็ตมือถือ แต่ของ dtac ไม่มี มันก็เป็นช้อยส์หนึ่งที่คนจะเลือกถึงความคุ้มค่าได้ง่ายว่าจะใช้ง่ายไหนถึงจะเกิดความคุ้มค่ากว่า น่าใช้บริการกว่า
ถึงวันนี้ dtac จะขยายโครงข่าย 2300 ไปอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็เหมือนกับแก้โจทย์ที่ผ่านมาข้อที่ 2 เพียงข้อเดียวเรื่องคลื่น 1800 คือ มีคลื่นช่วยรองรับ data ได้ดีขึ้น เน็ตเร็วขึ้น เพราะได้ปรับ 2100 เป็น 10 mhz ด้วย ที่ผ่านมาตั้งแต่กลางปี 61 จนถึงตอนนี้ จึงมีความชัดเจนในการแก้ปัญหาเรื่องการรองรับ data ความเร็วเน็ตเท่านั้น การลง 2300 จึงไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาลูกค้าย้ายหนีได้ทั้งหมด
ส่วนเรื่องความครอบคลุมสัญญาณยังเป็นรองค่ายอื่นอยู่ ซึ่งการขยายคลื่นความถี่ต่ำยังไม่มี หรือขยายเสา 2100 ให้ครอบคลุมทั่วยังไม่พอ ยังมีช่องโหว่ ก็ยากที่จะให้ผู้บริการใช้ dtac ในฐานะที่เป็นค่ายที่มีสัญญาณครอบคลุม ตรงนี้มี 2 ทางเลือก คือ ขยายคลื่นความถี่ต่ำกับขยายเสา 2100 หากคิดจะต่อยอดไป 5G ภายใน 1 ปีกว่าคือช่วงปลายปี 63 ต้นปี 64 ซึ่งยังไงต้องเพิ่มเสาอยู่แล้ว ก็เน้นเพิ่มเสา 2100ไปเลย
ส่วนแพ็กเกจเน็ตบ้าน+เน็ตมือถือ ก็เป็นแพ็กเก็จยอดนิยมที่หลายคนเลือกใช้ และต่อไปก็คงจะมีคนเลือกใช้มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเน็ตมือถือมีข้อจำกัดหลายอย่าง และคนใช้ data ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยไป เน็ตบ้านมีศักยภาพรองรับบางอย่างได้ดีกว่า ค่ายไหนมี 2 อย่างก็เหมือนมีอะไรช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกันได้ ถ้า dtac อยากมีเน็ตบ้าน คงต้องทำการตลาดร่วมกับค่ายอื่น เช่น 3bb อะไรอย่างงี้ อาจจะประมาณว่า ทำ mnvo ซึ่งกันและกัน dtac เช่าโครงข่ายเน็ตบ้าน 3bb เพื่อทำเป็นเน็ตบ้านแบรนด์ dtac 3bb เช่าโครงข่าย 3G/4G dtac เพื่อทำเน็ตมือถือแบรนด์ 3bb หรือ jas ซึ่งก็จะทำให้ dtac กับ jas มีเน็ตบ้าน+เน็ตมือถือในแบรนด์ของตัวเอง
แต่ที่สำคัญเลย ในการแก้ปัญหา dtac คงเป็นเรื่องของการทำให้สัญญาณครอบคลุมทุกพื้นที่นั่นแหละ ที่ทำให้ลูกค้าเลือกใช้บริการ dtac ได้
นี่คงเป็นสาเหตุที่ dtac ยังมีลูกค้าไหลออกเรื่อยๆ
แต่เท่าที่จำได้ ปี 57 สัญญาณ 3G dtac ก็ครอบคลุมไปเยอะแล้วนะ แต่การขยายโครงข่ายก็ยังนับว่าช้ากว่าค่ายอื่น และช่องโหว่สัญญาณก็ยังเยอะกว่าอีก 2 ค่าย ซึ่งช่วงเวลานั้นคลื่น 850 และ 1800 ก็ใกล้หมดสัมปทานแล้วด้วย ก็ได้แค่เน้นขยายโครงข่าย 2100 ส่วน 850 ก็ขยายอยู่ประมาณนึง แต่ด้วยจำนวนเสา dtac ที่มีน้อยและการขยายโครงข่ายที่ไม่ทันค่ายอื่น ยังเป็นรองค่ายอื่น ทำให้ความครอบคลุมสัญญาณยังเป็นรองค่ายอื่นอยู่ดี ทำให้โอกาสที่จะดึงดูดลูกค้าจากค่ายอื่นหรือรั้งให้ลูกค้าตัวเองอยู่ต่อจึงเป็นเรื่องยาก
จึงพอสรุปได้ 4 ข้อตั้งแต่ช่วงที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ที่ทำให้ dtac ลูกค้าไหลออก
1.คลื่น 850 ซึ่งเป็นคลื่นที่กระจายสัญญาณได้กว้าง อุดช่องโหว่สัญญาณได้ง่ายใกล้หมดสัมปทาน จึงทำให้การขยาย 850 ไปยังเสาต่างๆทำได้น้อย สัญญาณเป็นช่องโหว่เยอะ
2.คลื่น 1800 กว้าง 20 mhz ซึ่งเป็นตัวรองรับ data ได้ดีใกล้หมดสัมปทาน การขยายโครงข่าย 1800 เพื่อให้มีประสิทธิภาพรองรับ data ก็ขยายได้น้อย ทำให้การรองรับ data คุณภาพน้อย
3.จำนวนเสา dtac น้อย พึ่งจะมาได้ 20,000 ขึ้น เสาปีที่แล้วนี้เอง ทำให้ขยายโครงข่าย 2100 ซึ่งเป็นคลื่นหลักในการรองรับ data ของช่วงที่ผ่านมาได้น้อยและล่าช้า คู่แข่งเอาลูกค้าไปกินหมด
4.ตั้งแต่ปี 60 จนถึงตอนนี้ค่ายอื่นๆมีแพ็กเกจเน็ตบ้าน+เน็ตมือถือ แต่ของ dtac ไม่มี มันก็เป็นช้อยส์หนึ่งที่คนจะเลือกถึงความคุ้มค่าได้ง่ายว่าจะใช้ง่ายไหนถึงจะเกิดความคุ้มค่ากว่า น่าใช้บริการกว่า
ถึงวันนี้ dtac จะขยายโครงข่าย 2300 ไปอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็เหมือนกับแก้โจทย์ที่ผ่านมาข้อที่ 2 เพียงข้อเดียวเรื่องคลื่น 1800 คือ มีคลื่นช่วยรองรับ data ได้ดีขึ้น เน็ตเร็วขึ้น เพราะได้ปรับ 2100 เป็น 10 mhz ด้วย ที่ผ่านมาตั้งแต่กลางปี 61 จนถึงตอนนี้ จึงมีความชัดเจนในการแก้ปัญหาเรื่องการรองรับ data ความเร็วเน็ตเท่านั้น การลง 2300 จึงไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาลูกค้าย้ายหนีได้ทั้งหมด
ส่วนเรื่องความครอบคลุมสัญญาณยังเป็นรองค่ายอื่นอยู่ ซึ่งการขยายคลื่นความถี่ต่ำยังไม่มี หรือขยายเสา 2100 ให้ครอบคลุมทั่วยังไม่พอ ยังมีช่องโหว่ ก็ยากที่จะให้ผู้บริการใช้ dtac ในฐานะที่เป็นค่ายที่มีสัญญาณครอบคลุม ตรงนี้มี 2 ทางเลือก คือ ขยายคลื่นความถี่ต่ำกับขยายเสา 2100 หากคิดจะต่อยอดไป 5G ภายใน 1 ปีกว่าคือช่วงปลายปี 63 ต้นปี 64 ซึ่งยังไงต้องเพิ่มเสาอยู่แล้ว ก็เน้นเพิ่มเสา 2100ไปเลย
ส่วนแพ็กเกจเน็ตบ้าน+เน็ตมือถือ ก็เป็นแพ็กเก็จยอดนิยมที่หลายคนเลือกใช้ และต่อไปก็คงจะมีคนเลือกใช้มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเน็ตมือถือมีข้อจำกัดหลายอย่าง และคนใช้ data ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยไป เน็ตบ้านมีศักยภาพรองรับบางอย่างได้ดีกว่า ค่ายไหนมี 2 อย่างก็เหมือนมีอะไรช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกันได้ ถ้า dtac อยากมีเน็ตบ้าน คงต้องทำการตลาดร่วมกับค่ายอื่น เช่น 3bb อะไรอย่างงี้ อาจจะประมาณว่า ทำ mnvo ซึ่งกันและกัน dtac เช่าโครงข่ายเน็ตบ้าน 3bb เพื่อทำเป็นเน็ตบ้านแบรนด์ dtac 3bb เช่าโครงข่าย 3G/4G dtac เพื่อทำเน็ตมือถือแบรนด์ 3bb หรือ jas ซึ่งก็จะทำให้ dtac กับ jas มีเน็ตบ้าน+เน็ตมือถือในแบรนด์ของตัวเอง
แต่ที่สำคัญเลย ในการแก้ปัญหา dtac คงเป็นเรื่องของการทำให้สัญญาณครอบคลุมทุกพื้นที่นั่นแหละ ที่ทำให้ลูกค้าเลือกใช้บริการ dtac ได้