แฟนจะมาสู่ขอแต่บ้านแฟนไม่มีสินสอดให้ ทำไงดีคะ

สวัสดีค่ะ.. มีคำถาม 2 ข้อ ที่อยากขอคำแนะนำค่ะ

1.ถ้าเรากับแฟนเราตัดสินใจจะแต่งงานกันโดยที่ไม่ต้องจัดงานแต่งงาน แค่มีผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยและรับรู้
และพ่อแม่ผช.เองก็ไม่มีสินสอดอะไรให้ เราควรจะต้องทำไงดีหรือเราควรจะพูดกับพ่อแม่เราเองก่อนมั้ยคะ? 

2. คุยกันว่าจะยื่นกู้ซื้อบ้านค่ะ ราคาบ้านไม่เกิน2ล้านค่ะ โดยที่แฟนเป็นผู้ยื่นกู้คนเดียว เนื่องจากแฟนเราเป็นพนักงานบริษัท
เงินเดือน30,000บาท  ส่วนตัวเราขายของออนไลน์  แต่ร้านยังไม่ได้ทำเรื่องจดทะเบียน มีรายได้ไม่แน่นอน ถ้ายื่นกู้ด้วยไม่น่าจะผ่าน
โดยเราเคยคุยกันไว้ว่าถ้าแฟนเรายื่นกู้ผ่าน แล้วต้องวางเงินดาวน์เราจะเป็นคนไปขอยืมเงินแม่เรามาเพื่อดาวน์บ้าน เพราะว่าทั้งเรา
และแฟนเงินเก็บมีไม่พอ ครั้นแฟนจะไปยืมเงินจากแม่เค้า แม่ของแฟนก็ไม่มีให้ เพราะบ้านแฟนก็เป็นบ้านไม่ได้มีเงินเยอะ ต่างคนต่างทำงาน
มันเลยทำให้เรารู้สึกลังเลกับเรื่องนี้มากๆ ใจหนึ่งก็อยากอยู่ด้วยกัน แต่อีกใจก็รู้สึกว่าถ้าเราต้องไปยืมเงินแม่มาเพื่อที่จะเอามาซื้อบ้านอยู่กับแฟน
มันก็ดูไม่ถูกต้องและหลังจากกู้ผ่านแล้วบ้านก็เป็นชื่อของแฟนแต่เพียงผู้เดียว ทั้งๆที่เราก็ช่วยผ่อนด้วย เราเลยรู้สึกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นวันนึง
เราไม่มีหลักประกันอะไรเกี่ยวบ้านที่ผ่อนกันมาเลย เราเลยอยากถามความคิดเห็นจากมุมของหลายๆคนค่ะว่าจะตัดสินใจยังไง หรือแก้ปัญหายังไงดี
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
จะแต่งงาน ที่จริง ไม่มีเงิน ก็แต่งได้ค่ะ แต่ต้องคุมกำเนิดนะคะ อย่าเพิ่งหาเรื่องลำบาก

ข้อแรก ไม่มีสินสอดเลย ก็ไม่น่าจะเป็นไร ถ้าพ่อแม่คุณไม่ว่าอะไร ผูกข้อไม้ข้อมือ รับทราบกันทั้งสองฝ่ายก็พอ คุยกับพ่อแม่ตัวเองให้เข้าใจตรงกัน

ข้อสอง ถ้ายังไม่พร้อม ก็ยังไม่ควรซื้อบ้าน สาเหตุเพราะ    แต่งงานไม่มีสินสอด แล้วยังจะไปยืมเงินแม่เจ้าสาวมาดาวน์บ้านอีก ดิฉันไม่เห็นด้วยเลย ดูน่าเกลียด รอเก็บเงินดาวน์ให้พร้อม แล้วค่อยซื้อ  จะได้ช่วยกันผ่อน เพราะดูแล้ว คงหาเงินไปคืนแม่ยาก เพราะภาระเยอะค่ะ
เช่าห้องอยู่ไปก่อน รอพร้อมจะมีลูกสักสองสามปี ค่อยซื้อก็ไม่สาย
ความคิดเห็นที่ 4
เป็นเราไม่แต่งเลยอ่ะแบบนี้ น่ากลัว คิดดูว่าพูดให้คุณยอมแต่งงานโดยไม่เอาสินสอดสักอย่าง อันนี้พอทน แต่พอแต่งแล้วให้ยืมเงินไปดาวน์บ้าน น่าเกลียดเกินไป เราว่าคนทั่วไปไม่กล้าทำ เขาต้องมั่นใจว่าคุณรักเขามากพอ ที่จะยอมเขาทุกอย่าง ยังดีที่คุณยังมีสติมาตั้งกระทู้ก่อนนะ ถ้าหลงไปแต่งกับคนแบบนี้เราว่าแย่ค่ะ

ปกติผูกข้อมือก็น่ามีสินสอดนิดหน่อยนะ อย่างทองสักบาทสองบาท เอาไว้เป็นทุนตั้งต้น เราไม่เชื่อว่าเขาไม่มีเลย เขาให้ได้แต่ไม่คิดจะให้มากกว่า และถ้าไม่เห็นแก่ตัวจนเกินไป และไม่คิดทิ้งคุณในอนาคต

น่าจะให้บ้านชื่อคุณนะ ถือเป็นเรือนหอ เป็นสินสอดก็ได้ เพราะเอาเงินฝ่ายหญิงดาวน์อยู่แล้ว นี่ทำเหมือนไม่ยอมเสียอะไร พอได้ทุกอย่างก็ชิ่ง
ความคิดเห็นที่ 53
คุยกับพ่อแม่ก่อนถูกแล้ว เราต้องพูดกับทางครอบครัวเราเองก่อน ว่างานจะเป็นประมาณไหน ใครรับผิดชอบอะไร สินสอดเท่าไหร่ มีหรือไม่มี เพราะถ้าให้ฝ่ายชายมาคุยเอง ส่วนใหญ่แล้ว แทนที่จะได้ทางออก จะเป็นสร้างปัญหาซะเปล่าๆ

พอคุยกับพ่อแม่เราแล้ว เราก็เอาข้อมูลต่างๆที่ทางครอบครัวเราต้องการ ไปคุยกับฝ่ายชาย ว่าเค้าสามารถทำได้ไหม แล้วเราที่เป็นแฟนช่วยอะไรได้บ้าง อย่างถ้าไม่มีสินสอด ถ้าพ่อแม่เรา เค้าไม่ซีเรียส ก็แค่ไปหาเงินมาวางพอเป็นพิธี ให้เป็นหน้าตาให้ผู้ใหญ่ฝ่ายเราหน่อยก็พอ เดี๋ยวนี้บริการเช่าสินสอดเยอะแยะ แต่เวลาเลือกร้านที่จะไปเช่า ให้เลือกดีๆ ระวังเจอมิจฉาชีพ หรือร้านที่เก็บความลับไม่ได้ ไม่มืออาชีพ ตอนงานแต่งเรา หาร้านเช่าสินสอด เราเคยเจอเพจเช่าสินสอดบางเพจคือ แอบถ่ายรูปในงานลูกค้ามาลงรีวิว ถึงจะเบลอชื่อ เบลอหน้าไว้ แตใดๆคือไม่ควรป่ะ คือแบบไม่โอเคมาก การเช่าสินสอดมันควรเป็นความลับป่ะ

จนสุดท้ายได้มาใช้ของ สินสอด-ดีดี เจ้านี้โอเคเลยนะ ส่งมอบสินสอดตรงเวลา เราไม่ต้องมากังวล ชะเง้อรอว่าสินสอดจะมาตามนัดไหม555 แถมเนียนมาก จบงานเค้ารับสินสอดกลับแบบเนียนๆ ส่วนตัวประทับใจ เลยอยากแนะนำ ถ้าจะใช้บริการเช่าสินสอด ให้ลองไปคุยกับเค้าดู เริ่ดมาก

ส่วนเรื่องบ้าน แนะนำว่าอย่าเพิ่งค่ะ ไม่ใช่เกี่ยวกับว่าเงินพ่อแม่เราแล้วเป็นชื่อเค้าหรอกนะคะ ง่ายๆว่าเงินดาวน์เรายังไม่มีเลย แปลว่าเราไม่มีทุนสำรองอะไรเลย เอาให้พร้อมก่อนค่อยซื้อ แล้วผ่อนบ้าน ไม่ใช่ผ่อนปีสองปี ผ่อนยาวมาก ควรดูก่อนว่าครอบครัวที่เราสร้างใหม่กับแฟนเราเนี่ย มีสภาพคล่องแค่ไหน แล้วค่อยซื้อ อย่าเพิ่งทำอะไรที่หนักเกินตัว ถ้าไม่อยากอยู่บ้านพ่อแม่ ก็ไปเช่าอาพาร์ทเม้น หรือบ้านถูกๆอยู่ก่อนก็ได้ ดูให้แน่ใจว่าเราไหวไหม ค่อยซื้อค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่