Scotland ถิ่นWhiskey - Road Trip 10วัน หนึ่งพันไมล์ใน North Coast 500 and Highland

หากใครชอบเที่ยวด้วยการชับรถ เจอธรรมชาติ ห่างไกลผู้คนและเมืองใหญ่ Scotland Highland คงหนีไม่พ้นตัวเลือกอันดับต้นๆ โดยเฉพาะเส้นทาง North Coast 500 ที่เพิ่งได้รับการเริ่มโปรโมทเชิงท่องเที่ยวเมื่อปี 2015 และได้รับความนิยมเรื่อยมจนอยู่ใน top 10 road trip ที่หลายๆสำนักจัดอันดับไว้ด้วย North Coast 500 (ขอย่อเป็น NC500) ซึ่งได้กว่าชมไว้ว่า route นี้คือ route66 แห่ง Scotland ในเส้นทางนี้ คุณจะได้พบกับ ปราสาทเก่าแก่, loch มากมาย, ชายหาดทะเลสีคราม, แนวเนินเขา Glen หรือถ้าโชคดีก็อาจจะได้เจอกับกวาง, วัวHighland(Coo) หรือ นก Puffin และถ้าจะโชคดีสุดๆก็จะได้พบกับแสงเหนือด้วย (สามารถเห็นได้ถ้าท้องฟ้าเปิดและ KP5+)
NC500 นั้นเริ่มต้นจากเมือง Inverness เมืองหลวงแบบไม่เป็นทางการของ Highland แล้วขับเลาะตามแนวชายฝั่งทางเหนือของประเทศ Scotland แล้ววนกลับมาจบที่เมือง Inverness เหมือนเดิม รวมระยะทางทั้งหมด ประมาณ 516 miles (เลยเป็นที่มาของ 500) ซึ่งสามารถขับได้ทั้งวนตามเข็มและทวนเข็ม หากต้องการเที่ยวให้ครบ คนที่ไปมาแล้วมักแนะนำให้ใช้เวลากับเส้นนี้ประมาณ 5 วัน แต่เนื่องจากเวลามีจำกัด ผมจึงใช้เวลากับเส้นนี้ทั้งหมด 3วัน โดยเน้นเฉพาะไฮไลท์ที่สนใจจริงๆ (ถ้าขับจริงๆไม่แวะเลยก็สามารถวิ่งครบรอบได้ภายใน 1วัน)
ในส่วนของ Scotland Highland ถ้าหากกล่าวถึง Highland เฉยๆ ก็เป็นที่เข้าใจทั่วไปได้ว่า คือ บริเวณทางตะวันตกและเหนือของประเทศ Scotland ที่ประกอบไปด้วย ทิวเขามากมายที่เรียกว่า Glen สลับกับทะเลสาบหรือ Loch ซึ่งการแบ่งโซนในประเทศนี้ ก็จะมี Highland กับ Lowland (แถบใต้และตะวันออก รวมถึง Glasgow และ Edinburgh) ซึ่งชื่อนี้อาจคุ้นกับกลุ่มคนชอบวิสกี้ เพราะมีการแบ่งรสชาติและโรงกลั่นตามโซนประเทศด้วย
Scotland เป็นหนึ่งในประเทศที่มีประชากรหนาแน่นน้อย และธรรมชาติยังสวยงาม แปลกตา รวมถึงมีสิ่งก่อสร้างตั้งแต่โบราณ เมืองอารมณ์ยุค Medival คงเหลือให้ชม ประเทศเขาสวยงามขนาดไหน คงลองดูได้จากที่เคยเป็น Location ให้หนังดังต่างๆ ประมาณนี้ครับ
– Glen Etive – 007 Skyfall
– Eilean Donan Castle – 007 The world is not enough
– Glenfinnan Viaduct – Harry Potter
– Doune Castle – Outlander
– Cockburn Street, Edinburgh – Avenger: Infinity War
และอีกมากมาย อันนี้ยกตัวอย่างเฉพาะที่ผมได้แวะผ่านไปนะครับ


เที่ยวช่วงไหนดี?
สำหรับช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับเที่ยวแถบนี้ก็คงไม่พ้น summer ตั้งแต่ June-Sep ซึ่งจะได้ภาพที่ต้นไม้เขียวขจีและอากาศกำลังดี แต่ก็ต้องแลกกับนักท่องเที่ยวที่เยอะและที่พักราคาสูง สำหรับคนไทยเราคงไม่พ้นช่วงหยุดยาวเมษา ซึ่งอยู่ในช่วง spring ก็เที่ยวได้กำลังดีครับ แต่บรรยากาศอาจจะดูต้นไม้ไม่มีใบ แลดูแห้งแล้ง หมอกๆ มืดครึ้มๆ กับบางสถานที่ก็ยังไม่ fully operate แต่แลกกับคนไม่แน่นและราคาที่พักไม่แพงครับ


บินไปลง Scotland เลยได้ไหม?
สำหรับจากไทยเราจะมีบินตรงไป UK จะมีลงแค่ London ซึ่งตัวเลือกสำหรับคนอยากเที่ยว Highland ก็มีตั้งแต่ขับรถจาก London ไปเลย (อันนี้จะเหนื่อยสุด) หรือ รถไฟจาก London ไปแล้วเช่ารถที่ Scotland สุดท้ายก็ต่อเครื่องภายในประเทศ หรือ สายการบินที่มี via แล้วไปลงปลายทางที่ Scotland ซึ่ง ตัวเลือกส่วนใหญ่ที่นิยมก็คงไม่พ้นสายการบินแถบตะวันออกกลาง หรือ KLM ที่มีบินไปลงทั้ง Glasgow และ Edinburgh ถ้าอยากใช้เวลาให้คุ้มในแถบ Highland ขอแนะนำให้บิน via มาลงที่ฝั่ง Scotland จะประหยัดเวลาที่สุดครับ


การเดินทางเพื่อเที่ยวในแถบ Highland
ส่วนการเที่ยวในแถบ Highland นั้นคงไม่พ้นการขับรถ หรือ Roadtrip เพราะด้วยความห่างไกลของเมืองแต่ละเมือง รวมถึงรถไฟยังไม่สามารถ cover ได้ทุกเมืองในแถบ Highland ทำให้ตัวเลือกหลักๆมักจะเป็นการเช่ารถ หรือไม่ก็ซื้อ local tour ครับ
สำหรับการเช่ารถในแถบนี้ ก็จะเพิ่มเติมก็คือ รถบ้าน ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นจากการเปิดเส้นทาง NC500 ซึ่งสามารถหาเช่าได้เยอะ โดยเฉพาะที่เมือง Inverness แต่ตัวเลือกที่เป็นเกียร์ Auto อาจจะหายาก ซึ่งในทริปนี้ผมเลือกเช่ารถเก๋งนี่แหละครับ แต่เป็นข้อมูลที่แอบเล็งไว้เหมือนกัน
ส่วนการเช่ารถที่นี่ ไม่ยากครับ ขอเพียงมีใบขับขี่สากลไปพร้อมกับใบขับขี่ตัวจริง ตัวเลือกให้เช่าก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Sixt, Eurocar, Hertz, Avis และอีกมากมายที่สามารถจองหรือเช็คราคาผ่าน website ก่อนได้ครับ และเลือกรับรถที่สนามบินแล้วยิงตรงไปแถบ Highland เลยก็ได้ครับ
แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยเที่ยว Highland และไม่มีเวลาให้กับ NC500 ก็ไม่ต้องเสียดายครับ เพราะแค่ Highland เองก็มีอะไรให้เที่ยวเยอะมากแล้ว route นี้อยากแนะนำให้สำหรับคนที่เคยไป Highland มาแล้วหรืออยากเที่ยวแบบ unseen บ้างมากกว่า และเวลาแค่ 3วันเอาจริงๆไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ เพราะมีที่ๆผมพลาดไม่มีเวลาเหลือให้ไปอีกพอสมควร


รถบ้านกับการ Wild Camping
รถ Motorhome สำหรับโซนนี้เห็นได้เยอะพอสมควรเนื่องด้วยที่พักในแถบ NC500 ค่อนข้างมีจำกัด และถ้ามาในช่วง high season ราคาค่อนข้างแพง จึงทำให้การขับรถบ้านในเส้นทางนี้ ได้รับความนิยม แถมด้วยในแถบ Highland รถบ้านสามารถ wild camping ได้ ซึ่งทำให้สามารถจอด camping ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ขวางการจราจรหรือไม่มีป้ายห้ามจอดค้างคืน และไม่รุกล้ำหรือใกล้ ที่อยู่อาศัยของคนในพื้นที่จนเกินไป ไม่เหมือนกับ New Zeland ที่ต้องจอด Camping ใน Camp Site เท่านั้น แต่ก็อย่าลืมว่าเก็บกวาดขยะต่างๆให้เรียบร้อย ให้จุดนั้นเหมือนไม่เคยมีใครมาอยู่ด้วยนะครับ

การขับรถแบบ single-lane
สำหรับถนนในแถบ NC500 ประมาณครึ่งนึงจะเจอกับถนน single lane ซึ่งจะต้องแบ่งกันสวนไปมาตรงจุด Passing Place ที่เขาเว้นไว้ให้หลบรถที่สวนมาทำให้การขับรถในแถบนี้ ทำความเร็วได้ไม่เยอะ และอาจเจอเคสที่มีรถใหญ่เข้ามา เขาต้องปิดถนนชั่วคราวเผื่อให้รถใหญ่นั้น เลี้ยวผ่านไปก่อน ซึ่งอาจทำให้ประเมินเวลาเดินทางแน่นอนได้ไม่ง่าย แต่สำหรับคนไทย ไม่น่าจะมีปัญหาเท่าไหร่เพราะถนนแถบในเมืองซอยบางซอยเราโหดกว่านี้อีกเยอะครับ ไม่ต้องกลัวไป
– ถนนเลนเดียวหรือ Single Lane ในแถบ Highland นั้นจะเป็นถนนที่มีความกว้างแค่ประมาณรถ 1คัน แต่ไม่เป็น one-way ครับ รถมาได้ทั้ง 2ทาง มักจะเจอในแถบถนนที่เป็นเลข Axxx หรือ Bxxx (xxx หมายถึงเลขสามหลัก) ซึ่งมารยาทในการขับถนนแบบนี้คือ 
– การหลบให้รถที่สวนมาใบบริเวณ Passing Place ซึ่งจะมีป้ายบอกเป็นระยะๆ หลักการคือ เราขับชิดซ้าย (ที่UK จะขับชิดซ้ายแบบบ้านเรา) ถ้าเจอ Passing Point อยู่ด้านซ้ายให้เราเลี้ยวเข้าไปหลบรถที่สวนมาตรงนั้นครับ แต่ถ้าเจอ Passing Place อยู่ด้านขวาเรา เราแค่จอดชิดซ้าย รอให้รถสวนมาเป็นคนหลบทางเข้า Passing Point ครับ
– รถที่ใกล้ Passing Place กว่ามักจะเป็นคนจอดรถให้ก่อน หรือ กระพริบไฟสูง เพื่อบอกรถที่สวนมาว่าเราจะเป็นฝ่ายให้ทางเอง (กระพริบไฟสูงสั้นๆ 1ครั้ง แปลว่าให้ทางครับ รวมถึงให้ทางคนข้ามถนนด้วย)
– หากจ๊ะเอ๋กันตรงกลางทาง ให้พยายามดูว่าใครถอยไปหาจุด Passing Place ง่ายกว่ากัน บางทีก็ช่วยๆกันครับ ถ้าเราถอยง่ายกว่าก็กระพริบไฟให้ทางเขา
– และมักจะมีการยกมือเพื่อแสดงความขอบคุณรถที่ให้ทางหรือ ทักทายตอบคนที่สวนมาด้วยครับ
– จุดที่อันรายมักจะเป็นช่วงเนินหรือโค้งที่เราจะมองไม่เห็นรถที่อาจจะสวนมาให้เลี้ยวหรือขับด้วยความเร็วที่เหมาะสมครับ มีสติตลอดเวลา


การขอ VISA UK
มีหลายกระทู้ได้อธิบายขั้นตอนและการเตรียมตัวไว้เยอะแล้วเลยไม่ขอลงรายละเอียดนะครับ หลักๆก็ไปยื่นเอกสารที่ vsf และสามารถอ่านรายละเอียดการจองและเตรียมเอกสารได้ที่เวปของ UK Visas and Immigration - http://bit.ly/2IOShnf - แต่ที่อยากเพิ่มเติมหลักๆก็คือเรื่องการแปลเอกสารประกอบการขอ VISA ที่เป็นเอกสาร ภาษาไทย เช่น ทะเบียนบ้าน, ทะเบียนสมรส ครับ สำหรับเอกสารแปล สามารถแปลเองและเซ็นต์รับรองเองได้ template การแปล สามารถหาโหลดได้จากเวปกรมการกงสุล - http://bit.ly/2GIv6aW - ไม่จำเป็นต้องจ้างแปลโดยนักแปลมืออาชีพได้ครับ


ช้ Internet มือถือของค่ายไหนดี?
ที่สนามบิน EDI ไม่มีร้านของค่ายมือถือใดๆ แต่สามารถซื้อ sim card ได้ที่ร้าน WH Smith ตรงชั้น G เอียงไปทางฝั่งผู้โดยสารขาออก หลังจากรับกระเป๋าออกมาแล้วได้ครับ มีของทุกค่ายแขวนไว้ให้เลือกซื้อและโปรสำหรับนักท่องเที่ยว เน้น Data เยอะในราคาคุ้มกว่าซื้อ Sim จากไทยไปครับ ในทริปนี้ผมใช้ Sim 2ค่าย คือ Vodafone data 14GB ราคา 20pounds ครับ และ EE data 10GB ราคา 25pounds ผลสรุปทั้งทริป คือ EE Coverage area ใน Highland ดีกว่าครับ (Travel Sim ของค่ายในไทยจะ roaming ไปหา O2 ไม่ก็ Vodafone ครับ ไม่มี EE)


VAT Refund
สำหรับใครที่ shopping ก็อย่าลืมทำ VAT Refund โดยสามารถขอเอกสารพร้อมซองกับร้านค้าที่ซื้อมาได้ครับ ที่สนามบิน EDI ไม่มี counter รับเอกสารสำหรับ VAT Refund นะครับ เพราะฉะนั้นจะได้รับคือทางบัตรเครดิตเท่านั้น ต้องกรอกเอกสารให้ครบและใส่ซองสำหรับ VAT Refund ที่ร้านค้าให้มา โดยไม่ต้องปิดผนึก และนำไปส่งที่ Post หรือหยอดตู้ที่สนามบิน (ฟรี) ตู้สำหรับหยอดจะอยู่ระหว่าง Gate 5-6 ฝั่งผู้โดยสารขาออก (Air Side)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่