ขอท้าวความมาที่ จขกท. ก่อนนะ เนื่องจาก จขกท.เองชอบเที่ยว แต่ก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้เที่ยวหรอกตั้งแต่ได้เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยจนกระทั่งขึ้นปี 4 ก็ได้เจอวิชาวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว(Culture and Excursion) หรือวิชา GEN441 ก็ลงเรียนเลยจ้า
อยากเที่ยวเติมชาร์จพลังให้เต็มที่ก่อนลุยธีสิสปี 4 นั่นเอง
แล้วก็ได้รับมอบหมายงานมาให้ทำแล้วเป็นไปอย่างที่ฝันไว้
งานนั่นก็คือก็ให้จัดทริปไปเที่ยวแบ็คแพ็ค(Backpack) กับเพื่อนๆเป็นกลุ่มนั่นเอง!! เย้!~ \-0-/
พอ จขกท. ได้มาจับกลุ่มกับเพื่อนก็ได้มีการเสนอแนะสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆที่หลายจังหวัด
อ๊ะ!? แต่บอกไว้ก่อนนะว่า ทริปของเราจะเน้นดื่มด่ำความเป็นธรรมชาติ วัฒนธรรมต่างๆและที่สำคัญคือต้อง
ประหยัดด้วย!! -0-
หรือที่เราตั้งเป้าไว้ว่า "Low price high experience!!" นั่นเอง ^^
กำหนดการ
- ไปจังหวัดเลย 3 วัน 2 คืน(ไปช่วงเดือนสิ้นเดือนมีนาคม)
- วันแรกไปพิพิธภัณฑ์ไทดำ คืนแรกพักที่นั่นเลย
- วันที่สองวัดพระพุทธบาท ภูควายเงิน
- ช่วงเย็นของวันที่สองเข้าที่พักที่อำเถอเชียงคาน
- วันที่สามชื่นชมบรรยากาศที่อำเภอเชียงคานต่ออีกหน่อยแล้วกลับกรุงเทพฯ
เหตุการณ์สมมติ...
A : ช่วงนี้อยากไปเที่ยวไปไหนกันดีนะ?
B : ไปเลย
A : ไปเลยหรอ รีบจัง?
B : ไปเลยไง!
A : ไปเลยก็ได้แต่จะให้ไปไหน!?
B : ไปจังหวัดเลยไง โว๊ะ! - -*
มุกที่เล่นใครๆก็มักจะเคยหยิบมาเล่น แต่ถ้าถามว่าเคยไปจริงๆไหม ก็น้อยคนที่จะเคย เพราะไม่รู้ว่าจังหวัด ’เลย’ นั้นมีอะไรน่าเที่ยวหรือน่าสนใจมาก่อน
จากนั้นเราก็เลยค้นหาข้อมูลจังหวัดเลยตามเว็บไซต์ต่างๆ จนมาเจอข้อมูลเกี่ยวกับชนเผ่าไทดำหรือไทยทรงดำนั่นเอง~
ชนเผ่าไทดำเป็นชนเผ่าที่อพยพมาจากประเทศเวียดนามมาอยู่ในประเทศลาวและภาคอีสานของประเทศไทย ชนเผ่านี้จึงมีภาษาพูดที่คล้ายคลึงกับภาษาอีสาน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็มีภาษาเป็นของตนเองเช่นกัน
แต่ที่น่าสนใจมันอยู่ตรงที่ ชนเผ่าไทดำนั้นขึ้นชื่อว่ามีวัฒนาธรรมที่สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน และมั่นคงที่สุด จึงทำให้กลายเป็นชนเผ่าที่ยังสามารถมีเอกลักษณ์หรือตัวตนอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ จขกท.จึงตั้งคำถามไว้ว่า “ทำไมคนไทดำจึงยังคงวัฒนธรรมแล้วตัวตนของชนเผ่าเอาไว้ได้” งั้นเราก็มาหาคำตอบกันเลย!~
วันแรก
เรามาเริ่มกันที่การเดินทางจากกรุงเทพฯไปจังหวัดเลยกันเรานั่งรถทัวร์ใช้เวลา 8 ชั่วโมงในการเดินทางแต่เราออกจากกรุงเทพฯกันตั้งแต่ 4 ทุ่มแน่ะ ถึงจังหวัดเลยก็ประมาณเกือบตี 5 จะได้เที่ยวได้เต็มวันไงล่ะ^^
สถานีขนส่ง บขส. จังหวัดเลย : สถานีปลายทางจากกรุงเทพมาจังหวัดเลยจ้า^^
noise เยอะไปขออภัยจ้า ^ ^"
รูปตั๋วนี้ถ่ายตอนถึงซักพักแล้วเน้อ xD
บรรยากาศตอนเช้าในเมืองเลยก็สดชื่นและเงียบดี รถสัญจรกันน้อยสบายตาสุดๆ(แต่รถที่จอดข้างๆนั่นน่าจะเป็นรถที่จอดหน้าบ้านแต่ละบ้านนะ)
พอมาถึง กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราก็แวะร้านแถวๆนั้นรับประทานอาหารเช้ากัน
หลังจากอิ่มท้องกันแล้วเราก็เดินทางมาที่พิพิธภัณฑ์ไทดำกันเลย
บ้านพิพิธภัณฑ์ไทดำ : เป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าไทดำและได้มีการรวมตัวกันเองเพื่อก่อตั้งมาเป็นพิพิธภัณฑ์ไทดำให้เราได้เข้าไปท่องเที่ยวและศึกษากัน
มาถึงก็ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศกันก่อนเลย
จากนั้นเราก็เข้าที่พักของพิพิธภัณฑ์ก่อนเลย ไปเก็บของและจัดเตรียมที่นอนให้เรียบร้อย
เมื่อจัดที่พักเรียบร้อยแล้วเราก็พากันงีบหลับเพื่อความคุ้นเคยและดื่มด่ำบรรยากาศพักนึงก็เที่ยงพอดี จากนั้นก็จะมีเจ้าหน้าที่เดินมาบอกว่าเตรียมมื้อเที่ยงให้พวกเราเรียบร้อยแล้ว
บอกเลยแซ่บหลาย!!!!!!
อ่อ แล้วก็ภาษาที่ใช้กันในจังหวัดเลยส่วนใหญ่เป็นภาษาอีสานนะ แล้วก็รับประทานข้าวเหนียวเป็นหลักเนอะ
และนี่ก็คือชุดชาวคนไทดำ คนไทดำสมัยก่อนเขาเชื่อว่า ยิ่งมีกระดุมหลายเม็ดจะยิ่งเปรียบเสมือนคนที่ร่ำราย หรือมีเกียรติมาก เพราะกระดุมเสื้อเหล่านี้สมัยก่อนเขาทำมาจากเงินเลย
ต่อมาเราก็มาคอสเพลย์กันนะเป็นชาวไทดำกันดูนะ xD
พอได้แต่งตัวแบบเขาก็ดูกลมกลืนกับเขาดีนะ xD
หลังจากแต่งตัวกันเรียบร้อยแล้ว ทางพิพิธณ์ก็ได้มีการสอนให้ทำ “ตุ้มนก ตุ้มหนู” กัน
โดยตุ้มนกตุ้มหนูนั้น จะมีอยู่ 5 แบบ โดยแต่ละแบบมีความเชื่อของชาวไทดำอยู่ด้วย
1. บ้านหรือเฮือนผีมด เชื่อว่าเป็นสถานที่ที่มีผีมดอยู่
2. ตุ้มหนูหรือกลองผีมด เมื่อเวลาจะออกรบกับศัตรูต้องตีกลองเพื่อรวบรวมขวัญกำลังใจ
3. ตุ้มนก เชื่อจะว่ามีบริวารที่เป็นนกออกไปช่วยจิกศัตรู
4. รังต่อรังแตน เชื่อว่าบริวารคือแตน แตนจะไปช่วยต่อสู้กับศัตรู
5. หัวใจไทดำ เป็นตัวแทนในเรื่องของความรัก และความสามัคคี
โดยที่ทางพิพิธภัณฑ์ก็ได้มาสอนเราทำหัวใจไทดำนั่นเอง เป็นรูปแบบที่ง่ายที่สุดและน่ารักมากๆเลย
และนี่ก็คือคุณยายที่มาสอนเราทำหัวใจไทดำนั่นเอง
คุณยายเขาดูมีความสุขมากๆเลยเนอะ เราได้เห็นก็เหมือนได้รับพลังบวกเข้ามาในตัวยังไงยังงั้นเลย -///-
ผ้าซิ่นก็จะมีหลายลายนะ แต่ละลายจะมีชื่อเรียกต่างกันไป เช่น ลายนางหาญ ลายแตงโม
โดยจะมีลายใหม่เพิ่มขึ้นมาตามยุคสมัย
และนี่ก็คือลายแตงโม จขกท. ว่าลายนี้ก็น่ารักดีนะ คนที่ใส่ลายนี้มักจะเป็นเด็กๆชาวไทดำจ้า
ชาวไทดำมีตำนานที่เล่ากันว่า มีผ้าซิ่นที่มีลายชื่อว่าลาย “นางหาญ” เป็นลายที่เชื่อว่าผู้หญิงชาวไทดำห้ามทอขึ้นมาเองเป็นลายศักดิ์ศิทธิ์
โดยที่มี 3 พี่น้องหญิงสาวไทดำ คนที่หนึ่งเป็นผู้คิดค้นลายขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้ทอเสร็จก็เสียชีวิตไปก่อน ต่อมาคนที่สองมาทอต่อก็เสียชีวิตไประหว่างทำการทอไปอีกคน จนในที่สุดหญิงสาวคนที่สามก็ได้บนบานขอให้ตนทอผ้าซิ่นผืนนี้ได้สำเร็จ นับจากนั้นเป็นต้นมาผู้คนจึงเรียกผ้าซิ่นผืนนี้ว่า ผ้าซิ่นลายนางหาญนั่นเอง
ลายนางหาญจะสวยกว่าลายไหนๆ เลยเนอะ
หลังจากเดินชมสถานที่และศึกษาความเป็นมาต่างๆจากคนไทดำแล้ว เราก็เดินทางไปเขาน้อยแก้วที่บ้านท่าบม โดยเราจะมีผู้ใหญ่ใจดีสองท่านพาเราไป พาเราไปให้ความรู้เกี่ยวกับเขาน้อยแก้วกัน
เขาน้อยแก้ว : เป็นสถานที่ที่ชมนกชมไม้และชมวิวจากบนยอดเขาสวยมากๆ >.<
พิกัด : เนื่องจากไม่ใช่พื้นที่ที่คนทั่วไปสามารถเข้าได้ ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่หรือให้คนในพื้นที่พามาจ้า
ผู้ใหญ่ใจดีคือท่านที่อยู่ตรงกลางเสื้อชมพูคือคุณลุงสุภาพ บุดดา เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านท่าบม ที่พาเราเดินชมและให้ความรู้แก่เรา ส่วนอีกท่านก็คือคนถ่ายภาพนี้จ้า ;)
เขาก็จะพาเราเดินขึ้นเขา ชันมากๆและเสียวมาก = = ทั้งขาขึ้นและขาลงเลย
แล้วบนยอดเขาเราก็จะเจอพระแม่มารีและกางเขนยักษ์อยู่ด้วย
เขาเชื่อว่าเป็นสถานที่ที่กษัตริย์โรมันออกคำสั่งให้ประหารชีวิตพระเยซูเจ้าแล้วให้แบกไม้กางเขนที่จะมากึงตนเองขึ้นมาบนภูเขาแห่งนี้ต่อมาจึงได้สร้างอนุสรณ์ที่เป็นกางเขนยักษ์เพื่อเป็นสิ่งที่ลำลึกถึงพระเยซูเจ้านั่นเอง ส่วนรูปปั้นพระแม่มารีก็เป็นสิ่งที่ลำลึกว่าพระเยซูเจ้าก็ได้พบกับพระแม่มารีในสถานที่แห่งนี้เช่นกัน
ถึงยอดเขาแล้วเรามาเช็คอินกันหน่อย~ เย้
หลังจากเดินชมเขาน้อยแก้ว เดินขึ้นเขาลงเขามาเราก็ใช้พลังงานมาก แล้วก็ได้เวลามื้อเย็นพอดี งั้นเราก็มาจกข้าวเหนียวต่อ ;D
แซ่บบบบบ อีกแล้วมื้อนี้! ;P
พอตกดึกเราก็มาเดินเล่นสบายๆ เวลาแค่ 2 ทุ่มรถโล่งมากกกกกกกกก รู้สึกสงบจิตสงบใจมากๆเลย แต่ที่น่าสนใจมันอยู่ตรงนี้
เอ๊ะ!!...นี้มันไฟอะไรหละเนี้ย!?
อ๋อ มันคือตุ้มนกตุ้มหนูนั่นเอง เป็นแบบบ้าน
เรียงรายและมีไฟสวยมากๆเลย
พอกลับมาจากการสำรวจรอบๆพื้นที่พิพิธภัณฑ์ไทดำก็หิวกันอีกแล้ว ก็เลยมาทำเนื้อย่างกินกัน
พอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน เราก็ทำธุระส่วนตัวแล้วเข้านอนกัน ....zzzzzzzZZZZZ
[SR] [รีวิว]...เมืองเลย เมืองรอง ท่องเที่ยววัฒนธรรม
อยากเที่ยวเติมชาร์จพลังให้เต็มที่ก่อนลุยธีสิสปี 4 นั่นเอง แล้วก็ได้รับมอบหมายงานมาให้ทำแล้วเป็นไปอย่างที่ฝันไว้
งานนั่นก็คือก็ให้จัดทริปไปเที่ยวแบ็คแพ็ค(Backpack) กับเพื่อนๆเป็นกลุ่มนั่นเอง!! เย้!~ \-0-/
พอ จขกท. ได้มาจับกลุ่มกับเพื่อนก็ได้มีการเสนอแนะสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆที่หลายจังหวัด
อ๊ะ!? แต่บอกไว้ก่อนนะว่า ทริปของเราจะเน้นดื่มด่ำความเป็นธรรมชาติ วัฒนธรรมต่างๆและที่สำคัญคือต้อง ประหยัดด้วย!! -0-
หรือที่เราตั้งเป้าไว้ว่า "Low price high experience!!" นั่นเอง ^^
กำหนดการ
- ไปจังหวัดเลย 3 วัน 2 คืน(ไปช่วงเดือนสิ้นเดือนมีนาคม)
- วันแรกไปพิพิธภัณฑ์ไทดำ คืนแรกพักที่นั่นเลย
- วันที่สองวัดพระพุทธบาท ภูควายเงิน
- ช่วงเย็นของวันที่สองเข้าที่พักที่อำเถอเชียงคาน
- วันที่สามชื่นชมบรรยากาศที่อำเภอเชียงคานต่ออีกหน่อยแล้วกลับกรุงเทพฯ
เหตุการณ์สมมติ...
A : ช่วงนี้อยากไปเที่ยวไปไหนกันดีนะ?
B : ไปเลย
A : ไปเลยหรอ รีบจัง?
B : ไปเลยไง!
A : ไปเลยก็ได้แต่จะให้ไปไหน!?
B : ไปจังหวัดเลยไง โว๊ะ! - -*
มุกที่เล่นใครๆก็มักจะเคยหยิบมาเล่น แต่ถ้าถามว่าเคยไปจริงๆไหม ก็น้อยคนที่จะเคย เพราะไม่รู้ว่าจังหวัด ’เลย’ นั้นมีอะไรน่าเที่ยวหรือน่าสนใจมาก่อน
จากนั้นเราก็เลยค้นหาข้อมูลจังหวัดเลยตามเว็บไซต์ต่างๆ จนมาเจอข้อมูลเกี่ยวกับชนเผ่าไทดำหรือไทยทรงดำนั่นเอง~
ชนเผ่าไทดำเป็นชนเผ่าที่อพยพมาจากประเทศเวียดนามมาอยู่ในประเทศลาวและภาคอีสานของประเทศไทย ชนเผ่านี้จึงมีภาษาพูดที่คล้ายคลึงกับภาษาอีสาน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็มีภาษาเป็นของตนเองเช่นกัน
แต่ที่น่าสนใจมันอยู่ตรงที่ ชนเผ่าไทดำนั้นขึ้นชื่อว่ามีวัฒนาธรรมที่สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน และมั่นคงที่สุด จึงทำให้กลายเป็นชนเผ่าที่ยังสามารถมีเอกลักษณ์หรือตัวตนอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ จขกท.จึงตั้งคำถามไว้ว่า “ทำไมคนไทดำจึงยังคงวัฒนธรรมแล้วตัวตนของชนเผ่าเอาไว้ได้” งั้นเราก็มาหาคำตอบกันเลย!~
วันแรก
เรามาเริ่มกันที่การเดินทางจากกรุงเทพฯไปจังหวัดเลยกันเรานั่งรถทัวร์ใช้เวลา 8 ชั่วโมงในการเดินทางแต่เราออกจากกรุงเทพฯกันตั้งแต่ 4 ทุ่มแน่ะ ถึงจังหวัดเลยก็ประมาณเกือบตี 5 จะได้เที่ยวได้เต็มวันไงล่ะ^^
โดยตุ้มนกตุ้มหนูนั้น จะมีอยู่ 5 แบบ โดยแต่ละแบบมีความเชื่อของชาวไทดำอยู่ด้วย
1. บ้านหรือเฮือนผีมด เชื่อว่าเป็นสถานที่ที่มีผีมดอยู่
2. ตุ้มหนูหรือกลองผีมด เมื่อเวลาจะออกรบกับศัตรูต้องตีกลองเพื่อรวบรวมขวัญกำลังใจ
3. ตุ้มนก เชื่อจะว่ามีบริวารที่เป็นนกออกไปช่วยจิกศัตรู
4. รังต่อรังแตน เชื่อว่าบริวารคือแตน แตนจะไปช่วยต่อสู้กับศัตรู
5. หัวใจไทดำ เป็นตัวแทนในเรื่องของความรัก และความสามัคคี
โดยที่ทางพิพิธภัณฑ์ก็ได้มาสอนเราทำหัวใจไทดำนั่นเอง เป็นรูปแบบที่ง่ายที่สุดและน่ารักมากๆเลย
โดยจะมีลายใหม่เพิ่มขึ้นมาตามยุคสมัย
โดยที่มี 3 พี่น้องหญิงสาวไทดำ คนที่หนึ่งเป็นผู้คิดค้นลายขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้ทอเสร็จก็เสียชีวิตไปก่อน ต่อมาคนที่สองมาทอต่อก็เสียชีวิตไประหว่างทำการทอไปอีกคน จนในที่สุดหญิงสาวคนที่สามก็ได้บนบานขอให้ตนทอผ้าซิ่นผืนนี้ได้สำเร็จ นับจากนั้นเป็นต้นมาผู้คนจึงเรียกผ้าซิ่นผืนนี้ว่า ผ้าซิ่นลายนางหาญนั่นเอง
เขาเชื่อว่าเป็นสถานที่ที่กษัตริย์โรมันออกคำสั่งให้ประหารชีวิตพระเยซูเจ้าแล้วให้แบกไม้กางเขนที่จะมากึงตนเองขึ้นมาบนภูเขาแห่งนี้ต่อมาจึงได้สร้างอนุสรณ์ที่เป็นกางเขนยักษ์เพื่อเป็นสิ่งที่ลำลึกถึงพระเยซูเจ้านั่นเอง ส่วนรูปปั้นพระแม่มารีก็เป็นสิ่งที่ลำลึกว่าพระเยซูเจ้าก็ได้พบกับพระแม่มารีในสถานที่แห่งนี้เช่นกัน
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม