อยากถามทุกท่านฝั่งตรงข้ามอนาคตใหม่ มีบ้างสักคนไหมที่ฟังธนาธรชี้แจงปมเรื่องโอนหุ้นและเชื่อว่าหลักฐานฝั่งธนาธรแน่นพอ

คือผมเห็นในเฟสบุ๊ค เพจที่รวมเหล่าผู้เกลียดชังธนาธร ดูเหมือนไม่ว่าธนาธร ปิยบุตรจะชี้แจง เอาหลักฐานมายืนยันแค่ไหน
ยังไงก็ยังด่ากันเอาเป็นเอาตายเหมือนเดิม เหมือนไม่มีคนลองตั้งใจฟังคำชี้แจงเลยสักคนเดียว

อยากรู้ว่าในราชดำเนินมีบ้างไหม ฝั่งตรงข้ามที่วางใจเป็นกลาง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
เอาตรงๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับกฎหมายข้อนี้

เเละเสียดายหากคนที่ตั้งใจเข้ามาทำงานการเมือง
ต้องหลุดออกไปเพราะกฎหมายหยุมหยิมเเบบนี้

เเต่ ผิด ก็คือ ผิด ครับ คนละเรื่องกัน  ไม่เกี่ยวกับกับชอบหรือไม่ชอบ

เหมือนขี่มอไซค์ออกไปซื้อของหน้าปากซอย โดยไม่ได้สวมหมวก
ถึงคราวซวย เจอหัวปิงปองอยู่ตอนนั้นพอดี
จะอ้างว่า โถ่จะไปอันตรายอะไร เเค่ออกจากบ้านมาปากซอยเอง นะจ่านะ นะผู้หมวดนะ  มันไม่ถูกต้องครับ

ผิดก็คือผิด   ต้องยอมรับ จ่ายค่าปรับซะ

(จะว่าไป จริงๆ ออกไปปากซอย ผมก็ไม่ค่อยใส่นะ เเต่ถ้าโดนเรียกก็ต้องยอมรับผิด )



ต่อกรณีของ ธนาธร  ลึกๆ ก็อยากให้เป็นความจริง
อย่างที่เเกอ้างหรือยืนยันมาตลอด ว่าได้โอนหุ้นก่อนสมัคร สส

เเต่หลายๆเรื่อง ดูเหมือนว่า ไม่สมูทเท่าที่ควร หลายเรื่องยังชวนให้ตั้งคำถาม
ทั้งๆที่โดยส่วนตัว เชื่อว่า ธนาธรมีความมุ่งมั่น ที่จะเข้ามาทำงานการเมืองอย่างเต็มตัว
มีการเตรียมการ วางเเผน ศึกษาออกแบบนโยบาย มาอย่างชาญฉลาดที่จะเจาะกลุ่มเป้าหมาย

เเต่ทำไมเรื่องข้อกฎหมายพื้นฐาน
เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ลงสมัคร สส ถึงพลาดได้ง่ายๆ ทั้งๆที่มีนักกฎหมายระดับ อังดรัว อยู่ใกล้ๆตัว

เอาง่ายๆ เเค่เรื่องที่ธนาธร ลาออกจากบอร์ดบริหารหนังสือพิมพ์ มติชน วันที่ 14 มีนาคม ปีก่อน
เเล้ววันรุ่งขึ้น 15 มีนาคม 61 ก็จัดเเถลงเปิดตัวการตั้งพรรค อนาคตใหม่ ร่วมกับ อ ปิยะบุตร
เรื่องนั้น ชัดเจน โปร่งใส ถึงความจริงใจที่จะเคลียร์ตัวเองออกจากธุระกิจสื่อ  ก่อนเข้ามาเป็นนักการเมือง

หรือกรณีโอนหุ้นที่ตัวเองมีครอบครองทั้งหมด เข้ากองทุน บลายน์ทรัส ( ที่อ้างว่าเป็นนักการเมืองคนเเรกที่ทำเเบบนี้ )
เรื่องนี้ก็ชัดเจน โปร่งใส ถึงความจริงใจที่จะเคลียร์ตัวเองเหมือนกัน
ทั้งๆที่ในเวลานั้นยังไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ เพราะเเค่ลงสมัคร สส เอง ยังไม่ได้เป็นนักการเมืองเลย เเต่พี่เเกก็ทำ  
( อาจเกี่ยวกับภาพลักษณ์ เเละคะเเนนนิยมด้วยรึเปล่า ไม่เเน่ใจ )  เเต่ก็ถือว่าชัดเจน น่าชื่นชม  

เเต่ทำไม พอมาเรื่องหุ้น วีลัคมีเดีย ถึงกลับมาทำ วันที่ 8 มกราคม 62 ทิ้งช่วงห่างจากกรณีมติชนเกือบปี
ทั้งๆที่  สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความ ชัดเจน โปร่งใสได้ เหมือนกัน ( แถมเป็นเรื่องที่กฎหมายเขียนห้ามไว้ชัดเจนมากกว่าสองเรื่องเเรก )

เรื่องนี้คุณธนาธร สามารถโอนออก ขายออก เพื่อเคลียร์ตัวเองได้ตั้งเเต่ปีก่อน
หรือช่วงเวลาใกล้ๆกับที่ลาออกจากมติชนได้  ทำไมไม่ทำ

ทำไมต้องมาทำก่อนวันสมัครรับเลือกตั้ง ราวๆสามสิบวันพอดิบพอดี  
เเต่กรณี มติชน กับ บลายทรัส ยังไม่จำเป็นต้องรีบทำ เเต่ก็ทำก่อนเพื่อความโปร่งใส


เเละหลักฐานเอกสาร ต่างๆ ในเรื่องโอนหุ้น 8 มกรา 62 ตามที่ธนาธรอ้าง
ก็ค่อยๆ ออกมาทีละอย่าง สองอย่าง หลังจากที่เกิดคำถามตามมา  
ซึ่งถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นว่าทุกอย่างค่อยๆ ปรากฎออกมา
หลังวันที่คุณภูเบศร์ โดนตัดสิทธิ์ด้วยเรื่องนี้ ที่สกลนคร วันที่ 19 มีนา 62  ( ก่อนวันเลือกตั้งหกวัน )

ทำไม  เอกสารต่างๆ ถึงค่อยๆ ทยอยออกมาให้เห็น หลังเหตการณ์ลูกพรรค จ. สกลนคร    ทำไม ?

ย้อนกลับไป ถึงกรณีลาออกจากบอร์ด มติชน ชัดเจนโปร่งใส ไม่มีใครขอร้องให้ทำ ธนาธรก็ทำ
หรือกรณีโอนหุ้นที่มีอยู่ทั้งหมด เข้ากองทุน บลายน์ทรัส (ที่อ้างว่าเป็นนักการเมืองคนเเรกที่ทำ) ชัดเจนโปร่งใส ไม่มีใครขอร้องให้ทำ ธนาธรก็ทำ

เเต่พอมาถึง กรณีหุ้น วีลัคมีเดีย ทำไมไม่ทำให้ชัดเจนโปร่งใส เหมือนในสองเรื่องเเรก เสียตั้งเเต่ต้น  
ทำไมถึงต้องรอให้เกิดการตั้งคำถามจากสังคมก่อน   ทำไมถึงต้องรอให้มีการ คุ้ยเคะ เกะเกา จากสื่อก่อน
ถึงจะค่อยๆ โผล่เอกสาร หลักฐานออกมา ทีละอย่าง สองอย่าง    ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น


ตำราวิชาอาชญาวิทยา มีคำกล่าวสุดคลาสสิคอยู่ประโยคหนึ่ง ว่า  

" ในทุกๆ อาชญากรรมที่เกิดขึ้น อาชญากร จะทิ้งร่องรอยไว้เสมอ "


เเละในทุกๆข้อสงสัย ที่กำลังเกิดการตั้งคำถาม  " ความจริงย่อมมีเพียงหนึ่งเดียว "
( อันหลังนี้ ผมกล่าวเอง )


อมยิ้ม04
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่