14 เม.ย. 2019
ราว 9 โมงเช้า รถตู้ที่ผมและเพื่อนเช่าเหมาไว้ก็มารับเราที่หน้าโรงแรมที่พักตามที่นัดหมายเป๊ะๆ (น้องร่วมทริปแนะนำว่า เราควรเช่าตู้เพื่อเที่ยวในกรุงปารีส ดีกว่าเลือกใช้บริการรถไฟใต้ดิน เนื่องจากดูปลอดภัยกว่าและสะดวกสบายมากกว่า แม้จะต้องเผชิญกับปัญหารถติดบ้างก็ตาม) เกือบๆ 10 โมง เราก็มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกตามแผนของเราในวันนี้... Notre Dame de Paris ก่อนหน้านี้ผมเองไม่มีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้เลย เพื่อนชวนมา ก็มา เพื่อนบอกว่า เป็นอีก 1 ไฮไลท์ที่เราไม่ควรพลาด นั่นแสดงว่าที่นี่คงสำคัญไม่ใช่น้อย
หลังจากศึกษาอย่างคร่าวๆ (ภายหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งล่าสุด) จึงทำให้พอทราบประวัติว่า... Notre Dame de Paris เป็นอาสนวิหารประจำอัครมุขมณฑลปารีส (ศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิค) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อราวปี ค.ศ.1163 และสร้างเสร็จเมื่อราวปี ค.ศ.1345 เป็นสิ่งปลูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบกอธิค และถือเป็นอาสนวิหารแห่งแรกที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบนี้ ในปี ค.ศ. 1793 อาสนวิหาร Notre Dame de Paris เคยได้รับความเสียหายจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมในฝรั่งเศส ต่อมาได้รับการบูรณะซ่อมแซมในช่วงคริสตวรรษที่ 19 จนมีสภาพเหมือนก่อนที่ถูกทำลาย (คัดลอกจากวิกิพีเดีย)
มหาวิหาร Notre Dame de Paris ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกใน ปี 1991 ตัวอาคารมีความสูงวัดถึงยอดอยู่ที่ 69 เมตร กว้าง 69 เมตร ยาว 128 เมตร ภายในและภายนอกอาคารประดับประดาด้วยประติมากรรม และหน้าต่างกระจกสี และถูกยกย่องเป็น "อัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมโกธิกยุคกลาง" นอกจากนี้ ยังเป็นสถานที่เก็บวัตถุโบราณ และผลงานศิลปะที่สำคัญของศาสนา เช่น มงกุฎหนามแห่งพระคริสต์จำลอง เป็นต้น ซึ่งแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกไปเยี่ยมชมมหาวิหาร 13 ล้านคน เฉลี่ยวันละ 35,000 คน (อ้างอิงจาก https://news.thaipbs.or.th/content/279305)
ทีนี้มาว่าเรื่องของผมกันต่อ... ก่อนเข้าชมด้านในของอาสนวิหารแห่งนี้ จะมีการตรวจกระเป๋าสัมภาระของผู้มาเยือนด้วย (แต่ไม่เสียค่าเข้านะครับ) แม้จะตรวจแบบไม่ค่อยละเอียดนัก แต่นั่นก็ทำให้แถวของผู้ที่จะเข้าชมความงามด้านในยาวเหยียดไปหลายสิบเมตร ระหว่างรอคิวตรวจกระเป๋า ผมก็ถือโอกาสถ่ายรูปภายนอกโบสถ์ไปพลาง เมื่อพิจารณาใกล้ๆ มันยิ่งชวนให้ยกกล้อง (ทั้งDSLR คู่มือ และกล้องจาก Huawei คู่ใจ) ขึ้นเก็บภาพไว้ชื่นชมในภายภาคหน้ายิ่งขึ้น ทั้งนี้ นอกจากรูปทรงวิหารที่ว่างดงามแล้ว ผมแอบชื่นชอบรูปปั้นต่างๆที่ประดับอยู่เหนือประตูขึ้นไป มันดูมีเรื่องราว มีประวัติศาสตร์แทรกอยู่ในความสวยงามนั้นไม่ใช่น้อย
ผ่านพ้นพิธีการตรวจกระเป๋าแล้ว เราก็เดินผ่านประตูเข้ามาด้านใน เห็นแล้วก็ต้องร้อง โหวววว.... ดูมันช่างยิ่งใหญ่อลังการซะเหลือเกิน แต่... เนื่องจากวันที่ไปเป็นวันอาทิตย์ ภายในมหาวิหารกำลังทำพิธีมิซซากันอยู่ เจ้าหน้าที่เลยกั้นบริเวณช่วงกลางไว้ ให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้เพียงบริเวณรอบๆเท่านั้น แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับผม ผมเดินชื่นชมและถ่ายรูปความงามของสถาปัตยกรรมภายในวิหารอยู่พักใหญ่ (ราวครึ่งชั่วโมง) ก็เดินออกมาด้านนอก นี่ถ้าสามารถล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ผมคงจะอยู่ชื่นชม อยู่ถ่ายรูปวิหารนั้นให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อออกมาด้านนอก เห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มนึงยืนต่อแถวอยู่ด้านข้างมหาวิหาร เพื่อนบอกว่าคงต่อแถวเข้าคิวเพื่อนขึ้นไปด้านบนหอคอยของมหาวิหารเพื่อชมทัศนียภาพของกรุงปารีส ถึงตรงนี้ต้องเสียค่าขึ้นคนละ 7.5 ยูโร ซึ่งผมและเพื่อนๆก็ไม่ได้ขึ้นไปขมกับเขาด้วยหรอกครับ เพราะแถวยาวมาก แถมเรายังมีโปรแกรมอื่นรออีกหลายโปรแกรม เลยขอบายจุดนี้ไป
นั่นคือ เรื่องราวการไปเยี่ยมชม Notre Dame de Paris แบบสรุปสั้นๆ ในวันก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้เพียง 1 วัน โชคดีของเราที่ได้เข้าชมศาสนสถานที่สำคัญของชาวฝรั่งเศส ก่อนที่จะเกิดเหตุเพลิงไหม้ และต้องปิดเพื่อซ่อมแซมบูรณะไม่ต่ำกว่า 5 ปี... โชคร้าย ที่สถาปัตยกรรมที่งดงามแห่งนี้ต้องได้รับความเสียหาย เพราะตามความรู้สึกของผม ต่อให้บูรณะซ่อมแซมกลับมาใหม่อย่างไร ก็คงจะไม่เหมือนเดิม มนต์ขลังและประวัติศาสตร์ในอิฐทุกก้อน ในทุกเส้นลาย คงเปลี่ยนแปลงไป และคงหาสิ่งใดมาทดแทนไม่ได้ มีเพียงศรัทธาของเหล่าคริสตชนเท่านั้นที่จะยังคงอยู่กับสถานที่แห่งนี้ตลอดไป