ไม่มีสปอยล์จ้า เขียนถึงตัวหนังเฉยๆ อ่านได้
ถือเป็นการปิดฉากอย่างงดงามที่สุดเท่าที่ตัวหนังและทีมงานจะทำได้แล้วแหละ การที่มันเกิดปรากฏการณ์ขนาดนี้ไม่ใช่แค่เพราะมันเป็นหนังฟอร์มยักษ์อย่างเดียวหรอก แต่ส่วนหนึ่งมันมาจากการบ่มเพาะนานนับสิบปี นับตั้งแต่ Iron Man (2008, จอน ฟาฟวโร) ออกฉายเป็นครั้งแรก รวมถึงการที่มันเป็นแฟรนไชส์ที่สร้างขึ้นจากคอมิกมหากาพย์ ความสำเร็จแบบนี้มันเลยกลายเป็นเรื่องที่เราเข้าใจได้และซาบซึ้งไปกับมันอยู่ เอาจริงๆ มันก็ถือเป็นแฟรนไชส์ของยุคนี้เหมือนกัน อาจจะเทียบเคียงได้กับที่ครั้งหนึ่งแฟรนไชส์ Harry Potter เคยทำได้ กับบรรยากาศห้ามสปอยล์หนังที่เข้มข้นมากจนหนังหลายๆ เรื่องยังทำไม่ได้ โดยเฉพาะในยุคแบบนี้
ยอมคนเขียนบทมากๆ เส้นเรื่องยุ่บยั่บขนาดนี้ยังอุตส่าห์ขัดเกลา เชื่อมโยงและร้อยเรียงให้จบภายในสามชั่วโมงอย่างละเมียดด้วย ทั้งที่มันมีโอกาสจะพลิกกลายเป็นภารกิจยุ่งขิงดูไม่จืด แต่พอมันเรียงร้อยเส้นเรื่องอย่างชาญฉลาดแบบนี้เราก็รู้สึกชื่นชมมันมากๆ แม้ว่ามันจะมีบางจุดที่หลุดๆ แต่ก็คิดว่าทีมเขียนบทคงพยายามเต็มที่แล้วล่ะ
ความเก่งของทีมเขียนบทอีกอย่างคือมันเต็มไปด้วยฉาก 'ให้เครดิต' กับฉากจำในหนังภาคก่อนๆ เยอะแยะไปหมด overwhelming มากๆ เลย
แน่นอนว่าหนังมันกล้าหาญพอจะโอบกอดและเปลี่ยนแปลงซูเปอร์ฮีโร่ที่เรารักด้วยเหมือนกัน ทั้งในแง่วิธีคิด ชีวิตและรูปลักษณ์ มีจุดที่ทำให้น้ำตาซึมๆ นิดหน่อย คิดว่าหลังจากนี้อาจไม่ฟูมฟายหรือติดตามกับหนังมาร์เวลเท่านี้แล้ว กลุ่มฮีโร่ยุคแรกของมาร์เวลคือที่หนึ่งเสมอในช่วงเวลานี้ และคงหาแฟรนไชส์ไหนทดแทนได้ยากจริงๆ
ฝากเพจหนังด้วยนะคะ
https://www.facebook.com/llkhimll/
(Review / ไม่มี Spoiled) Avengers: Endgame บทสรุปและบันทึกการลาจากอันงดงามของซูเปอร์ฮีโร่ที่เรารัก
ถือเป็นการปิดฉากอย่างงดงามที่สุดเท่าที่ตัวหนังและทีมงานจะทำได้แล้วแหละ การที่มันเกิดปรากฏการณ์ขนาดนี้ไม่ใช่แค่เพราะมันเป็นหนังฟอร์มยักษ์อย่างเดียวหรอก แต่ส่วนหนึ่งมันมาจากการบ่มเพาะนานนับสิบปี นับตั้งแต่ Iron Man (2008, จอน ฟาฟวโร) ออกฉายเป็นครั้งแรก รวมถึงการที่มันเป็นแฟรนไชส์ที่สร้างขึ้นจากคอมิกมหากาพย์ ความสำเร็จแบบนี้มันเลยกลายเป็นเรื่องที่เราเข้าใจได้และซาบซึ้งไปกับมันอยู่ เอาจริงๆ มันก็ถือเป็นแฟรนไชส์ของยุคนี้เหมือนกัน อาจจะเทียบเคียงได้กับที่ครั้งหนึ่งแฟรนไชส์ Harry Potter เคยทำได้ กับบรรยากาศห้ามสปอยล์หนังที่เข้มข้นมากจนหนังหลายๆ เรื่องยังทำไม่ได้ โดยเฉพาะในยุคแบบนี้
ยอมคนเขียนบทมากๆ เส้นเรื่องยุ่บยั่บขนาดนี้ยังอุตส่าห์ขัดเกลา เชื่อมโยงและร้อยเรียงให้จบภายในสามชั่วโมงอย่างละเมียดด้วย ทั้งที่มันมีโอกาสจะพลิกกลายเป็นภารกิจยุ่งขิงดูไม่จืด แต่พอมันเรียงร้อยเส้นเรื่องอย่างชาญฉลาดแบบนี้เราก็รู้สึกชื่นชมมันมากๆ แม้ว่ามันจะมีบางจุดที่หลุดๆ แต่ก็คิดว่าทีมเขียนบทคงพยายามเต็มที่แล้วล่ะ
ความเก่งของทีมเขียนบทอีกอย่างคือมันเต็มไปด้วยฉาก 'ให้เครดิต' กับฉากจำในหนังภาคก่อนๆ เยอะแยะไปหมด overwhelming มากๆ เลย
แน่นอนว่าหนังมันกล้าหาญพอจะโอบกอดและเปลี่ยนแปลงซูเปอร์ฮีโร่ที่เรารักด้วยเหมือนกัน ทั้งในแง่วิธีคิด ชีวิตและรูปลักษณ์ มีจุดที่ทำให้น้ำตาซึมๆ นิดหน่อย คิดว่าหลังจากนี้อาจไม่ฟูมฟายหรือติดตามกับหนังมาร์เวลเท่านี้แล้ว กลุ่มฮีโร่ยุคแรกของมาร์เวลคือที่หนึ่งเสมอในช่วงเวลานี้ และคงหาแฟรนไชส์ไหนทดแทนได้ยากจริงๆ
ฝากเพจหนังด้วยนะคะ https://www.facebook.com/llkhimll/