สวัสดีค่ะ ชาวพันทิปในวันที่อากาศโคตรร้อน และหน้ามันเยิ้มเป็นสิวง่าย ยิ่งเจอน้ำสงกรานต์เข้าไปนี่หน้าพังเลยจ้า
เดิมเราเป็นคนที่เป็นสิวเยอะมาก ทั้งอักเสบ อุดตัน ต่อสู้กับสิวมานานค่ะ จนตอนนี้ถ้าให้เทียบคงเหลือสัก 20% คือมาก่อนมีประจำเดือนซะส่วนใหญ่
เราจะมียารักษาสิวประจำของเราคือหลายตัว หลังสงกรานต์มีคนที่เป็นสิวเห่อขึ้นมาทั้งอักเสบ หรืออุดตัน ผด มาถามเราว่ารักษาไงดี อ่านรีวิวนั่นนี่ มันเยอะไปหมด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้วันนี้จะมาแชร์ค่ะ
แต่ก่อนอื่นมาดูขั้นตอนการดูแลผิวหน้าง่ายๆ ก่อนเนอะ
ขั้นตอนการรักษาสิวสำคัญ คือ
1. ต้องเช็ดหน้าให้สะอาด ยิ่งถ้าแต่งหน้าจัดเต็มแบบเราต้องคลีนจนสำลีสะอาด --- กระทู้รีวิว makeup remover นี่อาจจะทำต้องขอเวลารวบรวมหน่อยน้า เพราะแต่ละตัวแพงมาก มีทั้งใช้ดีและไม่ดีเดี๋ยวมารีวิว
2. ยารักษาสิว ละลายหัวสิวอุดตัน ลดสิวอักเสบ ต้องมีนะ ถ้าไม่มีก็ไม่หายสักที
3. ล้างหน้าด้วย Cleansing ที่เหมาะกับสภาพผิวของเราที่สุด ผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง ผิวมัน ใช้ไม่เหมือนกันนะจ๊ะ กำลังรวบรวมอยู่ มีรีวิวแน่นอน
4. ครีมบำรุงหลังล้างหน้า เราจะเน้นเติมน้ำให้ผิว รีวิวรอติดตามจ้า
5. ครีมแต้มสิวอักเสบ ถ้ามีต้องรีบจัดการ
6. ครีมลดรอยสิว – ถ้ามีโอกาสจะรีวิวนะจ๊ะ เคยใช้แค่ 2-3 ยี่ห้อ เราชอบเลเซอร์มากกว่า ไม่ค่อยชอบทาครีม
วันนี้จะมาเปรียบเทียบความแตกต่างของยารักษาสิวตัวสำคัญที่เรามักจะได้จากคลินิก หรือร้านขายยาเมื่อไปปรึกษาเรื่องสิวๆ มาดูกันว่ามันเหมือน หรือต่างกันยังไง ใช้แทนกันได้มั้ย?
ตัวแรก คือ Benza AC
ตัวนี้มีตัวยาสำคัญ คือ Benzoyl Peroxide หรือที่ชอบเรียกย่อๆ BP มี 2 ความแรง คือ 2.5% และ 5%
สรรพคุณ
1. มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้อที่ก่อให้เกิดสิวคือ P.acnes และทำให้หัวสิวอักแสบแห้ง และหลุดออก คือระหว่างวันบางทีอยู่ดีๆ ก็หลุดออกมาเป็นก้อนแข็งๆ เลยค่ะ
2. มีคุณสมบัติการผลัดเซลล์ผิว จึงช่วยให้การลดคอมีโดนหรือสิวอุดตันได้
3. ตัวนี้จะไม่ทำให้เกิดการดื้อยาของเชื้อแบคทีเรียเพราะไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ
4. Benzac AC แตกต่างจาก Benzoyl Peroxide ยี่ห้ออื่น หรือที่ให้มาจากคลินิก คือ มีสารให้ความชุ่มชื่น ได้แก่ Glycerin เพื่อ ลดอาการข้างเคียงจากการใช้ยา เพื่อให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวและในขณะเดียวกัน AC จะทำหน้าที่ดูดซับไขมันส่วนเกินจากผิวได้อีกด้วยค่ะ
วิธีการใช้
เริ่มต้นใช้ครั้งแรกแนะนำให้เริ่มจาก 2.5% ก่อนนะคะ เพื่อทดสอบว่าหน้าเราไวต่อยาหรือไม่ ถ้าทนได้หรือเหมือนจะไม่ตอบสนองแล้วค่อยขยับความแรงขึ้น
1. เช็ดเครื่องสำอางออกให้สะอาด ล้างด้วยน้ำเปล่า เพื่อล้างสิ่งสกปรกออกก่อน ซับให้แห้ง ไม่ควรทาลงบนหน้าที่เปียกๆ
เพราะจะเพิ่มการซึมซับของผิว ทำให้เกิดการระคายเคืองได้มากค่ะ อันนี้ลองมาเองเลย
2. ทา Benzac AC บางๆ ทั่วใบหน้าหรือบริเวณที่มีปัญหาสิว ยกเว้นรอบดวงตา รอบปาก ข้างจมูก
3. การทายาครั้งแรกให้ทาไว้แค่ 5 นาที หมอหรือเภสัชกรมักจะบอกว่า 5 นาที หรือเท่าที่มันจะคันยุบยิบแล้วเราทนไม่ได้
และครั้งต่อไปให้เพิ่มเวลาไปเรื่อยๆ นานสุดไม่เกิน 30 นาที เพราะอาจ ทำให้เกิดอาการบวม แดง ลอก ผิวหนังไหม้ได้ ประสบการณ์ตรงของเราคือ ทาตรงแก้มแล้วไปนอนเผลอหลับไป 1 ชั่วโมง ตื่นมาหน้าแดงเหมือนปัดบรัชออนไปเลย 1 วันค่ะ โชคดีแค่ไหนที่ไม่ลอก TT
4. ล้างหน้าด้วย cleansing ตามปกติค่ะ แนะนำให้ใช้ชนิดอ่อนโยนที่ไม่ทำให้หน้าแห้งตึง หรือไม่ระคายเคืองเพิ่มมากขึ้น ไม่แนะนำให้ใช้แบบที่มีฟอง พื้นฐานเราเป็นคนหน้าแห้ง ต้องเลือก cleanser ที่ไม่ทำให้หน้าเอี๊ยดแห้งตึงเป็นสำคัญค่ะ
เนื้อ Benzac จะเป็นเนื้อครีม ที่มีกลิ่นเฉพาะตัว ที่เราบอกเลยว่าแย่ >< ส่วนตัวเราไม่ชอบเลย แต่เพราะมันคือเรา เราก็ต้องทน
เห็นผลดีมากๆ เมื่อใช้ต่อเนื่อง 1-2 week ค่ะ
สำหรับเราเราชอบเอามาแต้มบริเวณที่มีสิวอักเสบ ทั้งที่ยังไม่สิวเป็นสิวหัวหนอง หรือเป็นสิวหนองแล้ว
ราคาหลอดเล็ก 15 กรัม 1xx บาท / หลอดใหญ่ 60 กรัม 3xx บาท
หาซื้อง่ายตามร้านขายยาทั่วไปได้เลยค่ะ
Differin
เป็นอนุพันของ Retin A ที่พัตนาแล้วชื่อตัวยา Adapalene 0.1% เพื่อให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองได้น้อยกว่า Retin A
สรรพคุณ
1.ทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว ใช้ทารักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ ในระยะที่เป็นน้อยถึงปานกลาง
2. มีฤทธิ์ในการควบคุมเซลล์ปรับกระบวนการแบ่งเซลล์ของผิวหนัง และมีฤทธิ์ต้านการแบ่งเซลล์ทำให้ลดการอักเสบของสิวได้
3. เนื้อครีมเป็นเจล ซึ่งทำให้มีข้อดีคือ ปราศจากส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ และไขมันที่ทำให้เกิดสิวอุดตันและด้วยการมีผลึกเล็กๆ ทำให้ยาแทรกซึมลึกเข้าผิวหนัง และละลายในต่อมไขมันที่ทำให้เกิดสิวอุดตันได้ดี ซึ่งต่างจาก Retin-A ที่มีแอลกอฮอล์เป็นองค์ประกอบจึงทำให้การใช้ Retin-A®
เกิดอาการระคายเคืองผิวได้มากกว่า Differin
วิธีการใช้ คือ ทายาบางๆ วันละ 1 ครั้งก่อนนอน หลังการล้างหน้า
ข้อควรระวัง คือ หลีกเลี่ยงการทาบริเวณดวงตา ริมฝีปาก จมูก และ บริเวณเยื่อบุผิว อ่อนเมื่อทายาแล้วควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดด
รวมทั้งแสงจากหลอดไฟ
ไม่ได้บ้า แต่ทาแล้วเราปิดไฟนอนทันทีเลยค่ะ
สำคัญมากๆ คือช่วงที่เราใช้ยานี้ ผิวเราจะไวต่อแสงดังนั้น ตอนเช้าตอนทาครีมกันแดดทุกวัน ยิ่งแดดบ้านเราตอนนี้ไม่ทาได้ฝ้าตามมาหลังจากสิวแน่นอน
เนื้อครีมไม่เหลวเหมือน Benzac กลิ่นดีกว่า เกลี่ยง่าย
บางคนใช้แล้วสิวอาจจะเห่อในช่วงแรกนะคะ ต้องอดทนกับเค้านิดนึงเนาะตัวนี้ แต่ยังไงก็ไม่แพ้ไม่เห่อเท่า Retin-A แน่นอนค่ะ
สำหรับเราใช้แล้วไม่เห่อนะคะ อาจจะเป็นเพราะหน้าเราใช้ Benzac ที่มีการระคายเคืองรบกวนผิดมานานก็ได้ 555
ตัวนี้เพิ่งหมดไป 1 หลอดค่ะ
ผลที่ได้คือสิวอุดตันลดลงมาก แทบจะไม่มี นอกจากนี้ยาพวกอนุพันธ์วิตามิน A มันจะช่วยกระชับรูขุมขนเราได้ด้วย
ยานี้หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปเลยค่ะขอคำแนะนำการใข้จากเภสัชกรอีกรอบก็นะคะ แต่ละคนมี Trips & Trick แตกต่างกันไป
แต่ราคาแพงจนสะดุ้งนิดนึง 4xx บาท
สรุปคือ
1. ถ้าเราเป็นสิวอักเสบไม่เยอะ อุดตันก็ไม่มากเท่าไหร่ แนะนำให้เริ่มจาก Benzac ก่อนก็ได้ค่ะ ลองดูว่าใช้แค่ตัวเดียวเอาอยู่มั้ย
2. แต่ถ้าใครใจร้อนอยากได้กลไกของยา 2 ตัวเสริมกัน เพื่อรักษาทั้งสิวอักเสบ และอุดตันให้อยู่หมัด ก็ใช้ 2 ตัวพร้อมกันเลย คือ ใ
ช้ Benzac ก่อนล้างหน้าทา Differin ก่อนปิดไฟนอนจ้า
สำคัญมากๆๆๆๆๆๆ เลย คือ ห้ามลืมทากันแดด !!!
ไม่ออกแดดก็ต้องทาเพราะแสงไฟนีออนก็ทำร้ายผิวเราได้ เจ๊เตือนแล้วน้า
รีวิวอื่นๆ รอติดตามตอนต่อไปค่า
ใครอยากให้รีวิวอะไร ส่งของมาได้ จะทดลองใช้ อยากสวย เดี๋ยวมารีวิวให้จ้า
[CR] รีวิวความแตกต่าง Benzac AC vs Differin
เดิมเราเป็นคนที่เป็นสิวเยอะมาก ทั้งอักเสบ อุดตัน ต่อสู้กับสิวมานานค่ะ จนตอนนี้ถ้าให้เทียบคงเหลือสัก 20% คือมาก่อนมีประจำเดือนซะส่วนใหญ่
เราจะมียารักษาสิวประจำของเราคือหลายตัว หลังสงกรานต์มีคนที่เป็นสิวเห่อขึ้นมาทั้งอักเสบ หรืออุดตัน ผด มาถามเราว่ารักษาไงดี อ่านรีวิวนั่นนี่ มันเยอะไปหมด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันนี้จะมาเปรียบเทียบความแตกต่างของยารักษาสิวตัวสำคัญที่เรามักจะได้จากคลินิก หรือร้านขายยาเมื่อไปปรึกษาเรื่องสิวๆ มาดูกันว่ามันเหมือน หรือต่างกันยังไง ใช้แทนกันได้มั้ย?
ตัวแรก คือ Benza AC
ตัวนี้มีตัวยาสำคัญ คือ Benzoyl Peroxide หรือที่ชอบเรียกย่อๆ BP มี 2 ความแรง คือ 2.5% และ 5%
สรรพคุณ
1. มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้อที่ก่อให้เกิดสิวคือ P.acnes และทำให้หัวสิวอักแสบแห้ง และหลุดออก คือระหว่างวันบางทีอยู่ดีๆ ก็หลุดออกมาเป็นก้อนแข็งๆ เลยค่ะ
2. มีคุณสมบัติการผลัดเซลล์ผิว จึงช่วยให้การลดคอมีโดนหรือสิวอุดตันได้
3. ตัวนี้จะไม่ทำให้เกิดการดื้อยาของเชื้อแบคทีเรียเพราะไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ
4. Benzac AC แตกต่างจาก Benzoyl Peroxide ยี่ห้ออื่น หรือที่ให้มาจากคลินิก คือ มีสารให้ความชุ่มชื่น ได้แก่ Glycerin เพื่อ ลดอาการข้างเคียงจากการใช้ยา เพื่อให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวและในขณะเดียวกัน AC จะทำหน้าที่ดูดซับไขมันส่วนเกินจากผิวได้อีกด้วยค่ะ
วิธีการใช้
เริ่มต้นใช้ครั้งแรกแนะนำให้เริ่มจาก 2.5% ก่อนนะคะ เพื่อทดสอบว่าหน้าเราไวต่อยาหรือไม่ ถ้าทนได้หรือเหมือนจะไม่ตอบสนองแล้วค่อยขยับความแรงขึ้น
1. เช็ดเครื่องสำอางออกให้สะอาด ล้างด้วยน้ำเปล่า เพื่อล้างสิ่งสกปรกออกก่อน ซับให้แห้ง ไม่ควรทาลงบนหน้าที่เปียกๆ
เพราะจะเพิ่มการซึมซับของผิว ทำให้เกิดการระคายเคืองได้มากค่ะ อันนี้ลองมาเองเลย
2. ทา Benzac AC บางๆ ทั่วใบหน้าหรือบริเวณที่มีปัญหาสิว ยกเว้นรอบดวงตา รอบปาก ข้างจมูก
3. การทายาครั้งแรกให้ทาไว้แค่ 5 นาที หมอหรือเภสัชกรมักจะบอกว่า 5 นาที หรือเท่าที่มันจะคันยุบยิบแล้วเราทนไม่ได้
และครั้งต่อไปให้เพิ่มเวลาไปเรื่อยๆ นานสุดไม่เกิน 30 นาที เพราะอาจ ทำให้เกิดอาการบวม แดง ลอก ผิวหนังไหม้ได้ ประสบการณ์ตรงของเราคือ ทาตรงแก้มแล้วไปนอนเผลอหลับไป 1 ชั่วโมง ตื่นมาหน้าแดงเหมือนปัดบรัชออนไปเลย 1 วันค่ะ โชคดีแค่ไหนที่ไม่ลอก TT
4. ล้างหน้าด้วย cleansing ตามปกติค่ะ แนะนำให้ใช้ชนิดอ่อนโยนที่ไม่ทำให้หน้าแห้งตึง หรือไม่ระคายเคืองเพิ่มมากขึ้น ไม่แนะนำให้ใช้แบบที่มีฟอง พื้นฐานเราเป็นคนหน้าแห้ง ต้องเลือก cleanser ที่ไม่ทำให้หน้าเอี๊ยดแห้งตึงเป็นสำคัญค่ะ
เนื้อ Benzac จะเป็นเนื้อครีม ที่มีกลิ่นเฉพาะตัว ที่เราบอกเลยว่าแย่ >< ส่วนตัวเราไม่ชอบเลย แต่เพราะมันคือเรา เราก็ต้องทน
เห็นผลดีมากๆ เมื่อใช้ต่อเนื่อง 1-2 week ค่ะ
สำหรับเราเราชอบเอามาแต้มบริเวณที่มีสิวอักเสบ ทั้งที่ยังไม่สิวเป็นสิวหัวหนอง หรือเป็นสิวหนองแล้ว
ราคาหลอดเล็ก 15 กรัม 1xx บาท / หลอดใหญ่ 60 กรัม 3xx บาท
หาซื้อง่ายตามร้านขายยาทั่วไปได้เลยค่ะ
Differin
เป็นอนุพันของ Retin A ที่พัตนาแล้วชื่อตัวยา Adapalene 0.1% เพื่อให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองได้น้อยกว่า Retin A
สรรพคุณ
1.ทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว ใช้ทารักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ ในระยะที่เป็นน้อยถึงปานกลาง
2. มีฤทธิ์ในการควบคุมเซลล์ปรับกระบวนการแบ่งเซลล์ของผิวหนัง และมีฤทธิ์ต้านการแบ่งเซลล์ทำให้ลดการอักเสบของสิวได้
3. เนื้อครีมเป็นเจล ซึ่งทำให้มีข้อดีคือ ปราศจากส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ และไขมันที่ทำให้เกิดสิวอุดตันและด้วยการมีผลึกเล็กๆ ทำให้ยาแทรกซึมลึกเข้าผิวหนัง และละลายในต่อมไขมันที่ทำให้เกิดสิวอุดตันได้ดี ซึ่งต่างจาก Retin-A ที่มีแอลกอฮอล์เป็นองค์ประกอบจึงทำให้การใช้ Retin-A®
เกิดอาการระคายเคืองผิวได้มากกว่า Differin
วิธีการใช้ คือ ทายาบางๆ วันละ 1 ครั้งก่อนนอน หลังการล้างหน้า
ข้อควรระวัง คือ หลีกเลี่ยงการทาบริเวณดวงตา ริมฝีปาก จมูก และ บริเวณเยื่อบุผิว อ่อนเมื่อทายาแล้วควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดด
รวมทั้งแสงจากหลอดไฟ ไม่ได้บ้า แต่ทาแล้วเราปิดไฟนอนทันทีเลยค่ะ
สำคัญมากๆ คือช่วงที่เราใช้ยานี้ ผิวเราจะไวต่อแสงดังนั้น ตอนเช้าตอนทาครีมกันแดดทุกวัน ยิ่งแดดบ้านเราตอนนี้ไม่ทาได้ฝ้าตามมาหลังจากสิวแน่นอน
เนื้อครีมไม่เหลวเหมือน Benzac กลิ่นดีกว่า เกลี่ยง่าย
บางคนใช้แล้วสิวอาจจะเห่อในช่วงแรกนะคะ ต้องอดทนกับเค้านิดนึงเนาะตัวนี้ แต่ยังไงก็ไม่แพ้ไม่เห่อเท่า Retin-A แน่นอนค่ะ
สำหรับเราใช้แล้วไม่เห่อนะคะ อาจจะเป็นเพราะหน้าเราใช้ Benzac ที่มีการระคายเคืองรบกวนผิดมานานก็ได้ 555
ตัวนี้เพิ่งหมดไป 1 หลอดค่ะ
ผลที่ได้คือสิวอุดตันลดลงมาก แทบจะไม่มี นอกจากนี้ยาพวกอนุพันธ์วิตามิน A มันจะช่วยกระชับรูขุมขนเราได้ด้วย
ยานี้หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปเลยค่ะขอคำแนะนำการใข้จากเภสัชกรอีกรอบก็นะคะ แต่ละคนมี Trips & Trick แตกต่างกันไป
แต่ราคาแพงจนสะดุ้งนิดนึง 4xx บาท
สรุปคือ
1. ถ้าเราเป็นสิวอักเสบไม่เยอะ อุดตันก็ไม่มากเท่าไหร่ แนะนำให้เริ่มจาก Benzac ก่อนก็ได้ค่ะ ลองดูว่าใช้แค่ตัวเดียวเอาอยู่มั้ย
2. แต่ถ้าใครใจร้อนอยากได้กลไกของยา 2 ตัวเสริมกัน เพื่อรักษาทั้งสิวอักเสบ และอุดตันให้อยู่หมัด ก็ใช้ 2 ตัวพร้อมกันเลย คือ ใช้ Benzac ก่อนล้างหน้าทา Differin ก่อนปิดไฟนอนจ้า
สำคัญมากๆๆๆๆๆๆ เลย คือ ห้ามลืมทากันแดด !!!
ไม่ออกแดดก็ต้องทาเพราะแสงไฟนีออนก็ทำร้ายผิวเราได้ เจ๊เตือนแล้วน้า
รีวิวอื่นๆ รอติดตามตอนต่อไปค่า
ใครอยากให้รีวิวอะไร ส่งของมาได้ จะทดลองใช้ อยากสวย เดี๋ยวมารีวิวให้จ้า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้