ปกติกลุ่มเพื่อนของแฟนประมาณ 3-4 คน (รวมแฟนของแต่ละคนด้วยก็จะ 6-8 คน) จะชอบนัดสังสรรค์กันเฉลี่ย 1-2 เดือนครั้ง โดยจะสลับเวียนกันไปที่บ้านเพื่อนแต่ละคนในกลุ่ม หิ้วเหล้าหิ้วกับแกล้มไปรวมตัวกัน ติดลมยาวๆ ถึงประมาณตี 1-2 ซึ่งบ้านของเราจะอยู่ห่างจากบ้านของกลุ่มเพื่อนๆ ประมาณว่าบ้านเพื่อนๆในกลุ่มอยู่โซนบางใหญ่แต่บ้านเราอยู่โซนมีนบุรีอะไรประมาณนี้ ทุกครั้งที่นัดสังสรรค์กันไม่ว่าบ้านใครก็ตาม เราและแฟนจะขับรถกลับบ้านเราทุกครั้ง เพราะเราเกรงใจ วันหยุดอยากนอนตื่นสายๆ ประกอบกับเราไม่ดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้ว จึงสะดวกที่จะขับรถกลับมานอนบ้านตัวเองดีกว่า
ส่วนถ้าเป็นรอบที่ต้องมาสังสรรค์ที่บ้านเรา เพื่อนๆแฟนที่อยู่โซนบางใหญ่บางคนก็จะมาค้างบ้าง หรือ คนที่มีแฟนไม่ดื่มแบบเราเค้าก็จะขับรถกลับไปนอนที่บ้านเค้าเองบ้าง ซึ่งบ้านเราก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเป็นทาวน์โฮมมีห้องนอนสำหรับแขกอยู่ชั้นบน 1 ห้อง เวลาที่เพื่อนแฟนมาค้างก็จะมีบางคนนอนในห้องพักแขกและบางคนที่ต้องนอนโซฟาชั้นล่าง
แต่จะมีเพื่อนรุ่นพี่ในกลุ่มอยู่คนนึงเค้าจะชอบพามาหมามาด้วยแทบทุกครั้ง 2-3 ครั้งแรกก็พามาด้วย และพากลับไป แต่พอช่วงหลังๆ เริ่มมาเนียนขอค้าง บอกพี่ขับรถกลับไม่ไหวขอค้างด้วยนะ พอแฟนเราตอบไปว่าได้ครับพี่ท่านั้นหล่ะ เค้ากับแฟนเค้าก็อุ้มหมาขึ้นไปนอนที่ห้องนอนแขกชั้นบนเลยจ้า เรากับแฟนได้แต่มองหน้ากันเหวอไปเลย เพราะไม่คิดว่าเค้าจะกล้าเอาหมาขึ้นไปนอนชั้นบน หลังจากนั้นครั้งที่ 2-3-4....ก็ตามมา
ครั้งแรกที่เค้ามานอนเรากับแฟนก็คิดว่าเคาคงขับรถกลับไม่ไหวจริงๆ แต่พอมีครั้งต่อมา มันเริ่มก็ไม่ใช่ละ คือ เราไม่ได้ไม่ชอบหรือรังเกียจหมานะคะ ที่บ้านพ่อแม่เราก็มีหมา และเลี้ยงหมาในบ้าน เราเองก็เอ็นดูหมาและเล่นได้ด้วยกับทุกตัว แต่การที่เค้าพาหมาขึ้นไปนอนในพื้นที่ชั้นบนของบ้าน ซึ่งสำหรับเรามันเกือบจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าของบ้านแล้ว เค้าก็ควรมีความเกรงใจ หรือถามเรากับแฟนเราซักนิดไหมว่าเอาหมาขึ้นไปได้ไหม สะดวกใจไหม เราเข้าใจอยู่ว่าเค้ารักหมาเหมือนลูก เลี้ยงหมาเป็นลูก แต่สำหรับคนอื่นมันไม่ใช่ ถึงแม้จะสนิทกันแค่ไหนก็ตาม เพราะการที่แขกเอาหมามาค้างมันไม่ได้จบแค่นั้น พอเค้ากลับไปเราก็ต้องมาเปลี่ยนผ้าปู เก็บกวาดขนหมา ให้ห้องนอนแขกอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานสำหรับเวลาที่มีเพื่อนๆหรือญาติมาค้าง
หลังๆแฟนเราเค้าเลยแก้ปัญหาด้วยการไม่ค่อยสังสรรค์ที่บ้านตัวเองเท่าไหร่โดยให้เหตุผลว่าบ้านของเราอยู่ไกลจากเพื่อนๆในกลุ่ม เราเป็นฝ่ายไปหาเพื่อนเองสะดวกกว่า หรือ พ่อแม่ พี่น้อง ญาติ มาจากต่างจังหวัดบ้างอะไรบ้าง แต่เหตุผลที่ใช้หลีกเลี่ยงเหล่านี้ก็ไม่สามารถใช้ได้ตลอด เพราะเริ่มมีสมาชิกในกลุ่มเริ่มบ่นๆว่าไม่ได้มาบ้านเรานานแล้ว และใกล้วันเกิดแฟนเราแล้วด้วย เค้าก็คงจะใช้โอกาสนี้มาปาร์ตี้ที่บ้านเราแน่นอน
สำหรับปัญหานี้เราควรจะทำยังไงดีค่ะ ใจจริงเราอ่ะอยากจะให้แฟนคุยกับรุ่นพี่ตรงๆไปเลย ว่าเราไม่โอเคที่เค้าพาหมามาค้างชั้นบนในบ้านเรา ถ้ามาครั้งต่อไปอยากจะค้างขอให้นอนชั้นล่างที่โซฟาแทนประมาณนี้ แต่อีกใจก็กลัวจะมองหน้ากันไม่ติด เหมือนเราไปรังเกียจลูกเค้า มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากเลย ว่าจะพูดยังไงดี ที่จะไม่ให้กระทบกระเทือนความรู้สึกคนที่รักหมาเหมือนลูกแบบนี้ และเมื่อพูดไปแล้วเรายังสามารถคบกันต่อไปได้ เพราะนิสัยอื่นๆของรุ่นพี่คนนี้เค้าก็ไม่ได้แย่อะไร ติดออกจะเป็นมั่นใจสูงมีอีโก้เยอะๆหน่อย
ในเบื้องต้นเราเคยปรึกษาเพื่อนอีกกลุ่มนึงที่เค้ารู้จักพี่คนนี้ เค้าก็บอกว่าพูดยากเหมือนกัน รบกวนคนที่รักหมาหรือเลี้ยงหมาเป็นลูกแนะนำทีค่ะ ว่าควรจะพูดยังไงดีค่ะ ให้บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น
ปรึกษาค่ะ เพื่อนรุ่นพี่ของแฟนชอบพาหมามาค้างที่บ้าน...ทำยังไงดีค่ะ
ส่วนถ้าเป็นรอบที่ต้องมาสังสรรค์ที่บ้านเรา เพื่อนๆแฟนที่อยู่โซนบางใหญ่บางคนก็จะมาค้างบ้าง หรือ คนที่มีแฟนไม่ดื่มแบบเราเค้าก็จะขับรถกลับไปนอนที่บ้านเค้าเองบ้าง ซึ่งบ้านเราก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเป็นทาวน์โฮมมีห้องนอนสำหรับแขกอยู่ชั้นบน 1 ห้อง เวลาที่เพื่อนแฟนมาค้างก็จะมีบางคนนอนในห้องพักแขกและบางคนที่ต้องนอนโซฟาชั้นล่าง
แต่จะมีเพื่อนรุ่นพี่ในกลุ่มอยู่คนนึงเค้าจะชอบพามาหมามาด้วยแทบทุกครั้ง 2-3 ครั้งแรกก็พามาด้วย และพากลับไป แต่พอช่วงหลังๆ เริ่มมาเนียนขอค้าง บอกพี่ขับรถกลับไม่ไหวขอค้างด้วยนะ พอแฟนเราตอบไปว่าได้ครับพี่ท่านั้นหล่ะ เค้ากับแฟนเค้าก็อุ้มหมาขึ้นไปนอนที่ห้องนอนแขกชั้นบนเลยจ้า เรากับแฟนได้แต่มองหน้ากันเหวอไปเลย เพราะไม่คิดว่าเค้าจะกล้าเอาหมาขึ้นไปนอนชั้นบน หลังจากนั้นครั้งที่ 2-3-4....ก็ตามมา
ครั้งแรกที่เค้ามานอนเรากับแฟนก็คิดว่าเคาคงขับรถกลับไม่ไหวจริงๆ แต่พอมีครั้งต่อมา มันเริ่มก็ไม่ใช่ละ คือ เราไม่ได้ไม่ชอบหรือรังเกียจหมานะคะ ที่บ้านพ่อแม่เราก็มีหมา และเลี้ยงหมาในบ้าน เราเองก็เอ็นดูหมาและเล่นได้ด้วยกับทุกตัว แต่การที่เค้าพาหมาขึ้นไปนอนในพื้นที่ชั้นบนของบ้าน ซึ่งสำหรับเรามันเกือบจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าของบ้านแล้ว เค้าก็ควรมีความเกรงใจ หรือถามเรากับแฟนเราซักนิดไหมว่าเอาหมาขึ้นไปได้ไหม สะดวกใจไหม เราเข้าใจอยู่ว่าเค้ารักหมาเหมือนลูก เลี้ยงหมาเป็นลูก แต่สำหรับคนอื่นมันไม่ใช่ ถึงแม้จะสนิทกันแค่ไหนก็ตาม เพราะการที่แขกเอาหมามาค้างมันไม่ได้จบแค่นั้น พอเค้ากลับไปเราก็ต้องมาเปลี่ยนผ้าปู เก็บกวาดขนหมา ให้ห้องนอนแขกอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานสำหรับเวลาที่มีเพื่อนๆหรือญาติมาค้าง
หลังๆแฟนเราเค้าเลยแก้ปัญหาด้วยการไม่ค่อยสังสรรค์ที่บ้านตัวเองเท่าไหร่โดยให้เหตุผลว่าบ้านของเราอยู่ไกลจากเพื่อนๆในกลุ่ม เราเป็นฝ่ายไปหาเพื่อนเองสะดวกกว่า หรือ พ่อแม่ พี่น้อง ญาติ มาจากต่างจังหวัดบ้างอะไรบ้าง แต่เหตุผลที่ใช้หลีกเลี่ยงเหล่านี้ก็ไม่สามารถใช้ได้ตลอด เพราะเริ่มมีสมาชิกในกลุ่มเริ่มบ่นๆว่าไม่ได้มาบ้านเรานานแล้ว และใกล้วันเกิดแฟนเราแล้วด้วย เค้าก็คงจะใช้โอกาสนี้มาปาร์ตี้ที่บ้านเราแน่นอน
สำหรับปัญหานี้เราควรจะทำยังไงดีค่ะ ใจจริงเราอ่ะอยากจะให้แฟนคุยกับรุ่นพี่ตรงๆไปเลย ว่าเราไม่โอเคที่เค้าพาหมามาค้างชั้นบนในบ้านเรา ถ้ามาครั้งต่อไปอยากจะค้างขอให้นอนชั้นล่างที่โซฟาแทนประมาณนี้ แต่อีกใจก็กลัวจะมองหน้ากันไม่ติด เหมือนเราไปรังเกียจลูกเค้า มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากเลย ว่าจะพูดยังไงดี ที่จะไม่ให้กระทบกระเทือนความรู้สึกคนที่รักหมาเหมือนลูกแบบนี้ และเมื่อพูดไปแล้วเรายังสามารถคบกันต่อไปได้ เพราะนิสัยอื่นๆของรุ่นพี่คนนี้เค้าก็ไม่ได้แย่อะไร ติดออกจะเป็นมั่นใจสูงมีอีโก้เยอะๆหน่อย
ในเบื้องต้นเราเคยปรึกษาเพื่อนอีกกลุ่มนึงที่เค้ารู้จักพี่คนนี้ เค้าก็บอกว่าพูดยากเหมือนกัน รบกวนคนที่รักหมาหรือเลี้ยงหมาเป็นลูกแนะนำทีค่ะ ว่าควรจะพูดยังไงดีค่ะ ให้บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น