เรื่องยาวนิดนะคะ
ตอนนี้เรามีปัญหาจากสิ่งที่พ่อเราเคยทำไว้ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น
คือปกติเราจะเป็นคนคิดบวกมากๆ ง่ายๆ ตลก เฮฮา เริงร่าแบบเกินพิกัด ขนาดกำลังเครียดกำลังมีเรื่องเรายังยิ้มยังฮาได้อยู่
แต่จริงๆเราเพิ่งรู้ว่าลึกๆเรายังเสียใจกับเรื่องพวกนี้ เพิ่งรู้ว่าจริงๆแล้วเราไม่เคยทำใจกับปัญหาหรือเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกันเราได้เลย
แล้วตอนนี้มันก็มีผลกระทบกับงาน
ซึ่งเราได้ที่ทำงานดี เพื่อนร่วมงานดี ห้วหน้าดี แต่เราทำตัวแย่ มาสาย ทำตัวเบื่อโลก เบื่อทุกๆอย่าง อารมณ์ขึ้นๆลงๆ เราละอายใจกับความแย่ของเราเองเราเลยเลือกที่จะไม่ได้ต่อสัญญากับบริษัท
เรารู้สึกแย่บ่อยมากๆ
จนมันก็มาถึงจุดที่เริ่มคิดว่าอยากหายไป
แล้วก็ถามตัวเองว่าจะหายไปยังไง??
ตายไง.. ตายยังไง??
ทีนี้ก็เริ่มคิดวางแผนว่าจะทำยังไงให้ตัวเองตาย
ก็ค่อยๆเริ่มคิดว่ากรีดข้อมือดีกว่า
ต้องกรีดลึกมั้ย?
นานมั้ยกว่าเลือดจะไหลหมด?
แล้วต้องใช้มีดคมๆ ต้องมีดแบบไหนดี?
ก็คิดได้ว่ามีดคัตเตอร์ก็คมดีนะ
จากนั้นก็ลุกเดินหามีดคัตเตอร์ในบ้าน
ปรากฎว่าเราไม่เคยซื้อไว้เลย
แต่ระหว่างนั้นก็เริ่มรู้ตัว
แล้วก็งงกับตัวเองว่าทำอะไรน่ะ
เฮ้ยคิดแบบนี้ได้ไงอ่ะ
คือตกใจตัวเองมากๆ ตัวเราทำงานออฟฟิตในต่างประเทศด้วย เวลาส่วนใหญ่คืออยู่คนเดียวเพราะพอเลิกงานก็เหนื่อยกันหมดอยากพัก
ต้องบอกก่อนว่าพ่อกับแม่แยกทางกันค่ะ
แต่เราก็ไม่ได้เป็นเด็กมีปัญหาเพราะพ่อแม่แยกกันนะ เราเฉยๆกับเรื่องนี้
แล้วพ่อก็มีภรรยาใหม่ซึ่งแม่เลี้ยงก็ดีกับเราอยู่ค่ะ
เลี้ยงเรามาตั้งแต่เล็ก ส่วนแม่แท้ๆก็ไปมาหาสู่กันบ้าง แต่พ่อชอบย้ายบ้านไม่บอกแม่
แม่ก็มาตามหา พอเจอก็ให้เงินไว้ใช้แล้วก็ไป
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือตอนนั้นเราอยู่ 13-14 ปี
พ่อชอบมาที่ห้องแล้วบังคับให้ถอดเสื้อออก บอกว่าจะตรวจดูเสื้อในว่าใส่เรียบร้อยมั้ย เพราะเริ่มเป็นสาวแล้ว เป็นห่วง เรารู้สึกอึดอัดมาก เพราะเราไม่ใช่เด็กแล้ว
ซึ่งพ่อก็มาทำแบบนี้ทุกวันๆ ติดกันเป็นเดือนๆ
จนกระทั้งครั้งสุดท้ายเรื่องมันแย่กว่าเดิมคือพ่อให้เราไปนุ่งผ้าถุง บอกว่าจะตรวจภายใน เพราะคิดว่าเราท้อง
สาเหตุที่พ่อคิดว่าท้องเป็นเพราะ เราเป็นสิวเยอะเลยถามว่าไปทำอะไรมาทำไมสิวเต็มหน้า เลยบอกไปว่าฮอร์โมนไม่ดีประจำเดือนไม่ค่อยมาเลยเป็นแบบนี้ พ่อก็พูดขึ้นมาว่าท้องหรอ แล้วก็ให้ไปนุ่งผ้าถุง
ตอนที่เราไปนุ่งผ้า มันรู้สึกแย่มากๆ สับสน หูอือ มึนงงไปหมด นึกในใจจะไปท้องได้ไง เลิกเรียนก็ไปช่วยขายของ บางวันการบ้านยังไม่ว่างทำเลยให้ทำแต่งานที่ร้าน เพราะที่บ้านขายของตลาดนัด
พอเรานุ่งผ้าถุงเสร็จพ่อพาเราเข้าห้องน้ำ
ให้เรายกขาขึ้นข้างนึงแล้วถามว่าเคยใช้นิ้วมั้ย เราบอกอย่างเดียวว่าไม่เคย เราไม่ได้ร้องไห้เลย มันมึนไปหมด มันจะอ้วกด้วย มันรู้สึกแย่และอึดอัดแบบสุดๆ
แต่พ่อก็ไม่ได้ล่วงเกินไปมากกว่านี้แล้ว
ผลจากเหตุการณ์นั้นคือเราก็ไม่ค่อยพูดกับใคร พูดน้อยลง ไม่ร่าเริง ไม่ตลก ไม่ฮา เหมอลอย ใจลอย ในหัวคิดซ้ำไปซ้ำมา กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีก เราเลี่ยงที่จะเจอพ่อตามลำพัง กลัวว่ามันจะเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆหรือมากกว่าที่เป็นอยู่
ผ่านไป 2 วันแม่เลี้ยงเรียกไปถามว่าวันนั้นที่พ่อให้ไปนุ่งผ้าเกิดอะไรขึ้น เราจ้องแม่เลี้ยงนิ่งไปอึดใจนึงก็ร้องไห้ออกมา แล้วก็เล่าทุกอย่างให้เขาฟัง นางก็ปลอบใจอยู่พักนึงแล้วนางก็เหมือนกับจะทะเลาะกับพ่อหลังจากนั้นอีกที แต่ด้วยความที่ขายของอยู่ตลาดนัด เลยยังไม่ได้คุยกับพ่อทันที แต่คิดว่ากลับถึงบ้านแล้วเขาคงไปคุยกันอ่ะ
หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มนึกย้อนกลับไป ว่าอ้าวแล้วแม่เลี้ยงก็ได้ยินทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้นแต่ทำไมไม่ช่วยเรา เราเลยรู้สึกแย่กว่าเดิมอีก เพราะเราคิดว่าเขาก็รักเราเหมือนลูกเพราะเลี้ยงเรามา ถ้าเกิดมันเกิดเรื่องที่แย่กว่านี้แล้วเขาฟังอย่างเดียวแต่ไม่ช่วยจะทำไง
เราเลยเอาเงินที่แม่แท้ๆของเราให้ไว้ 900 บาท หนีออกจากบ้านเลย ตอนนั้นคือไปอยู่กับเพื่อนผู้หญิงที่เรียนด้วยกัน แล้วก็ค่อยกลับไปอยู่กับแม่แท้ๆ
อยากรู้ว่าจะแก้ไขปัญหานี้ยังไง เราชอบมีคำถามในหัวซ้ำๆว่าทำไมๆๆ พ่อทำแบบนี้ทำไม เพราะอะไร ทำไม
คืออยากข้ามผ่านมันไปให้ได้ เราอยากใช้ชีวิตแบบไม่ให้มีปัญหานี้มาทำร้ายซ้ำๆซากๆ
ตอนนี้เราอายุ 28 ปีแล้ว มันสิบกว่าปีแล้ว
เราก็เลือกที่จะทิ้งงานดีๆเพราะเราแย่เกินกว่าที่จะร่วมทีมต่อไป
กลัวแต่จะเป็นตัวถ่วงทีมในที่ทำงาน
รบกวนขอคำแนะนำหน่อยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
ไม่สามารถลืมเรื่องในอดีตที่พ่อแท้ๆทำไม่ดีกับเราได้ควรทำยังไงดี
ตอนนี้เรามีปัญหาจากสิ่งที่พ่อเราเคยทำไว้ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น
คือปกติเราจะเป็นคนคิดบวกมากๆ ง่ายๆ ตลก เฮฮา เริงร่าแบบเกินพิกัด ขนาดกำลังเครียดกำลังมีเรื่องเรายังยิ้มยังฮาได้อยู่
แต่จริงๆเราเพิ่งรู้ว่าลึกๆเรายังเสียใจกับเรื่องพวกนี้ เพิ่งรู้ว่าจริงๆแล้วเราไม่เคยทำใจกับปัญหาหรือเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกันเราได้เลย
แล้วตอนนี้มันก็มีผลกระทบกับงาน
ซึ่งเราได้ที่ทำงานดี เพื่อนร่วมงานดี ห้วหน้าดี แต่เราทำตัวแย่ มาสาย ทำตัวเบื่อโลก เบื่อทุกๆอย่าง อารมณ์ขึ้นๆลงๆ เราละอายใจกับความแย่ของเราเองเราเลยเลือกที่จะไม่ได้ต่อสัญญากับบริษัท
เรารู้สึกแย่บ่อยมากๆ
จนมันก็มาถึงจุดที่เริ่มคิดว่าอยากหายไป
แล้วก็ถามตัวเองว่าจะหายไปยังไง??
ตายไง.. ตายยังไง??
ทีนี้ก็เริ่มคิดวางแผนว่าจะทำยังไงให้ตัวเองตาย
ก็ค่อยๆเริ่มคิดว่ากรีดข้อมือดีกว่า
ต้องกรีดลึกมั้ย?
นานมั้ยกว่าเลือดจะไหลหมด?
แล้วต้องใช้มีดคมๆ ต้องมีดแบบไหนดี?
ก็คิดได้ว่ามีดคัตเตอร์ก็คมดีนะ
จากนั้นก็ลุกเดินหามีดคัตเตอร์ในบ้าน
ปรากฎว่าเราไม่เคยซื้อไว้เลย
แต่ระหว่างนั้นก็เริ่มรู้ตัว
แล้วก็งงกับตัวเองว่าทำอะไรน่ะ
เฮ้ยคิดแบบนี้ได้ไงอ่ะ
คือตกใจตัวเองมากๆ ตัวเราทำงานออฟฟิตในต่างประเทศด้วย เวลาส่วนใหญ่คืออยู่คนเดียวเพราะพอเลิกงานก็เหนื่อยกันหมดอยากพัก
ต้องบอกก่อนว่าพ่อกับแม่แยกทางกันค่ะ
แต่เราก็ไม่ได้เป็นเด็กมีปัญหาเพราะพ่อแม่แยกกันนะ เราเฉยๆกับเรื่องนี้
แล้วพ่อก็มีภรรยาใหม่ซึ่งแม่เลี้ยงก็ดีกับเราอยู่ค่ะ
เลี้ยงเรามาตั้งแต่เล็ก ส่วนแม่แท้ๆก็ไปมาหาสู่กันบ้าง แต่พ่อชอบย้ายบ้านไม่บอกแม่
แม่ก็มาตามหา พอเจอก็ให้เงินไว้ใช้แล้วก็ไป
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือตอนนั้นเราอยู่ 13-14 ปี
พ่อชอบมาที่ห้องแล้วบังคับให้ถอดเสื้อออก บอกว่าจะตรวจดูเสื้อในว่าใส่เรียบร้อยมั้ย เพราะเริ่มเป็นสาวแล้ว เป็นห่วง เรารู้สึกอึดอัดมาก เพราะเราไม่ใช่เด็กแล้ว
ซึ่งพ่อก็มาทำแบบนี้ทุกวันๆ ติดกันเป็นเดือนๆ
จนกระทั้งครั้งสุดท้ายเรื่องมันแย่กว่าเดิมคือพ่อให้เราไปนุ่งผ้าถุง บอกว่าจะตรวจภายใน เพราะคิดว่าเราท้อง
สาเหตุที่พ่อคิดว่าท้องเป็นเพราะ เราเป็นสิวเยอะเลยถามว่าไปทำอะไรมาทำไมสิวเต็มหน้า เลยบอกไปว่าฮอร์โมนไม่ดีประจำเดือนไม่ค่อยมาเลยเป็นแบบนี้ พ่อก็พูดขึ้นมาว่าท้องหรอ แล้วก็ให้ไปนุ่งผ้าถุง
ตอนที่เราไปนุ่งผ้า มันรู้สึกแย่มากๆ สับสน หูอือ มึนงงไปหมด นึกในใจจะไปท้องได้ไง เลิกเรียนก็ไปช่วยขายของ บางวันการบ้านยังไม่ว่างทำเลยให้ทำแต่งานที่ร้าน เพราะที่บ้านขายของตลาดนัด
พอเรานุ่งผ้าถุงเสร็จพ่อพาเราเข้าห้องน้ำ
ให้เรายกขาขึ้นข้างนึงแล้วถามว่าเคยใช้นิ้วมั้ย เราบอกอย่างเดียวว่าไม่เคย เราไม่ได้ร้องไห้เลย มันมึนไปหมด มันจะอ้วกด้วย มันรู้สึกแย่และอึดอัดแบบสุดๆ
แต่พ่อก็ไม่ได้ล่วงเกินไปมากกว่านี้แล้ว
ผลจากเหตุการณ์นั้นคือเราก็ไม่ค่อยพูดกับใคร พูดน้อยลง ไม่ร่าเริง ไม่ตลก ไม่ฮา เหมอลอย ใจลอย ในหัวคิดซ้ำไปซ้ำมา กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีก เราเลี่ยงที่จะเจอพ่อตามลำพัง กลัวว่ามันจะเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆหรือมากกว่าที่เป็นอยู่
ผ่านไป 2 วันแม่เลี้ยงเรียกไปถามว่าวันนั้นที่พ่อให้ไปนุ่งผ้าเกิดอะไรขึ้น เราจ้องแม่เลี้ยงนิ่งไปอึดใจนึงก็ร้องไห้ออกมา แล้วก็เล่าทุกอย่างให้เขาฟัง นางก็ปลอบใจอยู่พักนึงแล้วนางก็เหมือนกับจะทะเลาะกับพ่อหลังจากนั้นอีกที แต่ด้วยความที่ขายของอยู่ตลาดนัด เลยยังไม่ได้คุยกับพ่อทันที แต่คิดว่ากลับถึงบ้านแล้วเขาคงไปคุยกันอ่ะ
หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มนึกย้อนกลับไป ว่าอ้าวแล้วแม่เลี้ยงก็ได้ยินทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้นแต่ทำไมไม่ช่วยเรา เราเลยรู้สึกแย่กว่าเดิมอีก เพราะเราคิดว่าเขาก็รักเราเหมือนลูกเพราะเลี้ยงเรามา ถ้าเกิดมันเกิดเรื่องที่แย่กว่านี้แล้วเขาฟังอย่างเดียวแต่ไม่ช่วยจะทำไง
เราเลยเอาเงินที่แม่แท้ๆของเราให้ไว้ 900 บาท หนีออกจากบ้านเลย ตอนนั้นคือไปอยู่กับเพื่อนผู้หญิงที่เรียนด้วยกัน แล้วก็ค่อยกลับไปอยู่กับแม่แท้ๆ
อยากรู้ว่าจะแก้ไขปัญหานี้ยังไง เราชอบมีคำถามในหัวซ้ำๆว่าทำไมๆๆ พ่อทำแบบนี้ทำไม เพราะอะไร ทำไม
คืออยากข้ามผ่านมันไปให้ได้ เราอยากใช้ชีวิตแบบไม่ให้มีปัญหานี้มาทำร้ายซ้ำๆซากๆ
ตอนนี้เราอายุ 28 ปีแล้ว มันสิบกว่าปีแล้ว
เราก็เลือกที่จะทิ้งงานดีๆเพราะเราแย่เกินกว่าที่จะร่วมทีมต่อไป
กลัวแต่จะเป็นตัวถ่วงทีมในที่ทำงาน
รบกวนขอคำแนะนำหน่อยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ