ขอเล่าประสบการณ์จับใบแดงไปเป็นทหารเรือ ปี2545

สวัสดีครับ
จู่ๆคิดถึงอดีต( ตามประสาคนแก่ ^_^ ) เมื่อครั้งเป็นทหารเรือ 2ปี เต็ม
แต่ผมจับพลัดจับผลู ได้อยู่สาย บุ๋น ไม่ใช่สายบู๊ครับ

จึงขอเล่าประสบการณ์เล็กๆน้อยๆ ในอดีต พ.ศ.2545 ครับ หลายปีมาแล้ว ซึ่งปัจจุบัน
ขั้นตอน ระเบียบการต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามยุคสมัย

ยุคนั้น ยังไม่มีสมาร์ทโฟน ไม่มี Line ไม่มี Facebook
กล้องถ่ายรูป ยังเป็นกล้องฟิล์ม
กล้องดิจิตอลเพิ่งจะเข้าสู่ตลาด ราคาแพงมาก

มือถือเป็นปุ่มกด จอขาวดำ เครือข่ายมือถือยังมี ค่าย Hutch กับOrange อยู่ครับ
พลทหารปี1 เงินเดือน ประมาณ เก้าร้อยครับ
พอขึ้นปี 2 ถึงจะได้ เงินเดือนประมาณ2 พัน ครับ

สิ่งที่ต้องนำไปด้วย คือ
ในวันเดินทาง
ไม่ต้องแต่งหล่ออะไรมาก
ใส่รองเท้าแตะ เลยครับ ไปถึงกองร้อย จะมีรองเท้าผ้าใบกับรองเท้าหนัง แจกให้ครับ อยู่ภายในกองร้อยส่วนมากเดินเท้าเปล่าครับ ตอนฝึกใส่ผ้าใบ หรือไม่ก็รองเท้าหนัง
ส่วนอาบน้ำ เข้าห้องน้ำ บางกองร้อยให้เดินเท้าเปล่าครับ ซึ่งเป็นพื้นปูนคอนกรีตทั้งหมดครับ ไม่ต้องกลัวเท้าบวม

เสื้อผ้า ไม่ต้องเอาไปครับ ใส่ติดตัวแค่ชุดนั้นชุดเดียว พอไปถึงแล้วเค้า มีชุดฝึกไว้ให้ใส่ แต่ถ้าใครได้ ผลัด3 กลางคืนอากาศเย็นครับ เตรียมเสื้อแขนยาวไว้ใส่นอนสักตัวก็ดี
แต่ส่วนใหญ่ ผลัด3 มาจากภาคเหนือครับ
กางเกงใน เอาไปหลายๆตัวก็ดีครับ จะได้แห้งทันใช้
เพราะผลัด2เป็นหน้าฝน ฝนตกบ่อย
ราวตากผ้า อยู่ดาดฟ้า ไม่มีหลังคามุง
บางคนเอาไป3ตัวยังแห้งไม่ทัน ต้องทนใส่ กกน.เปียกๆ
บ๊อกเซอร์อย่าใส่เลยครับ ฝึกทุกๆวัน กลัวเป็นใส้เลื่อนเอา
ชุดฝึก ไม่ต้องซักเอง มีบริการซักรีด ตอนเย็นมีคนมารับชุดไปซัก เสร็จแล้ว ชุดมาส่งอีกทีพรุ่งนี้ตอนเย็น
ส่วน ชุดชั้นในกับถุงเท้า ซักเองครับ
เวลาตากผ้า สังเกตุดูสี ถ้าของเราสีดำ ก็อย่าตากใกล้ของเพื่อนที่เป็นสีดำ ผลัด2เป็นช่วงฤดูฝน เดี๋ยวเวลารีบๆ ฝนตก จะหยิบผิด บางทีผ้าแห้งแล้วลมพัด ผ้าไปอยู่ติดกัน เพื่อนหยิบไปผิดอีก
ลำบากสุดเลยคือถุงเท้า ครับ เพราะสีเดียวกัน ถ้าตากแล้วหาย คือต้องซื้อใหม่เลย

ประเภทยา เคยเห็นเพื่อนในกองร้อยเอามาด้วยคือ ยาพารา, ยาแก้ไข้อย่าง ดีคอลเจน ทิฟฟี่ เพราะผลัด2เป็นหน้าฝนครับ เผื่อเป็นไข้ และก็ ยาเม็ดกินแก้ปวดกล้ามเนื้อ พวก นูโรเฟน,ยาทาคลายกล้ามเนื้อ ประมาณนี้ครับ
ของผมเคยโดนละอองฝน ตอนกลางคืนนอนโดนพัดลม เป็นไข้อีก
โชคดี เพื่อนมีทิฟฟี่ติดมาด้วย
คือในศูนย์ฝึกฯ มีหน่วยแพทย์ครับ แต่การเป็นทหารใหม่ เราจะไปไหนมาไหนตามใจเราไม่ได้ ต้องขออนุญาต ครูฝึกทุกครั้ง

พวกเครื่องสำอางค์ อย่างโรลออน ลูกกลิ้ง ครีมทาหน้า เอาไปได้ครับ

สำคัญสุดๆอีกอย่างคือ เงิน ครับ
แลกเป็นแบงค์ย่อย ใบละ100 ใบละ50ไว้ ครับ
ฝึกหนักๆเหนื่อยๆ ช่วงพักเบรก ในกองร้อยมีของขาย ซื้อเครื่องดื่ม น้ำอัดลม ขนม กิน ช่วยคลายเหนื่อยได้เยอะ
หรือจะเซ็นต์ไว้ก่อน สิ้นเดือนค่อยจ่ายก็ได้ แต่แนะนำว่า จ่ายสด ดีกว่าครับ
อีกกรณีคือ เอาไว้ฉุกเฉิน เช่น ถุงเท้า ตากไว้แล้วหาย หรือ ช้อนส้อม หล่นหาย ก็จะมีเงินซื้อใหม่ครับ
้เพราะของพวกนี้แจกครั้งเดียว ทำหาย ต้องซื้อใหม่

เมื่อถึงกำหนดเดินทาง ต้องไปรายงานตัวกับสัสดีอำเภอ
ทหารเรือเรา จะเงียบเหงาหน่อย ทั้งอำเภอ มีเพื่อนร่วมเดินทางไม่กี่คน
อย่างผมเองนะ ว้าเหว่มาก ทั้งอำเภอ มีผมคนเดียวที่เป็น ทหารเรือผลัด2 ครับ โชคดีอะไรเช่นนี้

ท่านสัสดี ก็พาผมไปรวมพลกับคนอื่นๆที่ตัวจังหวัด เพื่อเดินทางครับ

ยุคนั้น จำได้ว่า รถบัสไปถึง ศูนย์ฝึกฯ ประมาณตี 4 ลงรถไปเข้าแถว จะมี สห. ครูฝึก, ผช.ครูฝึก ,มาถามว่า
ใครเคยเสพยา ติดยา อะไรแนวนี้ ให้แยกตัวออกมา เพื่อส่งไปบำบัดรักษาก่อนครับ

จากนั้นเป็นการแยกกองร้อย ผมก็เดินตามเพื่อน นึกว่าจะได้อยู่ด้วยกัน
เค้าให้นับ 1-6นี่ล่ะครับ ตอนนั้น ศูนย์ฝึก มี 4 กองพัน
ถ้าจำไม่ผิด
ใครนับ1 ก้ได้อยู่ กองพันที่1
นับ 2 ก็อยู่ กองพันที่2 ประมาณนี้ครับ
แล้วก็ไปแยกกันอีกทีว่าใครได้อยู่กองร้อยไหน

ต่อมาก็ หมอจะฉีดวัคซีน ให้คนละเข็ม
ทหารเก่ารุ่นพี่ บอกว่า เป็นวัคซีน ป้องกันโรค และลดความกำหนัด
ช่วง2เดือนแรกเนี่ย พูดได้ว่า ไม่มีความต้องการทางเพศเลย เป็นเพราะฤทธิ์วัคซีน นี่เอง

ฉีดยาแล้วทหารรุ่นพี่ พาไปกองร้อย
ผมได้ ร้อย1 พัน1 อยู่ไกลสุดเลย ต้องเดินขึ้นเขา ครับ
ไปถึงกองร้อย โรงนอน เค้าไม่เปิดไฟ
ก็ต้องค่อยๆดูเอาครับ เตียงไหนว่างคือนอนไปเลย
ตอนเช้าประมาณ 6 โมง ครูฝึกปลุก ให้มาล้างหน้าแปรงฟัน แล้ว เข้าแถว รับชุดฝึก และของใช้ต่างๆ เช่น ขันน้ำ ผ้าขาวม้า หมวก ช้อนส้อม และก็ตัดผม โกนหนวด ประมาณนี้ครับ
ส่วนชุด กลาสี จะได้รับแจก เมื่อตอนใกล้ๆวันปล่อยพักกลับบ้านครับ

ใครได้อยู่ ร้อย1พัน1
กองร้อยนี้ ลำบากกว่าคนอื่น วันไหนแถวใหญ่ ต้องรีบออกเดินก่อนกองร้อยอื่น เพราะว่าอยู่ไกลกว่าชาวบ้านเค้า
ไปกินข้าว ก็เดินไกลกว่า
กินเสร็จ ขากลับ เดินขึ้นเขา กลับถึงกองร้อย อาหารย่อยหมดแล้วครับ

การฝึก ฝึกอะไรบ้าง ?
กิจวัตรประจำวัน ทำอะไรบ้าง?
ต้องรบกวน ลอง google ดูก็ได้ครับ มีรุ่นน้อง หลายท่านเขียนไว้แล้ว
การฝึกไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก
ขึ้นอยู่กับว่า ครูฝึกคนไหน จะดุกว่ากัน
ส่วนตัวเราเองต้อง
พยายามอย่าทำตัวโดดเด่นกว่าคนอื่น ดูพฤติกรรมของเพื่อนด้วย ว่าเค้าทำอะไร เราก็ทำตาม
ครูฝึกสั่งอะไรให้รีบทำ อย่าคิดเยอะ อย่าสงสัยอะไรมาก แค่ทำตามคำสั่งก็พอ
อย่าทำน้อยกว่าและอย่าทำเกินกว่าคำสั่ง
ทำเกินได้อย่างเดียวคือการทำความเคารพ วันทยาหัตถ์
การฝึกว่าเหนื่อยแล้ว บางที
กายบริหารราชนาวี เครียดกว่าอีกครับ
ยุคนั้นทางศูนย์ฝึก มีการประกวด กายบริหารราชนาวีด้วยครับ ใคร เต้นผิดจังหวะนี่ อายมากๆ คนดูเป็นพัน

บางวัน ที่ไม่ได้ฝึก ก็จะไปถอนหญ้า เก็บขยะ
อย่างที่มีคนเคยว่า เป็นการ
รบกับหญ้า ฆ่ากับมด นั่นแหละครับ

ช่วงที่อยู่ในกองร้อย
ต้องคอยฟังเสียงนกหวีดให้ดี
เป่าปี๊ด เรียกแถว ก็ต้องรีบไปให้ไว
ทหารเก่ารุ่นพี่ บอกว่า พยายามอย่าไปถึงเป็นคนแรก และอย่าเป็นคนสุดท้าย
ผมเป็นคนทำอะไรเชื่องช้า
นกหวีดดังทีไร ผมไปถึงเกือบจะเป็นคนสุดท้ายครับ โดยเฉพาะช่วงอยู่บนโรงนอน ชั้น2 พอนกหวีดดัง ทุกคนรีบวิ่งลงบันได แทบจะเหยียบกัน แล้วมาช้าตอนใส่รองเท้าข้างล่างอีกครับ

ความเหนื่อยอีกอย่างคือ งานนอก
ใครได้ไปงานนอก ลง สนามกอล์ฟ เนี่ย เหนื่อยสุดๆ
สมัยนั้น สนามกอล์ฟ พลูตาหลวง เกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว
แต่สนามกอล์ฟ บางเสร่ นี่สิ เพิ่งจะเริ่ม
ต้องไปขนทราย ขนหญ้า ปรับหน้าดิน
ตากแดดกันทั้งวันครับ เหนื่อยกว่าฝึกซะอีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่