สวัสดีค่า วันนี้เราจะมาบอกเล่าเรื่องราวการไปเที่ยวเกาหลี (อีกแล้ว) 555 เมื่อวันที่ 12 - 14 เมษายน 2019 ที่ผ่านมา สดๆ ร้อนๆ เพิ่งลงเครื่องเมื่อคืนนี้เอง รอบนี้เราไปแอ่ว เอ้ย เที่ยวแถบชอลลานัมโด ฝั่งตะวันตกของเกาหลีใต้ ซึ่งเมืองที่เราเลือกไปก็คือ ควางจู นั่นเอง
เหตุผลที่เราเลือกไปฝั่งนี้เหตุผลแรกเลยคือตั๋วถูกค่ะ จริงๆ ทริปนี้เป็นทริปไฟลนก้นมาก ซื้อตั๋วก่อนไป 2 อาทิตย์ เนื่องจากเจอตั๋วไปกลับ กรุงเทพฯ - มูอัน ในราคา 7000 บาท เราก็เลยจองตั๋วอย่างไม่รีรอ ประกอบกับไม่เคยเที่ยวฝั่งตะวันตกของเกาหลีใต้ เลยอยากลองไปสัมผัสวิถีชีวิตชาวชอลลานัมโดดูค่ะ เกริ่นมาพอสมควร งั้นเราก็เลทโกทูควางจูกันเลยยยย
ชอบความรู้สึกที่ได้ขับรถไปสนามบิน ให้ความรู้สึกถึงการเดินทาง และอิสระที่รอคอยเราอยู่ข้างหน้า
เครื่องโล่งมาก ที่นั่งข้างๆ ว่าง ก็นอนเหยียดแข้งเหยียดขา ตามสบายได้เลย ^ ^
อากาศข้างบนเย็นจนหน้าต่างเป็นเกล็ดน้ำแข็ง
ถึงแล้วค่า สนามบินมูอัน เวิ้งว้าง ไร้ซึ่งผู้คน.... เป็นสนามบินเล็กๆ ทีมีแค่ร้านสะดวกซื้อ 1 ร้าน และร้านอาหาร 2 ร้าน
หลังจากที่เราผ่าน ตม ออกมาเรียบร้อย คราวนี้ก็ต้องมาหาทางเข้าเมืองควางจูกันค่ะ จากที่หาข้อมูลมาจะมีรถบัสจากสนามบินเข้าเมืองอยู่แต่ต้องต่อรถอีก 2 ต่อ ภาพที่คิดคือจะต้องมีท่ารถและรถจอดรออยู่แน่ๆ แต่ในความเป็นจริงคือมีแต่ท่ารถค่ะ ไม่มีรถ 555 หลังจากที่เดินออกไปเจอความว่างเปล่า ก็ตัดสินใจเข้ามาถามประชาสัมพันธ์ ก็ได้ความว่าจะมีรถเข้าเมืองควางจูเลยไม่ต้องต่อรถ เย้.... แต่ ต้องรอ 11 โมงนะ เราก็โอเค แล้วก็ถามตอนกลับซะเลย เพราะดูท่าการเดินทางจะไม่ได้มีรถสแตนบายตลอดเหมือนในโซล
ประชาสัมพันธ์ก็ให้ใบตารางรถรับส่งสนามบินมาค่ะ ถือว่าช่วยชีวิตไว้เลย
อากาศกำลังดี แต่ถ้าเสื้อไม่หนาก็มีสั่นเหมือนกันนะจ๊ะ
ระหว่างรอรถก็ออกมาถ่ายพ็อดกดหน้าสนามบิน ตรงลานจอดรถ ฟูลบูมแบบไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล ถ่ายไประวังผึ้งไป
และแล้วรถบัสก็มา เรียกว่าเหมาคันเข้าเมือง เพราะทั้งคันมีแค่เรา วิวระหว่างทางก็คือมีแต่ไร่นาและป่าเขา คนขับซิ่งมากค่า
เรามาลงที่สถานีซงจองเพื่อต่อรถไฟใต้ดิน เป็นวิธีที่เร็วที่สุดจากที่ประชาสัมพันธ์แนะนำมา ปกติที่โซลคนขับจะลงมาช่วยเรายกกระเป๋า แต่ที่นี่ควางจู
ชอลลานัมโดสไตล์ พี่คนขับบอกแกลงไปหยิบเองสิ (จริงๆ เขาไม่ได้พูดหรอก แต่จอดและให้ฉันเปิดประตูรถบัสและลากกระเป๋าลงมาเอง 555) ตอนแรกแอบค้างไป 5 วิ แต่อยู่ๆ ไป 3 วันก็จะเริ่มชิน 555
ใช้เวลาเดินทางจากสถานีซงจองไปสถานี Culture complex ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ออกทางออก 2 เดินย้อนไปทางถนนเชบงก็จะถึงที่พัก เราเลือกพักที่ Panda Guesthouse เป็นห้องรวม คุณป้าเจ้าของใจดีมาก อัธยาศัยดีสุดๆ ประทับใจกับที่พักมากๆ ใครไปควางจูแนะนำที่นี่เลยค่ะ ใกล้รถไฟใต้ดิน ใกล้แหล่งช้อปปิ้งด้วย
หลังจากเก็บของ เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็พร้อมออกทัวร์เมืองควางจูกันเลย โดยที่แรกที่เราจะไปก็คือ Gwangjuho Lake Eco Park จะออกไปนอกใจกลางเมืองนิดนึง วิธีการเดินทางคือนั่งรถบัส สาย 1187 จากหน้าที่พัก และต่อสาย 187 ไปลงที่หน้าสวนได้เลย
ระหว่างรอเปลี่ยนรถบัสเจอร้านกาแฟน่ารักเลยแวะกินช๊อคโก้ร้อนๆ สัก 1 แก้ว เจ้าของร้านบอกถ่ายรูปไปเยอะๆ เลยนะ 555
ที่นี่ก็จะแบ่งเป็นโซนๆ ค่ะ ทะเลสาบ, ป่าสน, สวนดอกไม้, สวนพันธุ์ไม้ ใครที่ชอบธรรมชาติก็ขอแนะนำ อยู่ไกลตัวเมืองไม่มาก คนเกาหลีมาเที่ยวกันพอสมควรเลย มีคู่แต่งงานยังวัยรุ่นอยู่เลยมาถ่ายพรีเวดดิ้งด้วย แอบอิจเบาๆ 5555
เซเว่น 1 เดียวในย่านนี้
ที่ต่อไปที่เราจะไปคือ soswaewon garden ค่ะ
ที่นี่ก็เป็นสวนธรรมชาติ มีทางเดินน้ำไหลจากภูเขา มีความเงียบสงบ เหมาะกับการมานั่งคิดอะไรเพลินๆ
ฟังเสียงนกร้อง เสียงธรรมชาติ เสียค่าเข้า 2000 วอน
เนื่องจากไม่มีรถผ่านจาก soswaewon garden เราจึงต้องเดินค่ะ จริงๆ ขามารถบัสแวะส่งเราปากทางและเดินต่อเข้ามาเอง ขากลับเลยตัดสินใจเดินเรื่อยๆ กลับไปที่ป้ายรถ Gwangjuho Lake Eco Park ระหว่างทางก็เจอทั้งสุนัขเห่า 555 และซากุระริมทางที่ทยอยร่วงแล้ว ก็ให้ฟีลชนบทเกาหลีไปอีกแบบ
ป้ายรถเมล์ที่ต่างจังหวัดไม่มีภาษาอังกฤษค่ะ หลังจากเช็ครถเมล์ว่าจะมาในอีก 50 นาที ก็ตัดสินใจไปแวะเซเว่นก่อน เพราะยังไม่ได้กินข้าวเลย T T
หลังจากท้องอิ่มเราก็เช็คเวลารถบัสจากแอพอีกครั้ง ปรากฎว่ารถจะมาอีก 15 นาที วิ่งสิคะวิ่ง พลาดเที่ยวนี้นางจะมาอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ 555 ขากลับเนื่องจากเพลียเลยหลับๆ ตื่นๆ ไม่ได้ชมวิวข้างทางใดๆ เลย
เย็นนี้เรามีภารกิจซื้อของฝาก นั่นก็คือเครื่องสำอางค์ให้เพื่อนๆ นั่นเอง เราเลยจะไปกันย่านที่เปรียบเสมือนมยองดงของควางจู Chungjang-ro Street นั่นเอง และอีกภารกิจคือการหาร้านอาหารที่สามารถนั่งกินคนเดียวได้
ย่านนี้ก็ดูครึกครื้นดีเลยค่ะ มีร้านค้าเหมือนที่มยองดงแต่อาจจะไม่เยอะเท่า และก็มีวัยรุ่นมาเดินกันเยอะเลย หลังจากช้อปเสร็จเราก็กลับที่พัก และเผลอหลับยาว ตื่นอีกทีก็ 11 โมงเลยสงสัยจะเพลีย
แพลนตอนแรกของวันที่สองที่ตั้งใจจะไปเดินเขาก็ต้องพับเก็บไป เลยตั้งใจจะไปเที่ยวหมู่บ้านโบราณ samjinae village ที่เมืองทัมยางกันค่ะ แต่รอรถออกนอกเมืองเป็นชั่วโมงก็ยังไม่มาเลยต้องยอมแพ้ ไม่ไปก็ได้ 555 เราเลยตัดสินใจเปลี่ยนแพลนมาเดินเล่นรอบเมืองควางจูกันค่ะ
ระหว่างทางก็เห็นความน่ารักสไตล์เกาหลี
ตัวนี้ไม่เห่าเราเหมือนตัวเมื่อวาน พอได้ยินเสียงชัตเตอร์มีการหันมาแอคท่าอีก รู้งานจริงๆ ^ ^
หลังจากเดินมาสักพักเราก็ตัดสินใจเอาแพลนที่จะไปพรุ่งนี้มาใส่วันนี้แทน โดยที่แรกที่เราจะไปคือ penguin village เป็นหมู่บ้านที่มีคนอยู่จริงและตกแต่งหมู่บ้านด้วยเพนกวิน มีของน่ารักๆ ที่เราเคยเห็นในวัยเด็ก เป็นหมู่บ้านแห่งความทรงจำวัยเด็ก คุณพ่อคุณแม่ก็พาลูกๆ มาเที่ยวกันเยอะเลย
อันนี้ตั้งอยู่ทางเข้าหมู่บ้าน เป็นหญิงชาวควางจูที่มีชีวิตอยู่จริง ในสมัยสงครามเคยถูกจับไปบำเรอทหารญี่ปุ่น คนที่นั่งคือคุณยายในวัย 16 และคนที่ยืนคือคุณยายในวัย 90 จะสังเกตว่ามือของวัย 16 จะกำอยู่สื่อถึงความเจ็บปวดที่คุณยายได้รับ ส่วนวัย 90 มือจะคลายแล้วสื่อถึงคุณยายได้ถูกปลดแอกแล้ว ก็เป็นประวัติศาสตร์ที่ชาวเกาหลีอยากจะส่งต่อให้ลูกหลานได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของคุณยายในสมัยก่อน
หนีงาน ไปพักร้อน 3 วัน 2 คืน ณ ควางจู
เหตุผลที่เราเลือกไปฝั่งนี้เหตุผลแรกเลยคือตั๋วถูกค่ะ จริงๆ ทริปนี้เป็นทริปไฟลนก้นมาก ซื้อตั๋วก่อนไป 2 อาทิตย์ เนื่องจากเจอตั๋วไปกลับ กรุงเทพฯ - มูอัน ในราคา 7000 บาท เราก็เลยจองตั๋วอย่างไม่รีรอ ประกอบกับไม่เคยเที่ยวฝั่งตะวันตกของเกาหลีใต้ เลยอยากลองไปสัมผัสวิถีชีวิตชาวชอลลานัมโดดูค่ะ เกริ่นมาพอสมควร งั้นเราก็เลทโกทูควางจูกันเลยยยย