ครั้งนี้ถือเป็นครั้งเเรกของเรา ..สำหรับจีนแผ่นดินใหญ่
พอบอกใครว่าจะไปฉงชิ่ง หลายคนก็จะงุนงง ว่าห๊ะไปเมืองอะไรกิ๊งๆนะเสมอ555
"ฉงชิ่ง" จ๊ะไม่มีอะไรกิ๊งๆเลยจ๊ะ ดูเเค่ชื่อก็ดูโช้งเช้งเเล้วนะน่าสนุก หวังว่าฉงชิ่งจะแสดงตัวตนในแบบจีนแท้ให้เราได้เห็นเป็นบุญตา
เริ่มต้นทริปกันตอน 6โมงเช้าที่สนามบินดอนเมือง ครั้งนี้ก็อาศัยรถสาวริมแดงไปเช่นเคยกับขาประจำอีก 4 ชีวิต
ผ่าน 3.30 ชม. อากาศเย็นก็ปะทะหน้าเข้าอย่างจังเเละเราก็ได้ทักทายเมืองจีนอย่างเป็นทางการ เวลาที่นี่จะเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชม.
รถสาวริมเเดงส่งเราลงที่สนามบิน Chongqing Jiangbei International Airport T3(เทอร์มินอล3) สนามบินดูใหม่กว้างขวางเเละวังเวงหน่อยๆ
อาจจะเพราะเป็นเทอร์มินอลใหม่ เเต่ก็โอเค ผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองอะไรเรียบร้อยก็เดินออกมาเรื่อยๆตามป้าย
ป้ายต่างๆที่สนามบินมีภาษาอังกฤษสบายใจได้(ตอนนี้)
การเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองมีทั้งรถไฟฟ้า เเท็กซี่ เเละรถเมล์ เเล้วเเต่ใครจะสะดวกเเบบไหน
สำหรับเราได้สอบถามเจ้าของAirbnbที่เราไปพักไว้เเล้วเขาเเนะนำให้นั่งเเท็กซี่มาจะสะดวกกว่า ก็เชื่อเขาดีกว่าด้วยนะจ๊ะเพราะเขาบอกที่นี่ไม่ค่อยใช้ภาษาอังกฤษเดี๋ยวจะงงเพราะรถไฟฟ้านี่ต้องหลายต่อ ผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองอะไรเรียบร้อยเเล้วก็เดินตามป้ายอกมาเพื่อไปที่ขึ้นเเท็กซี่
เเท็กซี่จีนจะคันเล็กๆเหลืองๆ เเท็กซี่ที่จอดรอผู้โดยฯที่สนามบินก็เล็กเเละเหลืองเหมือนกัน ไม่เผื่อใครมากันเป็นหมู่คณะเลยนะ!
เราพากันเดินจากอาคารออกมาตรงทางเชื่อมด้านนอกเเละลงบันไดเลื่อนไปตามป้ายก็จะเจอเเท็กซี่จอดรอเรียงรายตามคิวอยู่ริมถนนด้านล่าง
เราเปิดWechat (ออ..สำหรับใครที่ไปเมืองจีนเเละพักAirbnbแบบเราโหลดwechatไว้คุยกับเจ้าของที่พัก) ที่เจ้าของที่พักเขียนชื่อเเละทางไปที่พักเป็นภาษาจีนไว้ให้ เราก็เเค่ยื่นให้คนขับดูเป็นอันรู้เรื่อง ก็พากันโยนกระเป๋าเข้าท้ายรถเสร็จสรรพ
เเต่ก็เเอบคิดในใจว่าเเท็กซี่มันจะยัดเรา 5 คนเข้าไปได้หมดเหรอวะ เเต่ก็เอาพอขึ้นไปนั่งเรียบร้อยคนขับกลับบอกเป็นภาษาจีนซึ่งเเปลจากภาษามือง่ายได้ว่า..เธอๆที่นี่เขานั่งได้ไม่เกิน 3 คน ซึ่งเอาจริงนี่ไม่เเน่ใจว่าเป็นกฎหมายจราจรของที่นี่หรือพี่เเกเเบ่งรายได้ให้เพื่อนร่วมอาชีพก้วยก็ไม่รู้5555
เราเลยจำใจต้องเเยกเป็น 2 คันจากที่คิดว่านั่งเเท็กซี่ต้องคุ้มเเน่ๆกลายเป็นว่าถูกเบิ้ลค่าโดยสารไปจ้าาา เจ้าของที่พักบอกว่าค่าเเท็กซี่น่าจะประมาณ60-70หยวน ทางเราก็ความจำดีจำเป็น20-30หยวน 2คันก็60หยวนไม่เกิน 300กว่าบาทเอาวะไม่เเพงๆ มาเอะใจตอนเห็นค่าเเท็กซี่ขึ้น40กว่าหยวนเลยเปิดเเชทดูอีกที เเล้วก็ตามนั้นละจ๊ะ (ก็เเอบไปสารภาพกับเพื่อนตอนถึงที่พักเเล้วว่าจำผิด)
เรามาถึงที่พักโดยมีคุณHomเจ้าของที่พักคอบคุยกับคนขับให้เเละรอเราอยู่ด้านหน้าตึกที่เราจะไปพัก
ครั้งนี้เราเลือกใช้บริการAirbnbอย่างที่บอกไป ในเมืองจีนการทำที่พักในAirbnbถูกกฎหมาย ที่สำคัญมีห้องขนาดใหญ่เหมาะสำหรับเดออะเเก๊งค์อย่างพวกเราเเละที่สำคัญกว่านั้นคือราคาถือว่าถูกมากกกกเมื่อเทียบกับโลเคชั่นเเละห้องดีๆที่ได้ เอ่อ..ถ้าไม่นับรวมสภาพตึกภายนอกที่อาจจะดูทรุดโทรม ทางเดินในตึกที่ดูเหมือนกำลังเดินเข้าบ่อนเถื่อนไปซักหน่อย เเต่พอเข้าห้องปุ๊บคือเป็นอีกโลกเลย ถ้าไปกันเยอะๆก็โอเคไง5555
เเละถ้าเลือกดีๆ ก็จะได้วิวดีๆเเบบนี้ด้วย
**ใครอยากรู้ค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายต่างๆของทริปนี้ รอสรุปตอนท้ายนะจ๊ะ**
หลังจากโดนดับเบิ้ลชีสค่าเเท็กซี่ไปอย่างสาสมใจถึงที่พักก็ปาไปเที่ยงกว่าเเล้วหิวอย่างหาที่สุดมิได้ เก็บข้าวของเสร็จเจ้าของที่พักเลยอาสาพาไปเดินดูรอบๆบริเวณใกล้ๆที่พักทั้งสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน(ซึ่งใกล้มาก) ร้านอาหาร เเละสถานที่เเลนด์มาร์คอย่างJiafangbei(ซึ่งก็ใกล้ที่พักอีกเช่นกัน) หลังจากพาดูนู่นนี้เสร็จพอให้รู้ทิศทาง Homก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อ ส่วนพวกเราทั้ง 5 ชีวิตก็ถึงเวลาชาร์ตพลังเพื่อใช้ในการเริ่มทำความรู้จักกับฉงชิ่งในครึ่งวันบ่ายที่เหลือด้วยตัวเอง เเต่ก่อนอื่นมายืนขึ้นปรบมือเพื่อเป็นการให้เกียรติกับอาหารมื้อเเรกในฉงชิ่งกันก่อนดีกว่า T_T
ตอนเเรกให้Homแนะนำร้านสุกี้สไตล์ฉงชิ่งไว้กะว่าจะจัดเลยตั้งเเต่มื้อเเรกประชดอากาศที่เย็นเหลือเกินเเต่ไม่ได้เตรียมเสื้อมาโดยความประมาณอุณฯ10กว่าองศาฯไม่ถูกว่าจะขนาดไหนเลยเดินไปสั่นไปตลอดทริป
Homเเนะนำให้ร้านนึงตรงเยื้องๆกับที่พักเป็นร้านเก่าเเกชื่อดังเเสนอร่อย เเต่คิดไปคิดมาเห็นว่าน่าจะมานั่งกินอย่างเป็นหลักเป็นฐานตอนเย็นน่าเข้าท่ากว่าเผื่อท้องไส้ยังปรับเข้ากับอากาศที่นี่ไม่ได้ (เกี่ยวไหม555)
เเละก็มาเจอร้านนี้เข้าโดยบังเอิญหลังจากเเยกกับHom เป็นร้านบะหมี่ดูโลคอลสุดๆ คนก็เยอะสุดๆ เเถมเเอบเล็งๆที่เขานั่งสั่งๆกันมาก็น่ากินสุดๆเลยตัดสินใจกันว่าจบที่ร้านนี้เลยละกัน เเละเราก็ได้รู้จัก "จีนเเผ่นดินใหญ่" อย่างเป็นทางการซะที
เฮียยืนลวกเส้นง่ายๆอยู่หน้าร้าน ความร้อนจากเส้นบะหมี่หนึบๆที่ผ่านน้ำร้อนๆถูกโยนขึ้นมาสัมผัสอากาศเย็นภายนอกทำให้เกิดกลุ่มควันโขมงอยู่เบื้องหน้าเชื้อเชิญให้เราลิ้มลองเหลือเกิน
เดินดุ่มๆเข้าไปเลยจ๊ะ คุณป้าเข้ามาต้อนรับขับสู้หาที่นั่งให้อย่างดิบดี พร้อมกับกล่าวคำทักทาย เหรอออป้ากล่าวคำทักทายเหรอรู้ได้ไง ฟังออกเหรอออออ555555 คือป้าจ๋าป้าพูดอารายยยยหนูไม่รู้เรื่องจะบอกเอาบะหมี่เอาเกี๊ยวด้วยยังงงเลยเนี่ย ร้านป้าไม่มีภาษาอังกฤษเลยเเม้เเต่ตัวเดียวเเล้วป้าเองรวมทั้งพนง.ทุกคนก็ไม่พูดอังกฤษเช่นกัน เเต่ป้าน่ารักมากป้าก็พยายามช่วยเราสุดๆ พวกเราก็อาศัยชี้ของโต๊ะข้างๆบ้าง ชี้รูปที่เเปะอยู่ตรงผนังบ้าง ส่วนใครจะเเอดวานซ์กว่านั้น..ทำไงหละ ป้าเเกก็เอ็นดูไงเลยจูงมือกันเข้าไปชี้กันตรงครัวเลยจ๊ะ กว่าจะได้กินก็ปาเข้าไปครึ่งชั่วโมงนี่เเค่บะหมี่ธรรมดานะ555
เเละก็ได้มากินตามรูปตรงกับที่ตั้งใจบ้างไม่ตรงบ้างเเต่ด้วยความหิวเเละหนาวระดับ10 ก็กินเข้าไปจ๊ะ
โชคดีที่ร้านป้าอร่อย อร่อยจริงๆนะ ราคาก็ไม่เเพงแถมเยอะมากกก(เส้นอะเยอะมากกกก5555)
บะหมี่ที่นี่เขาเน้นเส้น ไปร้านไหนๆก็มีเเต่เส้นตามสไตล์จีน ส่วนที่เห็นแดงเป็นน้ำตกนั่น "หม่าล่า" จ๊ะใช่จ๊ะหม่าล่าที่ดังอยู่บ้านเราในขณะนี้
ฉงชิ่งเขาเป็นพี่ใหญ่แห่งความหม่า(ชา)ล่า(เผ็ด)..ใครชอบนี่ขอให้มาได้หม่ากลับบ้านเเน่นอน
**โลเคชั่นร้านป้า: อยู่ตรงไฟแดงเยื้องๆกับตึกตะเกียบ(คิดว่าน่าจะเป็นฝั่งด้านหลังนะ)**
ปล.มากินของป้าเลยอร่อยจริง ป้าน่ารักด้วยใจดีนี่พอเห็นรูปน้ำลายสอขึ้นมาเลยเนี่ย วันหลังๆจะมากินไม่เคยทันป้าหมดตลอด
เ
อีกอย่างที่ไปถึงฉงชิ่งเเล้วสมควรกินคือผลไม้สะท้อนเเสงอันนี้ เยี่ยมเลยต้องลอง!!
หลังจากเติมพลังกันจนเต็มหลอดก็ถึงเวลาชีวิตจริงเเล้ววว ที่เเรกที่เราจะไปเริ่มทำความรู้จักกับเมืองนี้ก็คือ..
Ciqikou ancient town
Ciqikou เป็นชุมชนโบราณที่ถูกปรับมาเป็นตลาดสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนเเละชาวต่างชาติอย่างเราๆ มีสินค้าหลากหลายทั้งอาหาร ขนม ของฝากของที่ระลึก เเละที่ขาดไม่ได้ก็คือ..หม่าล่า!! มาที่นี่คุณจะได้เห็นหม่าล่าตัวเป็นๆ เดี๋ยวๆสดๆไหม ใครที่อยากได้กลับไปฝากพี่ป้าน้าอาหรือใครที่ถามว่าฉงชิ่งมีอะไรก็เอาหม่าล่ายื่นให้เลยจะได้จบๆ555
การเดินทาง: จากที่พักหรือร้านบะหมี่(ซึ่งใกล้กัน) เรานั่งรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานีLinjiangmenสายสีเขียว ตอนซื้อตั๋วเลือกปลายทางเป็นสถานีCiqikouซึ่งเป็นสายสีเเดงได้เลย โดยไปเปลี่ยนสายที่สถานีJiaochangkouหรือDapingก็ได้
**เพื่อความสะดวกเเนะนำให้โหลดแอพฯChongqing metroไว้ดูจะมีบอกสายรถไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งฉงชิ่งมีอยู่เกือบ10สายพร้อมราคา**
ถึงสถานีCiqikouเเล้วก็อาศัยเดินตามฝูงชนไปเลยจ๊ะ เเต่เเค่เดินออกมาจากสถานีก็มีของให้กินเเล้วนะหาอะไรกรุบกริบเดินขบๆไปได้
Ciqikouเข้าออกได้หลายประตู ส่วนพวกเราเดินตามๆเขามาเจอทางเข้าฝั่งตรงข้ามเป็นบันไดขึ้นไปมีซุ้มประตูหินขนาดไม่ใหญ่โตพวกเราเลือกเข้ากันตั้งเเต่ตรงนี้ซึ่งเป็นจุดเริ่มของที่นี่เลย บรรยากาศข้างไหนก็อบอวลไปด้วย..หม่าล่า555จริงๆนะเพราะทั้งคั่ว ทั้งสด ทั้งเคี่ยวกันอยู่เป็นระยะ มีร้านรวงขายอาหาร ขายขนม ขายผลไม้ ขายของที่ระลึกต่างๆมากมายเเละเนื่องจากยังอิ่มเอมมาจากบะหมี่ร้านป้าพวกเราเลยได้เเค่หาขนมกินพอหอมปากหอมคอพร้อมชมบรรยากาศ
ทางเดินในตลาด (ขอเรียกว่าตลาดละกัน) ค่อนข้างยาวอยู่พอตัวถ้าเดินตั้งเเต่ต้นจนสุดปลายตลาดแบบพวกเราก็2-3ชม.เข้าไปละ เเต่อาศัยว่ามีนู่นนี่ให้ดูให้ชมตลอดทาง บวกกับอากาศเย็นเลยเดินได้เพลินๆเเต่สำหรับใครที่อยากยกธงขาวก็สามารถเดินออกได้ทางประตูข้างซักประตู
สำหรับที่นี่เราว่าก็สมควรมา มาเดินเล่นดูผู้คนดูวัฒนธรรม หาของกินเล่นของขวัญของฝากก็สนุกดี
ควรลอง: ตีนไก่ตุ๋นร้อนๆ กับพัฟทุเรียนชีสอันนี้ดูน่าโดนด่าตรงไปกินทุเรียนที่เมืองจีน เเต่อันนี้คือยอมโดนด่าเถอะเชื่อเรา!
เดินเล่นอยู่Ciqikouอยู่จนเกือบเย็น ถ้าออกจากสุดตลาดให้เดินผ่านคอมมูนิตี้มอลล์สวนทางกับรถลงมาเรื่อยๆก็จะเจอสถานีเดิม ระหว่างทางก็มีร้านรวงดูทันสมัยขายสินค้าเหมือนกับตลาดด้านในดูเป็นความคอนทราสท์ทางเวลาที่ต่างกันเเต่ใกล้กันเเค่หันหลังชน เมื่อต่างคนต่างปรับก็สามารถอยู่ร่วมกันได้
(ContinueตามไปในCommentที่2นะจ๊ะ)
[CR] ปู่ ล่ า ๆ ..โ ห ด มั น ฮ า ที่ ''ฉงชิ่ง''
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้