[CR] การเดินทางข้าม Comfort Zone ของคนที่เคยลั่นวาจาว่า “ชีวิตนี้ จะไม่ขอไปอินเดีย!”

กลับมาจากอินเดียได้เกือบเดือนแล้ว
แต่พอเปิดรูปจากอินเดียขึ้นมาดูทีไร มันก็ยังมีคำๆ นึงผุดขึ้นมาว่า
“นี่กุไปอินเดียมาแล้วจริงๆ เหรอวะ”
มันเป็นคำถามเดียวกับที่เกิดขึ้นในหัววนไปวนมา
ตอนที่เรากำลังหายใจสูดฝุ่นควันที่มากระดับจะทำให้กระดาษทิชชู่
กลายเป็นสีดำเมื่อกลับมาถึงโรงแรมที่อินเดียแล้วแคะขี้มูก!

ไม่ต้องย้ำก็น่าจะรู้แล้วแหละว่า
อินเดียเป็นประเทศที่เราไม่อยากไปมากที่สุดในชีวิต .. .

แต่โลกมันมีแรงดึงดูดเสมอ ..
และตลกร้ายก็คือ แรงดึงดูดมันมักจะเหวี่ยงสิ่งที่เราเคยบ่ายเบี่ยงมาท้าพิสูจน์ให้เราพยายามก้าวข้ามอะไรบางอย่างในหัวใจ .. และนั่นแหละ คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องเดินทางไปอินเดีย เพราะการผจญภัยมันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นแค่ภายนอก แต่มันคือสิ่งเกิดขึ้นภายในใจเราต่างหาก

กระทู้นี้ เราก็เลยตั้งใจอยากมาแบ่งปันประสบการณ์และข้อมูลให้กับคนที่อาจจะเคยตั้งป้อม Comfort Zone เอาไว้ซะหนาแน่นใหญ่โตเหมือนกัน ถ้าได้ลองเปิดใจอ่านรีวิวอินเดียนี้สักหน่อย ไม่แน่นะ .. อินเดีย อาจจะกลายเป็นจุดหมายต่อไปก็ได้ค่ะ : )

“ ..All travel has its advantages.
If the passenger visit better countries,
he may learn to improve his own.
And if fortune carries him to worse,
he may learn to enjoy it.”


การเดินทางสู่ประเทศอินเดีย
ทริปนี้เราไปอินเดียทั้งหมด 7 วัน แต่ไปแค่สองเมืองคือ เดลี (Delhi) และอัครา (Agra) ไม่ได้แวะไปชัยปุระเหมือนที่หลายคนไปกันมา เหตุผลก็เพราะพอตัดวันเดินทางไป – กลับออกไปแล้ว จะเหลือเวลาเที่ยวอยู่แค่ไม่กี่วัน และเราไม่อยากอัดสถานที่เยอะๆ ให้เหนื่อย เพราะตั้งใจเดินทางด้วยตัวเอง ไม่ได้เช่ารถพร้อมคนขับ อยากลองนั่งรถไฟอินเดียดูสักครั้ง ไหนๆ จะไปแล้วก็ขอลองให้ครบ อยากพาตัวเองไปลองทำทุกอย่างที่ไม่คิดจะทำในประเทศที่ไม่เคยคิดจะไป 555 ที่สำคัญพอมาลองหาข้อมูลเกี่ยวกับอินเดียมากขึ้น ก็พบว่าเมืองเดลีเองก็มีสถานที่น่าสนใจเยอะมากกว่าที่คาดมากทีเดียว ฉะนั้นแผนการเดินทางครั้งนี้ของเราจึงเริ่มต้นขึ้นที่เมืองเดลีค่ะ


เราบินไปนิวเดลี (New Delhi) ด้วยสายการบิน Nokscoot เพราะลองหาข้อมูลดูแล้ว นกสกู๊ตมีไฟลท์บินตรงสู่สนามบินนิวเดลี (Indira Gandhi International Airport) ในราคาถูกที่สุดในบรรดาสายการบินที่มีเที่ยวบินตรงสู่เมืองเดลีค่ะ ตอนแรกก็นึกว่าจะโล่งๆ ไม่ค่อยมีคน เพราะเล็งที่นั่งตอนจองตั๋ว มันไม่เต็ม แต่ที่ไหนได้ แขกบินกันเต็มลำเลยจ้า เรียกว่าเป็นไฟลท์ที่ได้คลุกคลีกับแขกตั้งแต่ยังไม่ถึงอินเดียเลย 555 แต่เขาใช้เครื่องลำใหญ่บิน (โบอิ้ง 777-200) ที่นั่งเป็นแบบ 3-4-3 ก็เลยนั่งสบายไม่อึดอัดค่ะ


แล้วความบันเทิงสไตล์อินตะระเดียนั้น เราก็ได้สัมผัสตั้งแต่บนเที่ยวบินนี้เป็นต้นไป 5555 เพราะแขกเดินทักกันเหมือนยกหมู่บ้านแล้วเช่าเหมาลำมาเที่ยวเมืองไทยเลยจ้าา ที่พีคสุดคือพอเครื่องจะ Take off แขกก็ร้องเพลงปลุกใจกัน! เสียงดังลั่น ฝั่งนึงร้องบิ้ว อีกฝั่งนึงร้องตอบรับ อารมณ์เหมือนมาดูคอนเสิร์ตพี่ตูนแล้วพี่ตูนร้องเฮโฮ พร้อมกับยื่นไมค์ให้คนดูร้องเฮโฮตอบ อยากรู้ว่าบันเทิงยังไงต้องลองบินนกสกู๊ตดูค่ะ 555 อ้อ แต่บนเครื่องไม่ได้มีกลิ่นเหม็นอย่างที่คิดแฮะ ทั้งๆ ที่คำอวยพรของคนรอบข้างเราก่อนไปอินเดียส่วนใหญ่จะหนีไม่พ้น "อย่าลืมพกยาดมไปด้วยนะ" ไม่ก็ "กลิ่นนี่ลอยมาเชียว" 5555 แต่เราไปอยู่อินเดียมาหลายวัน ก็ยังไม่ได้กลิ่นเหม็นของแขกจนต้องร้องยี๋ เออ จะว่าไป นี่คือเซอร์ไพรส์ดอกที่หนึ่ง .. แขกสมัยใหม่ไม่ได้เหม็นอย่างที่คิด!


มาอินเดีย คนไทยต้องทำวีซ่านะคะ แต่ของ่ายมากกก ขอเองทางออนไลน์ได้เลย > https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html < ตอบกลับเร็วมากกก เราใช้เวลาแค่ 1 วันถ้วน ก็ได้อีเมลอนุมัติวีซ่าแล้ว ค่าวีซ่าแบบ E- Tourist Visa คือ 81.99 USD จ่ายโดยตัดบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตก็ได้ ตอนจะผ่าน ตม. ก็แค่พรินต์เอกสารที่มีหมายเลขยืนยันแล้วยื่นพร้อมกับพาสปอร์ต ที่อยากจะเล่าก็คือ ตม. อินเดียตลกมาก เขาถามเราว่า "What is your mother’s name?" เฮ้ย! นี่มันมิติใหม่แห่งการผ่าน ตม. เลยนะ! 5555


ชื่อสินค้า:   India
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่