ไม่ได้ยืม ID เพื่อนมา ไม่ใช่เรื่องของเพื่อน เรื่องของตัวเองเลยค่ะ
อยากขอความรู้ ขอแนวทางที่เป็นไปได้ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ
เรื่องของเรื่องคือเมื่อ 7 ปีก่อนแม่ของ จขกท ได้ทำเรื่องเช่าที่ดินและจดสิทธิการเช่าที่สำนักงานที่ดินเป็นระยะเวลา 30 ปีกับเจ้าของที่โดยตกลงจ่ายค่าเช่าเดือนละ 150,000 บาทเพื่อมาทำร้านค้าชั้นล่าง และห้องพักรายเดือนชั้นบน ดูความคิดก็น่าจะดี กิจการน่าจะไปได้สวย ด้วยความที่แม่เป็นคนใจเร็วเลยไปตกลงค่าเช่าที่ราคาสูงขนาดนั้น ตอนทำอะไรไม่เคยปรึกษาลูกๆ กลัวโดนขัด คิดว่ากิจการที่ทำจะดี จึงได้กู้ยืมเงินธนาคาร กู้เงินนอกระบบเพื่อมาก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินผืนนี้ หมดเงินไปเกือบ 15 ล้านบาท แต่สุดท้ายร้านค้าชั้นล่างก็ไปไม่รอดด้วยเหตุปัจจัยหลายๆอย่าง จึงได้เปลี่ยนกิจการเป็นห้องพักรายเดือนและรายวันรวมเกือบ 100 ห้อง โดยได้กู้เงินธนาคารเพื่อมาต่อเติมสิ่งปลูกสร้างเพิ่ม
การดำเนินธุรกิจผ่านไปด้วยความยากลำบาก เหมือนกระโดดขึ้นหลังเสือแล้ว จะลงก็ไม่ได้ เพราะภาระหนี้จากการก่อสร้างค้ำคออยู่ แต่ลุงเจ้าของที่ในเวลานั้นก็ยังมีเมตตาใจดี ช่วยให้จ่ายค่าเช่าที่เพียง 50,000 บาทก่อน โดยแม่ได้ทำสัญญาไปให้เซ็นและขอชำระ 50,000 บาทมาตลอด จนเมื่อถึงปี 2559-2561 ก็ขอชำระเงิน 100,000 บาท ส่วนที่ชำระไม่ครบไม่ได้ลงไว้เป็นลายลักษณ์อักษร บอกกันปากเปล่าเพียงว่าเซ้งกิจการได้ หรือ จ่ายแบงค์หมดค่อยเอามาจ่าย แต่โชคไม่ดี ประมาณปี 2558-2559 ลุงเจ้าของที่ป่วย ทางทายาทจึงฟ้องร้องเพื่อขอยกเลิกสัญญาค่าเช่าที่ทั้งๆที่ตอนลุงปกติดี ไม่เคยมายุ่งเกี่ยวและรู้เรื่องอะไรเลย และ ให้ชำระเงินส่วนที่ยังชำระไม่ครบทั้งหมด สุดท้ายในเรื่องของคดีนี้ศาลพิพากษาให้ชำระเงินส่วนค้างทันที เพราะเป็นหนี้ที่ไม่กำหนดระยะเวลา แต่เจ้าของที่จะไม่สามารถบอกเลิกสัญญาได้ เนื่องจากยังไม่ได้ทำผิดสัญญา....
บอกตามตรงตอนจ่ายค่าที่ 100,000 บาทแบบหืดขึ้นคอ เพราะภาระหนี้เยอะก็ยังพอหมุนไปได้ แต่ต้นปี 2562 รายได้ขาดทุนตลอดเกือบทุกเดือน เนื่องจากเป็นการบริหารงานแบบครอบครัว และมีแค่แม่กับลูก 2 คนที่เป็นผู้บริหารตรงนี้ จ้างพนักงาน แม่บ้านประมาณ 3 คนที่ไม่ได้เก่งเทคโนโลยีหรือการตลาดอะไรมากนัก ทุกอย่างตกมาที่ จขกท ซึ่งทำงานประจำอยู่ ไม่ได้มีญาติพี่น้องมาช่วย ภาระหนี้สินทำให้เราท้อใจ ตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แถมทายาทเจ้าของที่ก็ใจดำไม่เคยแม้แต่จะมาถามว่าเราดำเนินธุรกิจไหวไหม จะเอาแต่เงินอย่างเดียว แถมยังเคยบอกว่าเราไม่มีศักยภาพในการทำธุรกิจ โดยตอนนี้ลูกเจ้าของเองรวมทั้งครอบครัว ก็ตกงานมีรายได้จากค่าที่ของเราในการดำรงชีวิตอยู่ และรักษาพ่อของตัวเอง
1. เราต้องการเซ้งกิจการให้คนที่มีทีมงานมาทำต่อ แต่ปัญหาหลักคือนอกจากเป็นที่เช่าแล้ว ค่าเช่าที่ยังแพงกระฉูด ใครๆก็สู้ไม่ไหว
ที่ดิน (1 ไร่ 3 งาน 43 ตร.ว.) ท้ายสุดเคยมีคนจะมาเซ้ง จะจ่ายหนี้ธนาคาร จ่ายเงินค่าที่ที่ยังชำระไม่ครบที่ศาลสั่งเป็นเงินสดให้ 6 ล้าน และขอทำสัญญาตรงกับเจ้าของที่ โดย 15 ปีแรกขอจ่าย 120,000 บาท 15 ปีหลักขอจ่าย 150,000 บาท เรายอมทุกอย่าง เพราะไม่อยากรับภาระไม่อยากทำอะไรตรงนี้แล้ว อยากให้แม่ได้พักเสียที เพราะถ้าเราไม่อยู่หรือตายไป แม่อาจจะทำต่อได้ แต่ถ้าแม่ไม่อยู่เราจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย แต่เจ้าของไม่เอา ไม่รู้ด้วยเหตุอะไร ทั้งๆที่ก็บอกเจตนาไปทุกอย่าง ได้เงินสบายๆไม่เอา เหมือนอยากให้เราทำต่อ เพราะคิดว่าเราจะทำไม่ไหว ไม่มีเงินจ่ายจะได้ยึดไปทำเองเลย และเตรียมฟ้องบังคับคดีเพื่อหักเงินเดือนเรา เพราะเราไม่มีทรัพย์อะไรให้ยึด
2. สิ่งปลูกสร้างที่ลงทุนไปเยอะมาก และยังติดภาระผ่อนแบงค์เดือนละ 180,000 บาท ปัจจุบันขอผ่อนชำระแค่ดอกเบี้ย เงินต้นเลยยังค้างอยู่แบบนั้น
3. เจ้าของที่ชอบคิดว่าเรารายได้ดี กิจการดี และคอยจ้องฟ้องร้องเราทุกช่องทางเพื่อบอกเลิกสัญญาและจะได้มาทำตรงนี้โดยไม่ต้องลงทุนสิ่งปลูกสร้างเลย
สิ่งที่อยากขอคำปรึกษาคือ
1. จะมีทางไหนที่เราจะสามารถขอลดค่าเช่าที่ที่สูงเกินจริงขนาดนี้ได้บ้าง เข้าใจว่าเป็นการตัดสินใจผิดพลาดของแม่เองตอนจดสิทธิการเช่า แต่จะมีทางออกแบบไหนบ้าง ที่ดินคือที่ดินเปล่าๆจริงๆที่แม่เป็นคนมาถมที่ตั้งแต่หินก้อนดินก้อน ทายาทไม่เคยมาเหลียวแลเลยในตอนนั้น ตอนก่อสร้างที่ไม่มีอะไรเลย เราจะได้ทำธุรกิจได้ดีขึ้นแบบไม่ติดลบ และมีเงินมาจ่ายธนาคารได้บ้างหรือหาคนที่พร้อมมาเซ้งหรือเช่าต่อได้
2. มีหน่วยงานราชการไหนพอจะช่วยหรือชี้แนะได้บ้าง อยากยกเลิกสัญญาเช่าก็ทำไม่ได้ เพราะต้องบริหารกิจการต่อไปเผื่อใช้หนี้ธนาคารที่เอาสิ่งปลูกสร้างจำนองมา เหมือนทำอะไรไม่ได้เลย
3. ที่ดินตรงนี้อยู่กลางเมือง ใกล้ รพ แต่เราไม่มีคน ไม่มีทุนที่จะพัฒนาห้องพักให้มากกว่านี้ เพื่อให้ได้ค่าเช่ามากขึ้น มันเป็นปัญหาภายในหลายอย่าง
ขอความอนุเคราะห์ด้วยนะคะ ทุกวันนี้เครียดมากๆเงินติดลบทุกเดือน เหมือนพยายามมากเท่าไหร่ ก็ทำเงินให้เจ้าของที่หมดค่ะ ท้อใจมากจริงๆค่ะ
ถ้าจดสิทธิการเช่าที่ดินแล้วสามารถขอลดค่าเช่าได้หรือไม่
อยากขอความรู้ ขอแนวทางที่เป็นไปได้ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ
เรื่องของเรื่องคือเมื่อ 7 ปีก่อนแม่ของ จขกท ได้ทำเรื่องเช่าที่ดินและจดสิทธิการเช่าที่สำนักงานที่ดินเป็นระยะเวลา 30 ปีกับเจ้าของที่โดยตกลงจ่ายค่าเช่าเดือนละ 150,000 บาทเพื่อมาทำร้านค้าชั้นล่าง และห้องพักรายเดือนชั้นบน ดูความคิดก็น่าจะดี กิจการน่าจะไปได้สวย ด้วยความที่แม่เป็นคนใจเร็วเลยไปตกลงค่าเช่าที่ราคาสูงขนาดนั้น ตอนทำอะไรไม่เคยปรึกษาลูกๆ กลัวโดนขัด คิดว่ากิจการที่ทำจะดี จึงได้กู้ยืมเงินธนาคาร กู้เงินนอกระบบเพื่อมาก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินผืนนี้ หมดเงินไปเกือบ 15 ล้านบาท แต่สุดท้ายร้านค้าชั้นล่างก็ไปไม่รอดด้วยเหตุปัจจัยหลายๆอย่าง จึงได้เปลี่ยนกิจการเป็นห้องพักรายเดือนและรายวันรวมเกือบ 100 ห้อง โดยได้กู้เงินธนาคารเพื่อมาต่อเติมสิ่งปลูกสร้างเพิ่ม
การดำเนินธุรกิจผ่านไปด้วยความยากลำบาก เหมือนกระโดดขึ้นหลังเสือแล้ว จะลงก็ไม่ได้ เพราะภาระหนี้จากการก่อสร้างค้ำคออยู่ แต่ลุงเจ้าของที่ในเวลานั้นก็ยังมีเมตตาใจดี ช่วยให้จ่ายค่าเช่าที่เพียง 50,000 บาทก่อน โดยแม่ได้ทำสัญญาไปให้เซ็นและขอชำระ 50,000 บาทมาตลอด จนเมื่อถึงปี 2559-2561 ก็ขอชำระเงิน 100,000 บาท ส่วนที่ชำระไม่ครบไม่ได้ลงไว้เป็นลายลักษณ์อักษร บอกกันปากเปล่าเพียงว่าเซ้งกิจการได้ หรือ จ่ายแบงค์หมดค่อยเอามาจ่าย แต่โชคไม่ดี ประมาณปี 2558-2559 ลุงเจ้าของที่ป่วย ทางทายาทจึงฟ้องร้องเพื่อขอยกเลิกสัญญาค่าเช่าที่ทั้งๆที่ตอนลุงปกติดี ไม่เคยมายุ่งเกี่ยวและรู้เรื่องอะไรเลย และ ให้ชำระเงินส่วนที่ยังชำระไม่ครบทั้งหมด สุดท้ายในเรื่องของคดีนี้ศาลพิพากษาให้ชำระเงินส่วนค้างทันที เพราะเป็นหนี้ที่ไม่กำหนดระยะเวลา แต่เจ้าของที่จะไม่สามารถบอกเลิกสัญญาได้ เนื่องจากยังไม่ได้ทำผิดสัญญา....
บอกตามตรงตอนจ่ายค่าที่ 100,000 บาทแบบหืดขึ้นคอ เพราะภาระหนี้เยอะก็ยังพอหมุนไปได้ แต่ต้นปี 2562 รายได้ขาดทุนตลอดเกือบทุกเดือน เนื่องจากเป็นการบริหารงานแบบครอบครัว และมีแค่แม่กับลูก 2 คนที่เป็นผู้บริหารตรงนี้ จ้างพนักงาน แม่บ้านประมาณ 3 คนที่ไม่ได้เก่งเทคโนโลยีหรือการตลาดอะไรมากนัก ทุกอย่างตกมาที่ จขกท ซึ่งทำงานประจำอยู่ ไม่ได้มีญาติพี่น้องมาช่วย ภาระหนี้สินทำให้เราท้อใจ ตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แถมทายาทเจ้าของที่ก็ใจดำไม่เคยแม้แต่จะมาถามว่าเราดำเนินธุรกิจไหวไหม จะเอาแต่เงินอย่างเดียว แถมยังเคยบอกว่าเราไม่มีศักยภาพในการทำธุรกิจ โดยตอนนี้ลูกเจ้าของเองรวมทั้งครอบครัว ก็ตกงานมีรายได้จากค่าที่ของเราในการดำรงชีวิตอยู่ และรักษาพ่อของตัวเอง
1. เราต้องการเซ้งกิจการให้คนที่มีทีมงานมาทำต่อ แต่ปัญหาหลักคือนอกจากเป็นที่เช่าแล้ว ค่าเช่าที่ยังแพงกระฉูด ใครๆก็สู้ไม่ไหว
ที่ดิน (1 ไร่ 3 งาน 43 ตร.ว.) ท้ายสุดเคยมีคนจะมาเซ้ง จะจ่ายหนี้ธนาคาร จ่ายเงินค่าที่ที่ยังชำระไม่ครบที่ศาลสั่งเป็นเงินสดให้ 6 ล้าน และขอทำสัญญาตรงกับเจ้าของที่ โดย 15 ปีแรกขอจ่าย 120,000 บาท 15 ปีหลักขอจ่าย 150,000 บาท เรายอมทุกอย่าง เพราะไม่อยากรับภาระไม่อยากทำอะไรตรงนี้แล้ว อยากให้แม่ได้พักเสียที เพราะถ้าเราไม่อยู่หรือตายไป แม่อาจจะทำต่อได้ แต่ถ้าแม่ไม่อยู่เราจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย แต่เจ้าของไม่เอา ไม่รู้ด้วยเหตุอะไร ทั้งๆที่ก็บอกเจตนาไปทุกอย่าง ได้เงินสบายๆไม่เอา เหมือนอยากให้เราทำต่อ เพราะคิดว่าเราจะทำไม่ไหว ไม่มีเงินจ่ายจะได้ยึดไปทำเองเลย และเตรียมฟ้องบังคับคดีเพื่อหักเงินเดือนเรา เพราะเราไม่มีทรัพย์อะไรให้ยึด
2. สิ่งปลูกสร้างที่ลงทุนไปเยอะมาก และยังติดภาระผ่อนแบงค์เดือนละ 180,000 บาท ปัจจุบันขอผ่อนชำระแค่ดอกเบี้ย เงินต้นเลยยังค้างอยู่แบบนั้น
3. เจ้าของที่ชอบคิดว่าเรารายได้ดี กิจการดี และคอยจ้องฟ้องร้องเราทุกช่องทางเพื่อบอกเลิกสัญญาและจะได้มาทำตรงนี้โดยไม่ต้องลงทุนสิ่งปลูกสร้างเลย
สิ่งที่อยากขอคำปรึกษาคือ
1. จะมีทางไหนที่เราจะสามารถขอลดค่าเช่าที่ที่สูงเกินจริงขนาดนี้ได้บ้าง เข้าใจว่าเป็นการตัดสินใจผิดพลาดของแม่เองตอนจดสิทธิการเช่า แต่จะมีทางออกแบบไหนบ้าง ที่ดินคือที่ดินเปล่าๆจริงๆที่แม่เป็นคนมาถมที่ตั้งแต่หินก้อนดินก้อน ทายาทไม่เคยมาเหลียวแลเลยในตอนนั้น ตอนก่อสร้างที่ไม่มีอะไรเลย เราจะได้ทำธุรกิจได้ดีขึ้นแบบไม่ติดลบ และมีเงินมาจ่ายธนาคารได้บ้างหรือหาคนที่พร้อมมาเซ้งหรือเช่าต่อได้
2. มีหน่วยงานราชการไหนพอจะช่วยหรือชี้แนะได้บ้าง อยากยกเลิกสัญญาเช่าก็ทำไม่ได้ เพราะต้องบริหารกิจการต่อไปเผื่อใช้หนี้ธนาคารที่เอาสิ่งปลูกสร้างจำนองมา เหมือนทำอะไรไม่ได้เลย
3. ที่ดินตรงนี้อยู่กลางเมือง ใกล้ รพ แต่เราไม่มีคน ไม่มีทุนที่จะพัฒนาห้องพักให้มากกว่านี้ เพื่อให้ได้ค่าเช่ามากขึ้น มันเป็นปัญหาภายในหลายอย่าง
ขอความอนุเคราะห์ด้วยนะคะ ทุกวันนี้เครียดมากๆเงินติดลบทุกเดือน เหมือนพยายามมากเท่าไหร่ ก็ทำเงินให้เจ้าของที่หมดค่ะ ท้อใจมากจริงๆค่ะ