มันหน้ากลัว หน้ากลัวมากๆด้วย มันเป็นเหมือนฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนเราตลอด มันตามติดเราทุกคืน แค่เราหลับตามันก็จะตามเรามา เรากลัว มันทำให้เราต้องเข้าพบจิตแพทย์ มันทำให้เราต้องทำร้ายร่างกายตัวเอง มันไม่เคยหายไป เมื่อเราอยากลืมมัน มันก็จะกลับมา...
ตั้งแต่เด็กแล้วที่ไม่เคยได้รับความรัก ทำให้เราคิดมาก จนวันนั้นมาถึงวันที่โดนไล่ออกจากบ้าน วันที่เป็นเหมือนฝันร้าย รถที่เคลื่อนตัวบนท้องถนน ค่อยๆขับออกจากบ้านหลังนั้นบ้านที่เปรียบเหมือนนรก รถค่อยๆไปมุ่งไปตามทาง จนเวลานั้นมาถึง รถคันนั้นหักหลบพระเดินธุดงค์ รถคันนั้นลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วก็ตกลงมากระแทกพื้นถนน และพลิกไปเรื่อยๆจนตกคลอง ทุกคนจมดิ่งลงไปข้างล่าง คน2คนนั้นกอดเราไว้ เขาคุ้มกันเราไม่ให้โดนกระจกที่แตกทิ่มแทง ทุกคนคิดว่าคงจะไม่รอด แต่เหมือนมีแสงสว่างเราโผล่พ้นขึ้นมาจากน้ำ แต่ทำไมมีแค่เราคนเดียวเขาอีก2คนล่ะ แต่เหมือนโชคเข้าข้างเขาทั้งคนถูกลากขึ้นมาข้างบนด้วยร่างที่แน่นิ่ง...
ทุกคนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เราไม่เป็นอะไรเลย เพราะเขา2คนนั้นกอดเราไว้ เราโชคดีแต่ความโชคดีของเรา แขวนอยู่บนความตายของเขาทั้ง2 เราร้องไห้พร้อมภาวนาขอให้เขารอด เหมือนทุกอย่างๆเป็นใจ ต้องขอบคุณฟ้าจริงๆ เขารอดมาทั้ง3ชีวิต อีก1ชีวิตที่อยู่ในนั้น ขอบคุณจริงๆ ผู้ชายคนนั้นมีแค่เศษกระจกบาดนิดหน่อย แต่ผู้หญิงที่แบกท้องอีก1ชีวิต ถูกกระจกบาดเต็มตัวมีโอกาสรอดน้อยมาก นั่นคือปาฏิหาริย์ที่เขารอดมาได้ ถึงแม้จะต้องพันตัวเหมือนกับมัมมี่ก็เถอะ...
ใช้เวลาเกือบปีที่ทุกอย่างกลับมาอยู่ในสภาวะเดิม แต่จิตใจของเราทำไมมันไม่เหมือนเดิม กลัวทุกอย่างที่เกิดขึ้น เวลานอนภาพเรานั้นจะค่อยๆฉายขึ้นมาในหัว ภาพที่ทุกคนค่อยๆจมลงไป จมลงไปมันเป็นเช่นนี้ทุกคืน จนทุกคนทนไม่ไหวเลยพาเราไปพบจิตแพทย์ "ถ้าหากเรายังฝังใจไว้กับเรื่องๆนั้น เราก็ไม่สามารถที่จะดึงตัวเองขึ้นมาจากความมืดนั้นได้" ประโยคที่จำขึ้นใจไม่ว่าจะไปพบกี่ครั้งก็จะเป็นประโยคนี้ ผ่านไป10ปีแล้ว เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ภาพทุกภาพยังคงฉายได้อย่างชัดเจนในหัว ถึงแม้อาการทุกอย่างอาจจะไม่รุนแรงเหมือนเมื่อก่อน แต่มันก็ยังคงเหมือนฝันร้ายอยู่ดี...
ฝันร้ายที่ไม่อาจลืม