สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
คุณแค่ไม่เหมาะ ไม่ใช่ว่าคุณไม่ดีพอครับ ผมอ่านดูแล้ว น้องโอเคนะ แต่ไม่เหมาะกับร้านแนวนี้มากกว่าครับ
สมาชิกหมายเลข 7410081 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 8134763 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 7043745 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 6375718 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 7534276 ถูกใจ, montes ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 6865731 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4887885 ถูกใจ, Metaphysics ถูกใจ, Kosei-kun ถูกใจรวมถึงอีก 60 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 7
เจ้าของคงหลอกใช้เด็กมาฝึกงานแค่ช่วงที่คนเยอะ
พอคนน้อย ก็บอกไม่ผ่าน จะได้ไม่ต้องจ้างประจำ
พอคนน้อย ก็บอกไม่ผ่าน จะได้ไม่ต้องจ้างประจำ
สมาชิกหมายเลข 1176376 สยอง, สมาชิกหมายเลข 8134763 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 6334801 ซึ้ง, สมาชิกหมายเลข 7012434 ถูกใจ, montes ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 6756242 ขำกลิ้ง, สมาชิกหมายเลข 4993247 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4891322 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3921322 ถูกใจ, Metaphysics ถูกใจรวมถึงอีก 55 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 4
อย่าเสียใจเลยค่ะ มีงานพาร์ททามอื่นเยอะแยะ ไปสมัครที่อื่น ทำงานหาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เก่งขึ้นเองค่ะ
สมาชิกหมายเลข 7043745 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 6375718 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4772405 ถูกใจ, Metaphysics ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4154794 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 5243070 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 5235117 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1242692 ถูกใจ, กาลครั้งหนึ่งเมื่อผมคือผู้ใหญ่ ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4079033 ถูกใจรวมถึงอีก 29 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
ประสบการณ์ทำพาร์ทไทม์ครั้งแรกในชีวิตแล้วโดนไล่ออกใน2วัน
แบบตั้งแต่เวลากินข้าวเที่ยงคือลูกค้าจะเข้าตลอดแล้วคนก็เยอะมาก ตั้งแต่11.30 จนถึงประมาณบ่าย3:30ลูกค้าถึงจะน้อย
ก่อนอื่นขอบอกก่อนส่าที่ได้ทำงานที่นี่อาจจะเป็นเพราะเพื่อนเราทำอยู่ที่ร้านนั้น เจ้าของร้านเห็นเป็นเพื่อน เพื่อนเราก็คงเชียร์ให้รับเลยรับเข้ามาทำ
วันแรกที่ไปเราตั้งใจมาก เค้าบอกให้ทำอะไรก็ทำ แต่เราเป็นคนพูดน้อยกับคนที่ไม่ค่อยสนิทเราเลยกลายเป็นคนที่ดูเงียบ เราแค่เข้าหาคนไม่เก่ง เวลาทำงานเราเต็มที่มาก เรายิ้มให้ลูกค้า พูดเพราะๆ เราพยายามจะคุยกับคนอื่นแต่ทุกครั้งที่จะคุยในหัวมันก็คิดเยอะมากว่าแบบพูดดีมั้ย พูดได้มั้ย หลังจากทำงานเสร็จเพื่อนก็โทรมาบอกว่าพี่ที่ร้านอยากให้พูดเยอะๆกว่านี้ เราก็เก็บมาคิดว่าแบบจะพูดยังไงดีกับคนที่ไม่รู้จักเลย บางคนก็น่ากลัว ดูนิ่งๆ
พอมาวันที่สอง เราก็พยายามพูดมากขึ้น ถ้าเป็นเราคนเดิมก็คือจะเงียบไปเลย แต่ด้วยความที่เค้าอยากให้พูดเยอะๆ เราก็พยายามพูด พยายามคุย ถามนู่นบางนี่บาง แต่มันก็ยังดีไม่พอเพราะคนอื่นที่เค้าสนิทกันก็คุยเม้ากันได้ทุกเรื่อง เราก็เลยเหมือนส่วนเกิน แต่ทุกครั้งเราพยายามที่จะไม่ตีตัวออกห่างไปอยู่คนเดียว เราจะไปอยู่กับพวกเค้าตลอด แต่บทสนทนามีแต่เรื่องที่เราไม่รู้จัก เพราะเค้าสนิทกันมานาน เลยรู้เรื่องของกันและกันเยอะ แต่ถ้าเราเข้าไปยุ่งด้วยเราก็ไม่แน่ใจว่าเค้าจะโอเคมั้ย เลยได้แต่นั่งเงียบแต่ก็มีขำกับเค้าบางในเรื่องสมควร
วันที่สองเราพยายามพูดมาก มากกว่าวันเดิม ตั้งใจเสริฟอาหารมากกว่าเดิม เก็บโต๊ะเร็วมากกว่าเดิม คิดเงินทอนเงินอะไรเองได้แบบไม่ติดขัดเหมือนวันแรก
แล้วเราก็พยายามคุยกับคนอื่นด้วยแต่ทุกครั้งที่เราพูดทุกคนก็แบบไม่สนใจเรา คิดว่าคุยกับเพื่อน แต่ที่จริงคือเราพยายามหาทางที่จะสนิทกับทุกคนให้เร็วขึ้น ส่วนเวลาทำงานที่ยุ่งๆคนอื่นเค้าก็ยุ่งเลยไม่รู้ว่าเราตั้งใจมากแค่ไหน
พอตกเย็นเพื่อนโทรมาแต่เราไม่ได้รับ ก็เริ่มรู้สึกว่าวันนี้ทำอะไรผิดไปอีกรึป่าว สักพักเจ้าของร้านก็โทรมาบอกว่าแบบรู้สึกลำบากใจที่ต้องโทรมาบอกว่าพี่ที่ร้านยังประเมินไม่ให้เราผ่านเพราะเรายังไม่ค่อยคุยดูเงียบๆแล้วก็ช้า ช้าในที่นี้เราอยากจะเข้าข้างตัวเองว่าแบบคงไม่ใช่เสริฟช้า เก็บโต๊ะช้า บริการช้า แต่น่าจะช้าที่เวลาพี่ที่ร้านบอกให้ทำอะไรบางอย่างซึ่งเราไม่รู้ว่าคืออะไร อยู่ตรงไหน ทำให้เสียเวลา แต่ก็ยังมีพี่ที่เห็นว่าเราตั้งใจทำงานจริงๆ
แต่ความขยันอย่างเดียวที่ร้านนี้ไม่ต้องการ เค้าต้องการให้เราสนิทกับพนักงานคนอื่นด้วย จึงทำให้เราไม่สามารถได้ทำงานร้านนี้ต่อไปได้
ตอนแรกๆเวลารู้อะไรที่แบบนอกเหนือจากที่พี่เค้าสอนในตอนแรก เราก็จำมันเป็นบทเรียนว่า เออครั้งต่อไปต้องทำให้ดีกว่านี้นะ สองวันก็เริ่มคุ้นเคยแล้วนะ
แต่ไม่คิดว่าตกเย็นมาจะโดนไล่ออกแบบนี้ ก็รู้สึกเฟลตัวเองนิดนึงว่าทำไมไม่ทำให้ดีกว่านี้ แอบน้อยใจนิดนึงด้วยว่าทำไมเค้าตัดสินเราเพียงแค่2วัน เราเป็นคนที่ถ้าจะสนิทกับใครสักคนต้องใช้เวลา ไม่ใช่แค่วันเดียวก็สนิทแล้ว แต่ก็คงผิดที่เราเองที่ทำไม่ได้
อันนี้เป็นเรื่องราวการทำงานร้านอาหารครั้งแรกในชีวิตของเรา เราแค่อยากจะมาบอกทุกคนว่าการขยัน ตั้งใจทำงานอย่างเดียวนั้นมันไม่ได้ เราต้องรู้จักเข้าการเข้าหาคนอื่นให้เป็นซึ่งหลังจากนั้นเราก็พยายามที่จะเข้าหาคนอื่นบ่อยขึ้น
แต่เรื่องนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีเลยเพราะเพื่อนบอกว่าวันที่เราเข้ามาทำงานมันเป็นวันหยุดพอดี แล้วคนก็เยอะมากแบบวิ่งวุ่นทั้งวัน มันหนักมากสำหรับคนที่ไม่เคยทำงานอะไรมาก่อนเลย แต่อย่างน้อยเราก็ทำเต็มที่ก็ถือว่าดีแล้ว แม้บางคนอาจจะไม่สังเกตเห็น ส่วนคนที่สังเกตเห็นเรารู้สึกขอบคุณมากจริงๆ
ขอบคุณที่อุสาอ่านจนจบนะคะ หลังจากนี้เราก็ไปหางานร้านอื่นทำ พยายามนำข้อผิดพลาดมาแก้ไข
ครั้งแรกไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป ก็ต้องมีล้มกันบ้าง
ในอนาคตเราอาจจะเจออะไรที่หนักกว่านี้ เราถ้าเราผ่านตรงนี้มาได้ ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
ขอบคุณค่ะ <3