23.Gap Year 2018 นิเวศ-เศรษกิจ-จิตวิญญาณ @อาศรมธรรมชาติ

กระทู้สนทนา
16-29~12~2018 ทริปส่งท้ายแล้วหนา กลับมาที่นี่อีกครั้งแต่บทเรียนใหม่นะจ๊ะ ไม่รีรอต่อคำ เริ่มเนื้อหาเลยนะ ทบทวนบทเรียนเดิมหน่อยหนึ่งนะ

ECONOMY เศรษฐกิจ
CULTURE วัฒนธรรม
SOCIAL การสื่อสาร
ECOLOGY  ระบบนิเวศ
สื่อถึง4อย่างนี้ กว่า7เดือนตลอดระยะเวลาที่เดินทางกับGap Yearที่เราไปมาเพื่อเชื่อมโยงกับชุมชนของเรา นำมาใช้ต่อยอดชีวิตหรือการดำเนินกิจกรรมต่อไป

เงินหรือระบบเศรษฐกิจ
รู้จักการใช้เงิน รู้จักระบบเศรษฐกิจ การใช้เงินหรือระบบแลกเปลี่ยน รู้จักใช้เงินให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจโดยรวมด้วย เพราะในการดำเนินชีวิตจะต้องมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันอยู่เสมอ



ความมั่งคั่งที่นอกจากเงินตรายังมีความมั่งคั่งอีกหลายด้าน มี8ด้านที่ช่วยให้เราประกอบกิจกรรมต่างๆได้อย่าง
1.ทุนทางสังคม
2.วุตถุ
3.การเงิน
4.ชีวิต
5.ปัญญา
6.ประสบการณ์
7.จิตวิญญาณ
8.วัฒนธรรม

ระบบเศรษฐกิจทางธุรกิจ(SE)
ปัจจุบันต้องรู้จักสร้างงาน ไม่ใช่หางานอย่างเดียว งานที่ทำต้อง มีประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม
.
.
.
.
.

การรู้จักตัวเองหรือการรับรู้ตัวเอง สิ่งที่ทำได้ดี ทำแล้วมีพลัง เพื่อให้เรามองเห็นความสามารของเราจากตัวเราเอง ทุกๆประสบการณ์ที่ผ่านมาได้เกิดการทบทวนและนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เกิดภูมิในตัวเรา รู้จักนำปัญญาหรือไอเดียมาต่อยอดโดยเกิดขึ้นจากความเข้าใจจริงๆในตัวหรือสิ่งที่เราจะทำ
.
.
.

[img]https://f.ptcdn.info/353/063/000/ppkt4tm4tqN6EVdfkeS-o.jpg[/i
.

สร้างสรรค์ปั้น-ปรุง-ความรู้สึก(ภาพนิ่ง)
เปิดกว้าง เปิดรับ ทุกสิ่งอย่างสามารถเป็นไปได้
.
.
.
.
.

ประเด็นสังคมที่สนใจ
เป็นไปได้ทั้งปัญหาที่อยากแก้ไขและประเด็นอะไรก็ได้ที่เราเห็น หรือสิ่งที่อยากพัฒนาให้ดีขึ้น นำมาสู่การทำสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ต่อสังคม นำมาซึ่งการทำสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ เราชอบจริงๆและสิ่งๆนั้นเกิดประโยชน์ต่อตัวเรา ครอบครัว ชุมชน สังคม ประเทศชาติ และโลกใบนี้
....ขอขอบพระคุณ บทเรียนการแนะแนวทางโปรเจคสร้างสรรค์ในวันนี้โดยครูพี่กิ๊ฟ ครูพี่อ้อมค่ะ...



#ระบบนิเวศกับประสบการณ์ของเรา
ประสบการณ์ ความคาดหวัง สิ่งที่อยากได้ในการเรียนรู้

   ก่อนเข้าเรียนอยากให้ทำความรู้จักกับตัวเราก่อน เท่าที่ผ่านมาเราไม่ได้รู้จักนิเวศต่างๆเท่าที่ควร นำสิ่งที่ได้เรียนรู้นี้ไปปรับใช้ชีวิตในเมืองอย่างไม่เป็นทุกข์ เรียนอย่างสนุกสนาน ไม่ต้องเครียดมาก ค่อยๆปรับใช้ในการดำรงชีวิต ค่อยๆคิดและถามหากไม่เข้าใจ


ซาบินา
  นิเวศคืออาหารการกิน  ที่ไม่ทำลายชีวิต กินอาหารวีแกนไม่น้ำนมจากสัตว์หรือเนื้อสัตว์ การกินในสิ่งที่มีอยู่ทำอาหารจากพืชผักที่ปลูกเองตามธรรมชาติ นำสิ่งที่เหลือจากการกินมาทำคอมโพส ทำอีโคบริค ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม อยู่กับธรรมชาติ ใช้พลาสติกน้อยลง ปั่นจักยานไปในที่ต่างๆใกล้
   คาดหวังที่จะทำประโยชน์จากการเรียนนี้ไปใช้ ในการกินและการดำเนินชีวิต


รีอา
  ไม่รู้เกี่ยวกับนิเวศ รู้แต่ในเนื้อหาในบทเรียนที่เป็นวิทยาศาสตร์ ตอนนี้ฉันเริ่มกินอาหารมังสวิรัติเเละวีแกน100%
  มาเรียนรู้การใช้ชีวิตในกายา และนำสิ่งที่เหลือจากการกินการใช้กลับมาใช้ใหม่อีกครั้งให้เกิดประโยชน์มากที่สุด สิ่งที่เรียนรู้นี้ในครั้งนี้ดีมากเพราะฉันทำโน้น นั่น นี่ มาเยอะโดยไม่รู้ว่าหลักการจริงๆของสิ่งที่กำลังทำอยู่นี่คืออะไร จึงเข้าร่วมดรียนรู้
  

โรเลนา
   เป็นแฟชั่นดีไซด์ ที่ไม่ได้มีประสบการณ์มากมายนักในเรื่องนิเวศ แต่จะพยายามใช้ทรัพยากรที่ทำอยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และทำลายธรรมชาติน้อยลง ลดใช้พลาสติก พยายามใช้ให้น้อยลง
   มาเรียนเพื่อให้ได้รับความรู้ใหม่ๆ


จามี
   การเชื่อมโยงกับธรรมชาติ จากกาเรียนรู้ในGap Year Program ที่ปะกากะญอ ที่ชาวบ้านทำการระลึกถึงธรรมชาติ ต้นไม้ สิ่งแวดล้อม โดยใช้สะดือเด็กที่เกิดใหม่เป็นกลยุทธ์ในการปลูกต้นไม้ ดูแลรักษาต้นไม้เพื่อให้เป็นป่าที่ยั่งยืน
   

ตาดำ
   ความเข้าใจของฉัน จริงๆแล้วระบบนิเวศก็คือธรรมชาติที่เรามีอยู่นี้แหละ  ไม่ว่าจะเป็นดิน น้ำ อากาศ แสงแดด ต้นไม้ สิ่งมีชีวิตทุกชนิด ที่สัมพันธ์กันตั้งแต่เริ่มต้นการเกิดจนจบลงของีวิต ประสบการณ์ของฉันที่ได้พบคือฉันอาศัยอยู่ในชุมชนเล็กๆไม่ใช่เมืองหลวงที่วุ่นวาย มีวัฒนธรรมประเพณีที่ตอบแทนและเคารพต่อธรรมชาติ เช่นการทำนาก็มีการเเเสดงความเคารพต่อพื้นดิน ผืนน้ำ ข้าว ปลา อาหาร รวมถึงการใช้ชีวิตให้สัมพันธ์กับโลก


โสระยา
การอยู่ในเมืองหลวงออกไปอยู่ชุมชนที่ไม่วุ่นวาย มันแตกต่างกันมาก
ฉันเห็นการก่อสร้าง ที่ใช้วัสดุสิ้นเปลือง และทำไม่ได้คุณภาพ ฉันไม่ทานเนื้อสัตว์ กว่า15ปี
ไม่ดื่มน้ำชา กาแฟ ใช้น้ำให้น้อยลง
ซื้อเสื้อผ้าให้น้อยลง. เสื้อผ้าที่มีเส้นใยธรรมชาติ
    เป็นครูผู้สอน หวังว่านักเรียนจะได้รับความรู้ที่เขาถ่ายทอด เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เคยผิดพลาดเหมือนกัน จริงๆแล้วฉันเชื่อว่าทุกคนรู้จักนิเวศ แต่ยังไม่ไเเข้าใจและเข้าถึงอย่างแท้จริงเท่านั้นเอง

คาดหวัง
ชีวิตส่วนใหญ่ของชวาชนบทในประเทศไทย เราคาดว่า


วิทยาศาสตร์ สิ่งเเวดล้อม / Ecology
สิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกใบนี้ย่อมมีการเกิดขึ้นและดับไปเพื่อรักษาสมดุลของโลก มีวัฏจักรชีวิต ใช้สิ่งของที่เป็นธรรมชาติ ไม่ทำลายธรรมชาติ รู้จักใช้ชีวิตให้เป็นไปตามธรรมชาติไม่ทำลายกัน อีกอย่างเช่นเสื้อผ้าที่ใช้อุตสาหกรรมมากมายตั้งแต่เส้นใย ไปจนถึงกระบวนการต่างๆจนมาเป็นเสื้อผ้า การที่เราตามเทรนใหม่ๆนั้นจะเป็นการทำลายโลกอีกหนึ่งวิธี ควรจะหาแหล่งที่ผลิตเป็นมืตรต่อสิ่งเเวดล้อม

ระบบนิเวศ ความยั่งยืน/ Permaculture
การสำรวจสังเกต และเข้าใจธรรมชาติ เชื่อมโยงธรรมชาติ หาจุดสมดุลของธรรมชาติ ให้มีความหลากหลายและมาเติมต็มชีวิต ต้องดูแลธรรมชาติเพื่อให้ธรรมชาติคงอยู่กับเรา มีการจัดสรรปัจจัย4 พึ่งพากันและกันระหว่างสิ่งมีชีวิตกับธรรมชาติ ไม่ใช่ใช้อย่างหนึ่งอย่างใด ต้องเข้าใจและดูแลกันและกัน รู้จักนำพากลับมาใช้หรือRe-Use

12ปัจจัยแห่ง...วัฒนธรรม

3หลักการ
1.การดูแลรักษาโลก Earth Care.  หากระบบน้ำ หรือดินถูกทำลายไป ก็เท่ากับสิ่งต่างๆบนโลกใบนี้ถูกทำลายไปด้วย ควรดูแลระบบต่างๆบนโลกให้เสมอหรือสมดุลกัน ทำอย่างไรให้คิดถึงผลที่จะกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
2.การให้ที่เท่าเทียม Fair Chare. ทุกสิ่งอย่างที่มีอยู่ในโลกใบนี้ ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่งแต่เป็นของทุกๆคน ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันบนโลกใบนี้ ทรัพยากรต่างๆบนโลกใบนี้ก็ใช้ให้พอดีกับตัวเราและแบ่งปันเผื่อแผ่แก่ผู้อื่นด้วย ไม่ใช่แบ่งเป็นคนยากจนหรือร่ำรวย มีการส่งต่อสิ่งต่างๆให้แก่กันและกันเพื่อความพอดี
3.การดูแลผู้คน People Care. การจัดสรรทรัพยากรมนุษย์ต้องเริ่มจากตัวเรา ครอบครัว ชุมชน สังคมไปจนโลกใบนี้ รับผิดชอบระบบชีวิตผู้คนมีมากแบ่งให้คนมีน้อย มีน้อยจัดสรรดูแลสิ่งที่ได้รับให้ดีและคงอยู่ ถ้าเราร่วมมือและพร้อมที่จะเคลื่อนที่ไปด้วยกันมันจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงไปได้ดีแน่นอน เริ่มที่ตัวเราต้องแยกความอยากกับความจำเป็น
Desire.  ความอยาก Need. ความต้องการ


Become An Ego Warrior.
การเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา อาหาร การใช้ชีวิต ให้รู้รักทุกสรรพสิ่งในโลกด้วย
  วัฒนธรรมและการคงอยู่ของสรรพสิ่งบนโลกใบนี้อันดับแรกควรเริ่มต้นที่ตัวเราเอง ไปสู่สังคมเรื่อยๆ เช่นการสร้างที่อยู่อาศัย การเข้าใจโลก เข้าใจตัวเอง รู้จักความเป็นมาของรากเหง้าสังคมนี้ก็มีส่วนสำคัญ เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆใกล้ๆตัวก่อน ไม่ต้องมีโปรเจคใหญ่โตอะไรมากมายแล้วค่อยๆขยับขยาย
  
1.Catch and Store Energy.
สังเกตสำรวจและทำงานกับธรรมชาติ ให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ และทำงานของมันเอง
2.Observe and Interact.
เก็บและสะสมทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ในช่วงที่มีเยอะๆ ไว้ใช้ในยามที่ขาดเเคลน
3.Apply self Regulation and Accept Feedback.
ดูแลและแก้ไขด้วยตัวเอง เราได้รับผลจากการกระทำ และยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงผลลัพธ์ทุกๆอย่างจากการกระทำของเราจะส่งผลถึงอนาคตเสมอ
4.Obtain a Yield.
ทำและได้กินด้วย สามารนำผลลัพธ์จากการทำสิ่งนั้นๆมากินมาใช้ได้
5.Product no Waste. สิ่งของที่ไม่มีของเสีย ใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด
6.Use & Value Renewable Resources and Service. ใช้และให้คุณค่ากับสิ่งของที่หมุนเวียนและบริการ ใช้ทรัพยากรที่หมุนเวียนได้มากที่สุด พยายามลดการใช้ทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป
7.Design From Patterns to Details. ออกเเบบจากรูปแบบก่อนลงรมยละเอียด โดยการดูภาพรวมพื้นที่ใหญ่ๆที่มีก่อนค่อยใส่รายเอียดหรือสิ่งที่เร าสร้างหรือทำสิ่งใดนั้น
8.Integrate Rather Than Segregate. ทำงานร่วมกันมากกว่าทำงานแยกกัน ทำให้ทุกอย่างทำงานอย่างสนับสนุนและเกื้อหนุนกัน
9.Use Small and Slow Solutions. แก้ไขปัญหาขนาดเล็กและช้าๆ เริ่มจากการปลูกสร้างสิ่งเล็กๆเพื่อให้ง่ายต่อการบำรุงรักษา เติบโตช้าๆแต่ยั่งยืน
10.Use and Value Diversity. รู้จักใช้และให้คุณค่ากับความหลากหลาย สร้างความหลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยคุกคาม
11. Use Wages and Value The Marginal. ให้คุณค่าและรู้จักใช้งานพื้นที่ขอบ เชื่อมต่อสิ่งต่างๆ
12.Creative Use and Respond To Change. ใช้งานและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์

7 Factors
1.Sun ดวงอาทิตย์ ความร้อน
2.Wind. ลม
3.Water น้ำ
4.Soil ดิน
5.Seed เมล็ดพันธุ์
6.Start small ดวงดาว
7.Community สังคม

นิเวศวิทยาเชิงลึก Deep Ecology.
  สิ่งแวดล้อมในเชิงลึกคือ มีความเชื่อมโยง ความสัมพันธ์ จริยธรรมกับสิ่งเเวดล้อม ซึ่งมีความลึกซึ้งหรือแนวลึกกว่าระบบนิเวศที่เรารู้จักทั่วไป นิเวศวิทยาแนวลึกนี้จะกล่าวถึงตัวเร่หรือบุคคลเป็นส่วนหนึ่งในระบบ ทุกๆสิ่งมีระบบของตัวเอง  ทำหน้าที่ของตัวเองในโลกใบนี้ มีการพึ่งพาอาศัยกัน
  Deep Ecology. ไม่ใช่แค่อนุรักษ์ ปกป้อง รักษาสิ่งเเวดล้อม แต่เป็นศาสตร์ที่กล่าวถึงการสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมการเชื่อมโยงกันให้เป็นไปตามธรรมชาติมากที่สุด  เกิดความเคารพ การตระหนักรู้ Deep Ecology มี3ส่วนคือ
  1.Deep Experience. ประสบการณ์เชิงลึก ทั้งแบบเบาๆ และเเบบรุนแรงก็ได้ การปฏิสัมพันธ์ทางธรรมชาติและสิ่งมีชีวิต มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน
  2.Deep Questioning. การตั้งคำถามเชิงลึก ทำใม ทำใม ทำใม จึงเกิดปัญหาโลกร้อน ทำใมวิถีชีวิตของมนุษย์จึงส่งผลให้เกิดปัญหาสิ่งเเวดล้อม
  3.Deep Commitment.การยืนหยัดหรือคำสัญญาอย่างเชิงลึกแท้จริง ทุกสิ่งอย่างในโลกล้วนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ไม่ใช่แค่คำพูดหรือลายลักษณ์อักษร แต่เกิดมาจากจิตใจที่มุ่งมั่นตั้งใจจริงๆ ให้คุณค่าแก่ทุกๆชีวิต
   
  ในกระบวนการแนวลึกทางนิเวศวิทยาได้มีการศึกษาและพัฒนาสร้างการเปลียนแปลง จนมาเป็น " The work The Reconnect Connection with Nature. กระบวนการที่นำมาสู่การเชื่อมโยง" ความรู้สึกรัก  ผูกพันธ์ เชื่อมโยง Joanna Macy.  กล่าวถึงวิทยาศาสตร์ได้ให้การพิสูจน์มาแล้วว่าทรัพยากรในโลกที่ถูกใช้ไปนั้น ปริมาณที่เหลือค่อนข้างน่าตกใจอยู่ ซึ่งมี3เเนวทางที่ตัวเราสามารถปฏิบัติได้ดังนี้
  
  1.Business as usual. การดำเนินไปของธุรกิจ ปล่อยให้เขาโฆษณาชวนเชื่อต่อไปไม่ต้องไปตามเขาทุกอย่างก็ได้
  2.The great untaveling. ความหลากหลายที่ยิ่งใหญ่ สร้างความหลากหลาย สร้างระบบชีวิตที่ยั่งยืนช่วยให้ธรรมชาติและวิถีชีวิตที่ยั่งยืน
  3.The great turning. การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ การเปลี่ยนแปลงที่ทำลายล้าง ประท้วงโรงงานที่ปล่อยน้ำเสีย ไม่ให้ท่าเรือขนาดใหญ่จับปลาฤดูกาลวางไข่

Shifting in conciusness. การเปลี่ยนแปลงในจิตสำนึก ไม่ใช่แค่ทำๆให้เป็นไปตามระบบเฉยๆ แต่ต้องเข้าใจถึงคุณค่าและระบบต่างๆในชีวิต

Limited Space. พื้นที่ที่จำกัด
   ทำในแนวตั้งใช้พื้นที่ให้น้อยแต่เกิดประโยชน์สูงที่สุด สำหรับการทำก็ดูทิศทางแสงแดด ลม หากมีฝนตกก็ออกแบบหลังคาให้น้ำไหลลงมาอย่างมีระบบด้วยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ถ้าหากอยู่ในพื้นที่ที่จำกัดมากๆ มีตึกรามบ้านช่อง ชุมชน โรงพยาบาล สถานที่ต่างๆที่แออัดหน่อยความจะจัดสรรค์พื้นที่ให้ดี เริ่มต้นทำจากสิ่งเล็กๆเพื่อให้ง่ายต่อการดูแลรักษา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่