[CR] (รีวิวบ้านๆ) อ่านแล้วมาเล่า : Sahara โดย Clive Cussler

     [เป็นการรีวิวครั้งแรกของผม หากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ พร้อมน้อมรับทุกคำติชมครับ 😄]
เรื่องย่อ
ในตอนสิ้นสุดสงครามกลางเมืองของสหรัฐ ฝ่ายใต้ประสบความพ่ายแพ้ บุคคลระดับผู้นำขนทองทั้งหมดในคลังหนีไปโดยเรือหุ้มเกาะพร้อมมีตัวประกันคนสำคัญผู้ที่ซึ่งฝ่ายเหนือไม่กล้าขยับตามล่า คณะผู้หลบหนีหายสาบสูญ
ร้อยกว่าปีต่อมา เกิดมหันตภัยจากกระแสน้ำแดงก่อให้เกิดโรคระบาดร้ายแรงในย่านแอฟริกา กระแสน้ำแดงลามออกสู่มหาสมุทรทำลายสมดุลธรรมชาติอย่างร้ายแรง ความลับน่ากลัวถูกกลบฝังอยู่ใต้ผืนทรายของซาฮารา เป็นความลับของร้อยปีก่อนโยงถึงปัจจุบัน
นวนิยายเรื่องซาฮาร่า เป็นหนึ่งในชุดนิยายการผจญภัยที่โลกนิยมเรื่องหนึ่ง เนื้อหาในแต่ละตอนกล่าวถึง เดิร์ก พิตต์ อดีตทหารอากาศนักผจญภัย โดยมีคู่หูอย่าง อัล จิออร์ดาโน่ เป็นผู้ช่วยร่วมก๊วน ที่ไปปฏิบัติภารกิจต่างๆที่อันตรายและเสี่ยงภัยเป็นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการตามหาขุมทรัพย์ ไปหยุดยั้งวิกฤตการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศหรือส่งผลโดยตรงต่อโลก อีกทั้งการตามหาวัตถุสิ่งของโบราณในอดีตที่ได้หายสาบสูญไป บางทีก็อยู่ผิดที่ผิดเวลาจนเป็นเรื่อง  ประมาณ Indiana Jones, James Bond และ Die Hard
เรื่องนี้เป็นตอนแรกที่ผมอ่านได้ครับ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ตอนแรกสุดของนวนิยายชุดนี้นะครับ ต้องเกริ่นก่อนว่าผมได้รู้จักหนังสือชุดนี้จากคุณ หมื่นทิพ นักรีวิวภาพยนตร์,ซีรี่ย์และหนังสือ ซึ่งได้รวมถึงการรีวิวหนังสือชุดนี้ แต่ผมก็ไม่ได้รู้จักดีมากนะ เพราคุณหมื่นทิพแกรีวิวแค่ตอนเดียว หลังจากนั้นเมื่องานหนังสือปีที่แล้วที่ขอนแก่น ผมไปสะดุดตากับบูธหนังสือแห่งหนึ่งที่ได้วางขายหนังสือชุดนี้จึงของรายละเอียด ซึ่งภายหลังได้ทราบว่าพี่คนขายคนนั้นคือลูกชายของผู้แปล 555 หลังจากนั้นแกก็ได้แนะนำว่าตอนไหนที่สนุกสุดก็คงต้องเป็นตอน "ซาฮาร่า"
เนื้อเรื่องค่อนข้างสนุกมากๆครับ เล่นประเด็นที่ใหญ่กว่าที่คิด อย่างเรื่องสารพิษที่รั่วไหลลงทะเลแล้วกระจายไปตามมหาสมุทรต่างๆทั่วโลก ถึงขั้นต้องขอความช่วยเหลือจากสำนักงานสหประชาชาติในการแก้วิกฤตการณ์ครั้งนี้ รวมไปถึงการขอกำลังหน่วยพิเศษ ของสหประชาชาติ  และจำเป็นต้องเข้าพบท่านประธานธิบดี เพื่อช่วยเหลือกลุ่มตัวละครของพระเอก ซึ่งจากที่กล่าวในข้างต้น ทำให้ในช่วงท้ายของเรื่อง มีฉากสงครามขนาดย่อมๆในเรื่อง เรียกได้ว่านำฉากที่ว่านั้นมาสร้างแยกเป็นหนังสงครามอีกเรื่องหนึ่งยังได้เลย 555 เนื้อเรื่องค่อยๆทวีระดับความพีคไปทีล่ะสเต๊ปๆ อย่างมั่นคง ไล่ระดับฉากบู๊เล็กๆไปถึงบู๊เป็นสงคราม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะบู๊ไปซะทุกฉากนะครับ เพราะส่วนใหญ่จะหนักไปในทางการปฏิบัติภารกิจลับ หลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรง ออกแนวสายลับ (แหง่ละก็อยู่ในพื้นที่ของศัตรู) มีการเล่าเรื่องที่ฉับไว คล้ายกับการดูหนัง ทำให้อ่านได้สนุกไหลลื่นไปกับเรื่องราว ปมต่างๆวางได้พอเหมาะพอสมควร
มีช่วงให้ลุ้นไปกับตัวละครที่ต้องไปร่อนเร่พเนจรท่ามกลางทะเลทราย (เหนื่อยแทนสุดๆ) ตัวละครแต่ละตัวก็มีเสห่น์และสีสันเฉพาะตัว แม้ตัวละครจะเยอะมากแต่ก็เฉลี่ยบทได้อย่างดี บรรดาเหล่าร้ายก็ชั่วชาติสารเลวเกินคนทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และนอกจากเรื่องของเรือหุ้มเกราะที่หายไปพร้อมทองคำและบุคคลสำคัญแล้ว ยังมีเรื่องของการหายตัวไปของนักบินหญิงแห่งออสเตรเลียที่หายไปในช่วงยุค 30's ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่ เดิร์ก พิตต์ และ อัล จิออร์ดาโน่ จะได้ใช้ประโยชน์ในการเอาตัวรอด (เป็นฉากเด็ดดวงที่แสดงให้เห็นลูกบ้าของทั้ง2คน 555)  แต่ก็มีจุดขัดใจในเรื่องความรักของคู่พระนางที่ดูรักกันมากไปทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกันครั้งแรกไม่นาน แล้วกว่าจะมาพบกันก็ปาไปในช่วงกลางเรื่องซึ่งก็ดูแปลกๆเพราะดูไม่ค่อยผูกพันกันมากนัก และ ไฮไลท์อย่างเรือหุ้มเกราะที่ตอนแรกๆเหมือนสำคัญ ไปๆมาๆดูเหมือนจะไม่ได้ไปเน้นมากนักทั้งๆที่สามารถเล่นประเด็นนี้ได้มาก ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้เยอะ แค่เดินไปค้นหาเฉยๆ ถ้าเพิ่มลูกเล่นให้อีกสักหน่อยจุดนี้จะสมูทมากทีเดียว                                                                                                      แม้จะเป็นหนังสือนิยายที่ให้ความบันเทิงเป็นหลักแต่ก็ได้สอดแทรกสาระข้อคิดสะกิดใจที่ว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นกับโลกของเราก็ล้วนเกิดมาจากฝีมือมนุษย์ทั้งนั้น ในเรื่องของการใช้สารเคมีต่างๆเพื่อใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆหรือทำในเรื่องอุตสาหกรรม ที่เมื่อไม่ใช้แล้วก็ปล่อยปะละเลยไม่จัดการให้เรียบร้อยสร้างปัญหามลพิษต่างๆ ไม่ใส่จนดูแลจนกระทั่งถึงเวลาที่มันสายแล้วค่อยมาคิดแก้ไขปัญหา ซึ่งสะท้อนความจริงในโลกปัจจุบัน ถึงแม้ว่าหนังสือจะเขียนมานานแล้วก็ตาม
ด้วยความสนุกสนานของหนังสือทำให้มีการไปสร้างเป็นหนังในชื่อ Sahara พิชิตขุมทรัพย์หมื่นฟาเรนไฮต์  เมื่อปี 2005 ซึ่งหนังดัดแปลงไปมาก เนื้อหาไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมดในหนังสือ (ถ้าครอบคลุมทั้งหมดหนังอาจยาวมาก เพราะประเด็นในหนังสือก็เยอะจริงๆ) ส่วนตัวหนังก็ดูสนุกเพลินๆอยู่ครับแต่ไม่ดีมากถ้าเทียบกับในหนังสือ เพราะในหนังอะไรก็ง่ายไปหมด แต่จุดที่ผมชอบคือหนังเล่นเรื่องประเด็นเรือหุ้มเกราะอย่างที่ผมต้องการ มีลูกเล่นและใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้เยี่ยมจริงๆ 
สำคัญที่สุดในหนังสือชุดนี้ผู้เขียนได้แทรกเรื่องราวของรถคลากสิคโบราณไว้ในแต่ละตอนอันเนื่องมาจากความชอบส่วนตัวของผู้เขียน ซึ่งต่อมาได้ไปสร้างเป็นส่วนหนึ่งของอุปลักษณะนิสัยของ เดิร์ก พิตต์ โดยในตอนนี้ มีรถที่ปรากฎในเรื่องคือ Avions Voisin
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ท้ายที่สุด หากขาดการแปลบทประพันธ์ที่ถ่ายทอดออกมาได้ดิบเถื่อน ของ คุณ สุวิทย์ ขาวปลอด อรรถรสความมันส์คงขาดไปเยอะ
ชื่อสินค้า:   Sahara
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่