มาครับ วันนี้ผมจะมาวิเคราะห์ สัญญะที่แฝงใน MV ใหม่ของ Blackpink อย่าง “Kill This Love” กันครับ MV เกาหลี มักจะไม่ได้ทำมาแค่เท่ๆ
ทุกๆพาร์ทมักจะมีความหมายเสมอครับ ผมจะขอข้ามพาร์ทดนตรีไปนะครับเพื่อความกระชับ
ตัวเพลงพูดถึงความรักที่อันตราย การติดกับความรัก ความรักที่รู้ว่าไม่ดี ความสัมพันธ์ของคนสองคนที่รู้ว่าไปกันไม่ได้ แต่เราก็ยังติดอยู่กับมัน จนเมื่อถึงเวลา เราจึงต้อง Kill this love หรือก็คือตัดมันซะเพื่อเราทั้งสองคนประมานนี้ครับ
1. พาร์ทแรกเปิดมาด้วยสี่สาวยืนอยู่หน้าแตร หรือเครื่องเป่าสักประเภทนึงผมไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร เมื่อมองจากเนื้อเพลงและจังหวะเพลงแล้วซีนนี้สื่อถึงการประกาศที่จะปฏิวัติ ”ตัวเอง” เพื่อก้าวข้ามความรักแบบนี้ไปครับซึ่งทั้ง MV ก็จะมาในธีมประมานนี้ครับผม
2. มาต่อกันที่พาร์ท 2 ของเจนนี่ ที่เป็นหงส์ดำและหงส์ขาว เริ่มมาด้วยเจนนี่ในชุดขาว ที่หมายถึงความบริสุทธิ์สดใสต่อ”ความรัก” ซึ่งในที่นี้นั้นถ้าใครเป็นแฟนภาพยนตร์หรือวรรณกรรมตะวันตกจะคุ้นกับเรื่องราวของ Black Swan ที่พูดถึงการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นอีกด้านหนึ่งของตนเอง ด้านที่ไม่ดี จากหงส์ขาวสู่หงส์ดำ เพราะตัวเองติดอยู่กับบางอย่างและยังมุ่งมั่นที่จะทำมันต่อไป ในที่นี้คือ “ความรักที่ไม่ดี” ครับ จะเห็นได้ว่าตอนหลังเจนนี่ใส่ชุดสีดำแล้ว
ซึ่งหมายถึงเธอติดอยู่กับความรักครั้งนี้จนพาตัวเองกลายไปเป็นสิ่งที่ไม่ดีในที่สุด
3. ต่อมาในส่วนของลิซ่า ลิซ่าเดินถีบประตูเข้ามาในห้อง ห้องหนึ่งที่ดูเต็มไปด้วยขนม ลูกอม ของหวาน เธอมาด้วยความมั่นใจ
ถึงขนาดเตะประตูเข้ามา หมายถึง คนเราเมื่อเริ่มเข้ามาสู่ความรัก มักจะเห็นแต่สิ่งที่หอมหวานและมาด้วยความมั่นใจ
อย่างสุดขีด เพราะกำลังตกอยู่ในภวังค์ของความรัก ถ้าอ่านตามเนื้อเพลงด้วยลิซ่าจะร้องว่า “Give me the strongest one” ซึ่งถ้าตามภาษาคนดื่มก็คือ ขอเหล้าแรงๆเข้มๆ จัดมาเหอะ ณ ที่นี้อยู่ในห้องขนม ห้องแห่งความรัก ก็คือความรักจะแบบไหนก็ได้ รับได้หมด แสดงถึงความมั่นใจเมื่อแรกเริ่มในความรัก สังเกตดีๆ ห้องนี่น่าจะมีลักษณะเป็นรูปหัวใจด้วยนะครับ
4. และเมื่อลิซ่าเดินต่อเข้ามา ก็เห็นตรงทางเข้าว่ามันเขียนว่า Heaven หมายถึงสวรรค์ ซึ่งหมายถึงความรักเมื่อแรกเริ่ม
ก็หอมหวานและเป็นดั่งสวรรค์นั่นเอง ต่อมาครับถ้าสังเกตให้ดีตั้งแต่ซ็อตที่แล้ว กล่องขนมต่างๆ จะเขียนวนเวียนแต่เรื่องความรัก ความหวาน คลั่งไคล้ในความรัก ดูน่าทาน น่าหลงใหล แต่ถ้าสังเกตกันจริงๆแล้ว เกือบทุกกล่องจะมีคำว่า “Killer”
หรือเน้นไปที่คำว่า “Test” ซึ่งหมายถึงความรักนั้นเป็นได้ทั้งความหวานและเป็นนักฆ่า ทำร้ายเราได้อีกด้วย แต่ด้วยรูปลักษณ์
เรามักจะมองมันเห็นเป็นขนมอันหอมหวานก่อนเสมอ รวมไปถึงคำว่า Sweetest ที่แปลว่าหวานที่สุด เน้นไปที่คำว่า “Test”
หมายถึง บททดสอบ ซึ่งสื่อว่าความรักที่หอมหวานนั้นมักจะแฝงไปด้วยการทดสอบอยู่เสมอ ว่ามันดีจริงหรือไม่ และทดสอบตัวคุณหรือคนรัก ว่าเหมาะกันจริงๆรึเปล่า
5. มาต่อกันที่พาร์ทต่อไป คือลิซ่านั้นนั่งอยู่บนรถเข็นวนไปวนมา มีความรักอยู่เต็มไปหมด แต่มันไม่ใช่ มันอันตราย มันไม่ใช่ความรักที่เหมาะสมและดีจริงๆ เมื่ออยู่กับความรักที่มันไม่ใช่ไปเรื่อยๆในห้องนี้ วิ่งวนไปมาอยู่ในความรักที่ไม่ใช่ สุดท้ายแล้วเธอจึงเลือกจะทำลายมันครับ พังห้องนี้ซะ เพื่อหยุดความรักครั้งนี้แล้วจะเป็นผลดีต่อทุกคน ซึ่งจะเห็นได้ว่าลิซ่าใส่หน้ากากด้วยนะครับ ก็เหมือนคนเราเมื่อมาด้วยความมั่นใจ แต่มันไม่ใช่ คนเราจึงต้องสร้างอะไรขึ้นมาเพื่อปกป้องตนเอง ปกป้องหน้าตา ชื่อเสียง จึงเป็นเหตุให้ต้องใส่หน้ากากไปด้วยตอนทำลายครับ แต่ว่าตรงนี้อาจจะแค่เท่ๆก็ได้นะครับ ฮ่าๆ
6. พาร์ทของจีซูนั้น จะเห็นได้ว่ามันมีลักษณะเหมือนดวงตา ซึ่งดวงตาแสดงออกถึงการตระหนักรู้ และอีกอย่างก็คือ นัยน์ตาคือหน้าต่างของหัวใจ ซึ่งก็คือจีซูหรือผู้หญิงในเพลงนั้นได้ตระหนักรู้แล้วล่ะครับ ว่าความรักครั้งนี้นั้นมันไม่ใช่นะ ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง และครึ่งนึงของดวงตานั้นคือการสะท้อนอีกต่างหาก ยิ่งสื่อไปถึงว่า หากเรามองอะไรๆ ในที่นี้คือความรัก เพียงด้านเดียวเราไม่มีทางรู้จักมันจริงๆ รวมไปถึงตัวเองด้วยที่อยู่กลางดวงตา และในดวงตานั้นเป็นดั่งดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรง
ที่ดูอันตรายอยู่ภายใน แล้วถูกล้อมรอบด้วยเปลือกของความรัก หรือก็คือเปลือกรอบๆตาที่เป็นดอกไม้สวยงามที่เราเห็น
ซึ่งในดอกไม้นั้นก็เห็นไฟอยู่รำไร เหมือนกับว่า เราเห็นความรักสวยงามดั่งดอกไม้ ถึงแม้จะเห็นไฟรำไรๆบ้างแต่เราก็บอกข้ามไปมันไป เพราะสิ่งที่เราโฟกัสมากกว่าคือดอกไม้ที่สวยงาม
7. เป็นพาร์ทที่ผมไม่มั่นใจ มันดูเหมือนกับดอกไม้ น้ำตา หรือผลึกแก้วบางอย่าง น่าจะหมายถึงการตกผลึก รับรู้แล้วถึงความรักครั้งนี้ว่ามันอันตราย อันนี้ไม่แน่ใจครับ ใครทราบก็ช่วยกันวิเคราะห์ได้นะครับ
8. มาที่ส่วนของโรเซ่ เราจะเห็นว่าโรเซ่กำลังขับรถไล่ชนตัวเองอยู่ ซึ่งรถนั้นป้ายมันเขียนว่า EGO ก็คืออีโก้หรือทิฐินั่นแหละครับ
ก็เหมือนกับความรักที่รุนแรงรวดเร็วดั่งรถ ที่โฉบเฉี่ยว เราติดไปกับมันถึงแม้มันจะอันตราย รู้ทั้งรู้ว่าเรากำลังทำร้ายตัวเองด้วย ทิฐิที่ไม่ยอมตัดขาดจากความรักที่ทำร้ายตัวเอง ถึงแม้จะขับรถทำร้ายตัวเองทั้งน้ำตา แต่ทำไงได้ในเมื่ออีโก้มันแปะอยู่ตรงหน้า
จะเห็นว่าตัวโรเซ่คนดีคนเดิมนั้นดูอ่อนแอหมดทางสู้ถอดรองเท้าวิ่ง แต่เธอก็หยุดตัวเองไม่ได้ครับ แต่ท้ายซีนนี้นั้น เธอก็ตัดสินใจก้าวข้ามผ่านมันด้วยการชนกระจกสะท้อนตัวเองนั้นซะ
9. ท่อนฮุคระเบิดเมือง เผากระท่อม ทลายกำแพงที่กักขังพวกเธอออกมา!! ก็ง่ายๆเลยครับ พวกเธอจะปฏิวัติตนเองแล้ว
พอแล้วกับความรักแบบนี้ Let’s kill this love
10. เพลงมีสองท่อนวนลูปฉันท์ใด ความรักก็ต้องเป็นฉันท์นั้นครับ ฮ่าๆ ปัญหาของความรักยังไม่หมดแค่เรื่องของคนสองคน
ถ้าผมตีความไม่ผิดและวงไม่ได้จะแค่ขายมือถือ ซีนนี้ที่เจนนี่และลิซ่าอยู่นั้นเป็นห้องหรูหรา เป็นเซเลป โดยมีลิซ่าที่ถือมือถือส่องไปมา ก็เหมือนคนดังที่ถูกจับตาจากสื่อ โซเชี่ยลต่างๆ ความรักของคนดังก็ไม่ง่าย และอันตรายเช่นกัน
และที่สังเกตได้อีกอย่างคือการแต่งตัวของพวกเธอนั้นสลับสี สลับสไตล์กันทุกส่วน แสดงออกถึงความไม่เข้ากันเลยของคนสองคนในความรักครั้งนี้
11. กลับมาที่โรเซ่ของเรา แรกๆนั้นดูเหมือนเธอจะวิ่งอยู่ในทุ่งหญ้าสวยงามดั่งความรักเมื่อแรกเริ่มเห็น และเมื่อมองเพียงด้านหน้าของมัน รวมไปถึงการมีความรักก็อาจเปรียบได้ดั่งการเสี่ยงโชค ความโชคดีที่เธอเจอคนรัก หมายถึงดอกไม้สี่แฉกในมือเธอที่เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี แต่นั่นคือสิ่งที่เธอเห็นเท่านั้น เมื่อเบื้องหลังความรักครั้งนี้ มันคือพายุ ฟ้าผ่า ที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่ด้านหลังเธอนั่นเองครับ
12. เมื่อก่อนจะเข้าฮุคนั้น เราก็ต้องฮึดครับ ฮึดสู้! และรับความจริงอันเสียดแทงใจให้ได้ ซีนนี้จีซูทั้งสองของเรา คนหนึ่งใส่ชุดขาว เป็นดั่งความใสซื่อบริสุทธิ์ในแรกเริ่มกับความรัก และพยายามวิ่งหนีจีซูที่ถือธนูไล่ยิง ซึ่งธนูนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นจริงนั่นเอง เป็นความจริงที่เฉียบคม เสียดแทง เจ็บปวด แถมซีนนี้ยังเป็นธนูไฟอีกต่างหาก ยิ่งร้อนแรงทรมานขึ้นไปอีก
แต่มันคือความจริง จีซูคนซื่อคนเดิมพอแล้ว จีซูเวอชั่นใหม่สตรองกว่าเดินพร้อมจะทำลายคนเดิมที่เจ็บปวดด้วยการยอมรับความจริงในความรักครั้งนี้แล้วครับ
13. ตู้ม! ท่อนฮุค บอกว่าพอแล้วค่ะ พวกหนูไม่เอาแล้วค่ะ เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือสเตจที่เป็นกับดักรูปหัวใจ แสดงถึง การยึดติด ติดอยู่กับกับดักความรักของพวกเธอ แต่ว่า โทษที ท่อนฮุคแล้ว Kill This Love แล้ว สตรองแล้วค่ะ พวกเธอยอมลดตัวเองลง ลดตัวตน ลดอีโก้ลง เพื่อหลบหลีกให้พ้นจากกับดักครั้งนี้แล้ว จะเห็นได้ว่ากับดักใหญ่ขนาดนี้ กักพวกเธอไม่ได้แล้วล่ะครับ
14. ปิดท้ายด้วยการ ปฏิวัติตัวตนเช่นเดิม พอแล้วกับรักครั้งนี้ที่ทำร้ายเรา ต้องจบมัน แล้วอย่าลืมว่า The Revolution Will Not Be Televised การปฏิวัติไม่เคยถูกเปิดเผยอย่างชัดเจน สิ่งที่เราจะเห็นกันชัดๆมีแค่ครึ่งเดียว ที่ซีนนี้เล่นกับแสงไฟที่สาดลงมาสลับกับความมืด silhouette สาวๆเราสลับไปมานั่นเอง
ใครอ่านมาถึงตรงนี้ได้ก็ต้องกราบขอบคุณมากๆครับ ที่ทนอ่านกันได้ ขอให้อ่านกันอย่างมีความสุข หากผมตีความผิดพลาด ขาดตกอะไรไปก็ขออภัย แล้วก็เข้ามาเสริมมาคุยกันได้นะครับ ขอบคุณมากครับผม ส่วนเพลงนั้นจะบอกว่าชอบบีทมากๆ ท่อนแร็พดีมากๆๆๆๆๆๆ ท่อนร้องทำได้ดีมากๆ โดยเฉพาะที่เซอไพรซ์คือท่อนก่อนฮุคแรกของจีซูที่เสียงร้องลงตัวดีมากๆ ท่อนฮุคนับว่าทำได้ดีตามมาตรฐานครับ
วิเคราะห์ MV Kill This Love - Blackpink กันครับ
ทุกๆพาร์ทมักจะมีความหมายเสมอครับ ผมจะขอข้ามพาร์ทดนตรีไปนะครับเพื่อความกระชับ
ตัวเพลงพูดถึงความรักที่อันตราย การติดกับความรัก ความรักที่รู้ว่าไม่ดี ความสัมพันธ์ของคนสองคนที่รู้ว่าไปกันไม่ได้ แต่เราก็ยังติดอยู่กับมัน จนเมื่อถึงเวลา เราจึงต้อง Kill this love หรือก็คือตัดมันซะเพื่อเราทั้งสองคนประมานนี้ครับ
1. พาร์ทแรกเปิดมาด้วยสี่สาวยืนอยู่หน้าแตร หรือเครื่องเป่าสักประเภทนึงผมไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร เมื่อมองจากเนื้อเพลงและจังหวะเพลงแล้วซีนนี้สื่อถึงการประกาศที่จะปฏิวัติ ”ตัวเอง” เพื่อก้าวข้ามความรักแบบนี้ไปครับซึ่งทั้ง MV ก็จะมาในธีมประมานนี้ครับผม
2. มาต่อกันที่พาร์ท 2 ของเจนนี่ ที่เป็นหงส์ดำและหงส์ขาว เริ่มมาด้วยเจนนี่ในชุดขาว ที่หมายถึงความบริสุทธิ์สดใสต่อ”ความรัก” ซึ่งในที่นี้นั้นถ้าใครเป็นแฟนภาพยนตร์หรือวรรณกรรมตะวันตกจะคุ้นกับเรื่องราวของ Black Swan ที่พูดถึงการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นอีกด้านหนึ่งของตนเอง ด้านที่ไม่ดี จากหงส์ขาวสู่หงส์ดำ เพราะตัวเองติดอยู่กับบางอย่างและยังมุ่งมั่นที่จะทำมันต่อไป ในที่นี้คือ “ความรักที่ไม่ดี” ครับ จะเห็นได้ว่าตอนหลังเจนนี่ใส่ชุดสีดำแล้ว
ซึ่งหมายถึงเธอติดอยู่กับความรักครั้งนี้จนพาตัวเองกลายไปเป็นสิ่งที่ไม่ดีในที่สุด
3. ต่อมาในส่วนของลิซ่า ลิซ่าเดินถีบประตูเข้ามาในห้อง ห้องหนึ่งที่ดูเต็มไปด้วยขนม ลูกอม ของหวาน เธอมาด้วยความมั่นใจ
ถึงขนาดเตะประตูเข้ามา หมายถึง คนเราเมื่อเริ่มเข้ามาสู่ความรัก มักจะเห็นแต่สิ่งที่หอมหวานและมาด้วยความมั่นใจ
อย่างสุดขีด เพราะกำลังตกอยู่ในภวังค์ของความรัก ถ้าอ่านตามเนื้อเพลงด้วยลิซ่าจะร้องว่า “Give me the strongest one” ซึ่งถ้าตามภาษาคนดื่มก็คือ ขอเหล้าแรงๆเข้มๆ จัดมาเหอะ ณ ที่นี้อยู่ในห้องขนม ห้องแห่งความรัก ก็คือความรักจะแบบไหนก็ได้ รับได้หมด แสดงถึงความมั่นใจเมื่อแรกเริ่มในความรัก สังเกตดีๆ ห้องนี่น่าจะมีลักษณะเป็นรูปหัวใจด้วยนะครับ
4. และเมื่อลิซ่าเดินต่อเข้ามา ก็เห็นตรงทางเข้าว่ามันเขียนว่า Heaven หมายถึงสวรรค์ ซึ่งหมายถึงความรักเมื่อแรกเริ่ม
ก็หอมหวานและเป็นดั่งสวรรค์นั่นเอง ต่อมาครับถ้าสังเกตให้ดีตั้งแต่ซ็อตที่แล้ว กล่องขนมต่างๆ จะเขียนวนเวียนแต่เรื่องความรัก ความหวาน คลั่งไคล้ในความรัก ดูน่าทาน น่าหลงใหล แต่ถ้าสังเกตกันจริงๆแล้ว เกือบทุกกล่องจะมีคำว่า “Killer”
หรือเน้นไปที่คำว่า “Test” ซึ่งหมายถึงความรักนั้นเป็นได้ทั้งความหวานและเป็นนักฆ่า ทำร้ายเราได้อีกด้วย แต่ด้วยรูปลักษณ์
เรามักจะมองมันเห็นเป็นขนมอันหอมหวานก่อนเสมอ รวมไปถึงคำว่า Sweetest ที่แปลว่าหวานที่สุด เน้นไปที่คำว่า “Test”
หมายถึง บททดสอบ ซึ่งสื่อว่าความรักที่หอมหวานนั้นมักจะแฝงไปด้วยการทดสอบอยู่เสมอ ว่ามันดีจริงหรือไม่ และทดสอบตัวคุณหรือคนรัก ว่าเหมาะกันจริงๆรึเปล่า
5. มาต่อกันที่พาร์ทต่อไป คือลิซ่านั้นนั่งอยู่บนรถเข็นวนไปวนมา มีความรักอยู่เต็มไปหมด แต่มันไม่ใช่ มันอันตราย มันไม่ใช่ความรักที่เหมาะสมและดีจริงๆ เมื่ออยู่กับความรักที่มันไม่ใช่ไปเรื่อยๆในห้องนี้ วิ่งวนไปมาอยู่ในความรักที่ไม่ใช่ สุดท้ายแล้วเธอจึงเลือกจะทำลายมันครับ พังห้องนี้ซะ เพื่อหยุดความรักครั้งนี้แล้วจะเป็นผลดีต่อทุกคน ซึ่งจะเห็นได้ว่าลิซ่าใส่หน้ากากด้วยนะครับ ก็เหมือนคนเราเมื่อมาด้วยความมั่นใจ แต่มันไม่ใช่ คนเราจึงต้องสร้างอะไรขึ้นมาเพื่อปกป้องตนเอง ปกป้องหน้าตา ชื่อเสียง จึงเป็นเหตุให้ต้องใส่หน้ากากไปด้วยตอนทำลายครับ แต่ว่าตรงนี้อาจจะแค่เท่ๆก็ได้นะครับ ฮ่าๆ
6. พาร์ทของจีซูนั้น จะเห็นได้ว่ามันมีลักษณะเหมือนดวงตา ซึ่งดวงตาแสดงออกถึงการตระหนักรู้ และอีกอย่างก็คือ นัยน์ตาคือหน้าต่างของหัวใจ ซึ่งก็คือจีซูหรือผู้หญิงในเพลงนั้นได้ตระหนักรู้แล้วล่ะครับ ว่าความรักครั้งนี้นั้นมันไม่ใช่นะ ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง และครึ่งนึงของดวงตานั้นคือการสะท้อนอีกต่างหาก ยิ่งสื่อไปถึงว่า หากเรามองอะไรๆ ในที่นี้คือความรัก เพียงด้านเดียวเราไม่มีทางรู้จักมันจริงๆ รวมไปถึงตัวเองด้วยที่อยู่กลางดวงตา และในดวงตานั้นเป็นดั่งดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรง
ที่ดูอันตรายอยู่ภายใน แล้วถูกล้อมรอบด้วยเปลือกของความรัก หรือก็คือเปลือกรอบๆตาที่เป็นดอกไม้สวยงามที่เราเห็น
ซึ่งในดอกไม้นั้นก็เห็นไฟอยู่รำไร เหมือนกับว่า เราเห็นความรักสวยงามดั่งดอกไม้ ถึงแม้จะเห็นไฟรำไรๆบ้างแต่เราก็บอกข้ามไปมันไป เพราะสิ่งที่เราโฟกัสมากกว่าคือดอกไม้ที่สวยงาม
7. เป็นพาร์ทที่ผมไม่มั่นใจ มันดูเหมือนกับดอกไม้ น้ำตา หรือผลึกแก้วบางอย่าง น่าจะหมายถึงการตกผลึก รับรู้แล้วถึงความรักครั้งนี้ว่ามันอันตราย อันนี้ไม่แน่ใจครับ ใครทราบก็ช่วยกันวิเคราะห์ได้นะครับ
8. มาที่ส่วนของโรเซ่ เราจะเห็นว่าโรเซ่กำลังขับรถไล่ชนตัวเองอยู่ ซึ่งรถนั้นป้ายมันเขียนว่า EGO ก็คืออีโก้หรือทิฐินั่นแหละครับ
ก็เหมือนกับความรักที่รุนแรงรวดเร็วดั่งรถ ที่โฉบเฉี่ยว เราติดไปกับมันถึงแม้มันจะอันตราย รู้ทั้งรู้ว่าเรากำลังทำร้ายตัวเองด้วย ทิฐิที่ไม่ยอมตัดขาดจากความรักที่ทำร้ายตัวเอง ถึงแม้จะขับรถทำร้ายตัวเองทั้งน้ำตา แต่ทำไงได้ในเมื่ออีโก้มันแปะอยู่ตรงหน้า
จะเห็นว่าตัวโรเซ่คนดีคนเดิมนั้นดูอ่อนแอหมดทางสู้ถอดรองเท้าวิ่ง แต่เธอก็หยุดตัวเองไม่ได้ครับ แต่ท้ายซีนนี้นั้น เธอก็ตัดสินใจก้าวข้ามผ่านมันด้วยการชนกระจกสะท้อนตัวเองนั้นซะ
9. ท่อนฮุคระเบิดเมือง เผากระท่อม ทลายกำแพงที่กักขังพวกเธอออกมา!! ก็ง่ายๆเลยครับ พวกเธอจะปฏิวัติตนเองแล้ว
พอแล้วกับความรักแบบนี้ Let’s kill this love
10. เพลงมีสองท่อนวนลูปฉันท์ใด ความรักก็ต้องเป็นฉันท์นั้นครับ ฮ่าๆ ปัญหาของความรักยังไม่หมดแค่เรื่องของคนสองคน
ถ้าผมตีความไม่ผิดและวงไม่ได้จะแค่ขายมือถือ ซีนนี้ที่เจนนี่และลิซ่าอยู่นั้นเป็นห้องหรูหรา เป็นเซเลป โดยมีลิซ่าที่ถือมือถือส่องไปมา ก็เหมือนคนดังที่ถูกจับตาจากสื่อ โซเชี่ยลต่างๆ ความรักของคนดังก็ไม่ง่าย และอันตรายเช่นกัน
และที่สังเกตได้อีกอย่างคือการแต่งตัวของพวกเธอนั้นสลับสี สลับสไตล์กันทุกส่วน แสดงออกถึงความไม่เข้ากันเลยของคนสองคนในความรักครั้งนี้
11. กลับมาที่โรเซ่ของเรา แรกๆนั้นดูเหมือนเธอจะวิ่งอยู่ในทุ่งหญ้าสวยงามดั่งความรักเมื่อแรกเริ่มเห็น และเมื่อมองเพียงด้านหน้าของมัน รวมไปถึงการมีความรักก็อาจเปรียบได้ดั่งการเสี่ยงโชค ความโชคดีที่เธอเจอคนรัก หมายถึงดอกไม้สี่แฉกในมือเธอที่เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี แต่นั่นคือสิ่งที่เธอเห็นเท่านั้น เมื่อเบื้องหลังความรักครั้งนี้ มันคือพายุ ฟ้าผ่า ที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่ด้านหลังเธอนั่นเองครับ
12. เมื่อก่อนจะเข้าฮุคนั้น เราก็ต้องฮึดครับ ฮึดสู้! และรับความจริงอันเสียดแทงใจให้ได้ ซีนนี้จีซูทั้งสองของเรา คนหนึ่งใส่ชุดขาว เป็นดั่งความใสซื่อบริสุทธิ์ในแรกเริ่มกับความรัก และพยายามวิ่งหนีจีซูที่ถือธนูไล่ยิง ซึ่งธนูนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นจริงนั่นเอง เป็นความจริงที่เฉียบคม เสียดแทง เจ็บปวด แถมซีนนี้ยังเป็นธนูไฟอีกต่างหาก ยิ่งร้อนแรงทรมานขึ้นไปอีก
แต่มันคือความจริง จีซูคนซื่อคนเดิมพอแล้ว จีซูเวอชั่นใหม่สตรองกว่าเดินพร้อมจะทำลายคนเดิมที่เจ็บปวดด้วยการยอมรับความจริงในความรักครั้งนี้แล้วครับ
13. ตู้ม! ท่อนฮุค บอกว่าพอแล้วค่ะ พวกหนูไม่เอาแล้วค่ะ เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือสเตจที่เป็นกับดักรูปหัวใจ แสดงถึง การยึดติด ติดอยู่กับกับดักความรักของพวกเธอ แต่ว่า โทษที ท่อนฮุคแล้ว Kill This Love แล้ว สตรองแล้วค่ะ พวกเธอยอมลดตัวเองลง ลดตัวตน ลดอีโก้ลง เพื่อหลบหลีกให้พ้นจากกับดักครั้งนี้แล้ว จะเห็นได้ว่ากับดักใหญ่ขนาดนี้ กักพวกเธอไม่ได้แล้วล่ะครับ
14. ปิดท้ายด้วยการ ปฏิวัติตัวตนเช่นเดิม พอแล้วกับรักครั้งนี้ที่ทำร้ายเรา ต้องจบมัน แล้วอย่าลืมว่า The Revolution Will Not Be Televised การปฏิวัติไม่เคยถูกเปิดเผยอย่างชัดเจน สิ่งที่เราจะเห็นกันชัดๆมีแค่ครึ่งเดียว ที่ซีนนี้เล่นกับแสงไฟที่สาดลงมาสลับกับความมืด silhouette สาวๆเราสลับไปมานั่นเอง
ใครอ่านมาถึงตรงนี้ได้ก็ต้องกราบขอบคุณมากๆครับ ที่ทนอ่านกันได้ ขอให้อ่านกันอย่างมีความสุข หากผมตีความผิดพลาด ขาดตกอะไรไปก็ขออภัย แล้วก็เข้ามาเสริมมาคุยกันได้นะครับ ขอบคุณมากครับผม ส่วนเพลงนั้นจะบอกว่าชอบบีทมากๆ ท่อนแร็พดีมากๆๆๆๆๆๆ ท่อนร้องทำได้ดีมากๆ โดยเฉพาะที่เซอไพรซ์คือท่อนก่อนฮุคแรกของจีซูที่เสียงร้องลงตัวดีมากๆ ท่อนฮุคนับว่าทำได้ดีตามมาตรฐานครับ