MINGALABA สวัสดีค่ะ วันนี้เพจ S I N G L E - S T E P จะพาไปพบกับอีกเมืองหนึ่งที่น่าสนใจของประเทศพม่า
ถ้าพูดถึงเมืองท่องเที่ยวในประเทศพม่า หลายคนคงคุ้นชินกับเมืองย่างกุ้ง และ มัณฑะเลย์ แต่วันนี้ S I N G L E - S T E P ขอเสนอเมืองบาโก หรือ พะโค อดีตเมืองหงสาวดีในตำนานนั่นเอง เมืองบาโก มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และยังห่างไกลความเจริญ ทำให้เมืองนี้มีความแตกต่างกับย่างกุ้งโดยสิ้นเชิง
ก่อนจะเข้าเรื่อง ขอเล่าความเป็นมาว่าทำไมกระทู้นี้ต้องมาที่เมือง บาโก ต้องบอกก่อนว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เดินทางมาประเทศพม่าอย่างจริงจังทางเครื่องบิน ปกติจะได้แค่เยี่ยมชมอยู่แถวๆย่านชายแดนสังขละ หรือแม่สอด แต่ไม่เคยเข้ามาเที่ยวในเมืองเลยสักครั้ง อย่างไรก็แล้วแต่ การมาประเทศพม่าครั้งนี้ จุดหมายของเราคือ "ทำงาน" ดังนั้น รูปที่ถ่ายทั้งหมดคือ รูปจากมือถือล้วนๆ
เริ่มจากการชักชวนจากเพื่อนสนิทให้ไปช่วยขายของที่งาน "Mini Thailand week 2019" ตอนนั้นตอบตกลงแบบไม่คิดอะไรเลย เพราะตั้งใจอยากไปประเทศพม่ามานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาส (เพราะมัววนเวียน อยู่แต่ฮ่องกง)
การเดินทางรอบนี้ ทางเราใช้บริการสายการบิน Air Asia บินคุ้ม คุณภาพครบ บินกับแอร์เอเชีย (ไทน์อินหนักมาก)
การเดินทางไป บาโก คือต้องลงที่ท่าอากาศยานย่างกุ้ง จากนั้นต้องนั่งรถต่อไปเมืองบาโก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45นาที แต่ก่อนจะออกไปขึ้นรถนั้น เราได้ไปสะดุดตาที่ร้านชานม Gong cha ที่โด่งดังมากในจีน ใช่ค่ะ ทางเราก็ไม่พลาดที่จะลองลิ้มรส ว่าจะอร่อยเหมือนต้นตำหรับหรือเปล่า
หลังจากได้เสบียงไว้กินบนรถแล้ว เราก็ออกเดินทาง มุ่งหน้าไปยังบาโกทันที รอบนี้สมาชิกผู้ร่วมชะตากรรมของเราเป็นผู้หญิงร่างเล็กสองคน และเป็นการไปบาโกครั้งแรกของเราทั้งสองคนอีกด้วย ระหว่างทางเราจินตนาการเมืองบาโกไว้ต่างๆ นานา จากที่จัดงานไปถึงโรงแรม เพื่อนเราได้แนะนำว่าจะใช้บริการ Grab Taxi แบบที่เมืองย่างกุ้ง (เพื่อนไปย่างกุ้งบ่อย แต่เราไม่เคยไป) ทุกอย่างถูกแพลนไว้อย่างลงตัว จนมาถึงที่ City hall Bago สถานที่จัดงาน Mini Thailand week 2019 แพลนที่เราเตรียมไว้ทุกอย่างต้องชะงัก ใช่ค่ะ... บาโก เมืองเกษตรกรรม ไม่มีแม้แต่แทคซี่สักคันเดียว ตอนนั้นเคว้งคว้างมาก โรงแรมก็ยังไม่ได้ไปเชคอิน ส่วนพี่Grab taxi ที่มาส่งจากสนามบินย่างกุ้งก็ระเห็ดจรกากลับไปแล้ว ไหนจะของที่จะต้องขายก็ยังส่งมาไม่ถึงงาน ทำให้แพลนของเราทั้งสองคนเปลี่ยนไปหมด แต่ในความเคว้งคว้างนั้น ฟ้าก็ได้ส่งพี่หม่อง(ตั้งให้เอง) ชายหนุ่มขี่ม้าขาวมาช่วยชีวิตพวกเราไว้ทันเวลา
และนี่ก็คือ... ยานพาหนะคู่ใจของเราทั้งสอง ตลอดทั้งทริป 6 วัน 5 คืนในเมืองบาโก เรื่องอากาศไม่ต้องพูดถึง ฝุ่นที่เชียงใหม่ที่ว่าแน่ก็แพ้บาโก ไหนจะอากาศที่ร้อนเสมือนจำลองตกกระทะทองแดงก็มิปาน แต่ทางเราก็ยืนหยัดว่าจะนั่งรถพี่หม่องตลอดจนจบทริป แม้จะมีพี่คนไทยใจดี อาสาให้แชร์รถตู้ ไป-กลับโรงแรมด้วยก็ตาม
** การเดินทางในบาโก : คนที่นี่ส่วนมากโดยสาร รถตุ๊กๆ หรือ รถจักรยานยนต์เป็นส่วนใหญ่
มาดูในเรื่องภาษาและการสื่อสารกันบ้างดีกว่า ถ้าใครเคยไปย่างกุ้ง จะรู้ว่าคนพม่าส่วนใหญ่สื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยม แต่สำหรับที่บาโกไม่ใช่... คนที่นี่ 80% ยังใช้ภาษาพม่า ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ แต่คนที่นี่นั้นมีสกิลการฟังดีเยี่ยม ง่ายๆคือ ฟังภาษาอังกฤษเข้าใจ แต่ตอบกลับไม่ได้ อย่างไรก็แล้วแต่ ภาษาไม่ใช่อุปสรรคทางการสื่อสาร พี่หม่องคนดีของเราก็พาเราไปเที่ยวสถานที่สำคัญต่างๆในเมืองบาโกอย่างดีไม่มีหลง ระหว่างที่รอการขนส่งสินค้าจากเมืองไทยมาถึงนั้น เราก็ได้แอบไปเที่ยวสถานที่สำคัญทางประวัะติศาสตร์ถึง2ที่ คือ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ และ พระราชวังบุเรงนอง
เริ่มกันที่ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ หรือ The shwemawdaw Pagoda
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ มีลักษณะคล้ายๆกับเจดีย์ชเวดากอง ต่างกันที่ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอนั้นสูงกว่า เจดีย์ชเวดากองถึง 98เมตร มหาเจดีย์แห่งนี้สูง 144 เมตร และที่น่าสนใจคือ มียอดเจดีย์เพดิมที่หักพังลงมาเมื่อปี 2473 เนื่องจากแผ่นดินไหวอยู่ข้างๆ
** ค่าบัตรเข้าเยี่ยมชมที่ท่องเที่ยวนั้น ราคา 10000 จ๊าด ต่อคน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้4สถานที่
หลังจากไหว้พระขอพร ท่ามกลางอากาศยามบ่ายที่ร้อนระอุแล้ว เราก็ไม่รอช้า ให้พี่หม่องคนดี พาไปเยี่ยมชมสถานที่ต่อไป และนั่นก็คือ พระราชวังบุเรงนอง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพระมหาธาตุเจดีย์ ชเวมอดอ เราสามารถใช้บัตรใบเดิมที่ซื้อจากชเวมอดอเข้าได้เลย
พระราชวังบุเรงนองเป็นพระราชวังแห่งเมืองหงสาวดีของพระเจ้าบุเรงนองเป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ (พระธาตุมุเตา) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2109ซึ่งเป็นปีที่ 15 ของการครองราชย์ของพระองค์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระองค์เรืองอำนาจสูงสุด พระองค์ตัดสินพระทัยเผาพระราชวังเก่าไปเนื่องจากมีการกบฏ ด้านหน้าของพระราชวังกัมโพชธานี
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2533 รัฐบาลพม่าได้ขุดค้นพบซากของพระราชวังที่เหลือเพียงแค่ตอไม้ที่โผล่พ้นดินออกมาเท่านั้น และได้มีการเร่งสร้างพระราชวังจำลององค์ใหม่ขึ้นมา ฉาบด้วยสีทองทั้งหลัง ทั้งที่พื้นดินบริเวณโดยรอบได้ขุดพบโบราณวัตถุต่าง ๆ มากมาย ซึ่งเชื่อว่ายังมีอยู่อีกจำนวนมากที่ยังไม่ถูกขุดขึ้นมา แต่ได้ถูกทางการสร้างพระราชวังทับลงไปแล้ว แต่ซากไม้ที่ใช้สร้างพระราชวังแต่ครั้งอดีตที่ยังหลงเหลืออยู่ได้ถูกจัดแสดง ซึ่งไม้แต่ละท่อนมีตัวอักษรจารึกอยู่ว่าเป็นผลงานของเมืองใด ภายในพระราชวัง มีพระราชบัลลังก์ที่มีชื่อว่า "บัลลังก์ภุมรินทร์" หรือ "บัลลังก์ผึ้ง" ซึ่งสร้างขึ้นมาจากคติเรื่องจักรวาลตามความเชื่อของศาสนาฮินดู (ที่มาเนื้อหา wiki pedia)
ยังเหลืออีก2สถานที่ในบัตรเยี่ยมชมแต่ทางเราร้อนจนทนไม่ไหวอีกทั้งด้วยระยะทางห่างไกลจากที่เราอยู่มาก พี่หม่องบอก very far away เราเลยโอเค กลับโรงแรมก็ได้
เมื่อกลับมาถึงโรงแรม สิ่งที่สะดุดตาคือ ที่ฝนทานาคา ตั้งตระหง่าอยู่ตรงประตูทางเข้าของโรงแรม เคยเห็นแต่แบบสำเร็จรูปเพิ่งเคยเห็นแบบท่อนไม้จริงๆก็วันนี้ อันนี้เค้าไม่ได้ตั้งโชว์เพื่อความสวยงามแต่อย่างได้ แต่คนที่นี่ใช้งานจริงๆ (เห็นกับตา) ทานาคาถือเป็น signature ของชาวพม่าเลยก็ว่าได้
หลังจากเที่ยวจนหมดเรี่ยวแรง วันที่เหลือหลังจากนั้นคือวันทำงานอย่างแท้ทรู แต่เรื่องราวในบาโกของเราก็ไม่ได้จบเพียงเท่านี้ เพราะเรายังไม่ได้พูดถึงอาหารการกินของที่นี่เลย ก่อนจะเดินทางมาพม่า โดยหลายต่อหลายคนขู่ว่าอาหารพม่าไม่อร่อยบ้าง เหม็นเครื่องเทศบ้าง แต่เรากินง่ายอยู่ง่ายเลยมองข้ามเรื่องนั้นไป แต่สำหรับใครที่ยังหวั่น ทางเรามีร้านอาหารแนะนำ ราคาย่อมเยาว์ ที่สำคัญ อร่อยมว๊ากกกกกกกกกกกกกก
ร้าน Royal Taste restuarant
ในร้านพนักงานบางคนสามารถพูดภาษาไทยได้ และที่พีคกว่านั้นคือ... ยินดีด้วยค่ะ คุณได้ลูกสาวร่างชายในประเทศพม่า 5555555555 น้องพนักงานน่ารักมากกกกกกก นอกจากแนะนำอาหารให้เราอย่างดีแล้ว ยังอารมณ์ดี สร้างเสียงหัวเราะให้พวกเราหลังเลิกงานด้วยความเหนื่อยได้ดีอีกด้วย คนที่นี่เป็นตุ๊ดเป็นเกย์ก็ไม่ได้ปิดบังอะไร เพราะนางเดินมาเรียกเราว่าคุณแม่ นี่ลูกสาวนะคะ ชื่อ ญาญ่า 5555555555 ประทับใจร้านนี้มาก และที่สำคัญ กุ้งแม่น้ำสดมาก ราคาตัวละ 1900 จ๊าดเองแกรรรรร ถูกกว่ากุ้งอยุธยาไปอีก ร้านนี้ถ้าใครได้ไปบาโก ต้องลอง (S I N G L E - S T E P reccommended)
นอกจากนี้ยังมี KFC ให้เรากินด้วย เท่าที่สังเกต น่าจะมีสาขาเดียวในเมืองบาโก
เอาล่ะค่ะก่อนจะจบกระทู้นี้ เราจะเปิดเผยโฉมหน้าพี่หม่อง ราชรถ ของเรา ตามใจยิ่งกว่าแฟน มารอรับส่งตรงเวลายิ่งกว่าพ่อ
และแล้วมีพบก็ต้องมีจาก ต้องกลับบ้านกลับช่องมาพบเจอความวุ่นวายที่ประเทศไทยต่อ
สำหรับความรู้สึกส่วนตัวที่มีต่อเมืองบาโกนั้นคือ... ชอบมาก ถึงแม้จะกันดารและห่างไกลความเจริญไปมาก แต่ความรู้สึกต่อผู้คนและวัฒนธรรมที่มีต่อเมืองนี้ค่อนข้างจะประทับใจ เมืองเกษตรกรรมเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยน้ำใจของผู้คน เหมือนได้หนีจากความวุ่นวาย (หรือวุ่นวายกว่าเดิมเพราะเสียงแตรรถ) แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามีโอกาสก็ยังอยากกลับมาเที่ยวเมืองนี้แบบไม่ใช่การมาทำงานอีกครั้ง สัญญาว่าถ้าได้มารอบหน้าจะเอากล้องมาถ่ายให้สวยๆ
ส่งท้ายจริงๆก่อนจากกันคือ ส่วนของสนามบินย่างกุ้ง หลังจากที่เราอยู่บาโกมา6วัน ไม่ได้พบเจอความเจริญใดๆ พอกลับมาที่สนามบิน อาการบ้านนอกเข้ากรุงก็กำเริบ ถ่ายรูปเล่นจนทั่วสนามบิน
สำหรับชีวิตหกวันของฉันในบาโก By S I N G L E - S T E P ขอจบลงเพียงเท่านี้ หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์สำหรับคนที่อยากไปเที่ยวบาโกไม่มากก็น้อยนะคะ หากมีข้อผิดพลากประการใดทางเราข้ออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย สำหรับกระทู้ต่อไปคือ "ฮ่องกง"
ปล.ขอบคุณเฟรย่าที่ชักชวนมาในทริปนี้ สนุกและสุบกว่าที่คิดไว้มาก ขอบคุณตัวเองที่มีความอดทนรอดมาได้6วัน ขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุน และฝาก Onono Thailand แบรนด์ชุดชั้นในไทย ที่ให้โอกาสมาออกบูธเปิดประสบการณ์ครั้งนี้ด้วยนะคะ
** ค่าโดยสารจากสนามบิน ถึง บาโก ประมาณ 48000 MMK
** ค่ารถพี่หม่อง ไปกลับ city hall - The pegu lodge 8000 MMK : 1 Day
โรงแรมที่พัก The Pegu Lodge (Agoda)
[CR] Bago Myanmar ชีวิตหกวันของฉันในบาโก by S I N G L E - S T E P
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้