[รีวิวที่ 261] Ultraman: รีวิวชนเว็บ NETFLIX /ฉายวันแรก

[รีวิวที่ 261] Ultraman: เป็นการปล่อยลำแสงที่โคตรเท่
คะแนน: 7/10
(NETFLIX, 2019)

by ตั๋วหนังมันแพง

“ถ้างั้นก็ช่วยต่อสู้เพื่อทุกคนที คุณคืออุลตร้าแมนไม่ใช่เหรอ”

1.เนื้อเรื่อง ⭐⭐⭐⭐

หนังว่าด้วยเหตุการณ์หลายสิบปีหลังการต่อสู้ระหว่าง “อุลตร้าแมน/ฮายาตะ ชิน” และไคจูที่แข็งแกร่งที่สุดอย่าง “เซ็ตต้อน” และโลกก็สงบสุขมายาวนานจนกระทั่งมีการปรากฏตัวของสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่า “เบมิวล่า/เบมลาร์”
.
ลูกชายของอดีตอุลตร้าแมน “ฮายาตะ ชินจิโร่” ได้ค้นพบพลังกายเหนือมนุษย์ที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง และเขาต้องใช้พลังนี้ปกป้องโลกที่ถูกภัยลับรุกรานในฐานะ “อุลตร้าแมนคนต่อไป”
.
อุลตร้าแมนภาคนี้สร้างขึ้นโดยอิงจากมังงะ ULTRAMAN (Begins) ซึ่งเป็นไทม์ไลน์ใหม่ที่เน้นตีความให้อุลตร้าแมนดูทันสมัยและกระชับมากขึ้น และเน้นหนักไปที่พัฒนาการของตัวละครที่สวมชุดอุลตร้าแมน เป็นลักษณะกึ่งก้าวพ้นวัยให้เราได้เติบโตไปพร้อมกับตัวเอก
.
ต้องสารภาพว่าโดยส่วนตัวผมโตมาในยุคคนสวมชุดอุลตร้าแมนตัวใหญ่ๆ ไล่กระทืบสัตว์ประหลาดบนฉากลังกระดาษโง่ๆ ดังนั้นการ modernize ในภาคนี้จึงเป็นความตื่นตาตื่นใจของผมพอสมควร
.
ในความคิดเห็นของผมหลังจากที่ดูจบทั้ง 13 ตอนแล้ว ก็รู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันมีความ ‘แบนราบ’ ไปนิด คือมันเล่าทุกอย่างเป็นเส้นตรงแบบไม่เลี้ยวซ้ายขวาเลย ซึ่งอันที่จริงก็น่าจะเป็นเรื่องดี แต่พอหนังมันเข้มงวดกับตัวเองเกินไปนิด ความสนุกสนานมันก็หล่นหายไปตามทางด้วย
.
แต่ในส่วนของ development ของตัวละคร “อุลตร้าแมน” ที่เนื้อในเป็นเพียงวัยรุ่นที่ขาดความมั่นใจก็ถือว่าน่าสนใจมาก ชินจิโร่คืออุลตร้าแมนที่ไม่สมบูรณ์แบบ เขาปราบเหล่าร้ายโดยหวังทำเท่โชว์คนอื่น เขาไม่เด็ดขาดพอจนทำให้รอบข้างเดือดร้อน และภาระปกป้องโลกมันก็ช่างหนักอึ้งเหลือเกิน
.
2.ตัวละคร/นักแสดง ⭐⭐⭐
.
โดยส่วนตัวผมคิดว่าปัญหาอย่างหนึ่งของ ULTRAMAN ภาคนี้ก็คือ ‘ตัวเอกที่ไม่มีเสน่ห์’ คือแม้พัฒนาการของตัวละครจะน่าสนใจ แต่ในด้าน charisma แล้วถือว่าสอบตกมาก (สำหรับผม) มิติของตัวละครชินจิโร่ยังไม่รอบด้านและน่าจดจำขนาดนั้น
.
กลับกันบรรดาพระรองอย่าง “โมโรโบชิ แดน” และ “โฮคุโตะ เซย์จิ” กลับดูน่าค้นหามากกว่า ดูมีจุดเด่นที่จับต้องได้ และสามารถถ่ายทอดจุดยืนของตัวเองออกมาได้ชัดเจนแม้ airtime จะมีน้อย
.
3.ความบันเทิง ⭐⭐⭐⭐
.
สิ่งที่ทำให้ “อุลตร้าแมน” ฉบับ NETFLIX มีความโคตรว้าวสำหรับผมก็คือ ‘มันเป็น Full 3D !!’ -- หมายความว่าการ์ตูนทั้งเรื่องสร้างด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิกล้วนๆ ผลก็คือภาพมันสวยมาก มีความลึก ความคม และที่สำคัญคือฉากบู๊ที่เทพมากๆ
.
ตั้งแต่กาลปางก่อน จุดขายหลักของอุลตร้าแมนก็คือ ‘ฉากต่อสู้’ ซึ่งเทคโนโลยีก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง การปล่อยลำแสงและคลื่นพลังต่างๆ กลายเป็นสิ่งที่เราตั้งตาคอย และขอย้ำอีกครั้งว่ามันสวยมากกกกก มันเท่ มันเฟี้ยวฟ้าว ถ้ามองว่า purpose ของการ์ตูนคือสิ่งนี้ ก็ต้องชมว่ามันทำได้ยอดเยี่ยมมากแล้ว
.
และต้องบอกว่าอุลตร้าแมนฉบับนี้ มีการ ‘ปรับขนาด’ (rescale) ลงมาเหลือขนาดเท่าตัวคน ดังนั้นใครที่คาดหวังจะได้เห็นยอดมนุษย์ตัวเขื่องๆ เตะต่อยกันพังบ้านเมืองไปแถบก็อาจจะผิดหวังนิดหน่อย แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ตอบแทนกลับมาก็คือ ‘ความไว’ ที่ทำให้ฉากต่อสู้มันดูไดนามิกมากขึ้น
.
ข้อติอย่างเดียวของการ Full 3D ของผมก็คือพอมันอยู่นอกฉากต่อสู้แล้ว การเคลื่อนไหวมันยังดูก๋องแก๋งอยู่ มันดูเป็นมนุษย์ที่มีแขนขาเก้งก้างไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร ไม่เฉียบคมเท่าลายเส้นปากกาที่เราคุ้นเคย
.
.
ULTRAMAN ฉบับ 2019 เพิ่งลงฉายในเว็บไซต์ Netflix วันนี้ (1 เมษายน 2019) เป็นวันแรก
ถ้าใครอยากเสพตอนต่อของซีรีย์ที่คุณรัก อย่าลืมเข้าไปทวนความจำสมัยเด็กกับ “อุลตร้าแมน” กันนะครับ

#ตั๋วหนังมันแพง #NETFLIX #ULTRAMAN #อุลตร้าแมน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่