มาอีกแล้วคร๊าบบบบ กับทริปพม่ารอบ 2 รอบนี้ชิลกว่าเดิม เที่ยวละเอียดกว่าเดิม รูปแน่นกว่าเดิม ไฉไลสุดๆ
ในอดีตผมเคยทำรีวิวเกี่ยวกับการเที่ยวย่างกุ้งไว้ที่ https://ppantip.com/topic/37694759 รีวิวไปพม่า กับทัวร์ส่วนตัว!! ทริปทัวร์แบบชิลๆ นึกว่าไปเที่ยวกับเพื่อน  ใครจะไปพม่าก็ติดตามถามไถ่กันได้คร๊าบ
คือหลายคนคงจะสงสัย ว่าไอ้คนนี้ทำไมมันไปแต่พม่า รีวิวก็รีวิวแต่พม่า มันไม่เที่ยวที่อื่นรึไง? ผมเลยขออธิบายตรงนี้แบบแมนๆ ให้เข้าใจตรงกันเลยนะครับ ที่ผมไปแต่พม่าเนี่ย...ก็เพราะว่า ผมกลับไปแก้บนครับ 5555 โอเค! จบนะ! ไม่ต้องสงสัย ส่วนบนอะไรมา ที่ไหน ศักดิ์สิทธิ์มั้ย ได้จริงเปล่า อันนี้ขอบอกว่าเด็ด แต่ขอเป็นหลังไมค์ครับผม กระทู้นี้รีวิวทริปครับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่เน้น

และอีกหลายคนคงงงว่าไปกับทัวร์ จะมารีวิวอะไรได้...ขอให้ท่านลบภาพรถบัสใหญ่ๆ ที่มีไกด์ถือธงโบกและอาม่าอากงก็เดินตามกันเป็นพรวน ลบออกไปก่อนนะครับ เพราะทัวร์ของเราคือทัวร์ส่วนตัวกรุ๊ปเล็ก ที่มีสมาชิกกันแค่ 4 หน่อเองครับ เบอร์หนึ่งหม่อมแม่ของผมคนเดิม อีกสองคนก็คือพี่สาวกับพี่เขย สมาชิกแค่นี้จริงๆครับ เดินทางกันโดยรถอัลพาทครับ 
คือสาเหตุที่ทำให้ผมถูกใจทัวร์ส่วนตัวและกลับมาใช้บริการอีกครั้งก็คือ หม่อมแม่ผมเนี่ยเขาชอบถ่ายรูปมาก มากจริงๆ มากแบบซีเรียส เวลาไปทัวร์ใหญ่นางจะเป็นแผนกรั้งท้ายขบวนเพราะมัวแต่ถ่ายรูป จนไกด์ต้องมาคอยต้อนนางขึ้นรถตลอด แต่พอทริปนี้มีแค่4 คน เราไปกันได้แบบชิลๆเลย นางจะหยุดถ่ายรูปตรงไหนก็ไม่มีใครว่า เพราะไอ้ที่เหลือก็ถ่ายเหมือนกัน ส่วนผมชอบตื่นสาย ผมก็กำหนดเวลาตื่นเอง ผมไม่อยากไปตลาด ผมก็แจ้งให้เขาตัดโปรแกรมออก เรียกง่ายๆว่าผมรีเควสอะไรเขาก็จัดให้ได้ นอกนั้นก็เป็นเรื่องเบสิคๆของการไม่ต้องต่อคิวห้องน้ำ ไม่ต้องรอคนเต็มรถบัส ไม่ต้องเจอมนุษย์ป้าเสียงดังบนรถ รออาเจ๊ช๊อปนาน โดนปล่อยเกาะลงตลาดและบังคับขายของ ผมมองว่ามันก็ชิลได้ไม่ต่างอะไรกับเราแบคแพค ซึ่งบางทีถ้าเราแบคแพค ผมก็ต้องเสี่ยงวางแผนเอง โดยที่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาแม่มาลำบากรึเปล่า 
แต่แน่นอนครับ!!! ส่วนตัวขนาดนี้งบประมานของคุณก็ต้องมีนิดนึง เพราะว่าเราซื้อความเป็นส่วนตัว ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆครับ แต่ผมก็รับรองว่าถ้ามนุษย์เงินเดือนอย่างผมซื้อได้ พวกท่านก็มาได้ครับ

หลังจากพรสำฤทธิ์ผลตามที่ขอ ผมก็ติดต่อน้องเซลล์คนเก่า คุยกันถูกคอเช่นเดิม ใครไม่ติดใจ service mind ของน้องเซลล์ที่นี่ ผมให้เอาหินมาทุบหัวผมเลย เขาบริการดีๆจริง ถามได้ทุกคำถามทั้งโง่ไม่โง่ ตอบละเอียดหมดยิบๆ มีความอดทนกับผมสูงมากครับ 555
 เราได้ข้อสรุปมาเป็นทริป 4 วัน 3 คืน: มัณฑาเลย์-พุกาม โดยสรุปคร่าวๆตามนี้ครับ
วันที่1: กรุงเทพ – มัณฑาเลย์ - พุกาม
วันที่2: พุกาม
วันที่3: พุกาม – มัณฑาเลย์
วันที่4: มัณฑาเลย์ กรุงเทพ

ผมจองทริปที่เป็น full package ของเค้าเลยนะครับ รวมหมดทุกอย่าง ผมก๊อปปี้ตามที่เค้าเสนอราคามาเลย ดังนี้
ทริปส่วนตัว 4 วัน 3 คืน สถานที่ : มัณฑาเลย์ - พุกาม
- ค่าเช่ารถอัลพาท: 5 ที่นั่ง (พร้อมคนขับ-น้ำมัน-ค่าผ่านทาง)
- ค่าพาหนะทุกชนิดตลอดการเดินทางระหว่างสองเมือง
- ค่าอาหาร(ชุดอาหาร-กุ้งแม่น้ำ-อาหารทะเล) - 7 มื้อ (มื้อเช้าทานที่โรงแรม)
- ค่าไกด์นำทาง(พูดภาษาไทย) : 4 วัน
- ค่าเข้าสถานที่ ทุกที่ในโปรแกรม
- ค่าโรงแรมที่พุกาม(ระดับสี่ดาว) – Royal Bagan 2 คืน
- ค่าโรงแรมที่ มัณฑาเลย์ - Apex hotel 1 คืน
☆☆แถมฟรี ประกันการเดินทาง☆☆


หมายเหตุ
1.ค่าใช้จ่ายนี้ไม่รวม
- ทิปสำหรับคนขับรถและไกด์นำทาง โดยลูกค้าสามาถ ให้ตามความพึงพอใจในการบริการ)
- ค่าตั๋วเครื่องบิน--> ถ้าหากให้ทางบริษัทจองให้ ราคาตั๋วเครื่องบินนั้นคิดตามราคาจริงจากสายการบิน อาจมีการขึ้นลงหรือเปลี่ยนแปลงตามวันที่ลูกค้าจอง
2.ราคานี่เป็นราคากรุ๊ปท้วร์ส่วนตัวโดยเฉพาะ ไม่มีการรวมกับคณะอื่น
3. ราคาของทริปจะแตกต่างกันไปตามจำนวนผู้เดินทาง ถ้าหากมีผู้เดินทางเพิ่มขึ้น ราคาจะถูกลงตามจำนวนผู้เดินทาง
ทางผมจองตั๋วเครื่องบินเองครับ ตามที่ทางทัวร์แนะนำ เราเลือก ขาไปไปกับหางแดง ไฟล์ท FD254 11:00-12:15
ส่วนขากลับ เลือกเป็นโบว์ฟ้า สายการบินบางกอกแอร์ครับ PG714 19:10 – 21:35 แพงหน่อย แต่เวลาเที่ยวเยอะกว่า ถ้าหางแดงเค้าบินบ่ายครับ เวลาเที่ยวน้อยไป

---

หลังจากหนังท้องตึงแล้ว ตามโปรแกรมวันนี้ เราจะเดินทางต่อไปเมืองพุกามกันครับ 
....สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำและเน้นย้ำ แบบคุกเข่าขอร้อง ก็คือ...ถ้าใครจะเดินทางระหว่างมัณฑาเลย์ พุกามโดยรถ สิ่งที่ต้องเตรียมมาเลยนะครับ หมอนรองคอ ถ้าจะขยันแบกหน่อยก็ผ้าห่ม และก็ผ้าปิดตา หูฟัง คืออุปกรณ์ทุกอย่างที่มันเหมาะจะใช้นอนระหว่างเดินทางน่ะครับ เพราะมันนั่งรถ นานมว๊ากกกก ผมจับเวลาดู 4ชั่วโมงเพื่อเข้าเขตพุกาม และอีกชั่วโมงกว่าจะถึงในเมือง วิวสองข้างทางก็จะประกอบไปด้วย ทุ่งนา ป่าตาล กระท่อมมุงจาก ก้อนหิน คือวิวเขาสวยนะครับ ธรรมชาติแบบที่หาจากบ้านเราไม่มี ถ้าใครชอบมองวิวคุณจะได้อีกบรรยากาศนึง แต่สำหรับสายนอนอย่างผม ขอไปเฝ้าพระอินทร์ก่อนครับ 

แต่การมาถึงยามเย็น ก็ทำให้เราค้นพบความสวยงามของพุกามในช่วงผีกำลังตากผ้าอ้อม แสงพระอาทิตย์โพล้เพล้สร้างความขลังให้กับเมืองนี้มาก รวมๆคือมันว้าวมากครับ!! เหมือนพุกามเป็นเมืองที่ตกอยู่ในมนต์สะกด มนต์สะกดแห่งการย้อนเวลา คุณจะได้เห็นภาพเจดีย์น้อยใหญ่นับพันๆ ตั้งทะมึนเรียงรายอยู่รอบตัว ทั้งริมถนน ข้างหน้า ข้างหลัง ถนนเส้นเล็กๆวกวนไปตามเจดีย์ที่มีแสงตะวันสีแดงก่ำส่อง โอ้โห! เหมือนผมกำลังนั่งรถอัลพาทย้อนยุคมาสองพันปีจริงๆ แม้กระทั่งจะหมดแสงตะวันแล้ว วัดใหญ่ๆก็จะมีแสงสปอร์ตไลท์สีส้มสาดส่องจากทุกทิศ เป็นความสวยงามอีกแบบหนึ่งของเมืองเลยทีเดียว
และที่เมืองนี้ ถนนไม่มีไฟทาง รถยังน้อย ความเจริญก็ยังน้อยอยู่ครับ 2ทุ่มนี่เงียบยังกับตี2 ด้วยความที่เป็นเมืองประวัติศาสตร์ ความอึกทึกจะค่อนข้างน้อย ตัวเมืองพุกามที่เป็นส่วนที่นักท่องเที่ยวอยู่มีสองที่หลักๆ คือ old bagan และ new bagan ซึ่งจะเป็นสองจุดใหญ่ๆที่มีแสงสี ร้านอาหาร โรงแรม ที่แลกเงิน นอกนั้นคุณก็จะขับรถวนมืดๆไปตามเจดีย์

และก็มาถึงอาหารเย็นครับ มื้อนี้จัดอาหารพม่าแท้ๆ ที่ร้าน Nandar restaurant ความบันเทิงของอาหารเย็นวันนี้ คือมีการแสดงเจ้าหุ่นกระบอก เชิดไปเชิดมา บอกตรงๆผมดูไม่รู้เรื่องหรอกครับว่ามันเล่าว่าอะไร แต่ก็แปลกหูแปลกตาดี ส่วนอาหารก็จะเป็นอาหารพม่าโดยแท้ ผมว่ามันมันๆเลี่ยนๆ แต่ก็ดูว่าเค้าพยายามปรับให้เข้ากับคนต่างชาติแล้วนะ ก็แปลกดีสำหรับคนไทยที่คุ้นแต่อาหารรสจัดแบบเรา
ส่วนโรงแรมที่เราพักคืนนี้ชื่อ Royal Bagan ครับ เข้ามาตอนแรกก็งงๆ ยังกับวังเก่า วินเทจสุด แต่เดินไปเดินมาก็รู้ว่ามันเป็นไตล์เค้าซึ่งคงความเป็นพุกามสุดๆ ห้องพักตามภาพ หรูหรา เรียบร้อย ยังดีที่ไม่มีรูปปั้นเก่าหรือรูปเก่าเยอะๆ ถ้าแบบนั้นผมกลัวครับ ไม่ไหว พุกามโรงแรมเยอะมากครับ ไม่ได้หายากเหมือนอินแขวน ถ้าใครจะมาเองผมว่าเสิชเอาได้เลย มาตรฐานดูไม่ต่าง
ป.ล. ความเจ๋งของน้องไกด์ในทริปนี้ที่ผมอยากมอบโล่ห์ดีต่อใจให้น้องวินเลย ก็คือ น้องเขาชอบถ่ายรูปครับ แล้วเขาก็จะพกกล้องใหญ่ ใหญ่จริงๆ กล้องแบบตากล้องมืออาชีพเค้าพกกันอ่ะครับ คอยถ่ายให้พวกเรา มีไกด์แล้วยังมีตากล้องมืออาชีพร่วมทริปด้วย โห...เอาใจผมไปเลยครับ แม่ผมนี่ถ้ามีหลายหัวใจก็ให้น้องวินหมดทุกอันเลยครับ รูปสวยทุกรูป portrait หน้าชัดหลังเบลอ ซูมไม่แตก ราคากล้องน้องเค้าดูน่าจะแพงกว่ามือถือพวกเราสี่คนรวมกันอีกครับ 555

จบวันที่หนึ่งกันแล้ว  เดี๋ยวมาต่อวันที่สองนะครับ