สี่เฮียไม่เดินแล้ว เย้เย
ถ้านับเฉพาะออฟฟิเชียลซิงเกิล ภาพจำเอ็มวีของ Westlife คือสี่ (เมื่อก่อนห้า) เฮียเดินไปโน่นไปนี่ หนักข้อหน่อยก็เดินจากลอนดอนไปแกรนด์แคนยอน หรือไม่ก็เดินวนอยู่ในเมือง นานๆ ทีจะได้ยืนร้องเฉยๆ ในสตู ที่นึกออกก็มีแค่ Sweat It Again ซิงเกิลแรก นอกนั้นต่อให้อยู่ในสตูก็เดินหมด อย่าง Flying Without Wings แค่เปิดเพลงมาก็เดินกันเป็นนายแบบแล้ว แถมเอ็มวีของสี่เฮียที่แยกระหว่างไลน์ร้องกับไลน์เนื้อเรื่องก็มีไม่เห็นไม่บ่อยนัก เหมือนจะมีแค่ Unbreakable ด้วยซ้ำ ส่วน Safe มีเนื้อเรื่องก็จริง แต่เฮียๆ ทั้งสี่ก็ลงไปลุยเองแยกกันหมด Better Man จึงถือว่าพิเศษหน่อยเพราะผสมแนวเอ็มวีของวงหลายๆ แบบเข้าด้วยกัน คือเกือบทั้งเพลง สตอรี่ไลน์จะแยกกับไลน์ร้อง แล้วค่อยๆ มาเบลนด์รวมกันในท้ายสุด อารมณ์เหมือนรวมจักรวาลชอบกล (เพราะเอาจริงๆ เอ็มวี Westlife เหมือนงานศิลป์ที่ไม่มีเนื้อเรื่องเด่นชัด แล้วให้เราตีความกันเองอะ ///อ้อ สปอยล์ตอนจบไปหน่อย คงไม่ว่ากันเนอะ)
มาๆ วงบอยแบนด์ก็ต้องว่ากันที่พาร์ทเพลงสิ ถึงแม้ว่าซิงคัมแบ็กอย่าง Hello My Love จะไม่ได้สวยหรูมากมาย เพราะในบ้านเกิดอย่างไอร์แลนด์ก็ติดชาร์ตสูงสุดที่ 2 แต่เอาจริงๆ ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะ Hello My Love เป็นเพลงที่ซาวด์จากความเป็น Westlife ที่คุ้นเคยกันพอสมควร โอเค เพลงเร็วของวงนี้ก็มีแหละ แต่จังหวะจะไม่ใช่แบบนี้ มันจะออกไปแนวสนุกๆ สดใสเป็นวัยรุ่นยุค 90 (ซิงเกิลที่เป็นเพลงเร็วของเวสต์ รู้สึกจะสุดที่อัลบั้มที่สาม World of Our Own มั้ง) แล้วหลังจากนั้นพอโตขึ้น ก็กลายเป็นวงที่เน้นสุขุมอบอุ่นแบบผู้ใหญ่ไปเลย เพราะงานการกลับมาด้วยเพลงเร็วที่แหวกขนบขนาดนั้นจะไม่ปังก็ไม่แปลก (เมื่อเทียบกับยุคทองของวง)
แต่พอมาซิงเกิลที่สอง Better Man โอ้โห น้ำตาจะไหล Westlife แบบออริจินอลกลับมาแล้ว แค่ฟังตัวอย่างที่ตัดมาวันสองวันก่อนก็ว่าได้กลิ่นชัดแล้วนะ แต่พอฟังเต็มๆ ทั้งเพลง แม่เจ้า Westlife ว่ะ นี่แหละ Westlife เฮีย Ed Sheeran ดึงลายเซ็นของวงออกมาได้ดีเลิศประเสริฐสี (อ้อ Hello My Love เฮียเอ็ดก็แต่งนะ) ก็ต้องยกความดีความชอบให้เฮียเขา โชคดีที่ Ed Sheeran ติ่งเวสต์ไลฟ์พอดี ถือว่า Luise Walse กับ Steeve Mac มองเกมถูก เลือกคนไม่ผิด
ถามว่า Better Man มีความดีงามตรงไหน อย่างที่บอกว่ามันคือเพลงแบบ Westlife แท้ๆ เป็นบัลลาดที่ฟังง่าย ไลน์ฮัมที่เป็นแบ็คอัพยังคงเอกลักษณ์ไว้อยู่
พร้อมเสียงเปียโนเปิดเพลง ที่บอกให้คนฟังรู้ว่า Westlife มาแล้วนะ อารมณ์เพลงมีความผสมกันระหว่างวงยุควัยรุ่นกับวัยผู้ใหญ่ ท่อนแรกเปิดมา กลิ่นความเป็น Flying Without Wings แรงมาก เสียงเฮียเชนเด่นมาแต่ไกลจนเหมือนจะโดดออกไปจากเพลง แต่พอเพื่อนๆ อีกสามเริ่มเข้ามารวม เสียงเฮียก็เบลนด์เข้ากันได้อย่างพอดี แถมไลน์ประสานหนักๆ แบบนี้ก็ไม่มีให้เห็นมานานแล้ว เพราะถ้าเป็นยุคตั้งแต่อัลบั้ม Allow Us to be Frank มา ฮุคแรกถ้าไม่ใช่เฮียเชน ก็จะเป็นเฮียมาร์คที่ได้ร้องเดี่ยว (แต่ส่วนใหญ่จะเฮียเชน) แล้วฮุคสองถึงจะร้องพร้อมกันทุกคน แต่เฮียนิคกี้กับเฮียเคียนที่เป็นแบ็คอัพจะไม่ได้ร้องเต็มข้อมาก เน้นไปทางเป็นลูกคู่เบาๆ มากกว่า (บางเพลงแค่ฮัมอย่างเดียวก็มี) เพราะงั้นตรงนี้ก็เลยเหมือนเวสต์ไลฟ์ยุคแรก ยุคสมัยยังเอ๊าะๆ
แต่จุดที่เหมือนวงยุคสุขุมแบบผู้ใหญ่ก็คือการไม่ใช่เพลงแนวพรรณนาตามประสาวัยรุ่นโหยหาความรักแต่จะเน้นการขบคิด การตีความ การถามหาความหมายของความรักในการชีวิตมากขึ้นเหมือนคนที่ผ่านเหตุการณ์ร้ายดีมาแล้วมากมายนั่นแหละ และก็อีกอย่างคือเฮียนิคกี้กับเฮียเคียนมีบทบาทในซิงเกิลหลักมากขึ้น คัมแบ็คคราวนี้เป็นครั้งแรกเลยที่มีท่อนเดียวครบทุกคนในวงสองซิงเกิลติด (และคาดว่าซิงเกิลที่สามก็คงเป็นแบบนี้) ถือว่าดีงามมากครับ แล้วยิ่งปิดเพลงด้วยเสียงเฮียเชน โอ้โห เพรเซนต์เพอร์เฟ็คต์มาก แถมนี่ยังเป็นไม่กี่ครั้งที่ในเพลงมีเนื้อหาให้เล่าเยอะมาก ฮุคแรกกับฮุคสองไม่ซ้ำกันเลย
แถมยังมีตั้งสองบริดจ์ให้เฮียเชนกับเฮียมาร์คแบ่งกันร้องอีกแน่ะ แต่ก็ยังแอบแพ้ Season in the Sun เพลงนั้นนี่แน่นเอี้ยดจริงๆ ใช้ทุกวินาทีของเพลงได้คุ้มสุดๆ ตรงนี้ก็เลยได้ความเป็น Ed Shreeran มาค่อนข้างชัดเจน ถ้าไม่นับฮิบฮอป สายป็อปก็ต้องเฮียเอ็ดเนี่ยแหละที่ยัดเรื่องราวลงในเพลงประมาณสี่นาทีได้แน่นเอี้ยดแต่ฟังแล้วไม่อึดอัดขนาดนี้
สรุปแล้ว Better Man เป็นเพลงของสี่เฮียที่เพราะน้ำตาไหล ยิ่งถ้าเป็นแฟนรุ่นเก๋าด้วยนะ รับรองภาพเก่าๆ สมัยติ่งวงนี้หนักๆ จะลอยมากระแทกหน้ากระแทกตาจนระบม
จำได้ว่าเฮียมาร์คเคยให้สัมภาษณ์ว่าคัมแบ็กคราวนี้จะเป็น Westlife 2.0 ท่อนที่ว่า I'll give you everything I have. I try to be a better man. ในเพลง ไม่ใช่เรื่องเกินเลยแต่อย่างใด โอเค เชื่อแล้วครับ อัพเกรดจริงๆ
Better Man & Westlife 2.0 เวลาวันวานที่กลับมาเดินใหม่
ถ้านับเฉพาะออฟฟิเชียลซิงเกิล ภาพจำเอ็มวีของ Westlife คือสี่ (เมื่อก่อนห้า) เฮียเดินไปโน่นไปนี่ หนักข้อหน่อยก็เดินจากลอนดอนไปแกรนด์แคนยอน หรือไม่ก็เดินวนอยู่ในเมือง นานๆ ทีจะได้ยืนร้องเฉยๆ ในสตู ที่นึกออกก็มีแค่ Sweat It Again ซิงเกิลแรก นอกนั้นต่อให้อยู่ในสตูก็เดินหมด อย่าง Flying Without Wings แค่เปิดเพลงมาก็เดินกันเป็นนายแบบแล้ว แถมเอ็มวีของสี่เฮียที่แยกระหว่างไลน์ร้องกับไลน์เนื้อเรื่องก็มีไม่เห็นไม่บ่อยนัก เหมือนจะมีแค่ Unbreakable ด้วยซ้ำ ส่วน Safe มีเนื้อเรื่องก็จริง แต่เฮียๆ ทั้งสี่ก็ลงไปลุยเองแยกกันหมด Better Man จึงถือว่าพิเศษหน่อยเพราะผสมแนวเอ็มวีของวงหลายๆ แบบเข้าด้วยกัน คือเกือบทั้งเพลง สตอรี่ไลน์จะแยกกับไลน์ร้อง แล้วค่อยๆ มาเบลนด์รวมกันในท้ายสุด อารมณ์เหมือนรวมจักรวาลชอบกล (เพราะเอาจริงๆ เอ็มวี Westlife เหมือนงานศิลป์ที่ไม่มีเนื้อเรื่องเด่นชัด แล้วให้เราตีความกันเองอะ ///อ้อ สปอยล์ตอนจบไปหน่อย คงไม่ว่ากันเนอะ)
แต่พอมาซิงเกิลที่สอง Better Man โอ้โห น้ำตาจะไหล Westlife แบบออริจินอลกลับมาแล้ว แค่ฟังตัวอย่างที่ตัดมาวันสองวันก่อนก็ว่าได้กลิ่นชัดแล้วนะ แต่พอฟังเต็มๆ ทั้งเพลง แม่เจ้า Westlife ว่ะ นี่แหละ Westlife เฮีย Ed Sheeran ดึงลายเซ็นของวงออกมาได้ดีเลิศประเสริฐสี (อ้อ Hello My Love เฮียเอ็ดก็แต่งนะ) ก็ต้องยกความดีความชอบให้เฮียเขา โชคดีที่ Ed Sheeran ติ่งเวสต์ไลฟ์พอดี ถือว่า Luise Walse กับ Steeve Mac มองเกมถูก เลือกคนไม่ผิด
พร้อมเสียงเปียโนเปิดเพลง ที่บอกให้คนฟังรู้ว่า Westlife มาแล้วนะ อารมณ์เพลงมีความผสมกันระหว่างวงยุควัยรุ่นกับวัยผู้ใหญ่ ท่อนแรกเปิดมา กลิ่นความเป็น Flying Without Wings แรงมาก เสียงเฮียเชนเด่นมาแต่ไกลจนเหมือนจะโดดออกไปจากเพลง แต่พอเพื่อนๆ อีกสามเริ่มเข้ามารวม เสียงเฮียก็เบลนด์เข้ากันได้อย่างพอดี แถมไลน์ประสานหนักๆ แบบนี้ก็ไม่มีให้เห็นมานานแล้ว เพราะถ้าเป็นยุคตั้งแต่อัลบั้ม Allow Us to be Frank มา ฮุคแรกถ้าไม่ใช่เฮียเชน ก็จะเป็นเฮียมาร์คที่ได้ร้องเดี่ยว (แต่ส่วนใหญ่จะเฮียเชน) แล้วฮุคสองถึงจะร้องพร้อมกันทุกคน แต่เฮียนิคกี้กับเฮียเคียนที่เป็นแบ็คอัพจะไม่ได้ร้องเต็มข้อมาก เน้นไปทางเป็นลูกคู่เบาๆ มากกว่า (บางเพลงแค่ฮัมอย่างเดียวก็มี) เพราะงั้นตรงนี้ก็เลยเหมือนเวสต์ไลฟ์ยุคแรก ยุคสมัยยังเอ๊าะๆ
แต่จุดที่เหมือนวงยุคสุขุมแบบผู้ใหญ่ก็คือการไม่ใช่เพลงแนวพรรณนาตามประสาวัยรุ่นโหยหาความรักแต่จะเน้นการขบคิด การตีความ การถามหาความหมายของความรักในการชีวิตมากขึ้นเหมือนคนที่ผ่านเหตุการณ์ร้ายดีมาแล้วมากมายนั่นแหละ และก็อีกอย่างคือเฮียนิคกี้กับเฮียเคียนมีบทบาทในซิงเกิลหลักมากขึ้น คัมแบ็คคราวนี้เป็นครั้งแรกเลยที่มีท่อนเดียวครบทุกคนในวงสองซิงเกิลติด (และคาดว่าซิงเกิลที่สามก็คงเป็นแบบนี้) ถือว่าดีงามมากครับ แล้วยิ่งปิดเพลงด้วยเสียงเฮียเชน โอ้โห เพรเซนต์เพอร์เฟ็คต์มาก แถมนี่ยังเป็นไม่กี่ครั้งที่ในเพลงมีเนื้อหาให้เล่าเยอะมาก ฮุคแรกกับฮุคสองไม่ซ้ำกันเลย
แถมยังมีตั้งสองบริดจ์ให้เฮียเชนกับเฮียมาร์คแบ่งกันร้องอีกแน่ะ แต่ก็ยังแอบแพ้ Season in the Sun เพลงนั้นนี่แน่นเอี้ยดจริงๆ ใช้ทุกวินาทีของเพลงได้คุ้มสุดๆ ตรงนี้ก็เลยได้ความเป็น Ed Shreeran มาค่อนข้างชัดเจน ถ้าไม่นับฮิบฮอป สายป็อปก็ต้องเฮียเอ็ดเนี่ยแหละที่ยัดเรื่องราวลงในเพลงประมาณสี่นาทีได้แน่นเอี้ยดแต่ฟังแล้วไม่อึดอัดขนาดนี้