เราขับรถมานานหลายปียังไม่มีใบขับขี่ จึงอยากทำให้ถูกต้องค่ะ จึงหาข้อมูลจากหน้าเพจต่างๆ เราสนใจ รร.สอนขับรถแถวนวนครค่ะ เห็นในเพจบอกว่ารับ-ส่งฟรี พาไปสอบฟรี ครูสอนเข้าใจ เราจึงติดต่อไปยังเบอร์ในเพจค่ะ คนที่รับสายเป็นนายหน้าหา นร.ค่ะ เราจึง add line กันและตกลงเรียนค่ะ นายหน้าแนะนำเรียน 4 ชม. เพราะเรามีพื้นฐานมาแล้วเน้นเรียนท่าสอบเป็นหลัก เมื่อตกลงราคากันได้ เราก็โอนเงินให้ค่ะ นายหน้าส่งคลิปทฤษฎีที่มีความยาว 5 ชม.+แนวข้อสอบให้และนัดวันเรียน วันอบรมทฤษฎี และวันสอบ เรารีบจัดตารางชีวิตและทำการนัดเสร็จสับค่ะ
พอถึงวันเรียนขับรถ นายหน้าจะทำการส่งชื่อ-เบอร์โทรของครูที่สอนขับรถมาให้ค่ะ วันแรกครูมาตรงเวลา มารับใกล้บ้าน 2 ชม.ของวันแรกเน้นซ้อมท่าสอบ เลิกตามเวลา เรารู้สึกดีมากค่ะ
วันที่ 2 ของการเรียน นายหน้าส่งชื่อ-เบอร์โทรของครูเหมือนเดิม แต่ไม่ใช่คนเดิมที่มาค่ะ ครูคนนี้มาสาย 1 ชม. ให้เราขับรถหลงทางไปไหนไม่รู้ สรุปว่า 2 ชม.หลังไม่ได้ซ้อมค่ะ เสียเวลามาก แถมยังทิ้งเรากลางทาง เราต้องเสียตังอีกเกือบ 200 บาทเพื่อกลับบ้านเอง
หลังจากนั้นอีก 3 วันก็เป็นวันที่ต้องไปอบรมทฤษฎี 5 ชม. แต่ก่อนหน้านั้น 1 วัน นายหน้าโทรมาหาเราแล้วบอกว่า"น้องเนื้อหาที่พี่ส่งไปกับเนื้อหาที่จะไปอบรมเป็นเนื้อหาเดียวกัน น้องไม่ต้องไปนั่งอบรมก็ได้ พี่จะล็อคที่นั่งไว้ให้ ให้น้องส่งบัตร ปชช.มาให้พี่ พี่จะได้เอาไปใช้รับใบรับรองการอบรมให้ พี่ขอคิดเงินเพิ่ม 300 บาท (ห๊ะ....แบบนี้ก็มีด้วย......แต่คิดในทางที่ดีเราจะได้มีเวลาทบทวนข้อเขียน)เราจึงโอนให้เค้าไปค่ะ(ค่าอบรม 500+300=800)
หลังจากนั้นวันสอบก็มาถึง ก่อนวันสอบ 1 วัน นายหน้าส่ง line มานัดสถานที่ที่ครูจะมารับไปสอบ ซึ่งมันไกลจากบ้านเรามาก ใช้เวลา 45 นาทีในการเดินทาง เราพยายามขอร้องยังไงก็ไม่ยอม นายหน้าเน้นว่าต้องไม่เกิน 8.30 น. พอถึงวันสอบเราต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 รีบอาบน้ำ แต่งตัว เรียก grab มอไซด์ไป เสียเงินไป 200 กว่าบาทเพื่อให้ทัน 8.30 น. แต่ครูมาจาก 9.30 น.(เป็นครูคนเดียวกับที่สอนเราในที่ 2) รอกันไปซิ ยังไม่พอเพราะครูนัด นร.ที่จะไปสอบด้วยกันอีก 4 คน นั่งเบียดกันในรถเหมือนปลากระป๋อง บ้านเราอยู่นนทบุรีไปสอบที่อยุธยา คิดดูซิว่าถ้ามีคนใดคนนึงตดออกมาจะเป็นยังไง....
ก่อนถึงอยุธยา ครูได้แวะที่ รร.สอนขับรถก่อนเพื่อให้ นร.เซนต์เอกสาร เราตื่นเต้นมากที่จะได้เห็น รร. พอก้าวลงจากรถปั๊ป สิ่งที่เห็นมันแตกต่างจากสิ่งที่คิดอย่างสิ้นเชิด ภาพที่เห็นคือห้องสี่เหลี่ยมโง่ๆหลังนึง ไม่มีชั้น ซึ่งด้านในมีสารพัดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งพุทธ ทั้งจีน ทั้งไสยศาตร์ รวมกัน มีโต๊ะบัญชีขึ้นสนิท 2 ตัว เก้าอี้ขึ้นสนิทอีก 3 ตัว โซฟาเก่าๆดำๆเล็กๆ 1 ตัว(ที่นั่งได้ 3 คนเต็ม) ของทั้งหมดที่กล่าวมาถูกจัดเรียงกันแบบเต็มห้อง นายหน้าก็รีบออกมาต้อนรับพร้อมทั้งให้เซนต์เอกสาร ดูหลักฐานต่างๆ ทั้งใบรับรองการอบรม+บัตร ปชช.+ใบรับรองแพทย์และพูดย้ำอยู่แต่ประโยคเดียวเป็น 10+++ รอบว่า"ถ้ามีคนมาถามว่าอบรมที่ไหน ให้บอกว่าอบรมที่........ราคา........"<img class="img-emotion-item img-emo" src="
https://ptcdn.info/emoticons/emoticon-cry.png" data-bbcode="
">จะย้ำเพื่อ???)ไม่ใช่เท่านั้น เรามาดูในใบรับรองการอบรม มันออกวันที่ 12 เราไปสอบวันที่ 13 (หนังสือราชการนี่ออกได้เร็วทันใจดีจริงๆ) ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็เดินทางต่อ...
ถึงสนามสอบเราไปทดสอบต่างๆและก็ไปสอบข้อเขียน เราทำข้อเขียนผ่าน ช่วงบ่ายเราก็สอบปฏิบัติ สนามสอบเหมือนสนามจริงทุกอย่าง กรรมการมี 3 คนนั่งในศาลา มีคนปล่อยรถ 1 คน ช่วงรอเราก็ไปนั่งดูคนอื่นสอบซ่อมกัน งงมาก กรรมการดูมั้ง ไม่ดูมั้ง ทำไมถึงได้สอบตกกันเยอะขนาดนี้ บางคนถูกดอง้ป็น 10++ ครั้งก็ยังไม่ผ่าน มันเกิดอะไรขึ้น ในใจคิดว่าเค้าคงมาตราฐานสูง ต้องเป๊ะๆ ถึงจะผ่าน พอถึงเวลาที่เราต้องสอบแล้ว เราสอบตกท่าแรกคือท่าเทียบข้าง เราขับรถเลยป้ายเพราะเราเข้าใจผิดเอง(ไม่เป็นไร เราต้องฝึกให้มากกว่าเดิมแล้วจะมาสอบใหม่) นร.ที่มาด้วยกันมีผ่าน 1 คน ที่เหลือตกหมด เราหอบสังขารกลับบ้านเพราะหมดแรง แต่ยังดีที่ครูไปส่ง เราก็นึกว่าครูจะใจดีนะ ที่ไหนได้ทิ้งเรากลางทางซะงั้น (ทางก็ช้า ต้องมานั่งรอ สอบตก แถมครูทิ้งอีก....ชีวิตนี้จะมีอะไรดีไหมเนี่ย)
หลังจากนั้นอีก 3 วันเป็นวันสอบซ้อมครั้งที่ 1 เราคิดแล้วว่าเราต้องเอารถไปเองเพราะรถจะได้เคยมือ ออกจะบ้าน 7 น. ไปถึงสนามสอบ 8.30 น. 9 น.ปั๊ปสอบปุ๊ป ตกอีกเพราะไม่ถึงป้าย เราตั้งสติแล้วคิดว่าต้องซ้อมให้มากขึ้นอีก เราหอบความเสียใจกลับบ้าน ช่วงบ่ายๆ นายหน้าส่ง line มาถาม เราก็บอกแบบตรงๆว่าไม่ผ่าน นายหน้าถามเลยว่า"จะซื้อไหม เดี๋ยวพี่จัดการให้" เราตอบกลับแบบไม่คิดเลยว่า"ขอพยายามอีกครั้งค่ะ" (เดี๋ยวนี้เสนอกันออกสื่อขนาดนี้เลยเหรอ)
การสอบซ่อมครั้งที่ 2 ก็มาถึง หลังจากที่เราฝึกซ้อมมาอย่างหนัก โดยมีแฟนเราเป็นคนเทรนให้ และวันนี้แฟนกับลูกก็มาเป็นกำลังใจด้วย มาถึงเวลาเดิมและทำขั้นตอนเดิม ตอนที่เราสอบแฟนเรายืนมองอยู่ท้ายรถ แฟนเราเห็นหมดว่าด้านข้างพอดีเส้นไหม ด้านหน้าถึงเส้นไหม ในขณะที่เอารถสอบ เราค่อยๆเคลื่อนรถไป เราเห็นแล้วว่าด้านข้างล้อพอดีเส้น เราเคลื่อนรถไปตรงๆ ในขณะที่รถใกล้ถึงป้าย กรรมการตะโกนมาว่า"ล้อปีนฟุตบาทแล้ว" เราพยายามมองล้อ แต่ทั้งรถทั้งล้อก็ตรงอยู่ในเส้น เราเปิดกระจก 2 ข้าง คาดเข็มขัด ถ้าชนฟุตบาทเราก็ต้องรู้สึกซิ แต่นี่ไม่รู้สึกอะไรเลย กรรมการเดินตามมาที่รถทั้งๆที่รถยังไม่ถึงป้าย ตะโกนใส่หน้าเราว่า"น้องล้อปีนฟุตบาท ไม่รู้สึกหรือไง ไม่ต้องขับแล้ว หักหัวรถออกเลย ไปนัดวันซ่อม (กวนสมาธิ กติกาคือให้จอดรถได้เพียงครั้ง นี่รถยังไม่จอดเลย ไม่ชนด้วย จะมาตะโกนใส่หน้าทำไม)เราตั้งสติเคลื่อนรถไปจนถึงป้าย พอรถหยุด เรามองล้อ ตรงเส้นทั้ง 2 ล้อ หน้าก็ตรงเส้น เรางง ทำอะไรไม่ถูก เราสอบตกได้ไง เราจึงเคลื่อนรถจอดเข้าไปนัดวันซ่อมแบบงงๆ เสร็จก็วนรถมารับแฟนกับลูก แฟนถามว่า"แล้วไปถ่ายรูปที่ไหน"เราเลยเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง แฟนโกรธมาก เข้าไปคุยกับกรรมการเพราะสิ่งที่แฟนเห็นคือไม่เบียด ไม่ชน หน้าถึงเส้น กรรมการก็ไม่ยอมให้ผ่าน แฟนขี้เกียจเถียงด้วย เราจึงพาแฟนกลับบ้าน
ในขณะที่เดินทางกลับเราก็คุยเรื่องนี้ตลอดทาง เราเลยเล่าเรื่องที่นายหน้ายื่นข้อเสนอให้ฟัง และสิ่งที่เราสงสัยคือการที่กรรมการดองเราไว้ ไม่ให้ผ่าน มันต้องมีเอี่ยวกับนายหน้าแน่นอน เราไม่เสียใจนะที่วันนี้เราสอบไม่ผ่าน เราสอบไม่ผ่านเพราะกรรมการแกล้ง ไม่ใช่เพราะฝีมือเรา เราตั้งใจแล้วว่าเราจะสอบที่นี่เป็นวันสุดท้าย แต่ด้วยความที่แฟนเรารู้ว่าเราตั้งใจมาก เราพยายามฝึกซ้อมหนักมาก เรายอมตื่นแต่เช้าเพื่อมาสอบ เราต้องรับ-ส่งลูก เลี้ยงลูกเอง เราใช้เวลาเรื่องทำใบขับขี่มา 1 เดือนเต็มๆ ซึ่งมันนานมากแล้ว แฟนเราจึงตัดสินใจรับข้อเสนอจากนายหน้า นายหน้าเรียกเพิ่มอีก 2000 บาท บอกว่า"สอบพอเป็นพิธี แล้วจะช่วยให้ผ่าน"แฟนเราจึงยอมโอนตังไปให้ แล้วต้องไปสอบซ่อมในครั้งต่อไป
การสอบซ่อมครั้งที่ 3 ก็มาถึง นายหน้าส่ง line มาถามเราว่า"จะถึงสนามสอบกี่โมง ถ้าถึงแล้วให้เราโทรหา" พอถึงเราก็โทรหา นายหน้าให้เบอร์กรรมการคุมสอบมา ให้เราไปเจอกับเค้า พอเจอปั๊ปคำถามแรกที่กรรมการคนนี้ถามคือ"เป็นเด็กของเจ้.......?"<img class="img-emotion-item img-emo" src="
https://ptcdn.info/emoticons/emoticon-cry.png" data-bbcode="
">ในใจคิดเรามีสังกัดตั้งแต่เมื่อไหร่) เค้าถามว่ารถสิ่งอะไร ไม่ได้บอกอะไรอย่างอื่นเลย เราเองก็ไม่ได้สนใจอะไรเค้ามากด้วย พอถึงเวลาสอบเค้าก็เดินมาประกบข้างรถ บอกตำแหน่งการตั้งล้อพร้อมกับตะโกนด่า(เพื่อ?......รู้ไหมว่าเราตกใจมากนะ)เราก็ทำตามที่เค้าบอกทุกอย่าง ค่อยๆเคลื่อนรถไป สรุปว่าข้างห่าง สอบตกอีก เค้าก็นัดให้สอบใหม่ พอนัดเสร็จก็โทรหานายหน้า นายหน้าใช้เวลาคุยกับกรรมการไม่เกิน 2 นาทีแล้วโทรกลับหาเรา บอกว่า"น้อง กรรมการบอกว่าข้างห่างแบบน่าเกลียด พี่ช่วยอะไรน้องไม่ได้ ให้น้องมาสอบซ่อมคราวต่อไปนะ เดี๋ยวพี่ช่วย" ตอนนั้นความรู้สึกของเราคิดว่าถ้าคราวหน้ามาสอบ ถ้าสอบได้ มันก็จะได้ด้วยฝีมือเราเอง แล้วตัง 2000 ก็จะจ่ายฟรี แล้วถ้าสอบไม่ผ่าน ก็จะนัดสอบแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราเลยปฏิเสธ จะไม่มาสอบที่นี่อีกแล้ว นายหน้าบอกว่า"จะคืนตัง 2000 ให้ ช่วงเย็นๆ" พอโทรไปช่วงเย็น ปิดเครื่องหนี วันนี้แฟนโทรไปตามบอกว่า"ตัง 2000 ให้กรรมการไปแล้ว.พี่ขอทวงอีกที ถ้าไม่ได้พี่จะเป็นคนจ่ายให้เอง แต่ต้องรอวัน พ. และแฟนเราก็ยอม เรากับแฟนคิดตรงกันว่ายังไงก็ไม่มีวันได้ตังคืนแน่ๆ
เรารู้สึกผิดมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเราหาข้อมูลให้ดีก่อน ไม่หลงเชื่อเพจหลอกลวง ถ้าเราฝึกซ้อมให้ดีตั้งแต่แรก เราคงสอบผ่าน ไม่ถูกดองเป็นเดือนๆให้เสียเวลา แทนที่เราสอบไม่ผ่านจะแก้ไขโดยการฝึกให้หนักขึ้นแล้วสอบใหม่ แต่เลือกวิธีลัด ถึงแม้แฟนเราจะเป็นคนเลือกให้ แต่ถ้าเราปฏิเสธเสียงแข็ง ก็คงไม่ต้องเสียตังเพิ่ม ใน case ของเรานี้ ขอให้คนอ่านอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ให้ใช้สติไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะทำ เราต้องยืนด้วยขาของเราเอง ไม่ใช่พอเราทำไม่ได้ ก็ให้คนอื่นช่วย ให้ใช้เรื่องของเราเป็นวิทยาธานเพื่อไม่ให้ผู้อ่านหลงทำผิดเหมือนเรา
ถูกหลอกค่ะ.
พอถึงวันเรียนขับรถ นายหน้าจะทำการส่งชื่อ-เบอร์โทรของครูที่สอนขับรถมาให้ค่ะ วันแรกครูมาตรงเวลา มารับใกล้บ้าน 2 ชม.ของวันแรกเน้นซ้อมท่าสอบ เลิกตามเวลา เรารู้สึกดีมากค่ะ
วันที่ 2 ของการเรียน นายหน้าส่งชื่อ-เบอร์โทรของครูเหมือนเดิม แต่ไม่ใช่คนเดิมที่มาค่ะ ครูคนนี้มาสาย 1 ชม. ให้เราขับรถหลงทางไปไหนไม่รู้ สรุปว่า 2 ชม.หลังไม่ได้ซ้อมค่ะ เสียเวลามาก แถมยังทิ้งเรากลางทาง เราต้องเสียตังอีกเกือบ 200 บาทเพื่อกลับบ้านเอง
หลังจากนั้นอีก 3 วันก็เป็นวันที่ต้องไปอบรมทฤษฎี 5 ชม. แต่ก่อนหน้านั้น 1 วัน นายหน้าโทรมาหาเราแล้วบอกว่า"น้องเนื้อหาที่พี่ส่งไปกับเนื้อหาที่จะไปอบรมเป็นเนื้อหาเดียวกัน น้องไม่ต้องไปนั่งอบรมก็ได้ พี่จะล็อคที่นั่งไว้ให้ ให้น้องส่งบัตร ปชช.มาให้พี่ พี่จะได้เอาไปใช้รับใบรับรองการอบรมให้ พี่ขอคิดเงินเพิ่ม 300 บาท (ห๊ะ....แบบนี้ก็มีด้วย......แต่คิดในทางที่ดีเราจะได้มีเวลาทบทวนข้อเขียน)เราจึงโอนให้เค้าไปค่ะ(ค่าอบรม 500+300=800)
หลังจากนั้นวันสอบก็มาถึง ก่อนวันสอบ 1 วัน นายหน้าส่ง line มานัดสถานที่ที่ครูจะมารับไปสอบ ซึ่งมันไกลจากบ้านเรามาก ใช้เวลา 45 นาทีในการเดินทาง เราพยายามขอร้องยังไงก็ไม่ยอม นายหน้าเน้นว่าต้องไม่เกิน 8.30 น. พอถึงวันสอบเราต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 รีบอาบน้ำ แต่งตัว เรียก grab มอไซด์ไป เสียเงินไป 200 กว่าบาทเพื่อให้ทัน 8.30 น. แต่ครูมาจาก 9.30 น.(เป็นครูคนเดียวกับที่สอนเราในที่ 2) รอกันไปซิ ยังไม่พอเพราะครูนัด นร.ที่จะไปสอบด้วยกันอีก 4 คน นั่งเบียดกันในรถเหมือนปลากระป๋อง บ้านเราอยู่นนทบุรีไปสอบที่อยุธยา คิดดูซิว่าถ้ามีคนใดคนนึงตดออกมาจะเป็นยังไง....
ก่อนถึงอยุธยา ครูได้แวะที่ รร.สอนขับรถก่อนเพื่อให้ นร.เซนต์เอกสาร เราตื่นเต้นมากที่จะได้เห็น รร. พอก้าวลงจากรถปั๊ป สิ่งที่เห็นมันแตกต่างจากสิ่งที่คิดอย่างสิ้นเชิด ภาพที่เห็นคือห้องสี่เหลี่ยมโง่ๆหลังนึง ไม่มีชั้น ซึ่งด้านในมีสารพัดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งพุทธ ทั้งจีน ทั้งไสยศาตร์ รวมกัน มีโต๊ะบัญชีขึ้นสนิท 2 ตัว เก้าอี้ขึ้นสนิทอีก 3 ตัว โซฟาเก่าๆดำๆเล็กๆ 1 ตัว(ที่นั่งได้ 3 คนเต็ม) ของทั้งหมดที่กล่าวมาถูกจัดเรียงกันแบบเต็มห้อง นายหน้าก็รีบออกมาต้อนรับพร้อมทั้งให้เซนต์เอกสาร ดูหลักฐานต่างๆ ทั้งใบรับรองการอบรม+บัตร ปชช.+ใบรับรองแพทย์และพูดย้ำอยู่แต่ประโยคเดียวเป็น 10+++ รอบว่า"ถ้ามีคนมาถามว่าอบรมที่ไหน ให้บอกว่าอบรมที่........ราคา........"<img class="img-emotion-item img-emo" src="https://ptcdn.info/emoticons/emoticon-cry.png" data-bbcode="">จะย้ำเพื่อ???)ไม่ใช่เท่านั้น เรามาดูในใบรับรองการอบรม มันออกวันที่ 12 เราไปสอบวันที่ 13 (หนังสือราชการนี่ออกได้เร็วทันใจดีจริงๆ) ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็เดินทางต่อ...
ถึงสนามสอบเราไปทดสอบต่างๆและก็ไปสอบข้อเขียน เราทำข้อเขียนผ่าน ช่วงบ่ายเราก็สอบปฏิบัติ สนามสอบเหมือนสนามจริงทุกอย่าง กรรมการมี 3 คนนั่งในศาลา มีคนปล่อยรถ 1 คน ช่วงรอเราก็ไปนั่งดูคนอื่นสอบซ่อมกัน งงมาก กรรมการดูมั้ง ไม่ดูมั้ง ทำไมถึงได้สอบตกกันเยอะขนาดนี้ บางคนถูกดอง้ป็น 10++ ครั้งก็ยังไม่ผ่าน มันเกิดอะไรขึ้น ในใจคิดว่าเค้าคงมาตราฐานสูง ต้องเป๊ะๆ ถึงจะผ่าน พอถึงเวลาที่เราต้องสอบแล้ว เราสอบตกท่าแรกคือท่าเทียบข้าง เราขับรถเลยป้ายเพราะเราเข้าใจผิดเอง(ไม่เป็นไร เราต้องฝึกให้มากกว่าเดิมแล้วจะมาสอบใหม่) นร.ที่มาด้วยกันมีผ่าน 1 คน ที่เหลือตกหมด เราหอบสังขารกลับบ้านเพราะหมดแรง แต่ยังดีที่ครูไปส่ง เราก็นึกว่าครูจะใจดีนะ ที่ไหนได้ทิ้งเรากลางทางซะงั้น (ทางก็ช้า ต้องมานั่งรอ สอบตก แถมครูทิ้งอีก....ชีวิตนี้จะมีอะไรดีไหมเนี่ย)
หลังจากนั้นอีก 3 วันเป็นวันสอบซ้อมครั้งที่ 1 เราคิดแล้วว่าเราต้องเอารถไปเองเพราะรถจะได้เคยมือ ออกจะบ้าน 7 น. ไปถึงสนามสอบ 8.30 น. 9 น.ปั๊ปสอบปุ๊ป ตกอีกเพราะไม่ถึงป้าย เราตั้งสติแล้วคิดว่าต้องซ้อมให้มากขึ้นอีก เราหอบความเสียใจกลับบ้าน ช่วงบ่ายๆ นายหน้าส่ง line มาถาม เราก็บอกแบบตรงๆว่าไม่ผ่าน นายหน้าถามเลยว่า"จะซื้อไหม เดี๋ยวพี่จัดการให้" เราตอบกลับแบบไม่คิดเลยว่า"ขอพยายามอีกครั้งค่ะ" (เดี๋ยวนี้เสนอกันออกสื่อขนาดนี้เลยเหรอ)
การสอบซ่อมครั้งที่ 2 ก็มาถึง หลังจากที่เราฝึกซ้อมมาอย่างหนัก โดยมีแฟนเราเป็นคนเทรนให้ และวันนี้แฟนกับลูกก็มาเป็นกำลังใจด้วย มาถึงเวลาเดิมและทำขั้นตอนเดิม ตอนที่เราสอบแฟนเรายืนมองอยู่ท้ายรถ แฟนเราเห็นหมดว่าด้านข้างพอดีเส้นไหม ด้านหน้าถึงเส้นไหม ในขณะที่เอารถสอบ เราค่อยๆเคลื่อนรถไป เราเห็นแล้วว่าด้านข้างล้อพอดีเส้น เราเคลื่อนรถไปตรงๆ ในขณะที่รถใกล้ถึงป้าย กรรมการตะโกนมาว่า"ล้อปีนฟุตบาทแล้ว" เราพยายามมองล้อ แต่ทั้งรถทั้งล้อก็ตรงอยู่ในเส้น เราเปิดกระจก 2 ข้าง คาดเข็มขัด ถ้าชนฟุตบาทเราก็ต้องรู้สึกซิ แต่นี่ไม่รู้สึกอะไรเลย กรรมการเดินตามมาที่รถทั้งๆที่รถยังไม่ถึงป้าย ตะโกนใส่หน้าเราว่า"น้องล้อปีนฟุตบาท ไม่รู้สึกหรือไง ไม่ต้องขับแล้ว หักหัวรถออกเลย ไปนัดวันซ่อม (กวนสมาธิ กติกาคือให้จอดรถได้เพียงครั้ง นี่รถยังไม่จอดเลย ไม่ชนด้วย จะมาตะโกนใส่หน้าทำไม)เราตั้งสติเคลื่อนรถไปจนถึงป้าย พอรถหยุด เรามองล้อ ตรงเส้นทั้ง 2 ล้อ หน้าก็ตรงเส้น เรางง ทำอะไรไม่ถูก เราสอบตกได้ไง เราจึงเคลื่อนรถจอดเข้าไปนัดวันซ่อมแบบงงๆ เสร็จก็วนรถมารับแฟนกับลูก แฟนถามว่า"แล้วไปถ่ายรูปที่ไหน"เราเลยเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง แฟนโกรธมาก เข้าไปคุยกับกรรมการเพราะสิ่งที่แฟนเห็นคือไม่เบียด ไม่ชน หน้าถึงเส้น กรรมการก็ไม่ยอมให้ผ่าน แฟนขี้เกียจเถียงด้วย เราจึงพาแฟนกลับบ้าน
ในขณะที่เดินทางกลับเราก็คุยเรื่องนี้ตลอดทาง เราเลยเล่าเรื่องที่นายหน้ายื่นข้อเสนอให้ฟัง และสิ่งที่เราสงสัยคือการที่กรรมการดองเราไว้ ไม่ให้ผ่าน มันต้องมีเอี่ยวกับนายหน้าแน่นอน เราไม่เสียใจนะที่วันนี้เราสอบไม่ผ่าน เราสอบไม่ผ่านเพราะกรรมการแกล้ง ไม่ใช่เพราะฝีมือเรา เราตั้งใจแล้วว่าเราจะสอบที่นี่เป็นวันสุดท้าย แต่ด้วยความที่แฟนเรารู้ว่าเราตั้งใจมาก เราพยายามฝึกซ้อมหนักมาก เรายอมตื่นแต่เช้าเพื่อมาสอบ เราต้องรับ-ส่งลูก เลี้ยงลูกเอง เราใช้เวลาเรื่องทำใบขับขี่มา 1 เดือนเต็มๆ ซึ่งมันนานมากแล้ว แฟนเราจึงตัดสินใจรับข้อเสนอจากนายหน้า นายหน้าเรียกเพิ่มอีก 2000 บาท บอกว่า"สอบพอเป็นพิธี แล้วจะช่วยให้ผ่าน"แฟนเราจึงยอมโอนตังไปให้ แล้วต้องไปสอบซ่อมในครั้งต่อไป
การสอบซ่อมครั้งที่ 3 ก็มาถึง นายหน้าส่ง line มาถามเราว่า"จะถึงสนามสอบกี่โมง ถ้าถึงแล้วให้เราโทรหา" พอถึงเราก็โทรหา นายหน้าให้เบอร์กรรมการคุมสอบมา ให้เราไปเจอกับเค้า พอเจอปั๊ปคำถามแรกที่กรรมการคนนี้ถามคือ"เป็นเด็กของเจ้.......?"<img class="img-emotion-item img-emo" src="https://ptcdn.info/emoticons/emoticon-cry.png" data-bbcode="">ในใจคิดเรามีสังกัดตั้งแต่เมื่อไหร่) เค้าถามว่ารถสิ่งอะไร ไม่ได้บอกอะไรอย่างอื่นเลย เราเองก็ไม่ได้สนใจอะไรเค้ามากด้วย พอถึงเวลาสอบเค้าก็เดินมาประกบข้างรถ บอกตำแหน่งการตั้งล้อพร้อมกับตะโกนด่า(เพื่อ?......รู้ไหมว่าเราตกใจมากนะ)เราก็ทำตามที่เค้าบอกทุกอย่าง ค่อยๆเคลื่อนรถไป สรุปว่าข้างห่าง สอบตกอีก เค้าก็นัดให้สอบใหม่ พอนัดเสร็จก็โทรหานายหน้า นายหน้าใช้เวลาคุยกับกรรมการไม่เกิน 2 นาทีแล้วโทรกลับหาเรา บอกว่า"น้อง กรรมการบอกว่าข้างห่างแบบน่าเกลียด พี่ช่วยอะไรน้องไม่ได้ ให้น้องมาสอบซ่อมคราวต่อไปนะ เดี๋ยวพี่ช่วย" ตอนนั้นความรู้สึกของเราคิดว่าถ้าคราวหน้ามาสอบ ถ้าสอบได้ มันก็จะได้ด้วยฝีมือเราเอง แล้วตัง 2000 ก็จะจ่ายฟรี แล้วถ้าสอบไม่ผ่าน ก็จะนัดสอบแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราเลยปฏิเสธ จะไม่มาสอบที่นี่อีกแล้ว นายหน้าบอกว่า"จะคืนตัง 2000 ให้ ช่วงเย็นๆ" พอโทรไปช่วงเย็น ปิดเครื่องหนี วันนี้แฟนโทรไปตามบอกว่า"ตัง 2000 ให้กรรมการไปแล้ว.พี่ขอทวงอีกที ถ้าไม่ได้พี่จะเป็นคนจ่ายให้เอง แต่ต้องรอวัน พ. และแฟนเราก็ยอม เรากับแฟนคิดตรงกันว่ายังไงก็ไม่มีวันได้ตังคืนแน่ๆ
เรารู้สึกผิดมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเราหาข้อมูลให้ดีก่อน ไม่หลงเชื่อเพจหลอกลวง ถ้าเราฝึกซ้อมให้ดีตั้งแต่แรก เราคงสอบผ่าน ไม่ถูกดองเป็นเดือนๆให้เสียเวลา แทนที่เราสอบไม่ผ่านจะแก้ไขโดยการฝึกให้หนักขึ้นแล้วสอบใหม่ แต่เลือกวิธีลัด ถึงแม้แฟนเราจะเป็นคนเลือกให้ แต่ถ้าเราปฏิเสธเสียงแข็ง ก็คงไม่ต้องเสียตังเพิ่ม ใน case ของเรานี้ ขอให้คนอ่านอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ให้ใช้สติไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะทำ เราต้องยืนด้วยขาของเราเอง ไม่ใช่พอเราทำไม่ได้ ก็ให้คนอื่นช่วย ให้ใช้เรื่องของเราเป็นวิทยาธานเพื่อไม่ให้ผู้อ่านหลงทำผิดเหมือนเรา