เปิดประวัติ อ.มนัส สิวาภิรมย์รัตน์ เกจิสายพระเวทย์ผู้ยังมีชีวิตอยู่ / โดย คลังพระเวทย์

ผู้เขียนได้เคยกล่าวถึงท่าน อ.มนัส สิวาภิรมย์รัตน์ ในบทความยาวาสนาจินดามณีเมื่อครั้งก่อน และได้รับความสนใจจากผู้อ่าน อยากทราบประวัติความเป็นมาของท่านกันเป็นจำนวนมาก จึงได้ปรึกษาขออนุญาตท่านอ.มนัส ในการเปิดเผยเรื่องราวความเป็นมา ให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษารับรู้กัน
นอกจากยาวาสนาจินดามณีที่อ.มนัส ได้สร้างซึ่งได้เล่าในบทความก่อนแล้ว ท่านยังเชี่ยวชาญในการสร้างเครื่องรางของขลังอีกมากมาย เช่น ตะกรุดโสฬส, ตะกรุดหูช้าง, ตะกรุดมหาระงับ, ยันต์จักรพรรดิตราธิราชและนะฉัพพรรณรังสี, สาริกาลิ้นทอง, วิชากรีดอิฐ, วิชาฝังเข็มทองคำโสฬส ฯลฯ โดยได้ศึกษาจากเกจิอาจารย์ต่างๆ โดยตรงเกือบตลอดชีวิตของท่าน

อีกทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ทั้ง 10 ลัคนาและดูลายมือ จนผู้ที่มาดูด้วยต่างกล่าวขานกันถึงความแม่นยำต่อดวงชะตาราศีของตนที่ให้ท่านดูแทบทั้งสิ้น

เหตุการณ์ทางสมาธิภาวนา

อ.มนัส ท่านมีความสนใจในการปฏิบัติสมาธิมาตั้งแต่เด็ก ได้เคยศึกษาการทำสมาธิที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และได้นำมาฝึกปฏิบัติเองเรื่อยมาจนเมื่อแต่งงานแล้ว ในวันหนึ่งขณะท่านอ.มนัส ได้นั่งสมาธิแล้วเกิดนิมิตรขึ้นว่า เห็นวัดวัดหนึ่งมีศาลาไม้อยู่ริมน้ำ มองเห็นว่าเป็นวัดศาลายา และแถวบริเวณนั้นก็มีโรงค้าไม้ ท่านจึงอธิษฐานจิตถามว่าสิ่งที่เห็นนั้นมันเกี่ยวอะไรกับตัวเรา ในนิมิตรก็บอกว่าในอดีตท่านอ.มนัส ได้เกิดเป็นเจ้าของโรงไม้อยู่บริเวณนั้น ในนิมิตรนั้นบอกว่าตอนนั้นมีภรรยาถึง 4 คน และตนเองก็มัวแต่ทำงานนั่งดีดลูกคิด ไม่ได้ให้ความสุขดูแลภรรยา จึงทำให้ภรรยาต่างคนก็ต่างมีชู้ มีชู้ถึง 3 คน หลังจากนั้นตนเองก็รู้สึกกลุ้มใจ ปลงตก จึงไปโกนหัวบวชและบวชไปตลอดชีวิตจนสิ้นชีวิตในผ้าเหลืองในชาตินั้น

หลังจากออกจากสมาธิแล้ววันหนึ่งได้เจอทหารเกณฑ์อยู่แถววัดรางบัว ซึ่งขณะนั้นอ.มนัสเปิดร้านขายของอยู่ ซึ่งทหารคนนั้นจะมาซื้อไพ่อลาดินไปให้เจ้านายเล่น จึงมาซื้อที่ร้านของอ.มนัสเป็นประจำ จึงได้คุยกันถามว่าบ้านอยู่ไหนอย่างไร ทหารบอกว่าอยู่แถวนครปฐม ศาลายา จึงถามต่อว่าแถวศาลายามีวัดไหม (เพราะสมัยนั้นท่านอ.มนัส ยังไม่เคยไปแถวศาลายามาก่อนเลย) ทหารบอกว่ามี ท่านจึงถามต่อว่าอยู่ตรงไหนยังไง แล้วก็ขับรถไปดูก็ปรากฏว่าเจอวัดศาลายาเห็นศาลาริมน้ำและแถวนั้นก็มีโรงไม้หลายโรงเหมือนตามที่เห็นในนิมิตร และวัดศาลายาก็คือวัดที่ชาติก่อนท่านอ.มนัส บวชนั่นเอง
ด้วยความที่ท่านเป็นผู้ที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียน อ.มนัส ท่านไปเรียนวิชาสายพระเวทย์วิทยาคมและโหราศาสตร์มามากมายจากหลายครูบาอาจารย์ จนถือได้ว่าท่านเป็นอาจารย์ฆราวาส ผู้สืบสานตำนานพระเวทย์วิทยาคมจากสำนักตักศิลาใหญ่ๆในอดีต และจากพระคณาจารย์โด่งดังมากมาย ที่ปัจจุบันหลายคนมักเรียกท่านเป็นดั่ง "คลังพระเวทย์เคลื่อนที่"

อ.มนัส หรือบางคนในวงการเรียกว่า อ.เสี่ย เพราะด้วยฐานะทางบ้านเดิมนับได้ว่าเป็นผู้มีฐานะดีเข้าขั้นเศรษฐีก็ว่าได้ ท่านจึงมีเวลาทุ่มเทไปในการเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ที่ทรงวิทยาคม เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ร่ำเรียนวิชาต่างๆที่ท่านมักเรียกวิชาที่ท่านเรียกนี้ว่าเป็น "สายเฮง"
คือหนึ่งครูบาอาจารย์ที่ท่านไปฝากตัวเรียนนั้นๆ ต้องมีสายวิชาที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณเป็นที่ปรากฎ ผู้คนต่างๆให้ความเคารพนับถือ สองครูบาอาจารย์นั้นๆต้องเป็นผู้ที่รู้จริง

ซึ่งพอที่จะประมวลสายวิชาที่ท่านอาจารย์มนัส ได้ไปศึกษาสืบทอดมาได้ดังนี้

- อ.มนัสท่านไปเป็นศิษย์ของท่านพระครูพิชัยณรงค์ฤทธิ์ วัดคอกหมู (สิตาราม) ตั่งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ โดยหลักๆ ท่านมอบวิชา "ทองนพเก้า" และวิชาถอนคุณไสย์ให้ (วิชาทองนพเก้านี้ เป็นวิชาของบรมครูหลวงปู่ทอง แห่งวัดราชโยธา)

- สายวิชาวัดประดู่ทรงธรรมอ.มนัส ท่านได้ศึกษาวิชาสายวัดประดู่ทรงธรรมที่เป็นหนึ่งในตักศิลาทางพระเวทย์อันดับต้นๆ ในบ้านเรา ท่านได้ศึกษาจากหลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง จ.นนทบุรี และหลวงพ่อแทน วัดธรรมเสน จ.ราชบุรี อีกทั้งท่านยังได้ ศึกษาจากหลวงพ่อสละ วัดประดู่ทรงธรรมโดยตรงอีกด้วย

- สายวิชาหลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม วัดสะพานสูง วิชาตะกรุดโสฬสมงคล เสก ๑ หมื่นจบ ตะกรุดที่ยอมรับว่าเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทยก็คือ ตะกรุดโสฬสมงคลของบรมครูหลวงปู่เอี่ยม แห่งวัดสะพานสูง ท่านอ.มนัสได้เรียนตำราตะกรุดโสฬสมงคลจากหลวงปู่ทองสุข วัดสะพานสูง และยังได้เทียบตำราจากพระอาจารย์ชาลี วัดวังยาว จ.ประจวบฯ โดยทวดของพระอาจารย์ชาลี เป็นศิษย์ผู้รับใช้ใกล้ชิดและได้ตำรามาจากหลวงปู่เอี่ยมโดยตรง

- สายบรมครูหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ครูบาอาจารย์องค์สำคัญที่ท่าน อ.มนัสไปศึกษาวิชาสายนี้คือ "หลวงปู่พุฒ วัดเขาไม้แดง" โดยหลวงปู่พุฒ ท่านบวชเรียนกับหลวงปู่ศุขมาตั่งแต่เป็นสามเณรท่านอ.มนัส อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่พุฒ ในปัจฉิมวัยและหลวงปู่พุฒได้มอบวิชาของท่านมาให้อ.มนัสทั้งหมด โดยวิชาที่ท่านได้มาเช่น ตะกรุดอิติปิโสหู้ช้างเรียกทรัพย์,ยันต์เฑาะว์วิรุญจำบัง,ยันต์สูญความ ฯลฯ โดยที่สำคัญก็คือ "โองการพระเจ้า ๕ พระองค์" ที่อ.นมัสเล่าว่า ใช้เวลาอยู่นานมากจึงจะถอดโองการนี้สำเร็จ เพราะท่านไปเรียนตอนหลวงปู่พุฒท่านชรามากแล้ว

- สายกรุงเก่า วิชาของวัดพระญาติ (นะทรหด เฑาะว์ทรหด) วัดขนอนเหนือ หลวงพ่อพรหม วิชานารายณ์ หลวงพ่อเจือ วัดโคกหิรัญ วิชาน้ำมนต์นางกวัก หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อหวล วัดพิกุล วิชายันต์เกราะเพชร ฯลฯ

- สายนครปฐม หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม วิชายันต์หน้าพระนะหน้าคน หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม วิชาตุ๊กตาทองฯลฯ

ยังมีวิชาอื่น ๆ อีกมากที่ผู้เขียนไม่ได้กล่าวถึง จึงกล่าวได้ว่าอ.มนัส สิวาภิรมย์รัตน์ เป็นผู้รอบรู้มากที่สุดคนหนึ่งในพระเวทย์วิทยาคมในยุคปัจจุบันที่ยังมีชีวิตอยู่ ในยุคที่เรื่องราวเหล่านี้กลับค่อย ๆ ถูกลืมเลือนกันไปตามกาลเวลา………

คลังพระเวทย์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่