สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า จขกท เพิ่งแชร์เรื่องราวครั้งแรก อาจมีตัวอักษรขาดตกบกพร่อง ขออภัย ณ ที่นี้ด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และ จขกท อยู่ด้วยเกือบทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นค่ะ เรามาเริ่มกันเลยนะค่ะ
เรื่องราวที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นที่ จังหวัด พิจิตร คุณปู่เป็นคนเชื้อสายเขมร แน่นอนอยู่แล้ว ก็ต้องมีของ คาถาติดตัวมาอยู่บ้าง แต่ไม่ได้เล่นทำร้ายใครนะค่ะ แต่ถึงจะไม่ได้เล่นไปทำร้ายใคร ถึงวันปล่อยของก็ต้องปล่อย เพราะถ้าไม่ปล่อยแน่นอนอยู่แล้ว เข้าตัวแน่นอน คุณพ่อเล่าให้ฟังว่า คืนวันปล่อยของคุณปู่จะท่องบทเขมร แล้วมีหนังควายแผ่นนึง คุณปู่จะหวดหนังควายไปหนึ่งที จะมีผึ้งบินออกไป ซึ่งผึ้งตัวนั้นถ้าบินกลับมาแปลว่าของไม่ได้เข้าใคร แต่ถ้าผึ้งตัวนั้นไม่กลับมา ต้องมีใครสักคนแหละ ที่โดนของเข้าแล้ว ดังคำโบราณสอนลูกหลานว่า "ได้ยินเสียงกลางคืน ห้ามทัก" นี่แหละประเด็น เวลาผ่านไปหลายสิบปี ลุกๆของคุณปู่ก็มีครอบครัว และย้ายถิ่นฐานทำมาหากิน และมีลูกๆก็คือพวกเรา จขกท ที่เกิดกันที่จังหวัดใกล้เคียงกรุงเทพ ได้รับข่าวร้ายของคุณปู่ว่าเสียแล้ว เสียกระทันหัน ดื่มน้ำเต้าหู้ที่ไม่มีเครื่องอะไรเลย ก็ฟุบหลับ ในวัย 76ปี แต่ในไม่กี่โมงเล็บของคุณปู่เขียวเหมือนกับเสียชีวิตมาหลายวันแล้ว พวกเราก็พร้อมใจกันกลับจังหวัดพิจิตรด้วยหัวใจที่สลาย เพราะพวกเราเป็นคนรักปู่มาก คืนแรกที่วัดแห่งหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ เพราะคนเยอะมาก ทั้งวงเล่นไพ่ วงไฮโล ต่างแบ่งกันเป็นสัดส่วน คนนอนก้นอนกันไป คืน สอง คืน สามผ่านไป จนวันเผา พวกเราเพิ่งจะทราบหลังจากสัปเหร่อเดินมาบอกว่า "เผาไม่ไหม้" พวกเราต่างตกใจ และเรียกย่ามาบอกว่า บอกหย่าขาดปู่เขาสิ แกอาจมีห่วงอยู่ ย่าก็ทำตาม แต่ก็ยังไม่ไหม้ จนหลวงพ่อที่วัดก็สวดอะไรสักอย่าง แล้วราดน้ำมันไปอีกครั้ง เรื่องราวในเย็นวันนั้นก้ผ่านไปได้ด้วยดี แต่คืนนี้สิ คืนที่พรุ่งนี้เช้าทำบุญดับเถ้า เป้นคnนที่วังเวงที่สุด เป็นคืนที่เงียบที่สุด และเป็นคืนที่น่ากลัวที่สุด เพราะวงต่างๆไม่ได้มาเหมือนทุกคืน เพราะคืนนั้นมีคนตายอยู่อีกวัดนึง คืนนั้น จึงมีแค่พวกเรา 12 คน พวกเราตัดสินใจนอนที่วัดเพราะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า ในศาลามี3มุ้ง มุ้งยาวและใหญ่มาก ต่อมุ้งก็จะมีแค่มุ้งละ4 คน แต่คืนนั้นเป็นคืนที่พวกเราอึดอัดกันที่สุด อารมณ์เหมือนนอนเบียดกัน ทั้งที่มุ้งยาวและกว้างมาก ทำใจให้หลับได้สักพัก หลานสาววัยเพียง 3 ขวบก็เกิดอาการร้องขึ้นมาพร้อมพูดว่า "ออกไป อย่ามาใกล้" เราจึงอาสาเดินไปเอากระเป๋านมในรถให้ เพราะปกติแล้ว จะนอนทีเดียว ไม่กินนมกลางคืน เหตุการณ์ก็สงบลง ทุกคนก็เริ่มเงียบ อาจจะมีดิฉันคนเดียวที่ยังนอนไม่หลับก็ได้ หูได้ยินเสียงเหมือนคนเปิดหม้อแกง หม้อข้าวในครัว คงไม่ใช่หลวงพี่ แน่ๆ หนักสุด คือเห็นเงาเดินผ่านมุ้ง ได้แต่ข่มตานอน จนถึงเช้า ก็ได้เล่าเรื่องราวให้ทุกคนฟัง สรุปแล้วคือคืนนั้นไม่มีใครหลับเลย ตกเย็นพ่อ ลุง และป้าตกลงกันว่า เราหนังสือวิชาของคุณปู่ไปไว้วัด ศาลานั้นแหละค่ะ เพราะไม่มีใครสืบทอดได้อยู่แล้ว จึงลงมติกันไปแบบนั้น เพราะของแบบนี้ถ้าไม่ปฎิบัติแบบเคร่งครัด มีหวังเข้าตัวเป็นหมาดำกันแน่ เสร็จสิ้นงานศพปู่ ทุกคนตัดสินใจขายนั้นหลังนั้น และเอาคุณย่ามาอยู่กับคุณป้า หลายปีแทบจะไม่มีใครกลับไป จนได้ยินข่าวคราวจากคนใกล้บ้านว่า ศาลานั้น ไม่มีใครไปทำบุญแล้ว เนื่องจากผีที่เฮี้ยนอยู่แล้ว บวกกับ วิชาของปู่ ลากโรงเล่นกันไม่หยุดเลย
เรื่องราวยังมีอีกนะค่ะ ถ้าใครอยากฟังปักหมุดไว้นะ เราจะมาเล่าให้ฟังต่อค่ะ
ของเขมร !!!!!!!!!!!!!
เรื่องราวที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นที่ จังหวัด พิจิตร คุณปู่เป็นคนเชื้อสายเขมร แน่นอนอยู่แล้ว ก็ต้องมีของ คาถาติดตัวมาอยู่บ้าง แต่ไม่ได้เล่นทำร้ายใครนะค่ะ แต่ถึงจะไม่ได้เล่นไปทำร้ายใคร ถึงวันปล่อยของก็ต้องปล่อย เพราะถ้าไม่ปล่อยแน่นอนอยู่แล้ว เข้าตัวแน่นอน คุณพ่อเล่าให้ฟังว่า คืนวันปล่อยของคุณปู่จะท่องบทเขมร แล้วมีหนังควายแผ่นนึง คุณปู่จะหวดหนังควายไปหนึ่งที จะมีผึ้งบินออกไป ซึ่งผึ้งตัวนั้นถ้าบินกลับมาแปลว่าของไม่ได้เข้าใคร แต่ถ้าผึ้งตัวนั้นไม่กลับมา ต้องมีใครสักคนแหละ ที่โดนของเข้าแล้ว ดังคำโบราณสอนลูกหลานว่า "ได้ยินเสียงกลางคืน ห้ามทัก" นี่แหละประเด็น เวลาผ่านไปหลายสิบปี ลุกๆของคุณปู่ก็มีครอบครัว และย้ายถิ่นฐานทำมาหากิน และมีลูกๆก็คือพวกเรา จขกท ที่เกิดกันที่จังหวัดใกล้เคียงกรุงเทพ ได้รับข่าวร้ายของคุณปู่ว่าเสียแล้ว เสียกระทันหัน ดื่มน้ำเต้าหู้ที่ไม่มีเครื่องอะไรเลย ก็ฟุบหลับ ในวัย 76ปี แต่ในไม่กี่โมงเล็บของคุณปู่เขียวเหมือนกับเสียชีวิตมาหลายวันแล้ว พวกเราก็พร้อมใจกันกลับจังหวัดพิจิตรด้วยหัวใจที่สลาย เพราะพวกเราเป็นคนรักปู่มาก คืนแรกที่วัดแห่งหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ เพราะคนเยอะมาก ทั้งวงเล่นไพ่ วงไฮโล ต่างแบ่งกันเป็นสัดส่วน คนนอนก้นอนกันไป คืน สอง คืน สามผ่านไป จนวันเผา พวกเราเพิ่งจะทราบหลังจากสัปเหร่อเดินมาบอกว่า "เผาไม่ไหม้" พวกเราต่างตกใจ และเรียกย่ามาบอกว่า บอกหย่าขาดปู่เขาสิ แกอาจมีห่วงอยู่ ย่าก็ทำตาม แต่ก็ยังไม่ไหม้ จนหลวงพ่อที่วัดก็สวดอะไรสักอย่าง แล้วราดน้ำมันไปอีกครั้ง เรื่องราวในเย็นวันนั้นก้ผ่านไปได้ด้วยดี แต่คืนนี้สิ คืนที่พรุ่งนี้เช้าทำบุญดับเถ้า เป้นคnนที่วังเวงที่สุด เป็นคืนที่เงียบที่สุด และเป็นคืนที่น่ากลัวที่สุด เพราะวงต่างๆไม่ได้มาเหมือนทุกคืน เพราะคืนนั้นมีคนตายอยู่อีกวัดนึง คืนนั้น จึงมีแค่พวกเรา 12 คน พวกเราตัดสินใจนอนที่วัดเพราะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า ในศาลามี3มุ้ง มุ้งยาวและใหญ่มาก ต่อมุ้งก็จะมีแค่มุ้งละ4 คน แต่คืนนั้นเป็นคืนที่พวกเราอึดอัดกันที่สุด อารมณ์เหมือนนอนเบียดกัน ทั้งที่มุ้งยาวและกว้างมาก ทำใจให้หลับได้สักพัก หลานสาววัยเพียง 3 ขวบก็เกิดอาการร้องขึ้นมาพร้อมพูดว่า "ออกไป อย่ามาใกล้" เราจึงอาสาเดินไปเอากระเป๋านมในรถให้ เพราะปกติแล้ว จะนอนทีเดียว ไม่กินนมกลางคืน เหตุการณ์ก็สงบลง ทุกคนก็เริ่มเงียบ อาจจะมีดิฉันคนเดียวที่ยังนอนไม่หลับก็ได้ หูได้ยินเสียงเหมือนคนเปิดหม้อแกง หม้อข้าวในครัว คงไม่ใช่หลวงพี่ แน่ๆ หนักสุด คือเห็นเงาเดินผ่านมุ้ง ได้แต่ข่มตานอน จนถึงเช้า ก็ได้เล่าเรื่องราวให้ทุกคนฟัง สรุปแล้วคือคืนนั้นไม่มีใครหลับเลย ตกเย็นพ่อ ลุง และป้าตกลงกันว่า เราหนังสือวิชาของคุณปู่ไปไว้วัด ศาลานั้นแหละค่ะ เพราะไม่มีใครสืบทอดได้อยู่แล้ว จึงลงมติกันไปแบบนั้น เพราะของแบบนี้ถ้าไม่ปฎิบัติแบบเคร่งครัด มีหวังเข้าตัวเป็นหมาดำกันแน่ เสร็จสิ้นงานศพปู่ ทุกคนตัดสินใจขายนั้นหลังนั้น และเอาคุณย่ามาอยู่กับคุณป้า หลายปีแทบจะไม่มีใครกลับไป จนได้ยินข่าวคราวจากคนใกล้บ้านว่า ศาลานั้น ไม่มีใครไปทำบุญแล้ว เนื่องจากผีที่เฮี้ยนอยู่แล้ว บวกกับ วิชาของปู่ ลากโรงเล่นกันไม่หยุดเลย
เรื่องราวยังมีอีกนะค่ะ ถ้าใครอยากฟังปักหมุดไว้นะ เราจะมาเล่าให้ฟังต่อค่ะ