รีวิวทริป Canada (Oct 2018)
Vancouver (British of Columbia) - Calgary - Canmore - Banff - Lake Louis - Columbia icefields - Pemberton
เรื่องวีซ่าแคนาดาผมแนะนำให้ยื่นขอล่วงหน้าก่อนสัก 2-3 เดือนเพราะสถานทูตใช้เวลาพิจารณาประมาณ 10-15 วันไปจนถึง 1 เดือนไม่รวมวันหยุดต่างๆผมถือว่าใช้ระยะเวลานานมาก
สายการบิน China Southern Airlines ถ้าเต็ม 10 ผมให้ 8 เลยก็ละกัน. ใช้ A320-200 ทำการบินเส้นทางจากไทยและใช้ Boing 787-9 ทำการบินเส้นทางแวนคูเวอร์ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องบินรุ่นใหม่ ลำใหญ่ ภายในห้องโดยสารและห้องน้ำถือว่าสะอาดคับ. เรื่องอาหารรสชาติถือว่าอร่อยและให้บริการเกือบทั้งคืนตลอดหลังจาก main course. (ผู้โดยสารคนจีนบนเครื่องไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดคับ) อีกข้อที่สำคัญที่ผมอยากแนะนสำหรับ Flight เส้นทางแวนคูเวอร์คือเรื่องของการเช็คอินวันขากลับให้มาเช็คอินล่วงหน้าอย่างน้อย 4 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำเพราะผู้โดยสารเต็มลำเลยก็ว่าได้. ผมต่อแถวเช็คอินประมานเกือบ 2 ชั่วโมงแล้วต้องไปต่อ security check อีกเกือบ 1 ชั่วโมงซึ่งไม่มี priority pass สำหรับ boarding ด่วนๆด้วยแถมยังไม่พอสายการบินนี้ไม่มีช่องสำหรับ Bag drop ให้คนที่เช็คอินมาทางออนไลน์คือยังไงก็ต้องต่อแถวอยู่ดี.
Immigration ที่นี้เค้าจะใช้ระบบเป็น E Visa ซึ่งนักเดินทางทุกคนจะต้องทำการตอบแบบสอบถามด้วยตนเองในตู้ kiosk คือรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวทั้งด้านศุลกากรและข้อมูลส่วนตัวซึ่งผมถือว่าทันสมัยมากถือว่าเป็นการแบ่งเบาภาระลดความแออัดและเพิ่มความรวดเร็วให้กับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก. ส่วนเจ้าหน้าที่ immigration ผมว่าใจดีมากไม่มีถามคำถามเลยแม้แต่คำถามเดียว ดูแล้วเค้า welcome กับนักท่องเที่ยวทุกๆคนมากๆคับ (ขาออกก็ไม่มีการตรวจ immigration คับ)
Vancouver การเดินทางไม่จำเป็นต้องเช่ารถขับเพราะตั้งแต่ออกมาจากสนามบินจะมีรถไฟฟ้าให้บริการยันไปถึงตัวเมืองและนอกเมืองซึ่งผมว่าสะดวกสบายและใช้งานง่ายเหมือนเมืองไทย. สามารถซื้อตั๋วได้ที่ตู้ซึ่งตู้กดบัตรจะคล้ายกับตู้ mrt บ้านเรา. รถไฟจะมีทั้งหมด 4 โซนแนะนำให้ซื้อแบบ One day pass จะคุ้มที่สุดอยู่ที่ประมาณ $10 นิดๆขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้ภายใน 24 ชั่วโมง/โซน. ถ้าเป็นครั้งจะตกครั้งละ $7 นิดๆคับ. ส่วนบางเส้นทางที่นอกเหนือจากแนวรถไฟฟ้าก็สามารถขึ้นรถบัสได้อย่างสะดวกสบายเช่นกันและการขึ้นลงจะเหมือนกับอเมริกาเด๊ะไม่มีผิดเพี้ยน. รถรุ่นและก็แบบเดียวกันซึ่งใครไม่มีบัตรเติมเงินก็สามารถจ่ายเงินค่าตั๋วเป็นเงินเหรียญได้ในราคา $2.95 ต่อเที่ยวที่คนขับคับ.
Calgary และ Canmore จิงๆไม่ค่อยมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจเท่าไรเป็นแค่เมืองทางผ่านโดยสามารถบินตรงมาจาก Vancouver ได้ใช้เวลาประมาณแค่ 1 ชั่วโมงแล้วค่อยขับรถต่อไปที่ Banff. ส่วนใครที่มีเวลาเยอะต้องการขับรถมาจาก Vancouver มาสิ้นสุดที่ Banff ก็สามารถทำได้เช่นกันซึ่งใช้เวลาขับประมาน 6-7 ชั่วโมงคับ.
Banff ใช้เวลาขับรถจาก Calgary ประมาณ 1:30 - 2:00 ชั่วโมง. ผมแนะนำว่าต้องทำการบ้านมาให้ดีทั้งในส่วนของที่พักและร้านอาหารเพราะเมืองนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาตลอดทั้งปีและเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มากมีประชากรอาศัยอยู่แค่ประมาณ 8,000 คน. หากอ่านมาจากรีวิวหรืออ่านมาจากโปรแกรมทัวร์ที่เห็นๆกันจะมีแหล่งท่องเที่ยวไม่กี่ที่ที่คนจะแนะนำไปแต่จริงๆแล้ว Banff มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมากและบางที่สวยกว่า hilight อีก. ทริปนี้ผมนอนแต่ใน Banff เพื่อเป็นใช้เป็น Hub ขึ้นยาวไปถึง Jasper แต่ปีนี้ snow มาเร็วผมเลยต้องเปลี่ยนแพลนขึ้นยาวไปถึงสูงสุดแค่ Columbia icefields.
Lake Louis สถานที่ฮิตและเป็นสถานที่ที่จะต้องมาอีกที่หนึ่ง. การเดินทางสามารถขับรถมาจาก Banff ประมาณ 45 นาทีซึ่งตัวของเมือง Lake Louis นั้นไม่ใหญ่มากแทบจะไม่มีอะไรเลย. ในตัวเมืองมีโรงแรมอยู่ไม่กี่ที่ผมแนะนำให้นอนพักที่ Banff แล้วขับรถไปกลับจะดีกว่าเพราะโรงแรมมีน้อยราคาช่วงโลว์อาจจะแตะไปถึง $1000/คืน ซึ่งผมลองเช็คมาแล้ว.
Columbia icefields เป็นสถานที่สุดท้ายที่ผมเดินทางไปในส่วนของ Banff National Park คือจุดบริเวณน้ำแข็ง glacier ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงของเทือกเขา Canada Rocky หรือบางคนเรียกว่าหลังคาโลก. การเดินทางผมขับรถมาจาก Banff ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงและไปต่อรถของอุทยานเพื่อขึ้นไปดูธารน้ำแข็ง. (หากใครจะเดินทางต่อไป Jasper ก็ใช้เวลาขับรถจากจาก Columbia icefields ไปประมาณอีกแค่ 1.30 ชั่วโมงก็ถึง)
Joffre Lake ตั้งอยู่ห่างจาก Vancouver ประมาณ 300 กิโลเมตรใช้เวลาขับรถประมาณ 3:30 ชั่วโมง. กิจกรรมหลักที่มาคือปืนเขาซึ่งใช้เวลาเดินทางขึ้นเขาประมาณเกือบ 4 ชั่วโมง (ตามฝีเท้า). กิจกรรมนี้ไม่เหมาะสำหรับคนแก่ เด็กเล็ก หรือผู้ที่ไม่ค่อยแข็งแรงเพราะทางค่อยข้างลำบาก ลื่นชันและระยะทางไกล. Joffre Lake ถูกจัดให้อยู่ใน medium level ของการปืนเขาแต่ถ้าทำได้ผมถือว่าคุ้มค่ามากคับเพราะวิวสวย (รูปที่ 6).
สิ่งสำคัญที่สุดหากเช่ารถขับจะต้องศึกษาและทำตามกฎจราจรอย่างเคร่งคัด สังเกตป้ายจราจรให้ดี เช่นในตัวเมือง Banff จะให้ขับรถได้ไม่เกิน 30 km/ชั่วโมงหรือบางที่ 40 km/ชั่วโมง. ส่วน Highway จะให้ขับได้ไม่เกิน 90 km/ ชั่วโมง. Stop sign ก็ต้องหยุดทุกครั้งถึงแม้จะไม่มีรถหรือคนเดินผ่าน ซึ่งผมโดนปรับสำหรับขับรถเร็วเกินกว่ากำหนดถึง $175 ถือว่าแพงมาก 😩
**ค่าใช้จ่าย/คน**
- ตั๋วเครื่องบิน BKK-VYR-BKK/ CZ 13,500 บาท
- ตั๋วเครื่องบิน YVR-YYC-YVR/ CA 3000 บาท (ไม่มีน้ำหนักกระเป๋า)
- ค่าเช่ารถทั้งทริป 2700 บาท
- ค่าโรงแรม 8,200 บาท
- ค่าจิปาถะ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าอาหาร ค่าเข้าอุทยานต่างๆ รวมไปถึงอาหารการกินประมาณ xx,xxx บาท
**จริงๆค่าใช้จ่ายทริปนี้จะถูกลงกว่านี้ถ้าไปกันหลายคนเพราะผมหารแค่ 3 คนโดยเฉพาะรถเช่าที่ผมขับเป็น Van สามารถนั่งได้ 7 คนและรีสอร์ตที่ Banff สามารถนอนได้เป็นสิบคนเพราะเป็นบ้าน 2 ชั้น**
“ A journey of a thousand miles must begin with a single step “
🌸 I aM ϊcHIK๏Kϊkϋ٭ 🌸
⏩ หยิ่ง อย่าง มี สไตล์ ⏪
[CR] รีวิวทริป Canada - Vancouver- Banff National Park
รีวิวทริป Canada (Oct 2018)
Vancouver (British of Columbia) - Calgary - Canmore - Banff - Lake Louis - Columbia icefields - Pemberton
เรื่องวีซ่าแคนาดาผมแนะนำให้ยื่นขอล่วงหน้าก่อนสัก 2-3 เดือนเพราะสถานทูตใช้เวลาพิจารณาประมาณ 10-15 วันไปจนถึง 1 เดือนไม่รวมวันหยุดต่างๆผมถือว่าใช้ระยะเวลานานมาก
สายการบิน China Southern Airlines ถ้าเต็ม 10 ผมให้ 8 เลยก็ละกัน. ใช้ A320-200 ทำการบินเส้นทางจากไทยและใช้ Boing 787-9 ทำการบินเส้นทางแวนคูเวอร์ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องบินรุ่นใหม่ ลำใหญ่ ภายในห้องโดยสารและห้องน้ำถือว่าสะอาดคับ. เรื่องอาหารรสชาติถือว่าอร่อยและให้บริการเกือบทั้งคืนตลอดหลังจาก main course. (ผู้โดยสารคนจีนบนเครื่องไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดคับ) อีกข้อที่สำคัญที่ผมอยากแนะนสำหรับ Flight เส้นทางแวนคูเวอร์คือเรื่องของการเช็คอินวันขากลับให้มาเช็คอินล่วงหน้าอย่างน้อย 4 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำเพราะผู้โดยสารเต็มลำเลยก็ว่าได้. ผมต่อแถวเช็คอินประมานเกือบ 2 ชั่วโมงแล้วต้องไปต่อ security check อีกเกือบ 1 ชั่วโมงซึ่งไม่มี priority pass สำหรับ boarding ด่วนๆด้วยแถมยังไม่พอสายการบินนี้ไม่มีช่องสำหรับ Bag drop ให้คนที่เช็คอินมาทางออนไลน์คือยังไงก็ต้องต่อแถวอยู่ดี.
Immigration ที่นี้เค้าจะใช้ระบบเป็น E Visa ซึ่งนักเดินทางทุกคนจะต้องทำการตอบแบบสอบถามด้วยตนเองในตู้ kiosk คือรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวทั้งด้านศุลกากรและข้อมูลส่วนตัวซึ่งผมถือว่าทันสมัยมากถือว่าเป็นการแบ่งเบาภาระลดความแออัดและเพิ่มความรวดเร็วให้กับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก. ส่วนเจ้าหน้าที่ immigration ผมว่าใจดีมากไม่มีถามคำถามเลยแม้แต่คำถามเดียว ดูแล้วเค้า welcome กับนักท่องเที่ยวทุกๆคนมากๆคับ (ขาออกก็ไม่มีการตรวจ immigration คับ)
Vancouver การเดินทางไม่จำเป็นต้องเช่ารถขับเพราะตั้งแต่ออกมาจากสนามบินจะมีรถไฟฟ้าให้บริการยันไปถึงตัวเมืองและนอกเมืองซึ่งผมว่าสะดวกสบายและใช้งานง่ายเหมือนเมืองไทย. สามารถซื้อตั๋วได้ที่ตู้ซึ่งตู้กดบัตรจะคล้ายกับตู้ mrt บ้านเรา. รถไฟจะมีทั้งหมด 4 โซนแนะนำให้ซื้อแบบ One day pass จะคุ้มที่สุดอยู่ที่ประมาณ $10 นิดๆขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้ภายใน 24 ชั่วโมง/โซน. ถ้าเป็นครั้งจะตกครั้งละ $7 นิดๆคับ. ส่วนบางเส้นทางที่นอกเหนือจากแนวรถไฟฟ้าก็สามารถขึ้นรถบัสได้อย่างสะดวกสบายเช่นกันและการขึ้นลงจะเหมือนกับอเมริกาเด๊ะไม่มีผิดเพี้ยน. รถรุ่นและก็แบบเดียวกันซึ่งใครไม่มีบัตรเติมเงินก็สามารถจ่ายเงินค่าตั๋วเป็นเงินเหรียญได้ในราคา $2.95 ต่อเที่ยวที่คนขับคับ.
Calgary และ Canmore จิงๆไม่ค่อยมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจเท่าไรเป็นแค่เมืองทางผ่านโดยสามารถบินตรงมาจาก Vancouver ได้ใช้เวลาประมาณแค่ 1 ชั่วโมงแล้วค่อยขับรถต่อไปที่ Banff. ส่วนใครที่มีเวลาเยอะต้องการขับรถมาจาก Vancouver มาสิ้นสุดที่ Banff ก็สามารถทำได้เช่นกันซึ่งใช้เวลาขับประมาน 6-7 ชั่วโมงคับ.
Banff ใช้เวลาขับรถจาก Calgary ประมาณ 1:30 - 2:00 ชั่วโมง. ผมแนะนำว่าต้องทำการบ้านมาให้ดีทั้งในส่วนของที่พักและร้านอาหารเพราะเมืองนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาตลอดทั้งปีและเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มากมีประชากรอาศัยอยู่แค่ประมาณ 8,000 คน. หากอ่านมาจากรีวิวหรืออ่านมาจากโปรแกรมทัวร์ที่เห็นๆกันจะมีแหล่งท่องเที่ยวไม่กี่ที่ที่คนจะแนะนำไปแต่จริงๆแล้ว Banff มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมากและบางที่สวยกว่า hilight อีก. ทริปนี้ผมนอนแต่ใน Banff เพื่อเป็นใช้เป็น Hub ขึ้นยาวไปถึง Jasper แต่ปีนี้ snow มาเร็วผมเลยต้องเปลี่ยนแพลนขึ้นยาวไปถึงสูงสุดแค่ Columbia icefields.
Lake Louis สถานที่ฮิตและเป็นสถานที่ที่จะต้องมาอีกที่หนึ่ง. การเดินทางสามารถขับรถมาจาก Banff ประมาณ 45 นาทีซึ่งตัวของเมือง Lake Louis นั้นไม่ใหญ่มากแทบจะไม่มีอะไรเลย. ในตัวเมืองมีโรงแรมอยู่ไม่กี่ที่ผมแนะนำให้นอนพักที่ Banff แล้วขับรถไปกลับจะดีกว่าเพราะโรงแรมมีน้อยราคาช่วงโลว์อาจจะแตะไปถึง $1000/คืน ซึ่งผมลองเช็คมาแล้ว.
Columbia icefields เป็นสถานที่สุดท้ายที่ผมเดินทางไปในส่วนของ Banff National Park คือจุดบริเวณน้ำแข็ง glacier ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงของเทือกเขา Canada Rocky หรือบางคนเรียกว่าหลังคาโลก. การเดินทางผมขับรถมาจาก Banff ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงและไปต่อรถของอุทยานเพื่อขึ้นไปดูธารน้ำแข็ง. (หากใครจะเดินทางต่อไป Jasper ก็ใช้เวลาขับรถจากจาก Columbia icefields ไปประมาณอีกแค่ 1.30 ชั่วโมงก็ถึง)
Joffre Lake ตั้งอยู่ห่างจาก Vancouver ประมาณ 300 กิโลเมตรใช้เวลาขับรถประมาณ 3:30 ชั่วโมง. กิจกรรมหลักที่มาคือปืนเขาซึ่งใช้เวลาเดินทางขึ้นเขาประมาณเกือบ 4 ชั่วโมง (ตามฝีเท้า). กิจกรรมนี้ไม่เหมาะสำหรับคนแก่ เด็กเล็ก หรือผู้ที่ไม่ค่อยแข็งแรงเพราะทางค่อยข้างลำบาก ลื่นชันและระยะทางไกล. Joffre Lake ถูกจัดให้อยู่ใน medium level ของการปืนเขาแต่ถ้าทำได้ผมถือว่าคุ้มค่ามากคับเพราะวิวสวย (รูปที่ 6).
สิ่งสำคัญที่สุดหากเช่ารถขับจะต้องศึกษาและทำตามกฎจราจรอย่างเคร่งคัด สังเกตป้ายจราจรให้ดี เช่นในตัวเมือง Banff จะให้ขับรถได้ไม่เกิน 30 km/ชั่วโมงหรือบางที่ 40 km/ชั่วโมง. ส่วน Highway จะให้ขับได้ไม่เกิน 90 km/ ชั่วโมง. Stop sign ก็ต้องหยุดทุกครั้งถึงแม้จะไม่มีรถหรือคนเดินผ่าน ซึ่งผมโดนปรับสำหรับขับรถเร็วเกินกว่ากำหนดถึง $175 ถือว่าแพงมาก 😩
**ค่าใช้จ่าย/คน**
- ตั๋วเครื่องบิน BKK-VYR-BKK/ CZ 13,500 บาท
- ตั๋วเครื่องบิน YVR-YYC-YVR/ CA 3000 บาท (ไม่มีน้ำหนักกระเป๋า)
- ค่าเช่ารถทั้งทริป 2700 บาท
- ค่าโรงแรม 8,200 บาท
- ค่าจิปาถะ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าอาหาร ค่าเข้าอุทยานต่างๆ รวมไปถึงอาหารการกินประมาณ xx,xxx บาท
**จริงๆค่าใช้จ่ายทริปนี้จะถูกลงกว่านี้ถ้าไปกันหลายคนเพราะผมหารแค่ 3 คนโดยเฉพาะรถเช่าที่ผมขับเป็น Van สามารถนั่งได้ 7 คนและรีสอร์ตที่ Banff สามารถนอนได้เป็นสิบคนเพราะเป็นบ้าน 2 ชั้น**
“ A journey of a thousand miles must begin with a single step “
🌸 I aM ϊcHIK๏Kϊkϋ٭ 🌸
⏩ หยิ่ง อย่าง มี สไตล์ ⏪
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้