วันที่ 25 /3 /62 ทางบริษัท Honda ได้ทำการเปิดตัวเจ้า All – New Honda CBR150R (2019)
.
หากนับตั้งแต่ปี 2545 ที่ได้ส่งรถในรหัส CBR 150 ทำตลาดอยู่เพียงแค่เจ้าเดียวในไทย โดยไร้ซึ่งคู่แข่งค่ายต่างๆ จวบจนถึงปี 2557 ที่ค่าย Yamaha ได้เข้ามาทำตลาดรถสปอร์ต 150 cc ในรหัส R15 ซึ่งกระแสตอบรับอยู่ในขั้นดีมาก ทั้งนี้หากลองนับช่วงเวลาที่ CBR 150 ไร้ซึ่งคู่แข่งแล้ว มีระยะเวลานานถึง 12 ปีเลยทีเดียว
.
การมีรถที่เป็นคู่แข่งที่เพิ่มมาเพียง 1 ค่าย อาจไม่เพียงพอต่อการกระตื้อรื้อล้นที่จะปรับปรุงตัวสักเท่าไหร่สำหรับค่าย Honda จนถึงในปี 2560 ที่ทางค่าย Suzuki ได้ส่ง GSX150R มาแบ่งค่าการตลาดเพิ่มเข้าไปอีก ซึ่งการเกิดคู่แข่งเพิ่มมาอีกเจ้านี้เอง ที่ได้ส่งผลให้ทางค่ายคิดจะเปลี่ยนแปลงเจ้า CBR150 ให้ดูเท่าทันกับคู่แข่งเจ้าอื่นๆ
.
ทั้งนี้ “ราคา” ถือสิ่งสำคัญที่สุดในการต่อสู้แย่งชิงความเป็นเบอร์ 1 ในคลาส 150 cc โดยทาง Honda ตั้งราคา All – New Honda CBR150R (2019) ไว้ที่ 92,000 บาท กับ 99,000 บาท
.
ราคา 92,000 คือรุ่น STD (ไม่มีระบบ ABS)
ราคา 99,000 มีระบบ ABS
.
* เมื่อนำราคาไปเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
.
Yamaha R15 มีราคาที่ (97,000)
Suzuki GSX150R มีราคาที่ (87,000)
.
เห็นได้ชัดว่าการแข่งขันในตลาดรถสปอร์ตขนาด 150cc ทุกค่ายล้วนตั้งราคารถไม่ได้หนีกันมากมาย เมื่อราคาไม่ได้หนีห่างกันมากมาย ผู้บริโภคก็จำเป็นต้องมีปัจจัยอื่นๆ ในการเลือกซื้อ ไม่ว่าจะงานดีไซน์ ความเร็วแรง ศูนย์บริการ รวมไปถึงภาพลักษณ์ของรถรุ่นนั้นๆ
.
.
ปัญหาสำหรับของรถรุ่น CBR 150R คือภาพลักษณ์
.
โจทย์ที่ใหญ่อีกเรื่องของทาง Honda อาจไม่ใช่ในเรื่องเทคโนโลยี ราคา หรืองานออกแบบแต่อย่างใด สิ่งที่สำคัญของ CBR 150R คือการต้องหลุดพ้นภาพลักษณ์สินค้าที่ถูกมองว่าเป็น “รถเก็บเงินกู้”
.
ในอดีต CBR 150R เคยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจเก็บเงินกู้ (หมวกกันน็อค)
.
ทั้งนี้ธุรกิจเงินกู้นอกระบบล้วนมีอยู่ทุกหัวระแหงครอบคลุมทั้งประเทศ ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นตำบลเล็กๆ หรืออำเภอใหญ่ๆ จนกระทั้งในตัวจังหวัด เหนือสิ่งอื่นใดผู้เก็บเงินกู้มีเอกลักษณ์การแต่งกายที่ชัดเจน พร้อมทั้งพาหนะคู่ใจที่เป็น CBR 150R โดยการแต่งกายและรถที่ใช้เหมือนกันทั่วประเทศ ซึ่งมองจากสายตาก็ดูออกว่าเป็นคนเก็บเงินกู้
.
ภาพชินตาซึมซับเป็นความเคยชิน เมื่อชาวบ้านเห็นรถ CBR 150R จะเรียกกันติดปากว่ารถเก็บเงินกู้ ถึงแม้ในปัจจุบันธุรกิจเงินกู้จะเปลี่ยนพาหนะเป็นรถรุ่นต่างๆ ไปหมดแล้ว ไม่ได้ยึดติดเพียงแค่ CBR 150 แล้วก็ตาม
.
ถ้าเจ้า CBR 150 (2019) สามารถก้าวพ้นภาพลักษณ์เดิมได้ ผลลัพธ์ที่จะเห็นชัดเจนที่สุดคืออาจจะได้กลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นมากขึ้น เนื่องจากวัยรุ่นคือกลุ่มที่ซื้อรถด้วยภาพลักษณ์เป็นหลัก ตามด้วยความเร็วแรง ซึ่งจะต่างจากคนที่ซื้อรถใช้งานทั่วไปตรงเรื่อง "ความคุ้มค่า" อาจไม่ใช่เหตุผลหลักๆ ในการเลือกซื้อของกลุ่มนี้
All–New CBR 150R (2019) การก้าวข้ามภาพลักษณ์ "รถเก็บเงินกู้"