คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เท่าที่พี่อ่านมาพี่เข้าใจความรู้สึกน้องเลยค่ะ แต่ด้วยความที่น้องอาจจะยังเด็กเลยมองไม่เห็นวิธี พี่จะบอกว่าพี่เคยผ่านจุดๆนั้นมา จริงๆแล้วน้องต้องเเคร์ตัวเองมากกว่าเเคร์คนอื่นนะคะ อย่ากลัวที่จะออกไปหากุ่มเพื่อน ไปทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ เพื่อนที่สนิทและรักเราจริงจะคอยเตือนแบบตรงๆ บอกให้ปรับตัวแบบตรงๆ (คำพูดก็จะหยาบคายเเต่จริงใจ) ส่วนคนที่เเบนเพื่อน เราไม่เรียกว่าเพื่อนค่ะ
น้องรู้ว่านิสัยเฉื่อยชาเป็นข้อเสีย น้องควรหารเเอคทิวิตี้ทำให้ตัวเองกระฉับดูแอคทีฟตลอดเวลา จริงๆการนอนเพียง 6-7 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้วค่ะ น้องต้องรู้จักกระตือลือล้นในสิ่งต่างๆรอบตัว ออกกำลังกายช่วยได้ค่ะ หากีฬาที่ชอบสัก 1 อย่าง อย่างพี่ๆชอบเล่นบาส พี่ก็ได้สังคมเพื่อนเล่นบาสเเรกๆอาจจะดูยาก ไปเล่นกะใครไม่รู้เเต่น้องต้องเปิดโอกาสให้ตัวเองไปรู้จักโลกใบใหม่ อย่ากลัวการเริ่ม เเค่เดินเข้าไปบอกขอเล่นด้วยนะ ได้ไหมคะ ? สังคมเขาจะค่อยๆเปิดรับเอง พี่ได้เพื่อน ผช รุ่นน้อง รุ่นพี่ แถวๆสนามบาสเต็ม เราจะมีความสุขเมื่อเจอคนที่ชอบสิ่งเดียวกัน
น้องเคยได้ยินกฎของการคัดเลือกโดยธรรมชาติไหมคะ คนประเภทเดียวกันจะอยู่ด้วยกัน เหมือนมีเเรงดึงดุดประหลาดเข้าหากัน นั้นเเสดงว่าน้องกำลังอยุ่ผิดกลุ่ม คนที่อยู่ผิดที่ด้วยความที่ไม่ใช่มันจะค่อยๆดันเราออกมาเอง สิ่งที่น้องทำตอนที่ผ่านมาคือการยัดเยียดตัวเองไปกับคนที่เขาไม่ต้องการเเละให้ร้ายเราตลอดเวลา ต่อไปนี้ ม. 4 ช่วงมอปลายเพื่อนจริงใจมากที่สุดเเล้วค่ะ ถ้ากลุ่มเเรกที่เข้าไปยังไม่ใช่ ลองออกไปทำควมรู้จักกับเพื่อนกลุ่มอื่น คนอื่นดู เฟรนลี่ค่ะน้องชีวิตจะได้เรียนรู้อะไรอีกเยอะ หัดขอความช่วยเหลือคนอื่นให้เป็นเราจะได้เพื่อนดีๆเพิ่มขึ้น เละสำคัญกว่านั้น น้องต้องรู้จักให้มากกว่าการรับด้วยนะคะ ...
เท่าที่น้องเล่าอยากฝากถึงสังคมของการดูถูก ไม่ยอมรับตัวตอน เปรียบเทียบ มองคนอื่นด้อยค่าไปหมด จนลืมก้มดูตัวเองว่าตัวเองไม่ได้สูงส่งดังพระเจ้า น้องโชคร้ายที่เจอคนเหล่านั้น เพราะคนพวกนั้นไม่เข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องตลก
สุดท้าย... พี่อยากให้น้องพัฒนาตัวเองค่ะ เอาคำด่า คำดูถูกต่างๆมาเป็นเเรงผลักดัน เเละอย่าทำร้ายตัวเองแบบนั้นอีก พี่เคยเจอเพื่อนิสัยไม่ดีว่าร้ายตลอด คบกันหวังผลประโยชน์ช่วงมหาลัย พี่ออกมาจากกลุ่มนั้นเลยค่ะ หาใหม่จนได้กลุ่มที่ดีเหมาะกับตัวเอง ไลฟ์สไตล์ตรงกัน มีความสุข
เเละในบางครั้งน้องต้องเห็นแก่ตัวให้ไปอย่าเเคร์คนอื่นจนตัวเองเดือดร้อน ปรึกษาไดตลอดนะคะ สู้ๆ
น้องรู้ว่านิสัยเฉื่อยชาเป็นข้อเสีย น้องควรหารเเอคทิวิตี้ทำให้ตัวเองกระฉับดูแอคทีฟตลอดเวลา จริงๆการนอนเพียง 6-7 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้วค่ะ น้องต้องรู้จักกระตือลือล้นในสิ่งต่างๆรอบตัว ออกกำลังกายช่วยได้ค่ะ หากีฬาที่ชอบสัก 1 อย่าง อย่างพี่ๆชอบเล่นบาส พี่ก็ได้สังคมเพื่อนเล่นบาสเเรกๆอาจจะดูยาก ไปเล่นกะใครไม่รู้เเต่น้องต้องเปิดโอกาสให้ตัวเองไปรู้จักโลกใบใหม่ อย่ากลัวการเริ่ม เเค่เดินเข้าไปบอกขอเล่นด้วยนะ ได้ไหมคะ ? สังคมเขาจะค่อยๆเปิดรับเอง พี่ได้เพื่อน ผช รุ่นน้อง รุ่นพี่ แถวๆสนามบาสเต็ม เราจะมีความสุขเมื่อเจอคนที่ชอบสิ่งเดียวกัน
น้องเคยได้ยินกฎของการคัดเลือกโดยธรรมชาติไหมคะ คนประเภทเดียวกันจะอยู่ด้วยกัน เหมือนมีเเรงดึงดุดประหลาดเข้าหากัน นั้นเเสดงว่าน้องกำลังอยุ่ผิดกลุ่ม คนที่อยู่ผิดที่ด้วยความที่ไม่ใช่มันจะค่อยๆดันเราออกมาเอง สิ่งที่น้องทำตอนที่ผ่านมาคือการยัดเยียดตัวเองไปกับคนที่เขาไม่ต้องการเเละให้ร้ายเราตลอดเวลา ต่อไปนี้ ม. 4 ช่วงมอปลายเพื่อนจริงใจมากที่สุดเเล้วค่ะ ถ้ากลุ่มเเรกที่เข้าไปยังไม่ใช่ ลองออกไปทำควมรู้จักกับเพื่อนกลุ่มอื่น คนอื่นดู เฟรนลี่ค่ะน้องชีวิตจะได้เรียนรู้อะไรอีกเยอะ หัดขอความช่วยเหลือคนอื่นให้เป็นเราจะได้เพื่อนดีๆเพิ่มขึ้น เละสำคัญกว่านั้น น้องต้องรู้จักให้มากกว่าการรับด้วยนะคะ ...
เท่าที่น้องเล่าอยากฝากถึงสังคมของการดูถูก ไม่ยอมรับตัวตอน เปรียบเทียบ มองคนอื่นด้อยค่าไปหมด จนลืมก้มดูตัวเองว่าตัวเองไม่ได้สูงส่งดังพระเจ้า น้องโชคร้ายที่เจอคนเหล่านั้น เพราะคนพวกนั้นไม่เข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องตลก
สุดท้าย... พี่อยากให้น้องพัฒนาตัวเองค่ะ เอาคำด่า คำดูถูกต่างๆมาเป็นเเรงผลักดัน เเละอย่าทำร้ายตัวเองแบบนั้นอีก พี่เคยเจอเพื่อนิสัยไม่ดีว่าร้ายตลอด คบกันหวังผลประโยชน์ช่วงมหาลัย พี่ออกมาจากกลุ่มนั้นเลยค่ะ หาใหม่จนได้กลุ่มที่ดีเหมาะกับตัวเอง ไลฟ์สไตล์ตรงกัน มีความสุข
เเละในบางครั้งน้องต้องเห็นแก่ตัวให้ไปอย่าเเคร์คนอื่นจนตัวเองเดือดร้อน ปรึกษาไดตลอดนะคะ สู้ๆ
แสดงความคิดเห็น
" ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ เรื่องเพื่อน และด้านมืดในชีวิตวัยเรียน "
อาจมีคำที่ฟังดูไม่ดีบ้างหรือเขียนไม่ดียังไงก็ขออภัยมาด้วยนะคะ
เรื่องเพื่อน
เรามีเพื่อนกันจับกลุ่มเป็นแก๊งประมาณ 3 คนในตอนม.1 ในตอนนั้นเรารู้สึกมีความสุขมากเพราะมีกันแค่นี้ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนสนิทเพิ่มอีกแล้ว ความรู้สึกเราจะเป็นแบบไม่อยากให้มีใครมาแย่งเพื่อนเราไป เพื่อนในกลุ่มเราจะมี บี (ชื่อสม.) เป็นหัวหน้ากลุ่มเดินนำตลอด ชี้นำทุกทาง และอีกคนคือ พี (ชือสม.) และก็เราค่ะ มันก้จะมีบ้างที่เราโดนแบนจากลุ่มแบบทำอะไรให้บีไม่พอใจเราก็จะโดนด่าแล้วบีก็จะไปเล่าให้พีฟังว่าเราผิดอย่างนั้น ผิดอย่างนู้น แล้วก็สมใจกันไม่เล่นกับเรา ก็คือโดนแบนนั่นเองค่ะ เราในตอนนั้นก็ร้องไห้โฮเลย ไปอยู๋กับแก๊งเพื่อนคนอื่น ไประบายให้แฟนฟัง แล้วผลสรุปออกมาเราโดนหนักกว่าเดิมอีกคือโดนมองในแง่ร้ายประมาณว่า อ้อร้ออยู่แต่กับผู้ชาย กับเพื่อนล่ะไม่เคยสนใจ ก็ว่ากันไปตามข่าวค่ะ ถูกนินทาลับหลังบ้าง บางคนก็นกสองหัวทำมาดีด้วยแล้วก็มาตบหัวลูบหลังเรา จนสุดท้ายเราก็ต้องไปขอโทษและกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมทั้งๆที่เราก้โกรธอยู่นิดๆและน้อยใจบ้างแต่เพราะเราไม่อยากโดนแบนจากเพื่อนจึงต้องยอมค่ะ และเมื่อขึ้นชั้นก็มีเพิ่มมาประมาณ 5 คน เมื่อเพิ่มเข้ามาความรู้สึกของเราเริ่มแปลกไปแล้วค่ะ เริ่มเห็นอย่างชัดเจนว่าเพื่อนเมิน ไม่สนใจกันเลย จะเดินไปไหนก็ไม่บอก ไปเที่ยวไหนก็ไม่ชวน จับคู่กันเป็นอย่างละ 2 คน จนเหลือแค่เราคนเดียวที่ไม่คู่เดิน เราก็รู้สึกน้อยใจแต่ก็พยายามเดินไปชิดกัน 3 คน เดินตามหลังต้อยๆ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ เมินกันเหมือนเดิม เป็นอย่างนี้จนเกือบจะจบชั้นม.1 เลยจนเราแกล้งออกมาจากกลุ่มและเย็นวันนั้นกลับบ้านคนเดียว วันต่อมาสรุปว่าก็ไม่มีคนมาคุยกับเรา ไม่มีใครเข้ามาถามเลยว่าเมื่อวานไปไหนมา กลับตอนไหน ความรู้สึกในตอนนั้นเราจุกเลยค่ะ รู้สึกน้อยใจมาก จู่ๆก็ร้องไห้เลย ร้องไห้หนักมาก และเราเป็นคนที่คิดในด้านลบ เลยกรีดแขนตัวเองด้วยมีดแกะสลักที่เป็นโค้งๆอ่ะค่ะ นั่นเป็นครั้งแรกที่เราทำ ตอนทำเราร้องไห้พลาง กดทับเลื่อนไปพลาง ไม่มีความรู้สึกเจ็บแขนเลย แต่มันเจ็บหน่วงที่อกมาก ถ้าคนที่เคยเสียใจหนักๆจะเข้าใจความรู้สึก มันเจ็บแล้วก็โทษตัวเองไปว่า ทำไมกูไม่มีเพื่อนคบเลย ทำไมไม่มีใครรักกุเลย เป็นเพราะกุเฉื่อยอย่างนี้ใช่ไหม แล้วกุเป็นอย่างนี้แล้วจะทำไม ทำไมไม่มีใครสนใจกุเลย เราตอกย้ำตัวเองว่าเรามันเฉื่อยไม่ได้เรื่อง กดทับลงแขนเน้นไปแต่คำนั้น เลือดนี่ไหลออกมามันเหมือนเป็นการระบายที่เราอัดอั้นมานานมาก ที่เราทำไม่ใช่เพราะต้องการให้คนอื่นสนใจแต่มันเป็นเหมือนวิธีการระบายของเรามากกว่า วันต่อมาเราก็ถูกเพื่อนถามว่าไปทำอะไรมา เราก็บอกกรีดแขนตัวเอง เพื่อนเราก็ตกใจว่า เห้ย ทำไปทำไมอ่ะ อะไรแบบนี้แต่เราก็เงียบ ไม่รู้ว่าผ่านมาได้ยังไงที่แม่ไม่เห็นรอยแผลที่แขนของเราเลย และเราก็ร็ว่ามีแต่แม่ ครอบครัว และคนที่รักนั่นก็คือแฟนของเรา เท่านั้นที่เป็นคนที่เรารักมากที่สุด กับแฟนเรา เราคอยปรึกษาเกือบทุกเรื่อง เราก็คิดว่าเราโชคดีนะที่มีคนรักในแบบที่เราเป็นแบบนี้ โดยไม่ลดลงเลย เราคบกับแฟนมาได้ 2 ปีกว่า ถึงเราเสียใจที่ไม่มีใครสนก็ยังมีคนที่รักเราอยู่ข้างๆ และเราก็ได้เข้าใจความสำคัญของเราที่มีต่อคนอื่นว่า เราสำคัญกับเพื่อนในแบบไหน ? เพื่อนของเราไม่ค่อยสนใจเราอยู่แล้วจะมีค่า จะโดดเด่นขึ้นมาก็ต่อเมื่อมีงาน จนวันปัจฉิมที่จบม.3กันแล้วจริงๆ ก็มีการให้ดอกไม้กัน โดยเฉพาะเพื่อนของเรามันให้ความรู้สึกแบบไม่ได้มาจากใจจริงเลยสักนิด มีเขียนกระดาษว่ารักนะ ยิ่งเลี่ยนเข้าไปใหญ่ เราก็รับมาถึงคราวถ่ายรูปกัน เราก็ต้องเป็นคนชวนถ่ายรูปเอง อารมหน้าของเพื่อนที่เห็นก็แบบ กุไม่อยากถ่ายปะ..? แต่ก็ฝืนยิ้มถ่ายกะเราอ่ะ แฟนเราก้เอาของมาให้พร้อมถ่ายรูปกันไป เมื่อจบม.3แล้ว ภายในใจเราก็คิดว่า คงจบเรื่องร้ายๆที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตไปแล้วล่ะเนาะ... ต่อไปนี้ม.4 เราจะมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม เราพยายามจะหาคำว่า เพื่อนแท้ เราคิดว่าคงจะมีหลายคนเลยที่มีเหมือนเราปัญหาเรื่องเพื่อน การน้อยใจในเรื่องต่างๆ การตามหาเพื่อนแท้ที่ไม่ได้แอบแฝงเอาไว้แค่คำว่าเพื่อนสนิทหรือเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว แต่เป็นเพื่อนในทุกๆอย่างที่คอยปรึกษากันได้ รักเรา ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น ไม่คบเราเพียงเพราะหวังแค่ผลประโยชน์ เป็นเพื่อนที่กล้าแสดงความคิดเห็นในข้อบกพร่องต่างๆของเราและให้คำแนะนำแก้ไข เพื่อนแบบนี้ที่เราต้องการ จะสักกี่ชาติเราก็ยังไม่รู้ว่าจะเจอเมื่อไหร่ แต่เราคิดว่า อนาคตการเดินทางของเรามันยังอีกไกลเพียงแค่คำว่า เพื่อนที่หลอกกัน คำดูถูก คำด่าต่างๆ มันเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวต่อไปข้างหน้าและพร้อมยอมรับมันได้โดยไม่เกรงกลัวค่ะ ตอนนี้ปัจจุบันเรากำลังเตรียมตัวขึ้นเรียนม.4 อยู่ค่ะ เราตื่นเต้นมากในวันเปิดเทอมที่จะมาถึงว่าเราจะเข้ากับคนอื่นได้ไหม จะมีเพื่อนรึเปล่า เรากำลังเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนปกติ ไม่ถูกด่าว่า เฉิ่ม เฉื่อย อีก เราคิดว่าการออกกำลังกายน่าจะช่วยได้ เราควรต้องทำยังไงค่ะ ขอคำปรึกษาในการปรับเปลี่ยนตัวเองหน่อยค่ะ ขอบคุณค่ะ.
ขอบคุณที่รับฟังปัญหาจากคนๆนึงนะคะ