" ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ เรื่องเพื่อน และด้านมืดในชีวิตวัยเรียน "

สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา
       อาจมีคำที่ฟังดูไม่ดีบ้างหรือเขียนไม่ดียังไงก็ขออภัยมาด้วยนะคะ 

เรามีอะไรอยากจะปรึกษาค่ะเกี่ยวกับชีวิตในวัยเรียนของเรา เริ่มตรงที่เราเป็นเด็กมัธยมคนหนึ่ง มีแฟนที่คบกันมาได้ปีกว่าๆ (นัท ชื่อสมมติแฟน) มีเพื่อนอยู่เป็นแก๊ง 3-4 คนก็ตามประสาวัยรุ่นทั่วไป เรื่องเรียนเรื่องเกรดก็ได้ในระดับที่โอเคไม่ถึงเก่งแต่ก็ไม่ได้โง่ เราเป็นคนถนัดในเรื่องงานศิลปะ เราเป็นคนเงียบๆดูไม่ค่อยสู้คน พูดน้อย เข้าสังคมก็ไร้ตัวตน ไม่ค่อยมีใครสนใจ อาจเพราะเราคุยไม่เก่งเวลายิงมุขเล่นกับเพื่อนก็จะแบบว่า ...แป้ก แป้กเลยในตอนนั้น หรือไม่คุยยิงคำถามเพื่อนก็จะเมิน.. แล้วถามคำถามอื่นต่อ มันจึงทำให้เราไม่กล้าคุยกับใครเลยเพราะรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ตลอด บวกกับเราเป็นที่เฉิ่มๆ เฉื่อยๆ จะถูกด่าถูกว่าประจำจากเพื่อน แม้กระทั่งคุณครู โดนตอกย้ำในจุดอ่อนว่า ก็เพราะเฉื่อยอยู่อย่างนี้ไง ทำอะไรไม่รู้เรื่องเลย แล้วก็จะโดนเปรียบเทียบว่า เมื่อก่อนเธอไม่ใช่เป็นแบบนี้ มาตอนนี้สมองเป็นอะไรไม่รู้ เฉิ่มเบ๊อะ เฉื่อยชา หน้าตาก็ดีอยู่หรอกแต่เฉื่อย ดีนะที่เธอไม่ได้คบกับนัท ไม่งั้นเธอเฉื่อยคูณ 2 แน่ หลังครูพูดจบ เพื่อนก็หัวเราะกันแบบเป็นเรื่องตลก แฟนเราที่นั่งข้างๆก็หัวเราะกลบเกลื่อนนิดๆ เราถึงกับไม่ขำเลยได้แต่ก้มหน้าทำงานไป  เกือบจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ดีที่เราอดทนเอาไว้ได้ และนั่งอยู่หลังห้องเลยรอดพ้นจากสายตาครู ทางบ้านของเรามีฐานะที่ไม่ได้ยากจนแต่ลำบาก ที่บ้านเราทำงานค้าขายของทั่วไป แม่ต้องตื่นมาตี 1 เพื่อเตรียมของที่จะขายในหัวรุ่ง พี่ต้องตื่นมาตี 3 ตี 4 เพื่อช่วยแม่ เราเองก็ตื่น 4.30 ซึงเป็นเวลาที่ต้องตื่นเมื่อมีเรียน ถ้าปิดเทอมจะตื่นตี 4 ต้องตื่นมาเตรียมของหน้าร้าน ช่วยขายของช่วยดับของ เราอาบน้ำเวลาเกือบ 6 โมงครึ่ง แม้บ้านเราจะอยู่ใกล้รร.แต่ก็ไปสายเกือบประจำเพราะงานที่บ้านยุ่งมาก เราว่าสาเหตุที่เราเฉิ่ม เฉื่อย มาจากการที่เรานอนไม่เพียงพอ และไม่ค่อยออกกำลังกาย รวมถึงความเครียด การกดดันที่รร.ด้วย แต่เราก็พยายามแก้ไขอยู่นะ พยายามนอนให้เร็ว แต่ก็ไม่เพียงพอเลยสักที เพราะเราต้องตื่นมาตี 4 ทุกวันมันทำให้รู้สึกเหมือนสมองมันเบลอ ไม่ค่อยเคลื่อน อยากจะนอนจะพักผ่อนตลอด ส่งผลให้เราไม่สูงด้วย เพราะเตี้ย เราพยายามปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อให้เพื่อนและครูยอมรับในตัวเรามากขึ้น และจะได้ไม่ถูกล้อว่าเฉื่อยอยู่อย่างนี้ สำหรับใครหลายคนอาจจะเข้าใจว่า ก็เพราะเฉื่อย ช้าอยู่ไงก็แค่ปรับตัวเองให้เร็วขึ้นมันจะไปยากอะไร  หรือคิดซะว่ามันเป็นเรื่องขำเรื่องหนึ่ง แต่สำหรับเรามันไม่เลย มันเป็นปัญหาชีวิตของเราในอันดับแรก ถ้าคุณไม่ได้เป็นอย่างเราจะไม่เข้าใจเลยว่าความรู้สึกมันเป็นยังไง และมันเกี่ยวข้องกับด้านมืดของเราในหลายๆอย่างส่งผลกระทบต่อเรื่องการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ซึ่งบอกตรงๆเลยว่าเราไม่มีความสุขเลยสักนิด เราจะเล่าให้ฟังในแต่ละเรื่องที่เป็นผลกระทบกับเราเลย อาจจะยาวหน่อย แต่ก็ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ มาต่อกันเลย..


เรื่องเพื่อน 
          เรามีเพื่อนกันจับกลุ่มเป็นแก๊งประมาณ 3 คนในตอนม.1 ในตอนนั้นเรารู้สึกมีความสุขมากเพราะมีกันแค่นี้ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนสนิทเพิ่มอีกแล้ว ความรู้สึกเราจะเป็นแบบไม่อยากให้มีใครมาแย่งเพื่อนเราไป เพื่อนในกลุ่มเราจะมี บี (ชื่อสม.) เป็นหัวหน้ากลุ่มเดินนำตลอด ชี้นำทุกทาง และอีกคนคือ พี (ชือสม.) และก็เราค่ะ มันก้จะมีบ้างที่เราโดนแบนจากลุ่มแบบทำอะไรให้บีไม่พอใจเราก็จะโดนด่าแล้วบีก็จะไปเล่าให้พีฟังว่าเราผิดอย่างนั้น ผิดอย่างนู้น แล้วก็สมใจกันไม่เล่นกับเรา ก็คือโดนแบนนั่นเองค่ะ เราในตอนนั้นก็ร้องไห้โฮเลย ไปอยู๋กับแก๊งเพื่อนคนอื่น ไประบายให้แฟนฟัง แล้วผลสรุปออกมาเราโดนหนักกว่าเดิมอีกคือโดนมองในแง่ร้ายประมาณว่า อ้อร้ออยู่แต่กับผู้ชาย กับเพื่อนล่ะไม่เคยสนใจ ก็ว่ากันไปตามข่าวค่ะ ถูกนินทาลับหลังบ้าง บางคนก็นกสองหัวทำมาดีด้วยแล้วก็มาตบหัวลูบหลังเรา จนสุดท้ายเราก็ต้องไปขอโทษและกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมทั้งๆที่เราก้โกรธอยู่นิดๆและน้อยใจบ้างแต่เพราะเราไม่อยากโดนแบนจากเพื่อนจึงต้องยอมค่ะ และเมื่อขึ้นชั้นก็มีเพิ่มมาประมาณ 5 คน เมื่อเพิ่มเข้ามาความรู้สึกของเราเริ่มแปลกไปแล้วค่ะ เริ่มเห็นอย่างชัดเจนว่าเพื่อนเมิน ไม่สนใจกันเลย จะเดินไปไหนก็ไม่บอก ไปเที่ยวไหนก็ไม่ชวน จับคู่กันเป็นอย่างละ 2 คน จนเหลือแค่เราคนเดียวที่ไม่คู่เดิน เราก็รู้สึกน้อยใจแต่ก็พยายามเดินไปชิดกัน 3 คน เดินตามหลังต้อยๆ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ เมินกันเหมือนเดิม เป็นอย่างนี้จนเกือบจะจบชั้นม.1 เลยจนเราแกล้งออกมาจากกลุ่มและเย็นวันนั้นกลับบ้านคนเดียว วันต่อมาสรุปว่าก็ไม่มีคนมาคุยกับเรา ไม่มีใครเข้ามาถามเลยว่าเมื่อวานไปไหนมา กลับตอนไหน ความรู้สึกในตอนนั้นเราจุกเลยค่ะ รู้สึกน้อยใจมาก จู่ๆก็ร้องไห้เลย ร้องไห้หนักมาก และเราเป็นคนที่คิดในด้านลบ เลยกรีดแขนตัวเองด้วยมีดแกะสลักที่เป็นโค้งๆอ่ะค่ะ นั่นเป็นครั้งแรกที่เราทำ ตอนทำเราร้องไห้พลาง กดทับเลื่อนไปพลาง ไม่มีความรู้สึกเจ็บแขนเลย แต่มันเจ็บหน่วงที่อกมาก ถ้าคนที่เคยเสียใจหนักๆจะเข้าใจความรู้สึก มันเจ็บแล้วก็โทษตัวเองไปว่า ทำไมกูไม่มีเพื่อนคบเลย ทำไมไม่มีใครรักกุเลย เป็นเพราะกุเฉื่อยอย่างนี้ใช่ไหม แล้วกุเป็นอย่างนี้แล้วจะทำไม ทำไมไม่มีใครสนใจกุเลย เราตอกย้ำตัวเองว่าเรามันเฉื่อยไม่ได้เรื่อง กดทับลงแขนเน้นไปแต่คำนั้น เลือดนี่ไหลออกมามันเหมือนเป็นการระบายที่เราอัดอั้นมานานมาก ที่เราทำไม่ใช่เพราะต้องการให้คนอื่นสนใจแต่มันเป็นเหมือนวิธีการระบายของเรามากกว่า  วันต่อมาเราก็ถูกเพื่อนถามว่าไปทำอะไรมา เราก็บอกกรีดแขนตัวเอง เพื่อนเราก็ตกใจว่า เห้ย ทำไปทำไมอ่ะ อะไรแบบนี้แต่เราก็เงียบ ไม่รู้ว่าผ่านมาได้ยังไงที่แม่ไม่เห็นรอยแผลที่แขนของเราเลย และเราก็ร็ว่ามีแต่แม่ ครอบครัว และคนที่รักนั่นก็คือแฟนของเรา เท่านั้นที่เป็นคนที่เรารักมากที่สุด กับแฟนเรา เราคอยปรึกษาเกือบทุกเรื่อง เราก็คิดว่าเราโชคดีนะที่มีคนรักในแบบที่เราเป็นแบบนี้ โดยไม่ลดลงเลย เราคบกับแฟนมาได้ 2 ปีกว่า ถึงเราเสียใจที่ไม่มีใครสนก็ยังมีคนที่รักเราอยู่ข้างๆ และเราก็ได้เข้าใจความสำคัญของเราที่มีต่อคนอื่นว่า เราสำคัญกับเพื่อนในแบบไหน ? เพื่อนของเราไม่ค่อยสนใจเราอยู่แล้วจะมีค่า จะโดดเด่นขึ้นมาก็ต่อเมื่อมีงาน จนวันปัจฉิมที่จบม.3กันแล้วจริงๆ ก็มีการให้ดอกไม้กัน โดยเฉพาะเพื่อนของเรามันให้ความรู้สึกแบบไม่ได้มาจากใจจริงเลยสักนิด มีเขียนกระดาษว่ารักนะ ยิ่งเลี่ยนเข้าไปใหญ่ เราก็รับมาถึงคราวถ่ายรูปกัน เราก็ต้องเป็นคนชวนถ่ายรูปเอง อารมหน้าของเพื่อนที่เห็นก็แบบ กุไม่อยากถ่ายปะ..? แต่ก็ฝืนยิ้มถ่ายกะเราอ่ะ แฟนเราก้เอาของมาให้พร้อมถ่ายรูปกันไป เมื่อจบม.3แล้ว ภายในใจเราก็คิดว่า คงจบเรื่องร้ายๆที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตไปแล้วล่ะเนาะ... ต่อไปนี้ม.4 เราจะมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม เราพยายามจะหาคำว่า เพื่อนแท้ เราคิดว่าคงจะมีหลายคนเลยที่มีเหมือนเราปัญหาเรื่องเพื่อน การน้อยใจในเรื่องต่างๆ การตามหาเพื่อนแท้ที่ไม่ได้แอบแฝงเอาไว้แค่คำว่าเพื่อนสนิทหรือเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว แต่เป็นเพื่อนในทุกๆอย่างที่คอยปรึกษากันได้ รักเรา ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น ไม่คบเราเพียงเพราะหวังแค่ผลประโยชน์ เป็นเพื่อนที่กล้าแสดงความคิดเห็นในข้อบกพร่องต่างๆของเราและให้คำแนะนำแก้ไข เพื่อนแบบนี้ที่เราต้องการ จะสักกี่ชาติเราก็ยังไม่รู้ว่าจะเจอเมื่อไหร่ แต่เราคิดว่า อนาคตการเดินทางของเรามันยังอีกไกลเพียงแค่คำว่า เพื่อนที่หลอกกัน คำดูถูก คำด่าต่างๆ มันเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวต่อไปข้างหน้าและพร้อมยอมรับมันได้โดยไม่เกรงกลัวค่ะ ตอนนี้ปัจจุบันเรากำลังเตรียมตัวขึ้นเรียนม.4 อยู่ค่ะ เราตื่นเต้นมากในวันเปิดเทอมที่จะมาถึงว่าเราจะเข้ากับคนอื่นได้ไหม จะมีเพื่อนรึเปล่า เรากำลังเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนปกติ ไม่ถูกด่าว่า เฉิ่ม เฉื่อย อีก เราคิดว่าการออกกำลังกายน่าจะช่วยได้ เราควรต้องทำยังไงค่ะ ขอคำปรึกษาในการปรับเปลี่ยนตัวเองหน่อยค่ะ ขอบคุณค่ะ.

ขอบคุณที่รับฟังปัญหาจากคนๆนึงนะคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เท่าที่พี่อ่านมาพี่เข้าใจความรู้สึกน้องเลยค่ะ แต่ด้วยความที่น้องอาจจะยังเด็กเลยมองไม่เห็นวิธี พี่จะบอกว่าพี่เคยผ่านจุดๆนั้นมา จริงๆแล้วน้องต้องเเคร์ตัวเองมากกว่าเเคร์คนอื่นนะคะ อย่ากลัวที่จะออกไปหากุ่มเพื่อน ไปทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ เพื่อนที่สนิทและรักเราจริงจะคอยเตือนแบบตรงๆ บอกให้ปรับตัวแบบตรงๆ (คำพูดก็จะหยาบคายเเต่จริงใจ) ส่วนคนที่เเบนเพื่อน เราไม่เรียกว่าเพื่อนค่ะ

น้องรู้ว่านิสัยเฉื่อยชาเป็นข้อเสีย น้องควรหารเเอคทิวิตี้ทำให้ตัวเองกระฉับดูแอคทีฟตลอดเวลา จริงๆการนอนเพียง 6-7 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้วค่ะ  น้องต้องรู้จักกระตือลือล้นในสิ่งต่างๆรอบตัว ออกกำลังกายช่วยได้ค่ะ หากีฬาที่ชอบสัก 1 อย่าง อย่างพี่ๆชอบเล่นบาส พี่ก็ได้สังคมเพื่อนเล่นบาสเเรกๆอาจจะดูยาก ไปเล่นกะใครไม่รู้เเต่น้องต้องเปิดโอกาสให้ตัวเองไปรู้จักโลกใบใหม่ อย่ากลัวการเริ่ม เเค่เดินเข้าไปบอกขอเล่นด้วยนะ ได้ไหมคะ ? สังคมเขาจะค่อยๆเปิดรับเอง พี่ได้เพื่อน ผช รุ่นน้อง รุ่นพี่ แถวๆสนามบาสเต็ม เราจะมีความสุขเมื่อเจอคนที่ชอบสิ่งเดียวกัน

น้องเคยได้ยินกฎของการคัดเลือกโดยธรรมชาติไหมคะ คนประเภทเดียวกันจะอยู่ด้วยกัน เหมือนมีเเรงดึงดุดประหลาดเข้าหากัน นั้นเเสดงว่าน้องกำลังอยุ่ผิดกลุ่ม คนที่อยู่ผิดที่ด้วยความที่ไม่ใช่มันจะค่อยๆดันเราออกมาเอง สิ่งที่น้องทำตอนที่ผ่านมาคือการยัดเยียดตัวเองไปกับคนที่เขาไม่ต้องการเเละให้ร้ายเราตลอดเวลา ต่อไปนี้ ม. 4 ช่วงมอปลายเพื่อนจริงใจมากที่สุดเเล้วค่ะ ถ้ากลุ่มเเรกที่เข้าไปยังไม่ใช่ ลองออกไปทำควมรู้จักกับเพื่อนกลุ่มอื่น คนอื่นดู เฟรนลี่ค่ะน้องชีวิตจะได้เรียนรู้อะไรอีกเยอะ หัดขอความช่วยเหลือคนอื่นให้เป็นเราจะได้เพื่อนดีๆเพิ่มขึ้น  เละสำคัญกว่านั้น น้องต้องรู้จักให้มากกว่าการรับด้วยนะคะ ...

เท่าที่น้องเล่าอยากฝากถึงสังคมของการดูถูก ไม่ยอมรับตัวตอน เปรียบเทียบ มองคนอื่นด้อยค่าไปหมด จนลืมก้มดูตัวเองว่าตัวเองไม่ได้สูงส่งดังพระเจ้า น้องโชคร้ายที่เจอคนเหล่านั้น เพราะคนพวกนั้นไม่เข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องตลก

สุดท้าย... พี่อยากให้น้องพัฒนาตัวเองค่ะ เอาคำด่า คำดูถูกต่างๆมาเป็นเเรงผลักดัน เเละอย่าทำร้ายตัวเองแบบนั้นอีก พี่เคยเจอเพื่อนิสัยไม่ดีว่าร้ายตลอด คบกันหวังผลประโยชน์ช่วงมหาลัย พี่ออกมาจากกลุ่มนั้นเลยค่ะ หาใหม่จนได้กลุ่มที่ดีเหมาะกับตัวเอง ไลฟ์สไตล์ตรงกัน มีความสุข


เเละในบางครั้งน้องต้องเห็นแก่ตัวให้ไปอย่าเเคร์คนอื่นจนตัวเองเดือดร้อน ปรึกษาไดตลอดนะคะ สู้ๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่