21 เกร็ดภาพยนตร์ฮีโร่อภินิหาร "Shazam!" (by Filmaneo)


ย้อนกลับไปเมื่อสมัยยุคทองของวงการคอมิคอเมริกัน ตอนนั้นมีซุปเปอร์ฮีโร่ผู้หนึ่งที่ถูกรังสรรค์ขึ้นเมื่อค.ศ. 1939 โดยนักวาดชื่อซี.ซี.เบ็คกับนักแต่งเรื่องชื่อบิล พาร์คเกอร์ (C. C. Beck and Bill Parker)
และฮีโร่คนนั้นก็โด่งดังที่สุดในช่วงนึง ซึ่งดังยิ่งกว่าซุปเปอร์แมนผู้เป็นฮีโร่ที่ไม่ว่าใครก็รู้จักเสียด้วยซ้ำ

ฮีโร่คนดังกล่าวไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ "กัปตันมาร์เวล" ฮีโร่ผู้เคยอยู่ใต้ร่มใบของสำนักพิมพ์การ์ตูนฟาวเซตต์ (Fawcett Comics)
กัปตันมาร์เวลฮิตขนาดได้แตกยอดสร้างตัวละครพลังคล้ายกันออกมาเพิ่มอีก เช่น แมรี่มาร์เวล หรือ กัปตันมาร์เวลจูเนียร์ (Mary Marvel and Captain Marvel Jr.)
และกลายเป็นซุปเปอร์ฮีโร่คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกนำไปสร้างภาพยนตร์ฉบับคนแสดง
นั่นคือหนังขาวดำปี 1941 เรื่องการผจญภัยของกัปตันมาร์เวล (Adventures of Captain Marvel)

อนิจจา ภายหลังฟาวเซตต์มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ตัวละครกับสำนักพิมพ์ดีซี
ด้วยเหตุที่กัปตันมาร์เวลมีลักษณะคล้ายซุปเปอร์แมนมากเกินพอดี
ลิขสิทธิ์ตัวละครกัปตันมาร์เวลและเหล่าตัวละครพลังคล้ายคลึง
จึงโยกย้ายเข้าสู่ภายใต้ร่มใบค่ายดีซี

แต่เหตุการณ์ยังไม่จบเท่านี้ เพราะดีซีมีปัญหากับสำนักพิมพ์มาร์เวลเรื่องลิขสิทธิ์ของคำว่า 'มาร์เวล' อีก
ปี 1972 ดีซีจึงแก้เกมด้วยการเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามตัวละครเป็น 'ชาแซม!'
ส่วนชื่อกัปตันมาร์เวล ก็ถูกสำนักพิมพ์มาร์เวลนำไปใช้สร้างตัวละครฮีโร่ใหม่ ที่ในการ์ตูนมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงใช้สมญานาม

เกือบ 80 ปีต่อมาหลังชาแซม(ในชื่อเก่า)โลดแล่นบนแผ่นฟิล์ม
ค.ศ. 2019 เขากลับขึ้นจอใหญ่ในฐานะส่วนหนึ่งของจักรวาลหนังฮีโร่ดีซี
เลยขอถือโอกาสนี้นำเสนอ 21 เกร็ดภาพยนตร์ของฮีโร่พลังเวทมนตร์เค้าสักหน่อย

[1] เด็กชายวัย 14 'บิลลี่ แบทสัน' แปลงกายเป็นฮีโร่วัยผู้ใหญ่ยามเอื้อนเอ่ยวจีศักดิ์สิทธิ์ว่า "Shazam!"  แต่นี่ไม่ใช่คำพูดภาษาโบราณแปลกๆ หรือชื่อเฉพาะอะไร
S.H.A.Z.A.M. คือคำที่เกิดจากการเอาตัวอักษรนำหน้าชื่อของเหล่าวีรชนในตำนานทั้งหกมาเรียงกัน สื่อถึงพลังต่างๆ ที่ผู้ใช้ได้รับยามปลุกความสามารถขึ้นใช้งาน ดังนี้

S = สติปัญญาของโซโลมอน (Solomon)
H = พละกำลังของเฮอร์คิวลิส (Hercules)
A = ความทนทรหดของแอตลาส (Atlas)
Z = พลังของซุส เทพเจ้าแห่งสายฟ้า (Zeus)
A = ความกล้าหาญของอคิลลีส (Achilles)
M = ความเร็วและความสามารถในการบินบนฟ้าของเมอร์คิวรี่ (Mercury)

[2] เรื่องราวในหนังคือส่วนหนึ่งของจักรวาลดีซี  เท่ากับว่า Shazam! มีตัวตนอยู่ในโลกเดียวกับฮีโร่คนอื่นๆ แบบวันเดอร์วูแมน, แบทแมน, ซุปเปอร์แมน, เดอะแฟลช, ไซบอร์ก และอควาแมน
ฉะนั้นจะมีทั้งสิ่งของและข้อความต่างๆ หลายอย่าง อันชวนให้หวนรำลึกนึกถึงหนังเรื่องอื่นๆ ในจักรวาลดีซี

[3] จะมีหลายครั้งซึ่งหนังทำตัวคล้ายภาพยนตร์ตลกแฟนตาซีเรื่อง 'Big' แต่เป็นในฉบับที่ตัวละครเอกครอบครองพลังพิเศษ
(Big คือหนังปี 1988 ที่ทอม แฮงส์แสดงนำ เกี่ยวกับเด็กชายผู้ขอพรให้ตัวเองกลายเป็นผู้ใหญ่ จนร่างกายเติบใหญ่ในชั่วข้ามคืน)

[4] แซคคารี่ ลีวาย/ผู้รับบทชาแซม เคยปฏิเสธการทดสอบหน้ากล้องเพราะคิดว่าทางผู้สร้างคงอยากได้ดาราดังๆ หรือคนมีลักษณะสมเป็นฮีโร่มากกว่าเขา
แต่เกิดเปลี่ยนใจขอลองดูสักตั้ง ตอนโดนเรียกให้ทดสอบหน้ากล้องอีกครั้งหนึ่ง

[5] แซคคารี่ ลีวาย มองโลกแง่ดี เขาปีติที่ตัวละครแฟนดรัลตาย (สหายศึกของธอร์/เทพเจ้าสายฟ้าค่ายมาร์เวล)
เพราะนั่นทำให้เขาหลุดพ้นจากการแสดงหนังเพื่อค่ายมาร์เวล และเปลี่ยนมารับบทชาแซมแห่งดีซีได้แบบสบายอกสบายใจ

[6] แรงบันดาลใจหลักของเนื้อหาภาพยนตร์ มาจากคอมิคในชุด New 52 ของเจฟฟ์ จอห์น
และเสริมด้วยองค์ประกอบโน่นนี่นั่น อันหยิบยกมาจากคอมิคของฟาวเซตต์และดีซี ในประวัติศาสตร์ยาวนานหลายสิบปีของฮีโร่ผู้นี้บนหน้าหนังสือการ์ตูน

(New 52 = คอมิคดีซีช่วงที่ถูกยกเครื่องใหม่ หลังผ่านเหตุการณ์วุ่นวายครั้งใหญ่  'Flash Point' อันเกิดเพราะเดอะแฟลชย้อนเวลาเปลี่ยนอดีต)

[7] ชุดฮีโร่ของชาแซมก็เช่นกัน ใช้วิธีหยิบเอาองค์ประกอบจากคอมิคชุด New 52, ฟาวเซตต์ และดีซีที่ผ่านมา เข้าผสมรวมกัน
เพื่อปรับให้เป็นเครื่องแต่งกายแบบที่เห็นในฉบับภาพยนตร์

[8] ผู้กำกับเดวิด แซนด์เบิร์ก บอกว่านี่ไม่ใช่หนังตลกเต็มขั้นหรือมืดหม่นจริงจังสุดกำลัง
ชาแซมคล้ายพวกภาพยนตร์ยุค 80s อย่าง Ghostbusters, Back to the Future หรือ The Goonies ที่ตลกเฮฮา ทว่ายังสัมผัสความดาร์คอันแฝงไว้ในตัวมันได้

[9] ช่วงเริ่มเรื่องของชาแซมจะมีฉากระลึกความหลังสมัยยุค 1970s
ครั้งเมื่อวายร้าย 'ดร. แทดเดียส ซิวานา' ยังเด็ก
ตอนนั้นเขาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์กับครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ชีวิตไม่ค่อยสวยเนื่องจากโดนบรรดาคนในครอบครัวกดขี่ข่มเหงรังแก

[10] ประวัติความเป็นมาของพ่อมด, ศิลานิรันดร์กาล (Rock of Eternity) และรูปปั้นบาปเจ็ดประการ (Seven Deadly Sins) ซึ่งต่างก็เกี่ยวข้องกับพลังแห่งชาแซม จะได้รับการกล่าวถึงในภาพยนตร์
เท่านั้นไม่พอ องค์ประกอบเหล่านี้ยังมีความสำคัญต่อเนื้อเรื่องด้วย

[11] สาเหตุที่ดวงตาขวาของซิวานาผิดปกติก็จะถูกอธิบายไว้ในภาพยนตร์ และมันจะส่งผลกระทบต่อเนื้อเรื่องเช่นกัน

[12] บิลลี่ แบทสัน ย้ายมาเมืองฟิลาเดลเฟียเพราะเปลี่ยนบ้านอุปถัมภ์บ่อย
เขาทำตัวมีปัญหา เพราะเชื่อว่าตนมีสมาชิกครอบครัวตัวจริงที่เกี่ยวดองทางสายเลือดรอให้ไปหา
เขาเป็นคนหัวขบถอย่างแรง แต่มีศักยภาพแฝงแสนยอดเยี่ยมในตัว

[13] ครอบครัวอุปถัมภ์มีวลีติดปากว่า "รวมกันเราอยู่" (All Hands on Deck) ซึ่งถูกหยิบยกขึ้นพูดเสมอ
ยามต้องการให้สมาชิกครอบครัวพึงระลึกว่าต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
และนี่อาจมีความสำคัญบางอย่างในหนัง

[14] เฟรดดี้ ฟรีแมน/เด็กชายในครอบครัวอุปถัมภ์ใหม่ของบิลลี่ แบทสัน คือแฟนพันธุ์แท้ซุปเปอร์ฮีโร่
เขาขาพิการต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยพยุงเดิน เลยคิดว่าซุปเปอร์แมนคือฮีโร่ผู้เจ๋งที่สุด เพราะอยากจะบินได้เหมือนซุปเปอร์แมนบ้าง

[15] วันหนึ่งขณะวิ่งหนีพวกอันธพาล, บิลลี่ แบทสันโดนพ่อมดโบราณเรียกตัวไปที่ศิลานิรันดร์กาล และเลือกให้เป็นผู้สืบทอดพลังแห่งชาแซม
เนื่องจากจิตวิญญาณเข้มแข็งกับหัวใจบริสุทธิ์ผุดผ่องของเขา และเพราะมีมหันตภัยบางอย่างกำลังรอให้เค้าช่วยจัดการอยู่

[16] ฉากศิลานิรันดร์กาลกับรูปปั้นบาปเจ็ดประการมิใช่เทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟิก แต่ถูกสร้างขึ้นจริงภายในสตูดิโอเพื่อใช้ถ่ายทำ
แนวเรียงตัวของศิลาอ้างอิงจากแหล่งหินผาแถวอริโซนา และตัวอักษรโบราณที่ปรากฏอ้างอิงจากอักษรเฮียโรกริฟฟิก (heiroglyphics) ของจริงในวัฒนธรรมอียิปต์

[17] ครั้นบิลลี่รับสืบทอดพลังชาแซมมา  เขาขอความช่วยเหลือเฟรดดี้เพื่อเสาะหาว่าตนทำสิ่งใดได้บ้าง
พวกเขาจะทำการทดสอบความสามารถมากมาย และไม่ลืมบันทึกคลิปวิดีโอกับอัปโหลดมันสู่โลกออนไลน์  ทำให้ชาแซมกลายเป็นคนมีชื่อเสียงหน่อยๆ โดยปริยาย

[18] ดร.ซิวานาปรารถนาจะครอบครองพลังเวทมนตร์ของชาแซม
เขาพยายามหาทางให้ตัวเองใช้ได้ทั้งพลังด้านดีและชั่วร้าย  อีกทั้งทำได้ทุกวิถีทางเพื่อจุดมุ่งหมาย

[19] ชาแซมจะค่อยๆ เรียนรู้วิธีใช้พลัง พร้อมๆ กับเริ่มตระหนักถึงเหตุผลที่ตนถูกเลือกให้ครอบครองมัน
ซึ่งชัดเจนตอนเขาช่วยชีวิตคนทั้งรถบัส ขณะรถกำลังจะร่วงลงจากบนทางยกระดับ

[20] หนังฉายฤดูร้อน แต่บรรยากาศตามท้องเรื่องกลับเป็นช่วงเทศกาลคริสมาสต์แห่งฤดูหนาว
เพราะผู้กำกับต้องการขับเน้นแก่นเรื่อง 'ครอบครัว' และการตามหาครอบครัวในภาพยนตร์ให้ปรากฏชัด  ด้วยคริสมาสต์คือเทศกาลแห่งความอบอุ่นในครอบครัว

[21] จะมีศึกใหญ่เกิดขึ้นในห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะฉากปะทะในร้านขายของเล่นที่ทั้งชาแซมกับซิวานา เริ่มรับรู้ระดับพลังของทั้งสองฝ่าย
และฉากสู้ตัดสินในหนังคือกลางงานเทศกาลฤดูหนาว ซึ่งทั้งฉากถูกสร้างขึ้นกลางแจ้งเพื่อถ่ายทำ  ฉะนั้นคาดหวังให้บู๊กันดุเดือดเลือดพล่าน พังฉากทิ้งพินาศสิ้นได้ตามสบาย

ที่มา



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่