ก็ใช้ชื่อผู้เช่าซื้อเป็นชื่อบริษัทครับ ก็จะมีเอกสารของบริษัททั้งหมด ประกอบในสัญญาด้วย

การจดทะเบียนในรูปบริษัท จะเสียภาษีเป็น 2 เท่า ถ้าเทียบกับจดแบบบุคคลธรรมดา

หักค่าเสื่อมได้ ปีละ 20 % เป็นเวลา 5 ปี เหลือมูลค่า 1 บาท

ถ้าซื้อแบบผ่อน VAT ของเงินที่ชำระในแต่ละงวด ไม่สามารถนำ VAT มาใช้ได้

ในวันนึงต้องขาย คุณก็ต้องออกบิลขายรถคันนี้ออกไปครับ ซึ่ง เงินที่ได้จากการขาย ก็จะนำมาเป็นรายได้บวกกลับเข้าไปอีก ซึ่ง จริง ๆ แล้ว หากพ้น 5 ปีไปแล้ว มูลค่าเหลือ 1 บาท ไม่ใช่ว่าคุณจะขายออกในราคา 1 บาทนะครับ น่าเกลียดเกินครับ

ขายออกแบบไม่ให้น่าเกลืยดสัก 10,000 บาทครับ

จริง ๆ แล้ว ถ้าเป็นรถเก๋งเนี่ย ในรูปบริษัท มันจะหักค่าใช้จ่ายได้สูงสุดแค่ 1,000,000 บาทเท่านั้น และ พวก ค่าบำรุงรักษาอะไรพวกนี้ หักไม่ได้เลย ซึ่งจะต่างจากรถกระบะ 2 ประตู ที่สามารถหักได้ทุกอย่าง เพราะมันเป็นรถเพื่อการพาณิชย์

สำหรับรถเก๋งนะครับ ที่ผมทราบ จะมีรายการที่สามารถหักเป็นค่าใช้จ่ายบริษัท เช่น ค่าประกันรถ ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน

หรือไม่นะครับ ใช้ชื่อเป็น บุคคลธรรมดาก็ได้ แล้วทำหนังสือยินยอมให้ บริษัทใช้ ก็สามารถเอาค่าน้ำมันมาหักค่าใช้จ่ายได้เช่นกัน หรือ หาก ทำเป็นสัญญาเช่ารถ ก็เอาเงินค่าเช่ามาหักเป็นค้าใช้จ่ายได้ เพียงแต่ว่า เจ้าของรถก็จะมีรายได้เพิ่มที่จะต้องไปบวกกับรายได้ตอนยื่นภาษีด้วย

ยังไงทางที่ดี ถามบริษัทบัญชี เขาจะรู้ดีกว่าครับ ผมก็มือใหม่ ปวดหัวกับเรื่อง บิลน้ำมันอยู่เนี่ย เพราะบัญชีบอกว่า ต้องเป็นบิล VAT และต้องมีเลขทะเบียนรถอยู่ในนั้นด้วย