-ไปอ่านบทความเจอมาน่าสนใจเลยนำมาฝากครับ
- หุ้นบลูชิพหรือหุ้นแข็งแกร่งขนาดยักษ์ใหญ่ หุ้นแนวนี้โอกาสที่ราคาจะขึ้นไปหลายๆเด้งมีไม่มาก เพราะโตมามากแล้วจนกลายมาเป็นหุ้นบลูชิพ คือมันใหญ่เกิน แต่ก็อาจมีบ้างที่เป็นข้อยกเว้น
-วิธีเล่นหุ้นบลูชิพนั้น ปีเตอร์ ลินช์จะ rotate ไปมาระหว่างหุ้นบลูชิพหลายๆ ตัว โดยเมื่อกำไรแค่ 30-40% ก็จะขายเลยแล้วไปซื้อหุ้นบลูชิพตัวอื่นที่น่าสนใจกว่า ทำรอบเช่นนั้ไปเรื่อยๆ เพราะโอกาสที่หุ้นบลูชิพจะทำกำไรเป็นสิบเท่านั้นมีน้อย การขายเมื่อกำไร 30-40% แต่ทำสลับไปเรื่อยๆ สักหกรอบ ก็ทำผลตอบแทนได้ไม่แพ้การเจอหุ้นเติบโตที่กำไร 3-4 เด้งได้เหมือนกัน ( จากหนังสือเหนือกว่าวอลสตรีท แนะนำให้ขายเมื่อได้กำไรประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขใกล้เคียงกัน)
-เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ บางครั้งผมเองก็ชอบหุ้นบลูชิพ แต่ก็กังวลตรงที่ว่ามันจะมีโอกาสเติบโตไปเป็นเด้งๆได้หรือไม่ ทำให้ละเลยหุ้นบลูชิพไป ต่อไปก็คงต้องพยายามมองหุ้นแนวนี้ไว้บ้าง
-ส่วนหุ้นเติบโตหรือหุ้นที่เทรนด์ธุรกิจกำลังมาแรง เป็นหุ้นที่มีอัตราการเติบโตของกิจการสูงอย่างต่อเนื่อง เป็นหุ้นขนาดเล็กถึงกลางๆ
-วิธีการเล่นนั้น ปีเตอร์ ลินช์จะเน้นถือให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อมิให้พลาดโอกาสที่จะกำไรหลายๆ เด้ง (พลาดเพราะทนไม่ไหว ขายหมูไปก่อน) โดยติดตามแผนการขยายธุรกิจไปเรื่อยๆ ถ้ายังมีอยู่ก็อย่าขายออกมา
-ผมเห็นด้วยกับแนวคิดนี้มากๆ บางครั้งเราอาจพลาดเพราะไปดูบทวิเคราะห์วิจัยของโบรคเกอร์ ซึ่งมักจะให้เป้าหมายราคาหุ้นในระยะสั้นๆแบบปีต่อปี บางครั้งก็ต้องหัดวิเคราะห์เอง โดยโฟกัสที่ธุรกิจป็นหลัก เช่นติดตามจากการอ่านรายงานประจำปี ฟังผู้บริหาร จากการให้สัมภาษณ์หรือในวันที่มาพบนักลงทุนที่ตลาดหลักทรัพย์ วัน opportunity day เป็นต้น
เครดิต
http://dekisugi.net/archives/25662
และจากหนังสือเหนือกว่าวอลสตรีท : One Up On Wall Street
เทคนิคการเล่นหุ้นบลูชิพและหุ้นเติบโตของปีเตอร์ ลินช์ (เมื่อไหร่ควรขาย)
- หุ้นบลูชิพหรือหุ้นแข็งแกร่งขนาดยักษ์ใหญ่ หุ้นแนวนี้โอกาสที่ราคาจะขึ้นไปหลายๆเด้งมีไม่มาก เพราะโตมามากแล้วจนกลายมาเป็นหุ้นบลูชิพ คือมันใหญ่เกิน แต่ก็อาจมีบ้างที่เป็นข้อยกเว้น
-วิธีเล่นหุ้นบลูชิพนั้น ปีเตอร์ ลินช์จะ rotate ไปมาระหว่างหุ้นบลูชิพหลายๆ ตัว โดยเมื่อกำไรแค่ 30-40% ก็จะขายเลยแล้วไปซื้อหุ้นบลูชิพตัวอื่นที่น่าสนใจกว่า ทำรอบเช่นนั้ไปเรื่อยๆ เพราะโอกาสที่หุ้นบลูชิพจะทำกำไรเป็นสิบเท่านั้นมีน้อย การขายเมื่อกำไร 30-40% แต่ทำสลับไปเรื่อยๆ สักหกรอบ ก็ทำผลตอบแทนได้ไม่แพ้การเจอหุ้นเติบโตที่กำไร 3-4 เด้งได้เหมือนกัน ( จากหนังสือเหนือกว่าวอลสตรีท แนะนำให้ขายเมื่อได้กำไรประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขใกล้เคียงกัน)
-เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ บางครั้งผมเองก็ชอบหุ้นบลูชิพ แต่ก็กังวลตรงที่ว่ามันจะมีโอกาสเติบโตไปเป็นเด้งๆได้หรือไม่ ทำให้ละเลยหุ้นบลูชิพไป ต่อไปก็คงต้องพยายามมองหุ้นแนวนี้ไว้บ้าง
-ส่วนหุ้นเติบโตหรือหุ้นที่เทรนด์ธุรกิจกำลังมาแรง เป็นหุ้นที่มีอัตราการเติบโตของกิจการสูงอย่างต่อเนื่อง เป็นหุ้นขนาดเล็กถึงกลางๆ
-วิธีการเล่นนั้น ปีเตอร์ ลินช์จะเน้นถือให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อมิให้พลาดโอกาสที่จะกำไรหลายๆ เด้ง (พลาดเพราะทนไม่ไหว ขายหมูไปก่อน) โดยติดตามแผนการขยายธุรกิจไปเรื่อยๆ ถ้ายังมีอยู่ก็อย่าขายออกมา
-ผมเห็นด้วยกับแนวคิดนี้มากๆ บางครั้งเราอาจพลาดเพราะไปดูบทวิเคราะห์วิจัยของโบรคเกอร์ ซึ่งมักจะให้เป้าหมายราคาหุ้นในระยะสั้นๆแบบปีต่อปี บางครั้งก็ต้องหัดวิเคราะห์เอง โดยโฟกัสที่ธุรกิจป็นหลัก เช่นติดตามจากการอ่านรายงานประจำปี ฟังผู้บริหาร จากการให้สัมภาษณ์หรือในวันที่มาพบนักลงทุนที่ตลาดหลักทรัพย์ วัน opportunity day เป็นต้น
เครดิต
http://dekisugi.net/archives/25662
และจากหนังสือเหนือกว่าวอลสตรีท : One Up On Wall Street