สวัสดีครับ ผมเพิ่งจะมีโอกาสได้ไปฮ่องกง เพื่อ ร่วมฉลองงานแต่งงานของเพื่อน
เพื่อน ไม่ได้นามสกลุลชินวัตรนะครับ อิอิ
เป็นเพื่อนที่ทำงานเก่า
หลังจากวันงาน มีเวลา เลยข้ามเกาะไปมาเก๊าเพื่อเยี่ยมเพื่อนๆที่ทำงานเก่า
คือกลับมาอยู่เมืองไทยได้ห้าปีแล้ว ยังไม่เคยได้แวะกลับไปมาเก๊าอีกเลย ครั้งนี้เลยเป็นโอกาสดีที่จะได้ไปเยือนอีกครั้ง
เท่าที่เปิดๆดูไกด์บุ๊ค เมืองค่อนข้างเปลี่ยนไปเยอะ เพราะมีโรงแรมหรูใหม่ๆผุดขึ้นมาหลายที่ แต่ละโรงแรมก็จะมีจุดเด่นต่างๆกันไป
ตามไปดูกันดีกว่า
ปล. ภาพทั้งหมดเป็นภาพจากมือถือ จึงอาจจะไม่ชัดเท่าไหร่
Wynn Macao Cotai
เราออกเดินทางจากฮ่องกงไปมาเก๊าตอนค่ำ เราพักฝั่งเกาลูนเลย ให้ Taxi ไปส่งที่ Hong Kong China Ferry Terminal
วันที่ไปเป็นวันที่ MTR ฮ่องกงเกิดอุบัติเหตุชนกัน สายสีแดงซึ่งเป็นสายหลักปิดให้บริการ เราเลยเลือกใช้ Taxi
ถึงท่าเรือ แท็กซี่จอดชั้นใต้ดิน เราก็ต้องเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อซื้อตั๋ว
ค่าตั๋วตามที่ระบุที่เค้าเตอร์ 211 HKD ต่อคน แต่ เราไม่เลือก เราเลือกเดินออกมาหน้าเค้าท์เตอร์ ซึ่งมักจะมีคนมายืนขายตั๋ว
อาจจะเป็นเอเจ้นท์ที่ซื้อตั๋วไว้ให้ลูกค้า แล้วลูกค้ายกเลิก หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ซื้อตั๋วตรงนี้เรามักจะได้ราคาถูกกว่า อย่างวันนี้เราได้ตั๋วในราคาใบละ 190 HKD
ทุกโรงแรมในมาเก๊าก็จะมีจุดขาย ที่Wynn นี่สวยมาก
เมื่อก่อนเรามักจะมาซื้อตั๋วในนาทีสุดท้าย แล้วไอ้คนที่ยืนขายตั๋วอยู่ก็มักจะมีตั๋วของเฟอรี่ที่กำลังจะออกเสมอ ได้ตั๋วแล้วก็ขึ้นเรือได้เลย ไม่ต้องรอรอบต่อไป
นั่งเรือชั่วโมงนึงเราก็ถึงมาเก๊า มันดูเปลี่ยนแปลงไปเยอะ มีเกาะใหม่ซึ่งมีสิ่งก่อสร้างใหญ่โตอยู่บนเกาะ
จากท่าเรือไปโรงแรมที่พัก ง่ายมากๆ ออกมาด้านนอกก็จะมีชัตเทิลบัสของแต่ละโรงแรมให้บริการ ถ้าโรงแรมไหนไม่มีรถ ก็ขึ้นรถโรงแรมที่อยู่ไกล้กันไปแทน แล้วก็เดินต่อเอา สะดวกสุดๆ
เราพักที่ Crowne Plaza ซึ่งเพิ่งเปิดใหม่ ห้องกว้างมาก แต่ฟรีบัสมีแค่ไป Macao Ferry Terminal คราวนี้เวลาเราจะไปเที่ยวโรงแรมมอื่น เราก็แค่นั่งบัสฟรีไปลง MFT แล้วอยากไปโรงแรมไหนก็ไปต่อรถเอาอีกที ที่นี่ที่ท่องเที่ยวจะอยู่ในโรงแรมซะเป็นส่วนใหญ่ ถ้าอยู่ละแวกเดียวกันสามารถเดินทะลุถึงกันได้ทุกโรงแรมเลย
มีกระเช้าให้นั่งฟรีจากยอดตึก
เราใช้เวลาหนึ่งคืน และอีกหนึ่งวันเที่ยวมาเก๊า สี่โมงครึ่ก็กลับมาที่โรงแรมเพื่อรับกระเป๋า เราจะบินกลับจากสนามบินฮ่องกงไฟลท์สองทุ่ม แต่วันนี้เรามีทางเลือกใหม่ จากที่เมื่อก่อนนี้เราต้องนั่งเฟอรี่ รอบนี้สะพานเชื่อมเกาะซึ่งเป็นสะพานข้ามมหาสมุทรที่ยาวที่สุดในโลกได้เปิดให้บริการแล้ว เราเลยลองของใหม่กัน แต่เนื่องจากเป็นของใหม่สำหรับเรา เราเลยออกจากโรงแรมเร็วหน่อย เกือบๆห้าโมงเย็น กันพลาด กลัวตกเครื่อง นั่งแท็กซี่แค่ห้านาทีก็ถึงสถานีรถ Macao Hong Kong Port
นี่คือ The Parisian อีกหนึ่งไฮต์ไลท์กับหอไอเฟลล์จำลอง
Studio City มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก
ส่วนนี่ ที่ทำงานเก่า
จริงๆก็มีรถบัสให้บริการนะครับ แต่เรากลัวพลาดเลยให้พนักงานที่โรงแรมเรียกแท็กซี่ให้ แล้วก็ให้เค้าช่วยบอกคนขับเป็นภาษาจีนว่าจะไปไหน
ออกจากโรงแรมมานิดเดียว รถก็เลี้ยวขึ้นสะพานข้ามเกาะ ซึ่งเป็นเกาะใหม่และมีสิ่งก่อสร้างใหญ่โตขนาดเท่าสนามบินตั้งอยู่ และไอ้อาคารใหญ่ๆที่เราเห็นนี่ก็คือ สถานีรถไปจูไห่และฮ่องกง
ห้าปีก่อน มันเป็นเกาะที่กำลังถมทะเล ห้าปีผ่านไปกลายเป็นสถานีรถที่มีขนาดใหญ่โตกว่าสนามบินภูเก็ต สร้างไวจนน่าตกใจ
นี่คือด้านหน้าของอาคารที่เราจะเข้าไป
หากไม่รู้ว่าต้องเดินไปทางไหน ให้เดินตามฝูงชนที่มีเป็นพันคนเข้าไปด้านใน วันที่เราไป มีคนใช้บริการเยอะจริงๆ
เข้าไปด้านในเราก็ต้องไปซื้อตั๋วก่อน ด้านในก็จะเจอตู้ขายตั๋ววางเรียงราย
ที่ตู้มีภาษาอังกฤษด้วยนะครับ ซื้อง่ายขายคล่องมากๆ แต่เนื่องด้วยว่าเราเพิ่งมาครั้งแรก และไม่ทำการศึกษามาเลยว่าเราไปที่ไหนได้บ้างบนสะพานเส้นนี้ เราเลยตัดสินใจไปซื้อตั๋วที่เค้าเตอร์ เพื่อให้ชัวร์ว่า สุดสายปลายทางของเราคือสนามบินฮ่องกงจริงๆ
นี่คือเคาท์เตอร์ขายตั๋วซึ่งมีพนักงานพูดภาษาอังกฤษ
ที่สำคัญ ใครมีบัตร rabbit จากฮ่องกงติดมาก็สามารถใช้บัตรจ่ายค่าตั๋วได้เลย
อันนี้ต้องขออภัยที่ลืมสังเกตุว่าใช้ Macao Pass จ่ายค่าตั๋วได้ด้วยรึเปล่า
ได้ตั๋วแล้วไม่ต้องไปต่อคิวชาวจีนยาวๆ มีช่องทางพิเศษสำหรับคนซื้อตั๋วจากเค้าท์เตอร์ เดินเอาตั๋วไปให้พี่ยามดู เค้าก็เปิดให้เดินเข้าได้เลย ซึ่งเราก็ต้องเดินผ่านเครื่องแสกนวัตถุ เหมือนเวลาไปสนามบิน
ผ่านเครื่องแสกนแล้วก็เดินยาวๆ เพื่อไปยังด่านตรวจคนขาออกของมาเก๊า
ผ่านด่านเดินลงบันไดมาก็จะเจอท่ารถ
เดินออกมาด้านนอกก็จะเจอรถทัวร์จอดอยู่เรียงราย คล้ายๆสายใต้ใหม่
ลืมสังเกตุว่าสามารถขึ้นรถจากที่นี่ไปไหนได้บ้าง หันไปรถคันไหนก็มีแต่บ้ายฮ่องกง
จากข้อมูลที่อ่านมา รถจะออกทุกๆ 15-20 นาที มันก็น่าจะจริง เพราะเมื่อเราขึ้นรถ คนขึ้นจนเกือบจะเต็ม รถก็ถอยออกจากชานชลา
หรือถ้าต้องรอให้รถเต็มแล้วค่อยออก ก็ไม่น่าจะต้องรอนาน เพราะคนใช้บริการเยอะมากๆ แป๊บเดียวก็คงเต็ม
สภาพรถเป็นรถเมล์สองชั้น เราเลือกนั่งชั้นบน เพราะอยากเห็นวิวชัดๆ
ตั๋วที่ได้มาไม่ได้มีการระบุที่นั่งนะครับ พอใจตรงไหนเลือกนั่งเอาได้เลย อาจจะเพราะรถออกถี่มาก การระบุคัน ระบุที่นั่งเลยอาจจะทำให้ยุ่งยาก
บรรยากาศสองข้างทางตอนออกจากท่ารถ ไม่น่าเชื่อว่าเกาะโล้นๆที่ดูดทรายจากทะเลมาถมเมื่อไม่กี่ปีก่อนจะใหญ่โตได้ขนาดนี้ ที่สำคัญคือ มันได้กลายเป็นสถานีรถที่ใหญ่มากๆ ใหญ่กว่าสนามบินในบ้านเราอีก เท่าที่ดู พื้นที่ที่เปิดใช้น่าจะแค่ 10% ของพืนที่ทั้งหมดของอาคาร ยังไม่ได้เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งคาดว่าในอนาคต เราจะสามารถเดินทางจากจุดนี้ไปได้หลายๆที่ในเขตเมนแลนด์ไชน่า และฮ่องกง
นั่งรถมานิดเดียวก็จะถึงด่านเก็บค่าทางด่วนสำหรับผู้ที่ขับรถส่วนบุคคล ซึ่งเท่าที่สังเกตุดู ยังมีปริมาณไม่เยอะ ผ่านจุดนี้ ก็เท่ากับว่าเราได้ขึ้นมาอยู่บนสะพาน ฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขออนุญาตินำรูปภาพจากเว็บมาประกอบนะครับ
โดยสะพานแห่งนี้เพิ่งเปิดใช้ไปเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ปีที่แล้ว(2018)
สะพานมีความยาวทั้งสิ้น 34 ไมล์ หรือ 55 กม. ซึ่งถือเป็นสะพานเข้ามมหาสมุทร หรือ ข้ามทะเล Sea crossing bridge ที่ยาวที่สุดในโลก ณ ปัจจุบันนี้
ที่สำคัญ บนถนนเส้นนี้ยังมีส่วนที่มุดลงไปในอุโมงใต้มหาสมุทรอีก 7 กม. และนี่ก็ถือว่าเป็น อุโมงค์ใต้มหาสมุทร ที่ยาวที่สุดในโลกอีกเช่นกัน
มีเกาะที่ถมขึ้นมาใหม่สำหรับสะพานเส้นนี้ 3 เกาะด้วยกัน
มาสำรวจบนรถกันบ้างดีกว่า ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก ที่จะสะดุดตาที่สุดคงจะเป็นที่ชาร์จแบดมือถือ ซึ่งมีให้ทุกที่นั่ง
ระหว่างทาง ฝั่งขวาก็จะเป็นความเวิ้งว้างของทะเล ฝั่งซ้ายก็เป็นเกาะน้อยใหญ่ในอ่าวบริเวณนี้
สำหรับการเดินทาง จากมาเก๊าถึงฮ่องกงก็ใช้เวลาแค่ 45 นาที จำกัดความเร็วของรถที่วิ่งบนสะพาน 100กม/ชั่วโมง
วิวก่อนถึงสถานีรถฝั่งฮ่องกง ซึ่งจะเป็นวิวสนามบินนานาชาติฮ่องกง ซึ่งใหญ่มากๆ ส่วนทางฝั่งขวาก็จะเห็นกระเช้า ngong ping ที่ทอดสู่ยอดเขา
แป้บเดียวก็ถึง Hong Kong Zhuhai Macao Port หรือปลายทางฝั่งฮ่องกง ซึ่งโอ่โถงมากๆ
เดินเข้าไปด้านในก็จะเจอ ด่าน ตม. ฮ่องกง
เดินเข้ามาแล้วอย่าลืมเลี้ยวซ้ายไปเขียนใบ ตม. ตรงเค้าท์เตอร์ก่อนนะ เพราะเราเป็นคนไทย อย่าเผลอเดินตามคนส่วนใหญ่ไป เดี๋ยวจะถูกไล่ให้มาเขียน
ผ่านตม. ออกมา สำหรับใครที่ไม่ได้เช็คอินแอร์ไลน์ ที่นี่มีเคาท์เตอร์ให้เช็คอิน น่าจะครบทุกสายการบิน แต่คาดว่า ใครที่มีกระเป๋าต้องโหลด ไม่สามารถเช็คอินจากที่นี่ได้ (อันนี้เดาเอาเองนะ)
เคาท์เตอร์เช็คอินสายการบิน Tourist information Center ก็อยู่ไกล้ๆกัน
จากที่นี่ เราจะไปสนามบินทำไง ??
ด้านนอกมีสถานีรถบัสไปทั่วฮ่องกงเหมือนกัน ส่วนเราจะไปสนามบิน ก็แค่เดินออกไปแล้วก็หาที่จอดรถบัส สาย B4 ซึ่งจอดไกล้ๆ
นั่งรถเมล์ห้านาทีก็ถึง ราคาแค่ 6 HKD
ที่สนามบิน เรามารถคืนบัตร rabbit ได้ที่ชั้นสอง พร้อมรับเงินคืน แต่เรามัวไปนั่งกิน เลยไม่มีเวลาไปหาเคาท์เตอร์
แถมยังต้องวิ่งตาลีตาเหลือกเพราะลืมไปว่า สนามบินฮ่องกงใหญ่มาก และต้องต่อรถไฟฟ้าหลายรอบกว่าจะถึงเกตเช็คอิน มัวนั่งกินจนเหลือเวลาบอร์ดดิ้งแค่สิบนาที เลยวิ่งกันแทบตาย ดีที่ไม่ตกเครื่อง
มีวีดีโอของสะพานนี้มาให้ดู
ยิ่งใหญ่มั้ยละ
ปล. ลืมบอกไปว่า ราคาค่ารถบัสจากมาเก๊า มาฮ่องกง ราคาแค่ 65HKD ซึ่งถือว่าถูกมากๆเมื่อเทียบกับค่าเฟอรี่ 211 HKD
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่จุดหมายปลายทางของแต่ละคน คนที่ต้องเข้าเมืองฮ่องกงก็ต้องมาต่อรถไฟฟ้าเข้าเมืองอีกรอบ ซึ่งจากสนามบินเข้าเมืองก็ 115 HKD
แค่อยากจะบอกว่า เส้นทางสายนี้เหมาะมากๆกับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางท่องเที่ยว ฮ่องกง มาเก๊า และวกกลับมาสนามบินฮ่องกงเป็นวงกลม
ว่างๆลองไปดูครับ สะดวกสบายมากๆ
Hong Kong-Zhuhai-Macao Bridge อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการเดินทางระหว่างสามประเทศ
เพื่อน ไม่ได้นามสกลุลชินวัตรนะครับ อิอิ
เป็นเพื่อนที่ทำงานเก่า
หลังจากวันงาน มีเวลา เลยข้ามเกาะไปมาเก๊าเพื่อเยี่ยมเพื่อนๆที่ทำงานเก่า
คือกลับมาอยู่เมืองไทยได้ห้าปีแล้ว ยังไม่เคยได้แวะกลับไปมาเก๊าอีกเลย ครั้งนี้เลยเป็นโอกาสดีที่จะได้ไปเยือนอีกครั้ง
เท่าที่เปิดๆดูไกด์บุ๊ค เมืองค่อนข้างเปลี่ยนไปเยอะ เพราะมีโรงแรมหรูใหม่ๆผุดขึ้นมาหลายที่ แต่ละโรงแรมก็จะมีจุดเด่นต่างๆกันไป
ตามไปดูกันดีกว่า
ปล. ภาพทั้งหมดเป็นภาพจากมือถือ จึงอาจจะไม่ชัดเท่าไหร่
Wynn Macao Cotai
เราออกเดินทางจากฮ่องกงไปมาเก๊าตอนค่ำ เราพักฝั่งเกาลูนเลย ให้ Taxi ไปส่งที่ Hong Kong China Ferry Terminal
วันที่ไปเป็นวันที่ MTR ฮ่องกงเกิดอุบัติเหตุชนกัน สายสีแดงซึ่งเป็นสายหลักปิดให้บริการ เราเลยเลือกใช้ Taxi
ถึงท่าเรือ แท็กซี่จอดชั้นใต้ดิน เราก็ต้องเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อซื้อตั๋ว
ค่าตั๋วตามที่ระบุที่เค้าเตอร์ 211 HKD ต่อคน แต่ เราไม่เลือก เราเลือกเดินออกมาหน้าเค้าท์เตอร์ ซึ่งมักจะมีคนมายืนขายตั๋ว
อาจจะเป็นเอเจ้นท์ที่ซื้อตั๋วไว้ให้ลูกค้า แล้วลูกค้ายกเลิก หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ซื้อตั๋วตรงนี้เรามักจะได้ราคาถูกกว่า อย่างวันนี้เราได้ตั๋วในราคาใบละ 190 HKD
ทุกโรงแรมในมาเก๊าก็จะมีจุดขาย ที่Wynn นี่สวยมาก
เมื่อก่อนเรามักจะมาซื้อตั๋วในนาทีสุดท้าย แล้วไอ้คนที่ยืนขายตั๋วอยู่ก็มักจะมีตั๋วของเฟอรี่ที่กำลังจะออกเสมอ ได้ตั๋วแล้วก็ขึ้นเรือได้เลย ไม่ต้องรอรอบต่อไป
นั่งเรือชั่วโมงนึงเราก็ถึงมาเก๊า มันดูเปลี่ยนแปลงไปเยอะ มีเกาะใหม่ซึ่งมีสิ่งก่อสร้างใหญ่โตอยู่บนเกาะ
จากท่าเรือไปโรงแรมที่พัก ง่ายมากๆ ออกมาด้านนอกก็จะมีชัตเทิลบัสของแต่ละโรงแรมให้บริการ ถ้าโรงแรมไหนไม่มีรถ ก็ขึ้นรถโรงแรมที่อยู่ไกล้กันไปแทน แล้วก็เดินต่อเอา สะดวกสุดๆ
เราพักที่ Crowne Plaza ซึ่งเพิ่งเปิดใหม่ ห้องกว้างมาก แต่ฟรีบัสมีแค่ไป Macao Ferry Terminal คราวนี้เวลาเราจะไปเที่ยวโรงแรมมอื่น เราก็แค่นั่งบัสฟรีไปลง MFT แล้วอยากไปโรงแรมไหนก็ไปต่อรถเอาอีกที ที่นี่ที่ท่องเที่ยวจะอยู่ในโรงแรมซะเป็นส่วนใหญ่ ถ้าอยู่ละแวกเดียวกันสามารถเดินทะลุถึงกันได้ทุกโรงแรมเลย
มีกระเช้าให้นั่งฟรีจากยอดตึก
เราใช้เวลาหนึ่งคืน และอีกหนึ่งวันเที่ยวมาเก๊า สี่โมงครึ่ก็กลับมาที่โรงแรมเพื่อรับกระเป๋า เราจะบินกลับจากสนามบินฮ่องกงไฟลท์สองทุ่ม แต่วันนี้เรามีทางเลือกใหม่ จากที่เมื่อก่อนนี้เราต้องนั่งเฟอรี่ รอบนี้สะพานเชื่อมเกาะซึ่งเป็นสะพานข้ามมหาสมุทรที่ยาวที่สุดในโลกได้เปิดให้บริการแล้ว เราเลยลองของใหม่กัน แต่เนื่องจากเป็นของใหม่สำหรับเรา เราเลยออกจากโรงแรมเร็วหน่อย เกือบๆห้าโมงเย็น กันพลาด กลัวตกเครื่อง นั่งแท็กซี่แค่ห้านาทีก็ถึงสถานีรถ Macao Hong Kong Port
นี่คือ The Parisian อีกหนึ่งไฮต์ไลท์กับหอไอเฟลล์จำลอง
Studio City มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก
ส่วนนี่ ที่ทำงานเก่า
จริงๆก็มีรถบัสให้บริการนะครับ แต่เรากลัวพลาดเลยให้พนักงานที่โรงแรมเรียกแท็กซี่ให้ แล้วก็ให้เค้าช่วยบอกคนขับเป็นภาษาจีนว่าจะไปไหน
ออกจากโรงแรมมานิดเดียว รถก็เลี้ยวขึ้นสะพานข้ามเกาะ ซึ่งเป็นเกาะใหม่และมีสิ่งก่อสร้างใหญ่โตขนาดเท่าสนามบินตั้งอยู่ และไอ้อาคารใหญ่ๆที่เราเห็นนี่ก็คือ สถานีรถไปจูไห่และฮ่องกง
ห้าปีก่อน มันเป็นเกาะที่กำลังถมทะเล ห้าปีผ่านไปกลายเป็นสถานีรถที่มีขนาดใหญ่โตกว่าสนามบินภูเก็ต สร้างไวจนน่าตกใจ
นี่คือด้านหน้าของอาคารที่เราจะเข้าไป
หากไม่รู้ว่าต้องเดินไปทางไหน ให้เดินตามฝูงชนที่มีเป็นพันคนเข้าไปด้านใน วันที่เราไป มีคนใช้บริการเยอะจริงๆ
เข้าไปด้านในเราก็ต้องไปซื้อตั๋วก่อน ด้านในก็จะเจอตู้ขายตั๋ววางเรียงราย
ที่ตู้มีภาษาอังกฤษด้วยนะครับ ซื้อง่ายขายคล่องมากๆ แต่เนื่องด้วยว่าเราเพิ่งมาครั้งแรก และไม่ทำการศึกษามาเลยว่าเราไปที่ไหนได้บ้างบนสะพานเส้นนี้ เราเลยตัดสินใจไปซื้อตั๋วที่เค้าเตอร์ เพื่อให้ชัวร์ว่า สุดสายปลายทางของเราคือสนามบินฮ่องกงจริงๆ
นี่คือเคาท์เตอร์ขายตั๋วซึ่งมีพนักงานพูดภาษาอังกฤษ
ที่สำคัญ ใครมีบัตร rabbit จากฮ่องกงติดมาก็สามารถใช้บัตรจ่ายค่าตั๋วได้เลย
อันนี้ต้องขออภัยที่ลืมสังเกตุว่าใช้ Macao Pass จ่ายค่าตั๋วได้ด้วยรึเปล่า
ได้ตั๋วแล้วไม่ต้องไปต่อคิวชาวจีนยาวๆ มีช่องทางพิเศษสำหรับคนซื้อตั๋วจากเค้าท์เตอร์ เดินเอาตั๋วไปให้พี่ยามดู เค้าก็เปิดให้เดินเข้าได้เลย ซึ่งเราก็ต้องเดินผ่านเครื่องแสกนวัตถุ เหมือนเวลาไปสนามบิน
ผ่านเครื่องแสกนแล้วก็เดินยาวๆ เพื่อไปยังด่านตรวจคนขาออกของมาเก๊า
ผ่านด่านเดินลงบันไดมาก็จะเจอท่ารถ
เดินออกมาด้านนอกก็จะเจอรถทัวร์จอดอยู่เรียงราย คล้ายๆสายใต้ใหม่
ลืมสังเกตุว่าสามารถขึ้นรถจากที่นี่ไปไหนได้บ้าง หันไปรถคันไหนก็มีแต่บ้ายฮ่องกง
จากข้อมูลที่อ่านมา รถจะออกทุกๆ 15-20 นาที มันก็น่าจะจริง เพราะเมื่อเราขึ้นรถ คนขึ้นจนเกือบจะเต็ม รถก็ถอยออกจากชานชลา
หรือถ้าต้องรอให้รถเต็มแล้วค่อยออก ก็ไม่น่าจะต้องรอนาน เพราะคนใช้บริการเยอะมากๆ แป๊บเดียวก็คงเต็ม
สภาพรถเป็นรถเมล์สองชั้น เราเลือกนั่งชั้นบน เพราะอยากเห็นวิวชัดๆ
ตั๋วที่ได้มาไม่ได้มีการระบุที่นั่งนะครับ พอใจตรงไหนเลือกนั่งเอาได้เลย อาจจะเพราะรถออกถี่มาก การระบุคัน ระบุที่นั่งเลยอาจจะทำให้ยุ่งยาก
บรรยากาศสองข้างทางตอนออกจากท่ารถ ไม่น่าเชื่อว่าเกาะโล้นๆที่ดูดทรายจากทะเลมาถมเมื่อไม่กี่ปีก่อนจะใหญ่โตได้ขนาดนี้ ที่สำคัญคือ มันได้กลายเป็นสถานีรถที่ใหญ่มากๆ ใหญ่กว่าสนามบินในบ้านเราอีก เท่าที่ดู พื้นที่ที่เปิดใช้น่าจะแค่ 10% ของพืนที่ทั้งหมดของอาคาร ยังไม่ได้เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งคาดว่าในอนาคต เราจะสามารถเดินทางจากจุดนี้ไปได้หลายๆที่ในเขตเมนแลนด์ไชน่า และฮ่องกง
นั่งรถมานิดเดียวก็จะถึงด่านเก็บค่าทางด่วนสำหรับผู้ที่ขับรถส่วนบุคคล ซึ่งเท่าที่สังเกตุดู ยังมีปริมาณไม่เยอะ ผ่านจุดนี้ ก็เท่ากับว่าเราได้ขึ้นมาอยู่บนสะพาน ฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขออนุญาตินำรูปภาพจากเว็บมาประกอบนะครับ
โดยสะพานแห่งนี้เพิ่งเปิดใช้ไปเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ปีที่แล้ว(2018)
สะพานมีความยาวทั้งสิ้น 34 ไมล์ หรือ 55 กม. ซึ่งถือเป็นสะพานเข้ามมหาสมุทร หรือ ข้ามทะเล Sea crossing bridge ที่ยาวที่สุดในโลก ณ ปัจจุบันนี้
ที่สำคัญ บนถนนเส้นนี้ยังมีส่วนที่มุดลงไปในอุโมงใต้มหาสมุทรอีก 7 กม. และนี่ก็ถือว่าเป็น อุโมงค์ใต้มหาสมุทร ที่ยาวที่สุดในโลกอีกเช่นกัน
มีเกาะที่ถมขึ้นมาใหม่สำหรับสะพานเส้นนี้ 3 เกาะด้วยกัน
มาสำรวจบนรถกันบ้างดีกว่า ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก ที่จะสะดุดตาที่สุดคงจะเป็นที่ชาร์จแบดมือถือ ซึ่งมีให้ทุกที่นั่ง
ระหว่างทาง ฝั่งขวาก็จะเป็นความเวิ้งว้างของทะเล ฝั่งซ้ายก็เป็นเกาะน้อยใหญ่ในอ่าวบริเวณนี้
สำหรับการเดินทาง จากมาเก๊าถึงฮ่องกงก็ใช้เวลาแค่ 45 นาที จำกัดความเร็วของรถที่วิ่งบนสะพาน 100กม/ชั่วโมง
วิวก่อนถึงสถานีรถฝั่งฮ่องกง ซึ่งจะเป็นวิวสนามบินนานาชาติฮ่องกง ซึ่งใหญ่มากๆ ส่วนทางฝั่งขวาก็จะเห็นกระเช้า ngong ping ที่ทอดสู่ยอดเขา
แป้บเดียวก็ถึง Hong Kong Zhuhai Macao Port หรือปลายทางฝั่งฮ่องกง ซึ่งโอ่โถงมากๆ
เดินเข้าไปด้านในก็จะเจอ ด่าน ตม. ฮ่องกง
เดินเข้ามาแล้วอย่าลืมเลี้ยวซ้ายไปเขียนใบ ตม. ตรงเค้าท์เตอร์ก่อนนะ เพราะเราเป็นคนไทย อย่าเผลอเดินตามคนส่วนใหญ่ไป เดี๋ยวจะถูกไล่ให้มาเขียน
ผ่านตม. ออกมา สำหรับใครที่ไม่ได้เช็คอินแอร์ไลน์ ที่นี่มีเคาท์เตอร์ให้เช็คอิน น่าจะครบทุกสายการบิน แต่คาดว่า ใครที่มีกระเป๋าต้องโหลด ไม่สามารถเช็คอินจากที่นี่ได้ (อันนี้เดาเอาเองนะ)
เคาท์เตอร์เช็คอินสายการบิน Tourist information Center ก็อยู่ไกล้ๆกัน
จากที่นี่ เราจะไปสนามบินทำไง ??
ด้านนอกมีสถานีรถบัสไปทั่วฮ่องกงเหมือนกัน ส่วนเราจะไปสนามบิน ก็แค่เดินออกไปแล้วก็หาที่จอดรถบัส สาย B4 ซึ่งจอดไกล้ๆ
นั่งรถเมล์ห้านาทีก็ถึง ราคาแค่ 6 HKD
ที่สนามบิน เรามารถคืนบัตร rabbit ได้ที่ชั้นสอง พร้อมรับเงินคืน แต่เรามัวไปนั่งกิน เลยไม่มีเวลาไปหาเคาท์เตอร์
แถมยังต้องวิ่งตาลีตาเหลือกเพราะลืมไปว่า สนามบินฮ่องกงใหญ่มาก และต้องต่อรถไฟฟ้าหลายรอบกว่าจะถึงเกตเช็คอิน มัวนั่งกินจนเหลือเวลาบอร์ดดิ้งแค่สิบนาที เลยวิ่งกันแทบตาย ดีที่ไม่ตกเครื่อง
มีวีดีโอของสะพานนี้มาให้ดู
ยิ่งใหญ่มั้ยละ
ปล. ลืมบอกไปว่า ราคาค่ารถบัสจากมาเก๊า มาฮ่องกง ราคาแค่ 65HKD ซึ่งถือว่าถูกมากๆเมื่อเทียบกับค่าเฟอรี่ 211 HKD
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่จุดหมายปลายทางของแต่ละคน คนที่ต้องเข้าเมืองฮ่องกงก็ต้องมาต่อรถไฟฟ้าเข้าเมืองอีกรอบ ซึ่งจากสนามบินเข้าเมืองก็ 115 HKD
แค่อยากจะบอกว่า เส้นทางสายนี้เหมาะมากๆกับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางท่องเที่ยว ฮ่องกง มาเก๊า และวกกลับมาสนามบินฮ่องกงเป็นวงกลม
ว่างๆลองไปดูครับ สะดวกสบายมากๆ