[ รีวิวหนัง ] Captive State : สงครามปฎิวัติทวงโลก 🛸🌁🔥☄️
-----------------------------------
หนังแนวไซไฟ ระทึกขวัญ ว่าด้วยเหตุการณ์ในปี 2025 สิบปีหลังจากที่โลกถูกมนุษย์ต่างดาวเข้ามารัฐประหาร ทำให้ประชาชนเมืองชิคาโกแตกเป็นสองฝั่งอย่างรุนแรง คือฝ่ายสนับสนุนที่ยอมรับการยึดครองเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี และฝ่ายปฎิวัติ "ฟีนิกส์" กลุ่มคนที่ต้องการปลดแอดมนุษย์จากการควบคุม
🎬 ผู้กำกับ : Rupert Wyatt (ผกก. ที่เคยทำ planet of the apes ภาคแรก)
🎬 นักแสดงนำ : Andy Serkis (ซีซาร์), James Fanco (วิลด์ ร็อดแมน), Freida Pinto (แคโรไลน์ เอลันนา)
----
✳️ การรีวิวนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวหลังรับชม Please have นานาจิตตัง in mind..
(+) หนังมีการจิกกัดด้านสังคม ที่คนส่วนใหญ่ยอมก้มหัวได้ดี ทั้งๆ ที่ถ้าทุกคนร่วมมือกันต่อต้าน วิจัยอาวุธ ก็ล้มมันได้สบาย แต่กลับให้กลุ่มต่อต้านใต้ดินลงมือการใหญ่ก่อน ตัวเองถึงจะกล้าขึ้นมา
(+) ชอบไอเดียที่เอเลี่ยนใช้คุมมนุษย์ให้อยู่หมัด มีการฝังชิปพิเศษเพื่อควบคุมติดตามมนุษย์ทุกฝีก้าว มีการลงโทษเมื่อลุกฮือ ใครต่อต้านยิงทิ้ง ให้รางวัลเมื่อสรรเสริญ ไม่ต่างอะไรจากสัตว์เลี้ยง
(+) แฝงประเด็นเหตุการณ์ทางการเมืองที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ การกดขี่ต่างๆในสมัยสงครามโลกได้อย่างแนบเนียน
(+) การแสดงของตัวละครหลักค่อนข้างทำได้สุดติ่งจนขนลุกในบางซีน ทั้งสีหน้าทั้งอารมณ์ อินบทกันมากๆ ทั้งด้านความสิ้นหวังและความฮึกเหิม แต่บางคนก็อยากจะถีบมันออกจากฉากจริงๆ 555
(+) ฉากแตกตื่นชุลมุนทำได้เรียลระดับนึงเลย คือแบบมันแตกฮืออลหม่านดี ทุกคนหนีแบบไม่คิดชีวิต สีหน้าหวาดกลัวเหงื่อท่วมทั้งตัว
...
(-) เป็นหนังที่ไปไม่สุดเลยสักประเด็น เอเลี่ยนเอย โลกดิสโทเปีย การแตกแยก กลุ่มต่อต้าน แตะอย่างละนิดล่ะหน่อยวนไปวนมา เหมือนสร้างถนนห้าหกเส้นออกจากวงเวียน เลยไม่ได้ไปทางตรงยาวๆสักที
(-) หนังไม่มีความไซไฟที่จับต้องได้เลยในด้านเทคโนโลยี ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงถึงให้หนังมันเป็นธีมยุค 80 ที่มีแต่ของโบร่ำโบราณ ซึ่งก็พอเข้าใจว่าเทคโนฯต่างๆน่าจะโดนเอเลี่ยนทำลายหมดแล้ว แต่ตัวเอเลี่ยนเองกลับไม่ได้วิทยาการล้ำยุคไปกว่าปี 2019 ด้วยซ้ำ
(-) ตัดฉากสลับไปมาแปลกๆ ชวนเวียนหัว ไม่เว้นช่วงให้คนดูตามทันเลย จนบางซีนอยากจะหลับประชดมันตรงนั้นเลย
(-) เอเลี่ยนเรื่องนี้เล่นโผล่มาให้เห็นตังแต่ห้านาทีแรก ซึ่งมันไม่ได้ดูว้าว หรือน่ากลัวกว่าทหารติดอาวุธคนนึงเลย และไม่ได้ฉลาดพอจะปกครองใครได้ แค่มาตัดไฟตัดทรัพยากรคนให้ใช้เทคโนฯไม่ได้เท่านั้นเอง ประเด็นที่มันมาบุกทำไมก็ยังไม่มีการเฉลย
(-) ประเด็นการแบ่งฝ่ายของคนในเมือง สื่อออกมาเข้าถึงยาก และไม่น่าสนใจ ไปเน้นอยู่ในฝั่งการเมืองรัฐบาลส่วนใหญ่ ไม่เห็นการดิ้นรนต่อสู้เพื่ออิสรภาพเท่าไหร่ ทุกคนดูสบายใจแบบนี้ เอาซะกลุ่มต่อต้านเป็นผู้ก่อการร้ายไปเลย
(-) การหักมุมมีให้เห็นอยู่หลายอันนะ ไม่ถึงกับเดาง่าย มีโอเค บ้าง อะไรของเมิง บ้าง ก็พอให้อภัย แต่จุดที่เซงจริงๆ คือดันเฉลยปมออกมาปากเปล่าหมดจด ไม่ใช้ show, don't tell เท่าไหร่ และมีทิ้งท้ายไว้นิดเผื่อภาคสอง ซึ่งถ้ามาจริงก็ขอผ่าน
(-) การเชื่อมโยงตัวการกลุ่มต่อต้านฟีนิกซ์ ของฝ่ายอวยเอเลี่ยน ยังดูไม่ค่อยลงลึกในข้อมูลเท่าไหร่ หลักฐานคิดเองเออเองไม่มีน้ำหนักให้เชื่อถือ รวมถึงวิธีการที่ไม่เนียนในการติดต่อสื่อสารภารกิจ
.
❗เรื่องนี้เป็นหนังค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม แต่ละคนอาจเข้าถึงแตกต่างกันไป แอดเองอาจจะพลาดบางประเด็นที่หนังสื่อไปก็ได้
.
===================
คะแนนรวม 6.5/10
===================
หนังเหมาะกับ...
☑️ คนที่ไม่ได้หวังว่ามันจะตอบโจทย์ไซไฟ หรือประเด็นการแบ่งแยกดิสโทเปีย
☑️ คนที่ชื่นชอบการสืบสวนสไตล์ยุคเก่าแบบยังใช้เพจเจอร์
☑️ คนที่หวังความแปลกใหม่ของเอเลี่ยน (เฉพาะรูปร่างหน้าตา)
☑️ คนที่ชอบเนื้อเรื่องแบบดาร์คๆ ไม่มีใครเป็นตัวเอก และมีหักมุมนิดๆ
.
ราคาตั๋วที่คุ้มค่า : วันธรรมดา 160-180
.
#โรงหนังไม่ได้จ้างมา #รีวิวรัวๆ
#CaptiveState #สงครามปฎิวัติทวงโลก
ติดตามรีวิวหนังเปิดอกจัดเต็ม ไม่มีอวย ได้อีกสองช่องทาง
เพจเฟสบุ้ค "โรงหนังไม่ได้จ้างมา" :
https://www.facebook.com/IndyMovieReviewer
และอินตาแกรม :
https://www.instagram.com/indymoviereviewer
...
[ รีวิวหนัง ] Captive State : สงครามปฎิวัติทวงโลก 🛸🌁🔥☄️
[ รีวิวหนัง ] Captive State : สงครามปฎิวัติทวงโลก 🛸🌁🔥☄️
-----------------------------------
หนังแนวไซไฟ ระทึกขวัญ ว่าด้วยเหตุการณ์ในปี 2025 สิบปีหลังจากที่โลกถูกมนุษย์ต่างดาวเข้ามารัฐประหาร ทำให้ประชาชนเมืองชิคาโกแตกเป็นสองฝั่งอย่างรุนแรง คือฝ่ายสนับสนุนที่ยอมรับการยึดครองเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี และฝ่ายปฎิวัติ "ฟีนิกส์" กลุ่มคนที่ต้องการปลดแอดมนุษย์จากการควบคุม
🎬 ผู้กำกับ : Rupert Wyatt (ผกก. ที่เคยทำ planet of the apes ภาคแรก)
🎬 นักแสดงนำ : Andy Serkis (ซีซาร์), James Fanco (วิลด์ ร็อดแมน), Freida Pinto (แคโรไลน์ เอลันนา)
----
✳️ การรีวิวนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวหลังรับชม Please have นานาจิตตัง in mind..
(+) หนังมีการจิกกัดด้านสังคม ที่คนส่วนใหญ่ยอมก้มหัวได้ดี ทั้งๆ ที่ถ้าทุกคนร่วมมือกันต่อต้าน วิจัยอาวุธ ก็ล้มมันได้สบาย แต่กลับให้กลุ่มต่อต้านใต้ดินลงมือการใหญ่ก่อน ตัวเองถึงจะกล้าขึ้นมา
(+) ชอบไอเดียที่เอเลี่ยนใช้คุมมนุษย์ให้อยู่หมัด มีการฝังชิปพิเศษเพื่อควบคุมติดตามมนุษย์ทุกฝีก้าว มีการลงโทษเมื่อลุกฮือ ใครต่อต้านยิงทิ้ง ให้รางวัลเมื่อสรรเสริญ ไม่ต่างอะไรจากสัตว์เลี้ยง
(+) แฝงประเด็นเหตุการณ์ทางการเมืองที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ การกดขี่ต่างๆในสมัยสงครามโลกได้อย่างแนบเนียน
(+) การแสดงของตัวละครหลักค่อนข้างทำได้สุดติ่งจนขนลุกในบางซีน ทั้งสีหน้าทั้งอารมณ์ อินบทกันมากๆ ทั้งด้านความสิ้นหวังและความฮึกเหิม แต่บางคนก็อยากจะถีบมันออกจากฉากจริงๆ 555
(+) ฉากแตกตื่นชุลมุนทำได้เรียลระดับนึงเลย คือแบบมันแตกฮืออลหม่านดี ทุกคนหนีแบบไม่คิดชีวิต สีหน้าหวาดกลัวเหงื่อท่วมทั้งตัว
...
(-) เป็นหนังที่ไปไม่สุดเลยสักประเด็น เอเลี่ยนเอย โลกดิสโทเปีย การแตกแยก กลุ่มต่อต้าน แตะอย่างละนิดล่ะหน่อยวนไปวนมา เหมือนสร้างถนนห้าหกเส้นออกจากวงเวียน เลยไม่ได้ไปทางตรงยาวๆสักที
(-) หนังไม่มีความไซไฟที่จับต้องได้เลยในด้านเทคโนโลยี ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงถึงให้หนังมันเป็นธีมยุค 80 ที่มีแต่ของโบร่ำโบราณ ซึ่งก็พอเข้าใจว่าเทคโนฯต่างๆน่าจะโดนเอเลี่ยนทำลายหมดแล้ว แต่ตัวเอเลี่ยนเองกลับไม่ได้วิทยาการล้ำยุคไปกว่าปี 2019 ด้วยซ้ำ
(-) ตัดฉากสลับไปมาแปลกๆ ชวนเวียนหัว ไม่เว้นช่วงให้คนดูตามทันเลย จนบางซีนอยากจะหลับประชดมันตรงนั้นเลย
(-) เอเลี่ยนเรื่องนี้เล่นโผล่มาให้เห็นตังแต่ห้านาทีแรก ซึ่งมันไม่ได้ดูว้าว หรือน่ากลัวกว่าทหารติดอาวุธคนนึงเลย และไม่ได้ฉลาดพอจะปกครองใครได้ แค่มาตัดไฟตัดทรัพยากรคนให้ใช้เทคโนฯไม่ได้เท่านั้นเอง ประเด็นที่มันมาบุกทำไมก็ยังไม่มีการเฉลย
(-) ประเด็นการแบ่งฝ่ายของคนในเมือง สื่อออกมาเข้าถึงยาก และไม่น่าสนใจ ไปเน้นอยู่ในฝั่งการเมืองรัฐบาลส่วนใหญ่ ไม่เห็นการดิ้นรนต่อสู้เพื่ออิสรภาพเท่าไหร่ ทุกคนดูสบายใจแบบนี้ เอาซะกลุ่มต่อต้านเป็นผู้ก่อการร้ายไปเลย
(-) การหักมุมมีให้เห็นอยู่หลายอันนะ ไม่ถึงกับเดาง่าย มีโอเค บ้าง อะไรของเมิง บ้าง ก็พอให้อภัย แต่จุดที่เซงจริงๆ คือดันเฉลยปมออกมาปากเปล่าหมดจด ไม่ใช้ show, don't tell เท่าไหร่ และมีทิ้งท้ายไว้นิดเผื่อภาคสอง ซึ่งถ้ามาจริงก็ขอผ่าน
(-) การเชื่อมโยงตัวการกลุ่มต่อต้านฟีนิกซ์ ของฝ่ายอวยเอเลี่ยน ยังดูไม่ค่อยลงลึกในข้อมูลเท่าไหร่ หลักฐานคิดเองเออเองไม่มีน้ำหนักให้เชื่อถือ รวมถึงวิธีการที่ไม่เนียนในการติดต่อสื่อสารภารกิจ
.
❗เรื่องนี้เป็นหนังค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม แต่ละคนอาจเข้าถึงแตกต่างกันไป แอดเองอาจจะพลาดบางประเด็นที่หนังสื่อไปก็ได้
.
===================
คะแนนรวม 6.5/10
===================
หนังเหมาะกับ...
☑️ คนที่ไม่ได้หวังว่ามันจะตอบโจทย์ไซไฟ หรือประเด็นการแบ่งแยกดิสโทเปีย
☑️ คนที่ชื่นชอบการสืบสวนสไตล์ยุคเก่าแบบยังใช้เพจเจอร์
☑️ คนที่หวังความแปลกใหม่ของเอเลี่ยน (เฉพาะรูปร่างหน้าตา)
☑️ คนที่ชอบเนื้อเรื่องแบบดาร์คๆ ไม่มีใครเป็นตัวเอก และมีหักมุมนิดๆ
.
ราคาตั๋วที่คุ้มค่า : วันธรรมดา 160-180
.
#โรงหนังไม่ได้จ้างมา #รีวิวรัวๆ
#CaptiveState #สงครามปฎิวัติทวงโลก
ติดตามรีวิวหนังเปิดอกจัดเต็ม ไม่มีอวย ได้อีกสองช่องทาง
เพจเฟสบุ้ค "โรงหนังไม่ได้จ้างมา" :https://www.facebook.com/IndyMovieReviewer
และอินตาแกรม :https://www.instagram.com/indymoviereviewer
...