สวัสดีครับ ชาว Pantip มาถึงกระทู้สุดท้ายแล้วนะครับ หลังจากไปเที่ยว Sao Luis, Barreirinhas และอุทยานแห่งชาติ Lencois Maranhenses แล้ว ก็บินกลับมาเที่ยว Sao Paulo อีก 2 วันสุดท้ายก่อนบินกลับประเทศไทยครับ (เป็น Part 4 ก็จริงแต่เรื่องราวของ Part นี้จะต่อจาก Part 2 นะครับ ส่วน Part 3 ถือว่าเป็นตอนพิเศษครับ 555)
รีวิวก่อนๆ
ตะลุยแดนแซมบ้า (Brazil) Part I : เดินทางสู่ประเทศบราซิล (by Turkish Airlines) และคืนแรกใน Sao Paulo
https://ppantip.com/topic/38680288
ตะลุยแดนแซมบ้า (Brazil) Part II : เมือง Sao Luis (UNESCO Heritage City)
https://ppantip.com/topic/38682900
ตะลุยแดนแซมบ้า (Brazil) Part III : อุทยานแห่งชาติ Lencois Maranhenses “ทะเลทรายชุ่มน้ำแห่งเดียวในโลก”
https://ppantip.com/topic/38686857
ผ่านมา 3 กระทู้แล้วมารู้จักประเทศบราซิลสักหน่อย
ประเทศบราซิล (Brazil) เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ มีพื้นที่ประมาณ 8.51 ล้าน ตร.กม. เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในลาตินอเมริกา และเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของโลก มีพื้นที่กว้างขวางระหว่างตอนกลางของทวีปอเมริกาใต้และมหาสมุทรแอตแลนติก โดยมี กรุงบราซีเลีย (Brasília) เป็นเมืองหลวงของประเทศ มีประชากร ประมาณ 186 ล้านคน ประกอบด้วย 26 รัฐ และ 1 เขตสหพันธ์ (Federal District) ซึ่งเทียบเท่ารัฐ และในเขตดังกล่าวเป็นที่ตั้งของกรุงบราซิเลีย (เมืองหลวง) เวลาช้ากว่าไทยราวๆ 9-10 ชั่วโมง คนไทยที่จะเดินทางไปบราซิลเพื่อการท่องเที่ยวและธุรกิจ สามารถเดินทางเข้าและพำนักในบราซิลได้ไม่เกิน 90 วัน โดยไม่จำเป็นต้องขอรับการตรวจลงตรา(Visa)เนื่องจากมีความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราระหว่างไทย-บราซิล
มารู้จัก Sao Paulo กันต่อ
มหานครเซาเปาโล Sao Paulo ตั้งอยู่ในรัฐ Sao Paulo อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศบราซิล เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบราซิล ใหญ่เป็นลำดับที่ 6 ของโลก (by Population) และเป็นเมืองศูนย์กลางที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ มีประชากรอาศัยอยู่ในเขตเมืองและรอบๆราวๆ 22 ล้านคน เป็นเมืองธุรกิจที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้า มีเขตเมืองที่ใหญ่มาก มีระบบขนส่งมวลชนที่ทันสมัย ระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน (metro) เป็น network ใหญ่ครอบคลุมเขตเมืองทั้งหมด 6 สาย (กำลังขยายส่วนต่ออีกในอนาคตจะมีถึง 15 สายภายในปี 2020 เมืองนี้ถูกขนานนามว่าเป็นมหานครนิวยอร์คแห่งภูมิภาคลาตินอเมริกา
ผมเดินทางมาจาก Sao Luis ด้วยสายการบิน LATAM ครับออกจาก Sao Luis บ่ายสี่บินมาถึง Sao Paulo ราวๆทุ่มกว่าๆครับ นี่คือภาพน่านฟ้านครเซาเปาโลก่อนแลนดิ้งครับ
เมื่อมาถึงสนามบิน GRU แล้วจัดอาหารสักมื้อก่อนเรียกแท็กซี่เข้าเมือง อาหารหน้าตาแบบนี้ครับเป็นข้าวโปะไข่ดาว เนื้อราดน้ำสูตว์ มีถั่วบดฝอยๆแล้วก็มีกล้วยหอมสับด้วย มันเข้ากันตรงไหน 555 (แท็กซี่จากสนามบิน GRU เข้าเมืองผมเขียนรีวิวไว้แล้วใน Part 1 นะครับไปลองอ่านดูได้)
สำหรับสองคืนสุดท้ายใน Sao Paulo ผมนอนที่โรงแรม Renaissance ที่อยู่แถวๆถนน Pualista Ave ใจกลางเมืองเลยครับ มาถึงปุ๊บก็มี Welcome Drink ให้ด้วยครับ ผมเลยขอน้ำมะพร้าวครับ
วันนี้ดึกแล้วขึ้นห้องก็สลบเลยครับ วันรุ่งขึ้นและวันมะรืนที่เหลือก็อยู่ Sao Paulo นี่แหละครับ เวลาเหลือเฟือสำรวจเมืองให้ทั่วๆไปเลย
วิวห้องพักตอนเช้าครับ ตึกระฟ้าเต็มเลย
เอาภาพบรรยากาศโรงแรมมาให้ดูนะครับ โรงแรมอยู่ตรงถนน Avenida Pualista ซึ่งตรงนี้คือใจกลางเมืองสุดๆเลยครับ
ว่าด้วยเรื่องค่าครองชีพในบราซิล
ค่าครองชีพในบราซิล ถือว่าแพงครับ (ผมเคยไปชิลีกับอาร์เจนตินามาก่อน ค่าครองชีพเบากว่านี้) ในส่วนของค่าเดินทาง รถไฟฟ้าใต้ดินจะอยู่ที่ 4.3 เรียล (ราวๆ40 บาท) ต่อเที่ยวไม่จำกัดสถานี ส่วนค่าแท็กซี่จะเฉลี่ยที่ราวๆ 15-30 เรียลในเมืองครับ (ราวๆ 150-300 บาทครับ) ถ้าไปสนามบิน GRU ก็ราวๆ120-200 เรียล (1,200-2,000 บาท) ขึ้นกับสภาพการจราจร ซึ่งเข้าใจได้เพราะเขตเมืองเขาใหญ่จริงไปไหนแต่ละทีไกล๊ไกล เพิ่มเติมคือแท็กซี่ในเซาเปาโลทุกคันสามารถจ่ายบัตรเครดิตโดยตรงกับคนขับได้เลยนะครับ ที่แพงจริงจังคือค่ากิน แพงสูสีกับญี่ปุ่น อเมริกา และประเทศแถบสแกนดิเนเวียได้เลยครับ อาหารมื้อนึงราวๆ 300-500 บาทเลยครับสำหรับร้านค้าทั่วไป การใช้บัตรเครดิตในบราซิลถือว่าค่อนข้างสะดวกมากครับ แม้แต่รถเข็นขายน้ำมะพร้าวข้างทางบางที่ยังใช้บัตรเครดิตได้เลย อะเมซซิ่งมาก 555
หลังจากทานอาหารเช้าแล้วก็ออกสำรวจเมืองกันเลยครับ เริ่มจากที่แรกไกลหน่อย ก็คือ Villa Lobos State Park ครับ ที่นี่ Metro ไม่ผ่าน เรียกอูเบอร์เอาครับ (ค่าอูเบอร์ราวๆ 23 เรียล) เป็นสวนสาธารณะในเขตรอบนอกของเซาเปาโล ผมยกให้มันเทียบกับสวนหลวง ร.9 บ้านเราครับ คนบราซิลส่วนมากที่มาที่นี่ก็คือมาพักผ่อนกับครอบครัว ปิคนิค ขี่จักรยาน พาสุนัขมาเดินเล่นบ้าง มาวิ่งออกกำลังกายบ้าง
มีให้เช่าจักรยานสำหรับครอบครัว
มีน้ำมะพร้าวขายไม่รู้กี่ร้านเลยครับ
เก็บวิว City Skyline นิดหน่อย
ถ่ายกับน้องแรดด้วย แต่ไม่แรดนะครับ 555
เดินเล่นชิวๆสักพักก็ไปที่อื่นต่อครับ เรียกอูเบอร์มาที่ Ibirapuera Park ซึ่งก็เป็นสวนสาธารณะเหมือนกันครับ ที่นี่ถ้าเทียบกับกรุงเทพฯ ผมยกให้มันเป็นสวนลุมพินีครับ เพราะอยู่ค่อนข้างในเมือง สวนใหญ่และมี landmark ที่สำคัญของเมืองด้วย จุดที่ผมลงอูเบอร์ เป็นอนุสาวรีย์ฉลองการสถาปนามหานครเซาเปาโลครับ ชื่อว่า Monumento as Bandeiras ครับ (Monument of the Flag) ถูกเลือกให้อยู่ตรงข้ามกับอาคาร Palacio 9 de Julho (อาคารว่าการรัฐเซาเปาโล) ซึ่งตรงกับวันที่ 9 กรกฎา เป็นวันประกาศเอกราชจากการเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส
จากข้อมูลตรงหากได้มีโอกาสไปเที่ยวในเมืองใหญ่ๆแถบลาตินอเมริกาจะเห็นชื่อ 9 de Julio (9 กรกฎาคม ในภาษาสเปน) ในหลายๆที่มาก เพราะมันคือวันที่หลายประเทศในแถวลาตินอเมริกาประกาศเอกราชต่อการเป็นอาณานิคมชาติตะวันตกอย่างสเปนและโปรตุเกส อย่างในกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ก็จะมีถนนชื่อ Avenue de 9 de Julio ที่เป็นถนนสำคัญของเมืองเป็นที่ตั้งของเสา Obelisk และเป็นสถานที่เชิญธงชาติอาร์เจนตินาขึ้นสู่ยอดเสาเป็นครั้งแรกด้วยครับ (เดี๋ยวๆทำไมออกนอกเรื่องไปอาร์เจนตินาได้ล่ะ -_-“)
ถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์นี้เสร็จก็เดินเข้าสวน Ibirapuera ครับ บรรยากาศคล้ายสวน Villa Lobos ครับ ต่างกันแค่ที่นี่ใหญ่กว่าและอยู่ในเมืองมากกว่า
ภายใต้เสา Obelisk ในรูปบน ที่ฐานด้านล่างจะมีห้องโถงที่เกี่ยวกับศาสนาคริสต์ด้วยครับ ผมเข้ามาหลบแดดนิดนึง ข้างนอกตอนนี้ 31 องศา แดดเปรี้ยงเลยครับ ร้อนมากๆ 555
[CR] ตะลุยแดนแซมบ้า (Brazil) Part IV : มหานคร Sao Paulo “มหานครนิวยอร์คแห่งอเมริกาใต้”
รีวิวก่อนๆ
ตะลุยแดนแซมบ้า (Brazil) Part I : เดินทางสู่ประเทศบราซิล (by Turkish Airlines) และคืนแรกใน Sao Paulo
https://ppantip.com/topic/38680288
ตะลุยแดนแซมบ้า (Brazil) Part II : เมือง Sao Luis (UNESCO Heritage City)
https://ppantip.com/topic/38682900
ตะลุยแดนแซมบ้า (Brazil) Part III : อุทยานแห่งชาติ Lencois Maranhenses “ทะเลทรายชุ่มน้ำแห่งเดียวในโลก”
https://ppantip.com/topic/38686857
ผ่านมา 3 กระทู้แล้วมารู้จักประเทศบราซิลสักหน่อย
ประเทศบราซิล (Brazil) เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ มีพื้นที่ประมาณ 8.51 ล้าน ตร.กม. เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในลาตินอเมริกา และเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของโลก มีพื้นที่กว้างขวางระหว่างตอนกลางของทวีปอเมริกาใต้และมหาสมุทรแอตแลนติก โดยมี กรุงบราซีเลีย (Brasília) เป็นเมืองหลวงของประเทศ มีประชากร ประมาณ 186 ล้านคน ประกอบด้วย 26 รัฐ และ 1 เขตสหพันธ์ (Federal District) ซึ่งเทียบเท่ารัฐ และในเขตดังกล่าวเป็นที่ตั้งของกรุงบราซิเลีย (เมืองหลวง) เวลาช้ากว่าไทยราวๆ 9-10 ชั่วโมง คนไทยที่จะเดินทางไปบราซิลเพื่อการท่องเที่ยวและธุรกิจ สามารถเดินทางเข้าและพำนักในบราซิลได้ไม่เกิน 90 วัน โดยไม่จำเป็นต้องขอรับการตรวจลงตรา(Visa)เนื่องจากมีความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราระหว่างไทย-บราซิล
มารู้จัก Sao Paulo กันต่อ
มหานครเซาเปาโล Sao Paulo ตั้งอยู่ในรัฐ Sao Paulo อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศบราซิล เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบราซิล ใหญ่เป็นลำดับที่ 6 ของโลก (by Population) และเป็นเมืองศูนย์กลางที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ มีประชากรอาศัยอยู่ในเขตเมืองและรอบๆราวๆ 22 ล้านคน เป็นเมืองธุรกิจที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้า มีเขตเมืองที่ใหญ่มาก มีระบบขนส่งมวลชนที่ทันสมัย ระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน (metro) เป็น network ใหญ่ครอบคลุมเขตเมืองทั้งหมด 6 สาย (กำลังขยายส่วนต่ออีกในอนาคตจะมีถึง 15 สายภายในปี 2020 เมืองนี้ถูกขนานนามว่าเป็นมหานครนิวยอร์คแห่งภูมิภาคลาตินอเมริกา
ผมเดินทางมาจาก Sao Luis ด้วยสายการบิน LATAM ครับออกจาก Sao Luis บ่ายสี่บินมาถึง Sao Paulo ราวๆทุ่มกว่าๆครับ นี่คือภาพน่านฟ้านครเซาเปาโลก่อนแลนดิ้งครับ
เมื่อมาถึงสนามบิน GRU แล้วจัดอาหารสักมื้อก่อนเรียกแท็กซี่เข้าเมือง อาหารหน้าตาแบบนี้ครับเป็นข้าวโปะไข่ดาว เนื้อราดน้ำสูตว์ มีถั่วบดฝอยๆแล้วก็มีกล้วยหอมสับด้วย มันเข้ากันตรงไหน 555 (แท็กซี่จากสนามบิน GRU เข้าเมืองผมเขียนรีวิวไว้แล้วใน Part 1 นะครับไปลองอ่านดูได้)
สำหรับสองคืนสุดท้ายใน Sao Paulo ผมนอนที่โรงแรม Renaissance ที่อยู่แถวๆถนน Pualista Ave ใจกลางเมืองเลยครับ มาถึงปุ๊บก็มี Welcome Drink ให้ด้วยครับ ผมเลยขอน้ำมะพร้าวครับ
วันนี้ดึกแล้วขึ้นห้องก็สลบเลยครับ วันรุ่งขึ้นและวันมะรืนที่เหลือก็อยู่ Sao Paulo นี่แหละครับ เวลาเหลือเฟือสำรวจเมืองให้ทั่วๆไปเลย
วิวห้องพักตอนเช้าครับ ตึกระฟ้าเต็มเลย
เอาภาพบรรยากาศโรงแรมมาให้ดูนะครับ โรงแรมอยู่ตรงถนน Avenida Pualista ซึ่งตรงนี้คือใจกลางเมืองสุดๆเลยครับ
ว่าด้วยเรื่องค่าครองชีพในบราซิล
ค่าครองชีพในบราซิล ถือว่าแพงครับ (ผมเคยไปชิลีกับอาร์เจนตินามาก่อน ค่าครองชีพเบากว่านี้) ในส่วนของค่าเดินทาง รถไฟฟ้าใต้ดินจะอยู่ที่ 4.3 เรียล (ราวๆ40 บาท) ต่อเที่ยวไม่จำกัดสถานี ส่วนค่าแท็กซี่จะเฉลี่ยที่ราวๆ 15-30 เรียลในเมืองครับ (ราวๆ 150-300 บาทครับ) ถ้าไปสนามบิน GRU ก็ราวๆ120-200 เรียล (1,200-2,000 บาท) ขึ้นกับสภาพการจราจร ซึ่งเข้าใจได้เพราะเขตเมืองเขาใหญ่จริงไปไหนแต่ละทีไกล๊ไกล เพิ่มเติมคือแท็กซี่ในเซาเปาโลทุกคันสามารถจ่ายบัตรเครดิตโดยตรงกับคนขับได้เลยนะครับ ที่แพงจริงจังคือค่ากิน แพงสูสีกับญี่ปุ่น อเมริกา และประเทศแถบสแกนดิเนเวียได้เลยครับ อาหารมื้อนึงราวๆ 300-500 บาทเลยครับสำหรับร้านค้าทั่วไป การใช้บัตรเครดิตในบราซิลถือว่าค่อนข้างสะดวกมากครับ แม้แต่รถเข็นขายน้ำมะพร้าวข้างทางบางที่ยังใช้บัตรเครดิตได้เลย อะเมซซิ่งมาก 555
หลังจากทานอาหารเช้าแล้วก็ออกสำรวจเมืองกันเลยครับ เริ่มจากที่แรกไกลหน่อย ก็คือ Villa Lobos State Park ครับ ที่นี่ Metro ไม่ผ่าน เรียกอูเบอร์เอาครับ (ค่าอูเบอร์ราวๆ 23 เรียล) เป็นสวนสาธารณะในเขตรอบนอกของเซาเปาโล ผมยกให้มันเทียบกับสวนหลวง ร.9 บ้านเราครับ คนบราซิลส่วนมากที่มาที่นี่ก็คือมาพักผ่อนกับครอบครัว ปิคนิค ขี่จักรยาน พาสุนัขมาเดินเล่นบ้าง มาวิ่งออกกำลังกายบ้าง
มีให้เช่าจักรยานสำหรับครอบครัว
มีน้ำมะพร้าวขายไม่รู้กี่ร้านเลยครับ
เก็บวิว City Skyline นิดหน่อย
ถ่ายกับน้องแรดด้วย แต่ไม่แรดนะครับ 555
เดินเล่นชิวๆสักพักก็ไปที่อื่นต่อครับ เรียกอูเบอร์มาที่ Ibirapuera Park ซึ่งก็เป็นสวนสาธารณะเหมือนกันครับ ที่นี่ถ้าเทียบกับกรุงเทพฯ ผมยกให้มันเป็นสวนลุมพินีครับ เพราะอยู่ค่อนข้างในเมือง สวนใหญ่และมี landmark ที่สำคัญของเมืองด้วย จุดที่ผมลงอูเบอร์ เป็นอนุสาวรีย์ฉลองการสถาปนามหานครเซาเปาโลครับ ชื่อว่า Monumento as Bandeiras ครับ (Monument of the Flag) ถูกเลือกให้อยู่ตรงข้ามกับอาคาร Palacio 9 de Julho (อาคารว่าการรัฐเซาเปาโล) ซึ่งตรงกับวันที่ 9 กรกฎา เป็นวันประกาศเอกราชจากการเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส
จากข้อมูลตรงหากได้มีโอกาสไปเที่ยวในเมืองใหญ่ๆแถบลาตินอเมริกาจะเห็นชื่อ 9 de Julio (9 กรกฎาคม ในภาษาสเปน) ในหลายๆที่มาก เพราะมันคือวันที่หลายประเทศในแถวลาตินอเมริกาประกาศเอกราชต่อการเป็นอาณานิคมชาติตะวันตกอย่างสเปนและโปรตุเกส อย่างในกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ก็จะมีถนนชื่อ Avenue de 9 de Julio ที่เป็นถนนสำคัญของเมืองเป็นที่ตั้งของเสา Obelisk และเป็นสถานที่เชิญธงชาติอาร์เจนตินาขึ้นสู่ยอดเสาเป็นครั้งแรกด้วยครับ (เดี๋ยวๆทำไมออกนอกเรื่องไปอาร์เจนตินาได้ล่ะ -_-“)
ถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์นี้เสร็จก็เดินเข้าสวน Ibirapuera ครับ บรรยากาศคล้ายสวน Villa Lobos ครับ ต่างกันแค่ที่นี่ใหญ่กว่าและอยู่ในเมืองมากกว่า
ภายใต้เสา Obelisk ในรูปบน ที่ฐานด้านล่างจะมีห้องโถงที่เกี่ยวกับศาสนาคริสต์ด้วยครับ ผมเข้ามาหลบแดดนิดนึง ข้างนอกตอนนี้ 31 องศา แดดเปรี้ยงเลยครับ ร้อนมากๆ 555
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น