ผมขอแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวการโอนเล่มทะเบียนรถยนต์ด้วยตัวเอง ในกรณีที่ผ่อนหมดกับทางธนาคารแล้ว เผื่อเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยกับคนที่กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ เหมือนกับผมที่พยายามหาข้อมูลตอนที่คิดอยากจะโอนเองครับ
สืบเนื่องจากผมได้รับจดหมายจากทางธนาคารว่าเราใกล้จะถึงกำหนดโอนเล่มทะเบียนรถแล้ว เพราะผ่อนมาเข้าสู่งวดสุดท้าย ซึ่งธนาคารให้เราเลือกได้ว่าจะให้ทางธนาคารดำเนินการให้ มีค่าใช้จ่าย 1,400 บาท หรือจะดำเนินการเอง ก็จะมีค่าใช้จ่ายให้กับทางธนาคารคือ ค่าจัดเตรียมเอกสาร 500 บาท กับค่ามัดจำเล่มทะเบียนรถ 5,000 บาท เพื่อใช้ดำเนินการโอนด้วยตัวเอง (ได้คืนเมื่อเราโอนเสร็จเรียบร้อยและมาติดต่อธนาคารอีกครั้งเพื่อทำเรื่องขอเงินคืน)
ผมก็ลองหาในกูเกิล และพันทิปว่าถ้าเราโอนเองเสียค่าใช้จ่ายเท่าไร และต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งก็ได้ข้อมูลมาประมาณหนึ่ง ก็จะช่วยประหยัดเงินไปได้ 600-700 บาทถ้าเรามีเวลาก็ลองทำดู เป็นประสบการณ์ เผื่อมาแชร์คนอื่นได้อีกด้วย แต่คนที่จะโอนเอง ต้องคิดดีดีนะครับว่าเรามีเวลา รวมถึงธนาคาร และสำนักงานขนส่งที่จะโอนอยู่ใกล้เราหรือเปล่าด้วยนะครับ เพราะบางคน ถ้าอยู่ไกล ค่าใช้จ่ายในการเดินทางก็ไม่น่าจะคุ้มกันครับ
เริ่มต้นผมก็ไปติดต่อธนาคารสาขาใกล้บ้าน เพื่อจ่ายปิดค่างวดรถงวดสุดท้าย รวมถึงแจ้ง จนท ว่าเราอยากจะไปโอนเล่มทะเบียนด้วยตนเอง จนทก็จะให้กรอก ลงชื่อในแบบฟอร์มเอกสารการโอน และเราก็เอาสำเนาบัตร ปชช กับสำเนาทะเบียนบ้านแนบให้ พร้อมกับจ่ายค่าจัดเตรียมเอกสาร 500 บาท กับค่ามัดจำเล่มทะเบียนรถ 5,000 บาท รวมเป็น 5,500 บาท ก็เป็นอันเสร็จ ธนาคารจะโทรหาเราอีกทีประมาณไม่เกิน 10 วันทำการ เพื่อเข้าไปรับเอกสารทั้งหมดที่ธนาคารเตรียมให้เพื่อใช้โอนฯ โดยที่เราไม่ต้องเตรียมเอกสารอะไรเพิ่มแล้ว ยกเว้นเงินสดกับบัตร ปชช
หลังจากนั้น 7 วันทำการ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากธนาคารให้เข้าไปรับเอกสารที่เตรียมให้เรียบร้อยแล้ว ผมก็เปิดดูคร่าวๆ (เท่าที่จำได้)ก็จะมีเล่มทะเบียนรถสีฟ้าตัวจริง+สำเนาบัตรปชช/สำเนาทะเบียนบ้านที่เราให้ไปคราวที่แล้ว+สำเนาใบเสร็จการชำระค่ารถงวดสุดท้าย+แบบฟอร์มเอกสารการโอนที่เราลงชื่อไปคราวที่แล้ว+สำเนาสัญญาซื้อขาย+เอกสารหลักฐานต่างๆ ของธนาคารเพื่อมอบอำนาจ ประมาณนี้ครับ
2 วันต่อมา พอดีช่วงบ่ายๆ ว่าง ก็คิดว่าลองไปโอนเลยดีกว่า โดยไม่ได้วางแผนมาก่อนว่าจะไป เพราะส่วนใหญ่คนเขาจะไปช่วงเช้ากัน เสี่ยงมากไม่รู้ตอนบ่ายคนจะเยอะ มีที่จอดรถหรือป่าว ผมขับไปเลยครับ สำนักงานขนส่งพื้นที่ 3 ตรงสถานีรถไฟฟ้าบางจาก คนน้อยมาก มีที่จอดด้วย โชคดีจริงๆ เดินถือเอกสารไปติดต่อ จนท ประชาสัมพันธ์ในตัวอาคาร สอบถามว่าจะมาโอนรถยนต์ จนท ก็ขอตรวจดูเอกสาร เปิดไปมาก็แจ็คพอตเลยครับ เพราะจะทำเรื่องโอนพื้นที่ไหน ต้องดูว่าเจ้าของรถผู้โอน บ้านเลขที่อยู่ที่ไหนด้วย อ้าวววววว....งานเข้าเลย อันนี้ยอมรับผมหาข้อมูลไม่ดี ผมเข้าใจผิดนึกว่าทะเบียนบ้านผมซึ่งเป็นผู้รับโอนอยู่เขตบางนา ก็มาพื้นที่ 3 ถูกแล้ว ใกล้บ้านเรา 555 จนท ก็อธิบายอย่างดีว่าไม่ใช่ครับ ให้ยึดตามบ้านของผู้โอนเป็นหลัก ซึ่งธนาคารนี้มีทะเบียนอยู่ปทุมวัน เราต้องไปสำนักงานขนส่งพื้นที่ 5 จตุจักร เลย (คิดในใจว่าถ้ารู้ก่อนก็จ่าย 1400 ให้ธนาคารทำให้แล้ว 555
สุดท้ายก็เดินกลับออกมา แต่ก็ยังยิ้มได้ เพราะเราหาข้อมูลไม่ดีเอง โทษใครได้ ระหว่างขับรถออกมาก็คิดว่าจะเอาไงดี สุดท้ายก็ตัดสินใจกลับรถขึ้นทางด่วนขับไปพื้นที่ 5 จตุจักรเลยละกัน ไหนๆ ตั้งใจมาแล้วเอาให้เสร็จ ตอนนั้นก็ลุ้นว่าจะขับไปถึงกี่โมง จะมีที่จอดรถมั๊ย เพราะขนส่งจตุจักรขึ้นชื่อว่าหาที่จอดรถยากมาก จะไปเสียเที่ยวหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก็ถึงที่นั่นประมาณบ่าย 2 นิดๆ รถก็มาติดในขนส่งอีก เพราะมีรถติดต่อคิวต่อภาษีลามมาที่ถนน แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ แถมเจอช่องจอดว่างริมถนนเลยรีบแปะทันที ก็ถือว่าได้ที่จอดเร็วกว่าที่คิด
ลงรถได้เดิมดุ่มๆ เข้าตึกเลย ตึกอะไรไม่รู้ ยื่นเอกสารให้จนท กับตัวเลย ไม่ได้รับบัตรคิว เราก็เอ๊ะ มันทำไมง่ายจัง จนท ตรวจเอกสารเสร็จ บอกให้เราไปรอตรวจสภาพรถ อ้าววววว...งานเข้าอีกแล้ว 555 ผิดตึก เราก็บอกว่ารถผมเป็นแบบโอนตอนผ่อนหมดอะครับ ไม่ต้องตรวจสภาพรถ จนทก็บอกให้ไปอาคาร 2 แทน
ก็รีบเดินไปติดต่อประชาสัมพันธ์ด้านล่าง จนท แจ้งว่าโอนรถยนต์ให้ขึ้นไปชั้น 2
พอขึ้นไปคนเพียบ เงอะๆ งะๆ เห็นมีจนท ยืนให้คำแนะนำตรงหน้าลิฟท์อยู่ ผมก็เลยรอถามครับ
จนท ก็แนะนำดีมาก ให้ยืมปากกา ให้เรากรอกเอกสารและลงชื่อให้ครบถ้วน ในส่วนที่ต้องมีให้ลงชื่อพยาน ก็แนะนำให้เราเขียนชื่อญาติพี่น้องเองได้เลย ก่อนที่เราต้องไปต่อคิวเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารและรับบัตรคิวอีกครั้ง ซึ่งตรงนี้ละที่แถวยาวหน่อยครับต้องใจเย็นๆ กันเลยนะครับ ถ้าคิดจะโอนเอง เพราะตอนแรกผมไม่รู้ไปต่อตรงช่องทางเข้าเลย ปรากฏว่ามีคนมาสะกิดหลัง แล้วบอกว่าไม่ใช่จ้า นู้นๆ ท้ายแถว 555 พอดีเขาเว้นไว้ให้คนเดินผ่านไปมาได้ ผมก็ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ผมไม่ได้ตั้งใจคร้าบ แล้วก็เดินไปหาท้ายแถวที่ยาวพอสมควรแบบอายๆ (รูปที่ผมลงให้ดู ผมถ่ายไว้ตอนที่โอนเสร็จแล้ว และมีความคิดว่าจะมาเขียนแชร์ในพันทิพย์ ประมาณ 4 โมงคนก็จะน้อยๆ หน่อยนะครับ เวลาจริงคนเยอะกว่ารูป อย่าชะล่าใจไปครับ)
ต่อคิวเพื่อตรวจเอกสารตรงนี้ ก็ใช้เวลาประมาณ 15-25 นาที ครับ พอถึงคิว จนท ก็ตรวจเอกสารเราอีกที ซึ่งก็น่าจะถูกครบถ้วน เพราะมี จนท ที่หน้าลิฟท์ ช่วยเราดูมารอบนึงแล้ว แต่จนท ตรงนี้ ก็เจอจนได้ มีเอกสารใบนึงเป็นหนังสือมอบอำนาจของเราลงชื่อมอบให้เราเอง 555 จนท ก็ขำ เราก็ไม่ได้ดูเลย เขาให้กรอกอะไร ก็กรอกๆ ยื่นๆ ไปให้หมด ขำตัวเองอีกหนึ่งดอก ใบนี้น่าจะเป็นเอกสารที่ธนาคารให้เรามาทั้งหมด ถ้าเราจะให้ธนาคารโอนให้ สุดท้ายก็แค่ดึงออกไปครับ และจนท ถามเราว่าภาษีรถยนต์ไม่ขาดนะ เราก็บอกไม่ขาดครับ และขอเก็บเงินเรา 10 บาท ค่าอากรสแตมป์ ตรวจเอกสารครบเรียบร้อย พร้อมให้บัตรคิวของจริงเรามา จ๊ากๆๆๆ อีก 73 คน
ระหว่างนี้เราก็อย่าไปนั่งรอเฉยๆ คลายเครียดด้วยการไปเข้าห้องน้ำ ลงไปเดินเล่นข้างล่าง หาอะไรกินด้านนอกตึก มีกาแฟ ขนมขาย มีแผงล็อตเตอรี่ให้ซื้อ (ทายสิผมซื้อเลขอะไร 555) มีโรงอาหารอยู่แต่ไกลจากอาคาร 2 ผมเลยไม่เดินไปครับ ตอนเดินกลับเห็นพี่วินมอไซด์กำลังยืนบ่นตัดพ้อว่าต้องกลับ มาเสียเที่ยวเลยวันนี้ เราก็ถามว่าทำไม พี่เขาบอกว่าไม่มีพยานลงชื่อให้ ไปขอใครให้ช่วยเซ็นก็ไม่มีใครกล้า ผมก็เลยแนะนำพี่วิน ด้วยการโชว์เอกสารผมให้ดูเลย ว่าผมลงชื่อญาติผมเองเลย จนท แนะนำว่าทำได้ ลายมือเหมือนกันเด๊ะ พี่เขาก็ดีใจยิ้ม และรีบกลับขึ้นไปรับบัตรคิวต่อทันที
หลังจากนั้นผมก็ขึ้นไปนั่งรอเรียกคิว ถึงตอนนั้นก็รอไม่กี่สิบคนแล้ว แต่ก็หลายสิบอยู่ 555 ซึ่งตรงรอคิวน่าจะมีเป็นชั่วโมงได้ครับ ดังนั้นคนที่จะไปโอนเอง ต้องพร้อมรอนะครับ ใจเย็น อย่าใจร้อน อย่ามีนัดต่อ อย่าคาดหวัง ว่าจะเสร็จกี่โมง เพราะถ้ารับบัตรคิวแล้วยังไงเราก็ได้ทะเบียนรถที่มีชื่อเราเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์กลับบ้านไปด้วยแน่นอน ตอนนั่งรอสังเกตเห็นตรงเสาเขียนว่าปิดรับชำระเงิน 15.30 น. หมายความว่าหากเราได้รับบัตรคิวตรงที่ตรวจเอกสารที่จะปิดแจกบัตรคิวตอน 15.30น. มาแล้ว ยังไงเราก็ได้จ่ายเงิน และได้โอนแน่นอนครับ
พอถึงคิว จนท เรียกเราไป จ่ายเงิน ค่าโอนทะเบียน 100 บาท + ค่าคำขอ 5 บาท และจนท ตรงนี้ก็ถามเราอีกครั้งว่าต่อภาษีหรือยัง ผมก็บอกว่าต่อแล้วครับทางออนไลน์ ผมก็เลยไม่แน่ใจว่าก่อนมาทำเรื่องโอนเล่มทะเบียนต้องต่อภาษีของปีต่อไปให้เรียบร้อยมาก่อนด้วยหรือเปล่านะครับ ถ้ายังไงก็ต่อไว้ก่อนก็ชัวร์ดีครับ ผมคิดว่าอย่าให้ขาดต่อละกันครับ เรื่องนี้ผมไม่ได้ศึกษามาก่อนด้วยครับ ลองเชคดูกันอีกทีนะครับ แล้วจนท ก็ให้เราไปนั่งรอใกล้ๆ รอเรียกชื่ออีกครั้ง ให้เครื่องพิมพ์เล่มทะเบียนเสร็จแล้วจะเรียกอีกที ผมนั่งรอพักเดียว ก็เรียกไปรับเล่มทะเบียน พร้อมใบเสร็จค่าโอน+คำขอ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ
เล่มทะเบียนจะมีพิมพ์เพิ่ม 3 ส่วน คือ
1. หน้าเจ้าของรถที่เป็นชื่อเราเรียบร้อยแล้ว
2. หน้ารายการเสียภาษีที่มีข้อมูลอัพเดทครบถ้วน
3. หน้ารายการบันทึกของเจ้าหน้าที่ ที่บอกว่ามีการโอนกรรมสิทธิ์จากธนาคารแล้ว
เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ เสร็จประมาณ 4 โมงนิดๆ ก็โอเคเร็วกว่าที่คิดไว้ครับ
สรุปค่าใช้จ่ายโอนเอง
1. ค่าเตรียมเอกสารของธนาคาร 500 บาท
2. ค่าอากรสแตมป์ 10 บาท
3. ค่าโอน 100 บาท
4. ค่าคำขอ 5 บาท
รวม 615 บาท ประหยัดเงินไป 1,400-615= 785 บาท (ไม่รวมค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วนและค่าเสียเวลานะครับ)
และวันต่อมาผมก็เตรียมเล่มทะเบียนรถยนต์ บัตรปชช และสำเนาหน้า Book Bank ไปติดต่อธนาคาร เพื่อขอเงินมัดจำคืนครับ ทางธนาคารจะทำสำเนาเล่มทะเบียน รถยนต์ หน้าเจ้าของรถที่เป็นชื่อเราเรียบร้อยแล้ว กับหน้ารายการบันทึกของเจ้าหน้าที่ไว้ครับ และหลังจากนั้นไม่น่าเกิน 5-10 วันครับ เราก็จะได้รับโอนเงินมัดจำ 5,000 บาทคืนครับ
ทั้งหมดก็เป็นประสบการณ์ตรงจากผมที่อยากแชร์นะครับ บางคนที่เคยโอนแล้วอาจจะพร้อมหรือเจออุปสรรคน้อยกว่าผม ตอนทำเรื่องโอน แต่ผมหวังว่าหากใครที่ได้อ่านบทความของผม และอยากจะโอนเองบ้าง จะไม่เจออุปสรรคอะไรตอนโอนเลยนะครับ เพราะคุณจะพอมีข้อมูลประกอบเพื่อการเตรียมความพร้อมของคุณก่อนโอนบ้างไม่มากก็น้อย สุดท้ายผมเชื่อว่าวันที่เราได้ถือกรรมสิทธิ์รถยนต์ น่าจะเป็นอีกวันดีดี ที่เราน่ามีจิตใจเบิกบานและมีความสุขตลอดการทำธุรกรรมเหมือนกับผมนะครับ
ปล. จนท ที่ผมติดต่อทั้งพื้นที่ 3 และพื้นที่ 5 ทุกคนให้คำแนะนำและช่วยเหลือดีมากเลย ประทับใจมากครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนนะครับ ผมขอแชร์ไว้เพื่อเป็นข้อมูล แนวทาง สำหรับคนที่อยากโอนเองนะครับ เผื่อเป็นประโยชน์ งดดราม่าทุกกรณีนะครับ และขออภัยไว้ก่อนหากผมพิมพ์ผิด ทำให้อ่านไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดไปบ้างครับ ผมพิมพ์จากมือถือครับ ขอบคุณครับ
แชร์ประสบการณ์โอนทะเบียนรถยนต์เอง
สืบเนื่องจากผมได้รับจดหมายจากทางธนาคารว่าเราใกล้จะถึงกำหนดโอนเล่มทะเบียนรถแล้ว เพราะผ่อนมาเข้าสู่งวดสุดท้าย ซึ่งธนาคารให้เราเลือกได้ว่าจะให้ทางธนาคารดำเนินการให้ มีค่าใช้จ่าย 1,400 บาท หรือจะดำเนินการเอง ก็จะมีค่าใช้จ่ายให้กับทางธนาคารคือ ค่าจัดเตรียมเอกสาร 500 บาท กับค่ามัดจำเล่มทะเบียนรถ 5,000 บาท เพื่อใช้ดำเนินการโอนด้วยตัวเอง (ได้คืนเมื่อเราโอนเสร็จเรียบร้อยและมาติดต่อธนาคารอีกครั้งเพื่อทำเรื่องขอเงินคืน)
ผมก็ลองหาในกูเกิล และพันทิปว่าถ้าเราโอนเองเสียค่าใช้จ่ายเท่าไร และต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งก็ได้ข้อมูลมาประมาณหนึ่ง ก็จะช่วยประหยัดเงินไปได้ 600-700 บาทถ้าเรามีเวลาก็ลองทำดู เป็นประสบการณ์ เผื่อมาแชร์คนอื่นได้อีกด้วย แต่คนที่จะโอนเอง ต้องคิดดีดีนะครับว่าเรามีเวลา รวมถึงธนาคาร และสำนักงานขนส่งที่จะโอนอยู่ใกล้เราหรือเปล่าด้วยนะครับ เพราะบางคน ถ้าอยู่ไกล ค่าใช้จ่ายในการเดินทางก็ไม่น่าจะคุ้มกันครับ
เริ่มต้นผมก็ไปติดต่อธนาคารสาขาใกล้บ้าน เพื่อจ่ายปิดค่างวดรถงวดสุดท้าย รวมถึงแจ้ง จนท ว่าเราอยากจะไปโอนเล่มทะเบียนด้วยตนเอง จนทก็จะให้กรอก ลงชื่อในแบบฟอร์มเอกสารการโอน และเราก็เอาสำเนาบัตร ปชช กับสำเนาทะเบียนบ้านแนบให้ พร้อมกับจ่ายค่าจัดเตรียมเอกสาร 500 บาท กับค่ามัดจำเล่มทะเบียนรถ 5,000 บาท รวมเป็น 5,500 บาท ก็เป็นอันเสร็จ ธนาคารจะโทรหาเราอีกทีประมาณไม่เกิน 10 วันทำการ เพื่อเข้าไปรับเอกสารทั้งหมดที่ธนาคารเตรียมให้เพื่อใช้โอนฯ โดยที่เราไม่ต้องเตรียมเอกสารอะไรเพิ่มแล้ว ยกเว้นเงินสดกับบัตร ปชช
หลังจากนั้น 7 วันทำการ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากธนาคารให้เข้าไปรับเอกสารที่เตรียมให้เรียบร้อยแล้ว ผมก็เปิดดูคร่าวๆ (เท่าที่จำได้)ก็จะมีเล่มทะเบียนรถสีฟ้าตัวจริง+สำเนาบัตรปชช/สำเนาทะเบียนบ้านที่เราให้ไปคราวที่แล้ว+สำเนาใบเสร็จการชำระค่ารถงวดสุดท้าย+แบบฟอร์มเอกสารการโอนที่เราลงชื่อไปคราวที่แล้ว+สำเนาสัญญาซื้อขาย+เอกสารหลักฐานต่างๆ ของธนาคารเพื่อมอบอำนาจ ประมาณนี้ครับ
2 วันต่อมา พอดีช่วงบ่ายๆ ว่าง ก็คิดว่าลองไปโอนเลยดีกว่า โดยไม่ได้วางแผนมาก่อนว่าจะไป เพราะส่วนใหญ่คนเขาจะไปช่วงเช้ากัน เสี่ยงมากไม่รู้ตอนบ่ายคนจะเยอะ มีที่จอดรถหรือป่าว ผมขับไปเลยครับ สำนักงานขนส่งพื้นที่ 3 ตรงสถานีรถไฟฟ้าบางจาก คนน้อยมาก มีที่จอดด้วย โชคดีจริงๆ เดินถือเอกสารไปติดต่อ จนท ประชาสัมพันธ์ในตัวอาคาร สอบถามว่าจะมาโอนรถยนต์ จนท ก็ขอตรวจดูเอกสาร เปิดไปมาก็แจ็คพอตเลยครับ เพราะจะทำเรื่องโอนพื้นที่ไหน ต้องดูว่าเจ้าของรถผู้โอน บ้านเลขที่อยู่ที่ไหนด้วย อ้าวววววว....งานเข้าเลย อันนี้ยอมรับผมหาข้อมูลไม่ดี ผมเข้าใจผิดนึกว่าทะเบียนบ้านผมซึ่งเป็นผู้รับโอนอยู่เขตบางนา ก็มาพื้นที่ 3 ถูกแล้ว ใกล้บ้านเรา 555 จนท ก็อธิบายอย่างดีว่าไม่ใช่ครับ ให้ยึดตามบ้านของผู้โอนเป็นหลัก ซึ่งธนาคารนี้มีทะเบียนอยู่ปทุมวัน เราต้องไปสำนักงานขนส่งพื้นที่ 5 จตุจักร เลย (คิดในใจว่าถ้ารู้ก่อนก็จ่าย 1400 ให้ธนาคารทำให้แล้ว 555
สุดท้ายก็เดินกลับออกมา แต่ก็ยังยิ้มได้ เพราะเราหาข้อมูลไม่ดีเอง โทษใครได้ ระหว่างขับรถออกมาก็คิดว่าจะเอาไงดี สุดท้ายก็ตัดสินใจกลับรถขึ้นทางด่วนขับไปพื้นที่ 5 จตุจักรเลยละกัน ไหนๆ ตั้งใจมาแล้วเอาให้เสร็จ ตอนนั้นก็ลุ้นว่าจะขับไปถึงกี่โมง จะมีที่จอดรถมั๊ย เพราะขนส่งจตุจักรขึ้นชื่อว่าหาที่จอดรถยากมาก จะไปเสียเที่ยวหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก็ถึงที่นั่นประมาณบ่าย 2 นิดๆ รถก็มาติดในขนส่งอีก เพราะมีรถติดต่อคิวต่อภาษีลามมาที่ถนน แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ แถมเจอช่องจอดว่างริมถนนเลยรีบแปะทันที ก็ถือว่าได้ที่จอดเร็วกว่าที่คิด
ลงรถได้เดิมดุ่มๆ เข้าตึกเลย ตึกอะไรไม่รู้ ยื่นเอกสารให้จนท กับตัวเลย ไม่ได้รับบัตรคิว เราก็เอ๊ะ มันทำไมง่ายจัง จนท ตรวจเอกสารเสร็จ บอกให้เราไปรอตรวจสภาพรถ อ้าววววว...งานเข้าอีกแล้ว 555 ผิดตึก เราก็บอกว่ารถผมเป็นแบบโอนตอนผ่อนหมดอะครับ ไม่ต้องตรวจสภาพรถ จนทก็บอกให้ไปอาคาร 2 แทน
ก็รีบเดินไปติดต่อประชาสัมพันธ์ด้านล่าง จนท แจ้งว่าโอนรถยนต์ให้ขึ้นไปชั้น 2
พอขึ้นไปคนเพียบ เงอะๆ งะๆ เห็นมีจนท ยืนให้คำแนะนำตรงหน้าลิฟท์อยู่ ผมก็เลยรอถามครับ
จนท ก็แนะนำดีมาก ให้ยืมปากกา ให้เรากรอกเอกสารและลงชื่อให้ครบถ้วน ในส่วนที่ต้องมีให้ลงชื่อพยาน ก็แนะนำให้เราเขียนชื่อญาติพี่น้องเองได้เลย ก่อนที่เราต้องไปต่อคิวเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารและรับบัตรคิวอีกครั้ง ซึ่งตรงนี้ละที่แถวยาวหน่อยครับต้องใจเย็นๆ กันเลยนะครับ ถ้าคิดจะโอนเอง เพราะตอนแรกผมไม่รู้ไปต่อตรงช่องทางเข้าเลย ปรากฏว่ามีคนมาสะกิดหลัง แล้วบอกว่าไม่ใช่จ้า นู้นๆ ท้ายแถว 555 พอดีเขาเว้นไว้ให้คนเดินผ่านไปมาได้ ผมก็ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ผมไม่ได้ตั้งใจคร้าบ แล้วก็เดินไปหาท้ายแถวที่ยาวพอสมควรแบบอายๆ (รูปที่ผมลงให้ดู ผมถ่ายไว้ตอนที่โอนเสร็จแล้ว และมีความคิดว่าจะมาเขียนแชร์ในพันทิพย์ ประมาณ 4 โมงคนก็จะน้อยๆ หน่อยนะครับ เวลาจริงคนเยอะกว่ารูป อย่าชะล่าใจไปครับ)
ต่อคิวเพื่อตรวจเอกสารตรงนี้ ก็ใช้เวลาประมาณ 15-25 นาที ครับ พอถึงคิว จนท ก็ตรวจเอกสารเราอีกที ซึ่งก็น่าจะถูกครบถ้วน เพราะมี จนท ที่หน้าลิฟท์ ช่วยเราดูมารอบนึงแล้ว แต่จนท ตรงนี้ ก็เจอจนได้ มีเอกสารใบนึงเป็นหนังสือมอบอำนาจของเราลงชื่อมอบให้เราเอง 555 จนท ก็ขำ เราก็ไม่ได้ดูเลย เขาให้กรอกอะไร ก็กรอกๆ ยื่นๆ ไปให้หมด ขำตัวเองอีกหนึ่งดอก ใบนี้น่าจะเป็นเอกสารที่ธนาคารให้เรามาทั้งหมด ถ้าเราจะให้ธนาคารโอนให้ สุดท้ายก็แค่ดึงออกไปครับ และจนท ถามเราว่าภาษีรถยนต์ไม่ขาดนะ เราก็บอกไม่ขาดครับ และขอเก็บเงินเรา 10 บาท ค่าอากรสแตมป์ ตรวจเอกสารครบเรียบร้อย พร้อมให้บัตรคิวของจริงเรามา จ๊ากๆๆๆ อีก 73 คน
ระหว่างนี้เราก็อย่าไปนั่งรอเฉยๆ คลายเครียดด้วยการไปเข้าห้องน้ำ ลงไปเดินเล่นข้างล่าง หาอะไรกินด้านนอกตึก มีกาแฟ ขนมขาย มีแผงล็อตเตอรี่ให้ซื้อ (ทายสิผมซื้อเลขอะไร 555) มีโรงอาหารอยู่แต่ไกลจากอาคาร 2 ผมเลยไม่เดินไปครับ ตอนเดินกลับเห็นพี่วินมอไซด์กำลังยืนบ่นตัดพ้อว่าต้องกลับ มาเสียเที่ยวเลยวันนี้ เราก็ถามว่าทำไม พี่เขาบอกว่าไม่มีพยานลงชื่อให้ ไปขอใครให้ช่วยเซ็นก็ไม่มีใครกล้า ผมก็เลยแนะนำพี่วิน ด้วยการโชว์เอกสารผมให้ดูเลย ว่าผมลงชื่อญาติผมเองเลย จนท แนะนำว่าทำได้ ลายมือเหมือนกันเด๊ะ พี่เขาก็ดีใจยิ้ม และรีบกลับขึ้นไปรับบัตรคิวต่อทันที
หลังจากนั้นผมก็ขึ้นไปนั่งรอเรียกคิว ถึงตอนนั้นก็รอไม่กี่สิบคนแล้ว แต่ก็หลายสิบอยู่ 555 ซึ่งตรงรอคิวน่าจะมีเป็นชั่วโมงได้ครับ ดังนั้นคนที่จะไปโอนเอง ต้องพร้อมรอนะครับ ใจเย็น อย่าใจร้อน อย่ามีนัดต่อ อย่าคาดหวัง ว่าจะเสร็จกี่โมง เพราะถ้ารับบัตรคิวแล้วยังไงเราก็ได้ทะเบียนรถที่มีชื่อเราเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์กลับบ้านไปด้วยแน่นอน ตอนนั่งรอสังเกตเห็นตรงเสาเขียนว่าปิดรับชำระเงิน 15.30 น. หมายความว่าหากเราได้รับบัตรคิวตรงที่ตรวจเอกสารที่จะปิดแจกบัตรคิวตอน 15.30น. มาแล้ว ยังไงเราก็ได้จ่ายเงิน และได้โอนแน่นอนครับ
พอถึงคิว จนท เรียกเราไป จ่ายเงิน ค่าโอนทะเบียน 100 บาท + ค่าคำขอ 5 บาท และจนท ตรงนี้ก็ถามเราอีกครั้งว่าต่อภาษีหรือยัง ผมก็บอกว่าต่อแล้วครับทางออนไลน์ ผมก็เลยไม่แน่ใจว่าก่อนมาทำเรื่องโอนเล่มทะเบียนต้องต่อภาษีของปีต่อไปให้เรียบร้อยมาก่อนด้วยหรือเปล่านะครับ ถ้ายังไงก็ต่อไว้ก่อนก็ชัวร์ดีครับ ผมคิดว่าอย่าให้ขาดต่อละกันครับ เรื่องนี้ผมไม่ได้ศึกษามาก่อนด้วยครับ ลองเชคดูกันอีกทีนะครับ แล้วจนท ก็ให้เราไปนั่งรอใกล้ๆ รอเรียกชื่ออีกครั้ง ให้เครื่องพิมพ์เล่มทะเบียนเสร็จแล้วจะเรียกอีกที ผมนั่งรอพักเดียว ก็เรียกไปรับเล่มทะเบียน พร้อมใบเสร็จค่าโอน+คำขอ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ
เล่มทะเบียนจะมีพิมพ์เพิ่ม 3 ส่วน คือ
1. หน้าเจ้าของรถที่เป็นชื่อเราเรียบร้อยแล้ว
2. หน้ารายการเสียภาษีที่มีข้อมูลอัพเดทครบถ้วน
3. หน้ารายการบันทึกของเจ้าหน้าที่ ที่บอกว่ามีการโอนกรรมสิทธิ์จากธนาคารแล้ว
เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ เสร็จประมาณ 4 โมงนิดๆ ก็โอเคเร็วกว่าที่คิดไว้ครับ
สรุปค่าใช้จ่ายโอนเอง
1. ค่าเตรียมเอกสารของธนาคาร 500 บาท
2. ค่าอากรสแตมป์ 10 บาท
3. ค่าโอน 100 บาท
4. ค่าคำขอ 5 บาท
รวม 615 บาท ประหยัดเงินไป 1,400-615= 785 บาท (ไม่รวมค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วนและค่าเสียเวลานะครับ)
และวันต่อมาผมก็เตรียมเล่มทะเบียนรถยนต์ บัตรปชช และสำเนาหน้า Book Bank ไปติดต่อธนาคาร เพื่อขอเงินมัดจำคืนครับ ทางธนาคารจะทำสำเนาเล่มทะเบียน รถยนต์ หน้าเจ้าของรถที่เป็นชื่อเราเรียบร้อยแล้ว กับหน้ารายการบันทึกของเจ้าหน้าที่ไว้ครับ และหลังจากนั้นไม่น่าเกิน 5-10 วันครับ เราก็จะได้รับโอนเงินมัดจำ 5,000 บาทคืนครับ
ทั้งหมดก็เป็นประสบการณ์ตรงจากผมที่อยากแชร์นะครับ บางคนที่เคยโอนแล้วอาจจะพร้อมหรือเจออุปสรรคน้อยกว่าผม ตอนทำเรื่องโอน แต่ผมหวังว่าหากใครที่ได้อ่านบทความของผม และอยากจะโอนเองบ้าง จะไม่เจออุปสรรคอะไรตอนโอนเลยนะครับ เพราะคุณจะพอมีข้อมูลประกอบเพื่อการเตรียมความพร้อมของคุณก่อนโอนบ้างไม่มากก็น้อย สุดท้ายผมเชื่อว่าวันที่เราได้ถือกรรมสิทธิ์รถยนต์ น่าจะเป็นอีกวันดีดี ที่เราน่ามีจิตใจเบิกบานและมีความสุขตลอดการทำธุรกรรมเหมือนกับผมนะครับ
ปล. จนท ที่ผมติดต่อทั้งพื้นที่ 3 และพื้นที่ 5 ทุกคนให้คำแนะนำและช่วยเหลือดีมากเลย ประทับใจมากครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนนะครับ ผมขอแชร์ไว้เพื่อเป็นข้อมูล แนวทาง สำหรับคนที่อยากโอนเองนะครับ เผื่อเป็นประโยชน์ งดดราม่าทุกกรณีนะครับ และขออภัยไว้ก่อนหากผมพิมพ์ผิด ทำให้อ่านไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดไปบ้างครับ ผมพิมพ์จากมือถือครับ ขอบคุณครับ