ต้องอธิบายให้เข้าใจก่อนนะครับว่า Safe Zone ในที่นี้ของผมคือสถานะความสัมพันธ์ แบบคุยกันได้ทุกเรื่อง รู้สึกเข้ากันทุกเรื่อง แต่ไม่ได้ต้องการ Up Relationship ไปมากกว่าน้องชาย พี่ชาย
***พี่เป็น Safe Zone สำหรับน้อง
แล้วน้องเป็น Safe Zone สำหรับพี่ไหม ? ***
ต้องบอกก่อนว่าสถานะ คำว่า Safe Zone ได้รับมาจากเพื่อน เมื่อผมไประบายให้เพื่อนฟัง....
เรื่องนี้ต้องตัดแฟนผมออกไปก่อนนะครับ ในแง่ของการมี Safe Zone นะครับ (ถ้าอ่านจบแล้วอย่าดุผมว่าไม่นึกถึงแฟนตัวเองนะครับ ผมอยากให้เข้าใจ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ส่วนตัวผมเป็น LGBT ครับ
*Safe Zone ของผมเป็นผู้ชายครับ*
***พี่เขารู้แต่แรกแล้วนะครับว่าผมเป็น LGBT***
ตัวย่อ
B คือตัวผม
S คือตัวพี่เค้านะคร้บ
ปล.เนื้อหาบางช่วงอาจจะถูกบิดเบือนนิดหน่อยนะ เพราะว่ามันนานมากครับ จำรายระเอียดมากไม่ได้ในช่วงแรกๆ 97% คือเรื่องจริง 3% คือส่วนที่บิดเบือนและเพิ่มนิดหน่อยเพื่อให้มีอรรถรสในการอ่าน รวมถึงเรื่องที่ผมจำบางช่วงบางตอนไม่ได้ด้วยนะครับ
ปล 2. ผมอาจจะแท็กห้องผิดต้องขอโทษไว้ก่อนนะครับ
ปล 3. ถ้าพิมพ์ภาษาไทยผิดหรือตกหล่นประการใดต้องขอโทษมา ณ ที่นี้
เรื่องมันเกิดจากตัวผม เมื่อประมาณ 2 ปีกว่าๆ ได้มีโอกาสไปรู้จักพี่คนหนึ่ง ถามว่าผมรู้จักกับพี่ S ได้ยังไง งั้นผมขอท้าวความก่อนนะครับ...
ผมได้แอด Facebook ไปหาพี่เขาแล้วเมื่อ 2 ปีที่แล้ว Facebook ปุ่มโบกมือ มันอยู่อันแรกซึ่งมันเป็นตอนที่เปลี่ยนหรืออัพเดทแอพใหม่ๆ แล้วเหมือนว่าปุ่มโบกมือจะไม่สามารถยกเลิกได้ในตอนนั้น (ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับครับคร่าวๆ เพราะว่ามันนานมาแล้วเหมือนกัน) ด้วยความที่ว่าผมเห็นโปรไฟล์พี่เขาแล้วรู้สึกว่าพี่ S ดูเป็นคนเข้าถึงง่าย ผมเลยทักไปหาพี่เค้าว่า
B: พี่ครับ...ผมขอโทษครับมือมันไปกดผิดเลยไปโดน ยังไงพี่ก็รับแอดผมด้วยนะครับ
~ เวลาผ่านไปสักพัก~
S: ใครครับ พี่ไม่รับได้ไหมครับ
จนผลมันออกมาว่า พี่ S รับเพื่อน
เริ่ม...ผม กับ พี่ S ก็คุยกันมาเรื่อยๆ ในสถานะพี่น้อง ที่มันมาถูกโฉลกกันเพราะว่า เราเข้าใจกัน รับฟังปัญหาต่างๆของกันและกัน ฟังเพลงแนวเดียวกัน ดูหนังแนวเดียว กันดูรายการเรียลลิตี้โชว์แนวเดียวกัน มันทำให้เราคุยกันรู้เรื่อง จนต่างคนต่างเรียกกันว่าแฝดน้อง กับแฝดพี่ เพราะว่าเข้าขากันมาก เหมือนกันทุกอย่าง ชีวิต Lifestyle เลยเรียกกันแบบนี้ ช่วงแรกๆก็มีคุยกันทุกวันถามว่าแฟนผมรู้ไหม แฟนผมรู้ครับว่าผมคุยกับพี่ S ผมบอกแฟนไปว่าเค้าเป็นพี่ชาย (ก็พี่ S คือพี่ชายจริงๆผมไม่ได้คิดเกินเลย หรืออยากอัพ Relationship ไปมากกว่านั้น) ช่วงแรกๆก็คุยกันในแชท ส่งเพลงให้กันฟัง มีหายไปบ้างเป็นวันสองวัน หรือเป็นอาทิตย์ สองอาทิตย์ก็มี ผมเข้าใจเขาได้ พี่ S ก็เข้าใจเราได้เหมือนกัน มีคุย มีเล่นกัน (แบบในแชทนะครับ) จนมีอยู่วันหนึ่ง เป็นวันแรกที่เราเจอกันจริงๆคือไปดูหนังด้วยกัน (แฟนผมก็รู้ครับ) เจอกันครั้งแรกก็ปกติครับเหมือนเราคุยกันมานานแล้วก็เลยไม่ได้มีความรู้สึกว่าจะต้องเขินหรืออายอะไร (กลิ่น Safe Zone ของผมหอมมากครับ จำได้ดีเลย มันเป็น
กลิ่นที่ได้ดมแล้วรู้สึกปลอดภัย รู้สึกสงบ รู้สึกสบาย เหมือนกลิ่นของแฟนผมเลยครับ) แต่ผมก็ไม่ได้บอกพี่ S ไปตั้งแต่แรกหรอกนะครับว่ากลิ่นพี่หอมมาก เราก็ไปดูหนังด้วยกัน ในโรงหนังแอร์เย็นมากจนพี่ S บอกว่า...
S: พี่หนาววะน้อง แล้วหันมาถามว่าน้อง B หนาวไหม?
B: หนาวดิพี่ S คนน้อยขนาดนี้
พี่ S ก็จับมือผมไปจับทีแขนกับขาของพี่ S
B: สมน้ำหน้าไอ้พี่ S อยากใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อแขนสั้นมาเอง
.......
พอหนังจบแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน แล้วผมก็เลยทักไปถามพี่ S ว่า...
B: พี่ S ใช้น้ำหอมอะไร น้องหอมมาก
S: พี่ไม่ได้ใช้
ตอนนั้นเลยทำให้ผมรู้ว่าที่ผมได้กลิ่นมันคือ Pheromone ชนิดหนึ่ง แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรไป ว่ากลิ่นที่ได้ดมมันเป็น
กลิ่น Pheromone นะ
หลังจากนั้นเราก็คุยกันมาเรื่อยๆเหมือนเดิมอ่ะครับ หายไปบ้างอย่างที่ผมบอกไป มีหนักสุดหายไป เกือบเดือนครับ มีทะเลาะกันในแชทบ้างเล็กน้อย บางครั้ง
จนมาวันหนึ่งพี่ S ทักมาบอกว่า...
S: พี่ทะเลาะกับที่บ้านห้องน้องว่างไหม แฟนน้องอยู่ไหม พี่ไปนอนเล่นเดี๋ยวหนึ่ง เอาเสื้อลงมาให้พี่ด้วย ไม่ได้ใส่ไป รีบออกมา
ด้วยความที่คิดถึง Big Brother ผมเลยรีบตอบไปว่า ....
B: ว่างพี่... น้องไปส่งแฟนทำงานแล้วครับ ถึงแล้วบอกน้อง
...
พี่ S ถึงผมก็เอาเสื้อลงไปให้แล้วก็เดินขึ้นมาห้องผม เราก็นอนคุยกันปกติ พี่ S ก็บอกว่า...
S: พี่ขอกอดหน่อยนะ
B: กอดดิพี่แต่ถ้ามีอารมณ์ขึ้นมาน้องถีบนะ
S: เออแหม...กูรู้แล้ว
พี่ S ก็หลับไปผมก็นอนเล่นมือถือไปเรื่อยๆ
จนพี่เค้าตื่น แล้วพี่ S ก็บอกว่า... พี่จะกลับบ้านแล้วนะ
แต้งกิ้วมากน้อง ลงไปส่งพี่ด้วย
B: ถึงบ้านแล้วทักมาบอกน้องด้วยนะ
S: เออ...ไว้เจอกันน้อง
....พี่ S ก็กลับบ้านไป ก็ทักมาบอกว่าถึงบ้านแล้ว เดี๋ยวพี่ทำงานก่อนนะ
...
ถึงตรงนี้ทุกคนอาจจะเบื่อแล้ว อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ เรื่องมันยาวมาก พยายามย่อแล้วครับ
....แต่ก็เหมือนเดิมครับ คุยๆ หายๆ กันบ้างเหมือนเดิมบอกคิดถึงกันเหมือนเดิม
มีวันนึงพี่ S ทักมาบอกว่า...
S: คิดถึงพุงน้องวะ มาให้กอดหน่อยดิ
B: พุงบ้านพี่ดิ น้องออกจะหุ่นดี
แต่พี่ S ก็ไม่ได้มาหาผมที่หอหรอกครับ ตามสเต็ปเดิมคุยกันปกติ
อยู่มาวันนึงพี่ S ว่างเลยชวนผมไปขี่รถเล่นด้วยกัน เราก็ขี่รถไปเรื่อยๆ ตากฝนตากแดดกันไปจนถึงบ้านผม ไปแวะหาแม่ที่บ้านของผมทำ ให้แม่ได้รู้จักกับพี่ S ว่าไอ้พี่ S เนี่ยมันเป็นใคร เรานั่งคุยนั่งเล่นกับแม่ผมที่บ้าน แล้วผมกับพี่ S ก็ขี่รถเข้าไปในเมืองเหมือนเดิม แล้วก็ผ่านหอผมเพื่อที่จะไปส่งพี่ S ที่บ้านก่อนผมถึงค่อยกลับหอ แต่พี่ S ถามว่าน้องรีบกลับบ้านไหมมีธุระหรือเปล่า ขี่ไปทะเลกันต่อไหม ผมก็ตอบไปว่าเอาดิน้องว่างวันนี้ จนเราขี่รถไปทะเล ขี่ไปคุยไปเรื่อยๆ จนถึงสะพานแหลมสิงห์ ถ่ายรูปนิดหน่อยแล้วก็กลับไปส่งพี่ S ที่บ้าน บอกลากันปกติ แล้วผมก็แว้นมอไซค์ เข้าเมือง
ทุกครั้งที่พี่ S กับผมไปไหนมาไหนแล้วบอกให้กันรู้ หรือไปด้วยกันจะต้องจบท้ายด้วยคำว่า...ขับรถดีดีนะเว้ยกลับถึงบ้านแล้วบอกกันด้วย เสมอ ด้วยความเป็นห่วงกันแหละครับ
จนพี่ S กับผม หายไปสักระยะ...
คุยกันอีกทีก็ตอนพี่ S ไปเกณฑ์ทหาร พี่ S สมัครครับ
ไปเป็นทหารหกเดือน ก็คุยกันน้อยลงเพราะพี่ S ไม่ว่างผมเข้าใจได้ครับ มีทักมาหาบ้าง หายบ้างเช่นเคย แต่จะนานกว่าปกติหน่อย 😅
พอพี่ S ปลดทหารก็กลับมาอยู่บ้าน...
เราก็กลับมาคุยกันมากขึ้น มากกว่าตอนที่พี่ S ไปเป็นทหารนิดหน่อย พี่ S ก็เคยบอกผมว่า แล้วอยากทำงาน ไปทำที่ไหนดี? ผมก็ได้แต่ตอบกลับไปว่า ช่วยที่บ้านทำสวนนั่นแหละดีแล้วพี่ S แต่คือพี่ S จะเป็นคนแบบเดียวกับผม คือที่บ้านมีสวนแต่ไม่ชอบทำสวน พี่ S บอกผมหลายรอบอยู่เหมือนกันว่าอยากไปทำงานไกลๆบ้าน ผมก็แอบนอยพี่ S นะแต่ไม่ได้พูดออกไปเพราะมันคือเรื่องส่วนตัว แต่พี่ S ก็ยังอยู่บ้านนั่นแหละหลายเดือนอยู่เหมือนกัน เป็นแบบนี้เรื่อยๆ จนระยะเวลาผ่านไป ผมมาซื้อบ้านอีกที่หนึ่งห่างจากหอประมาณ 6 กิโล
มันเป็นช่วงที่เราคุยกันน้อยลง แต่ก็ไม่ได้หายไม่ได้ลืมกัน มีส่อง Facebook กันบ้าง กดถูกใจให้กันบ้าง ตอบกลับโพสต์กันบ้าง
จนมาวันหนึ่งผมนอนอยู่ที่บ้าน แล้วแฟนก็นอนด้วยแต่ผมหลับไปก่อนแล้วอยู่ดีๆแฟนผมก็ปลุกผมขึ้นมาถามว่า คุยกันกับพี่ S ขนาดนี้เลยเหรอเลิกคุยกันเดี๋ยวนี้ แฟนผมอยู่ในแชทของผมกับพี่ S จริงๆในแชทแอบมีทะลึ่งบ้าง เช่น พูดถึงอวัยวะเพศบ้าง นู้นนี่นั้นบ้าง ฯ มันเป็นเรื่องปกติเหมือนผมคุยกับเพื่อนผู้ชาย แต่คือผมกับพี่ S ต่างคนต่างไม่คิดอะไรจริงๆ (ผมไม่รู้ว่าคนอ่านจะเข้าใจไหมว่าผมกับพี่ S ไม่ได้อยากมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ่งหรืออะไรตามที่คุยกันใน
แชทเลยเลย) แฟนผมก็เอา Facebook ของผมทักไปหาพี่ S ว่าเลิกยุ่งกับแฟนผมได้แล้วครับ ไม่ต้องทักมาอีกประมาณนี้ครับ เหมือนพี่ S ตอบกลับมาว่างั้นก็บล็อกพี่ไปด้วยเลยแล้วกันให้เกียรติพี่ด้วย แล้วหลังจากนั้นสักพักใหญ่พี่ S ก็โทรมาหาผมน่าจะเป็นเพราะว่าอยากเคลียร์ เอาให้แน่ใจว่าจะเอายังไงแต่ผมได้ตัดสายพี่ S ไปเพราะว่าตอนนั้นผมอยู่กับแฟน รอไปส่งแฟนทำงานก่อนแล้วค่อยโทรกลับไป แต่กลายเป็นว่าพี่ S บล็อกเบอร์ผมไปแล้ว
...
แต่ผม iMessage ไปหาพี่เขาเพราะไม่กล้าโทรแต่พี่เค้าก็ไม่ได้ Reply กลับมาอีกเลย...
หลังจากนั้นเราห่างหายกันไปประมาณ 6 ถึง 7 เดือนได้ มีสิ่งเดียวที่พี่เค้าไม่บล็อกผมก็คือ Instagram แต่พี่เค้ากด Unfollow ผมไปแล้ว ผมตามส่อง Instagram พี่ S ตลอดกดไลค์ตลอด ด้วยความคิดถึง Big Brother
จนมีอยู่ช่วงหนึ่งผมกดไลค์ของพี่ S รัวมากเกินไป
พี่ S Direct Message มาว่า...
S: คิดถึงพี่อะดิ มากดจงกดใจ
3 ชม. ผ่านไปผมถึงเพิ่งตอบ เพราะว่าด้วยความรู้สึกว่า กลัวว่าพี่ S จะหายไป กลัวพี่เค้านู้นนี่นั้น และด้วยคงามดีใจของผมด้วย ที่ไม่ได้คุยกันนาน ทั้งๆที่ผมอยาก Direct ไปหาพี่ S ตลอดด้วยความคิดถึง Big Brother หรือ Safe Zone ของผม ผมเลยตอบกลับไปว่า...
B: คิดถึงดิ แต่น้องไม่กล้าทัก กลัวพี่ไม่คุยกับน้อง
S: เห็นพี่เป็นคนยังไง ?
B: ก็น้องกลัวนี่หว่า น้องเสียใจอีก
S: แอพนักนะเนี่ย
B: แซ่บยังไงอ่ะพี่ S ปกติน้องก็คิดถึงพี่ S อยู่แล้ว ยิ่งรู้ว่าห้ามคุยยิ่งคิดถึงเข้าไปใหญ่
S: ร้องไห้ไหมล่ะ
B: นอยเลยแหละ
S: จั๊ดจาดา วู้ววว~~~~
B: น้องขอโทษ 😭😭😭
S: ไม่เป็นไรไม่ต้องคิดมาก พี่ว่าพี่เข้าใจ
B: หือออออ ไม่คิดถึงน้องบ้างเลยหรอ
S: เอาความจริงไหม?
B: ไม่เลย ??😭😭😭
S: ห่า คิดถึงสิวะ แต่เสียใจจะหนักกว่า
B: อ้าวเหรอ ปกติน้องถามว่าพี่คิดถึงน้องไหม พี่จะบอกว่าไม่คิดถึงน้อง
S: ก็คิดแค่ว่าแฟนน้องให้พี่รู้จักกับน้องแค่นี้ ก็เลยได้แต่เก็บความรู้สึกดีๆไว้ ก็ดีใจที่ได้เคยรู้จักเด็กอย่างมัน 👍🏽😅
B: ล่าสุดคือน้องนั่งขี้ด้วย ร้องไห้ด้วยแล้วตอนนี้
S: ห่านิ พี่เสียใจจริงๆ ช่วงแรกๆเหมือนซึมเศร้าอ่ะ เด็กเลว
B: เอาจริงป่ะ ไม่ต่างกันเลย แต่น้องก็ทำอะไรไม่ได้เพราะถูกห้ามไว้แล้ว น้องคิดอยู่ว่าน้องจะขอโทษยังไงดี จะไปหาที่บ้านเลยดีไหม ก็กลัวพี่ไม่ต้อนรับ หรือจะโทรไปดีแต่ก็ไม่ติดอีกพี่บล็อกเบอร์น้องไปแล้ว น้องเลยคิดว่ากดไลค์ให้พี่เห็นแล้วกัน อย่างน้อยมันก็ขึ้นว่าน้องโกรธพี่จะได้รู้ว่าน้องคิดถึงพี่นะ
S: เออ ที่ไม่ได้บล็อก Instagram เพราะไม่รู้ว่าบล็อกตรงไหน ตอนนี้รู้แล้ว
B: คิดว่าเหลือไว้ให้น้องคิดถึงพี่ถึงไม่ได้บล็อกน้อง
S: แต่เมื่อคืนเห็นแล้วว่ามันบล็อกยังไง
B: โหหหห แล้วเมื่อคืนคิดจะบล็อกน้องไหม
S: เห็นแล้วว่ามันบล็อกตรงไหน แต่ก่อนบล็อกลองทักมาหาก่อน เท่มั้ย
B: โห โคตรใจร้ายอ่ะ
S: ให้บล็อกป่าวเดี๋ยวมีปัญหาอีก พี่ไม่อยากทำให้ใครมีปัญหา ... ทำไมวันนั้นกูหาปุ่มล็อคไม่เจอว่ะ แปลก พยายามหาแล้วนะแต่เจอมากสุดแค่ลบแชท เวร!!!
B: พี่ไม่ต้องบล็อกน้องนะ ถ้าพี่บล็อกไปน้องก็ไม่ เหลืออะไรไว้ส่องที่อีกเลยนะ อย่าใจร้ายกับน้องเลยแค่นี้น้องก็เสียใจมากพอแล้ว ไม่ต้องคุยกันเหมือนเดิมก็ได้แค่เอาไว้อัพเดทว่าเออพี่ยังมีชีวิตอยู่นะ แค่นี้ก็พอแล้ว
S: เออออออออออ พี่รู้แล้ว
...
สวัสดี สถานะ Safe Zone... ของผม ที่อยู่ในสถานะ Big Brother อีกที
***พี่เป็น Safe Zone สำหรับน้อง
แล้วน้องเป็น Safe Zone สำหรับพี่ไหม ? ***
ต้องบอกก่อนว่าสถานะ คำว่า Safe Zone ได้รับมาจากเพื่อน เมื่อผมไประบายให้เพื่อนฟัง....
เรื่องนี้ต้องตัดแฟนผมออกไปก่อนนะครับ ในแง่ของการมี Safe Zone นะครับ (ถ้าอ่านจบแล้วอย่าดุผมว่าไม่นึกถึงแฟนตัวเองนะครับ ผมอยากให้เข้าใจ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตัวย่อ
B คือตัวผม
S คือตัวพี่เค้านะคร้บ
ปล.เนื้อหาบางช่วงอาจจะถูกบิดเบือนนิดหน่อยนะ เพราะว่ามันนานมากครับ จำรายระเอียดมากไม่ได้ในช่วงแรกๆ 97% คือเรื่องจริง 3% คือส่วนที่บิดเบือนและเพิ่มนิดหน่อยเพื่อให้มีอรรถรสในการอ่าน รวมถึงเรื่องที่ผมจำบางช่วงบางตอนไม่ได้ด้วยนะครับ
ปล 2. ผมอาจจะแท็กห้องผิดต้องขอโทษไว้ก่อนนะครับ
ปล 3. ถ้าพิมพ์ภาษาไทยผิดหรือตกหล่นประการใดต้องขอโทษมา ณ ที่นี้
เรื่องมันเกิดจากตัวผม เมื่อประมาณ 2 ปีกว่าๆ ได้มีโอกาสไปรู้จักพี่คนหนึ่ง ถามว่าผมรู้จักกับพี่ S ได้ยังไง งั้นผมขอท้าวความก่อนนะครับ...
ผมได้แอด Facebook ไปหาพี่เขาแล้วเมื่อ 2 ปีที่แล้ว Facebook ปุ่มโบกมือ มันอยู่อันแรกซึ่งมันเป็นตอนที่เปลี่ยนหรืออัพเดทแอพใหม่ๆ แล้วเหมือนว่าปุ่มโบกมือจะไม่สามารถยกเลิกได้ในตอนนั้น (ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับครับคร่าวๆ เพราะว่ามันนานมาแล้วเหมือนกัน) ด้วยความที่ว่าผมเห็นโปรไฟล์พี่เขาแล้วรู้สึกว่าพี่ S ดูเป็นคนเข้าถึงง่าย ผมเลยทักไปหาพี่เค้าว่า
B: พี่ครับ...ผมขอโทษครับมือมันไปกดผิดเลยไปโดน ยังไงพี่ก็รับแอดผมด้วยนะครับ
~ เวลาผ่านไปสักพัก~
S: ใครครับ พี่ไม่รับได้ไหมครับ
จนผลมันออกมาว่า พี่ S รับเพื่อน
เริ่ม...ผม กับ พี่ S ก็คุยกันมาเรื่อยๆ ในสถานะพี่น้อง ที่มันมาถูกโฉลกกันเพราะว่า เราเข้าใจกัน รับฟังปัญหาต่างๆของกันและกัน ฟังเพลงแนวเดียวกัน ดูหนังแนวเดียว กันดูรายการเรียลลิตี้โชว์แนวเดียวกัน มันทำให้เราคุยกันรู้เรื่อง จนต่างคนต่างเรียกกันว่าแฝดน้อง กับแฝดพี่ เพราะว่าเข้าขากันมาก เหมือนกันทุกอย่าง ชีวิต Lifestyle เลยเรียกกันแบบนี้ ช่วงแรกๆก็มีคุยกันทุกวันถามว่าแฟนผมรู้ไหม แฟนผมรู้ครับว่าผมคุยกับพี่ S ผมบอกแฟนไปว่าเค้าเป็นพี่ชาย (ก็พี่ S คือพี่ชายจริงๆผมไม่ได้คิดเกินเลย หรืออยากอัพ Relationship ไปมากกว่านั้น) ช่วงแรกๆก็คุยกันในแชท ส่งเพลงให้กันฟัง มีหายไปบ้างเป็นวันสองวัน หรือเป็นอาทิตย์ สองอาทิตย์ก็มี ผมเข้าใจเขาได้ พี่ S ก็เข้าใจเราได้เหมือนกัน มีคุย มีเล่นกัน (แบบในแชทนะครับ) จนมีอยู่วันหนึ่ง เป็นวันแรกที่เราเจอกันจริงๆคือไปดูหนังด้วยกัน (แฟนผมก็รู้ครับ) เจอกันครั้งแรกก็ปกติครับเหมือนเราคุยกันมานานแล้วก็เลยไม่ได้มีความรู้สึกว่าจะต้องเขินหรืออายอะไร (กลิ่น Safe Zone ของผมหอมมากครับ จำได้ดีเลย มันเป็น
กลิ่นที่ได้ดมแล้วรู้สึกปลอดภัย รู้สึกสงบ รู้สึกสบาย เหมือนกลิ่นของแฟนผมเลยครับ) แต่ผมก็ไม่ได้บอกพี่ S ไปตั้งแต่แรกหรอกนะครับว่ากลิ่นพี่หอมมาก เราก็ไปดูหนังด้วยกัน ในโรงหนังแอร์เย็นมากจนพี่ S บอกว่า...
S: พี่หนาววะน้อง แล้วหันมาถามว่าน้อง B หนาวไหม?
B: หนาวดิพี่ S คนน้อยขนาดนี้
พี่ S ก็จับมือผมไปจับทีแขนกับขาของพี่ S
B: สมน้ำหน้าไอ้พี่ S อยากใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อแขนสั้นมาเอง
.......
พอหนังจบแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน แล้วผมก็เลยทักไปถามพี่ S ว่า...
B: พี่ S ใช้น้ำหอมอะไร น้องหอมมาก
S: พี่ไม่ได้ใช้
ตอนนั้นเลยทำให้ผมรู้ว่าที่ผมได้กลิ่นมันคือ Pheromone ชนิดหนึ่ง แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรไป ว่ากลิ่นที่ได้ดมมันเป็น
กลิ่น Pheromone นะ
หลังจากนั้นเราก็คุยกันมาเรื่อยๆเหมือนเดิมอ่ะครับ หายไปบ้างอย่างที่ผมบอกไป มีหนักสุดหายไป เกือบเดือนครับ มีทะเลาะกันในแชทบ้างเล็กน้อย บางครั้ง
จนมาวันหนึ่งพี่ S ทักมาบอกว่า...
S: พี่ทะเลาะกับที่บ้านห้องน้องว่างไหม แฟนน้องอยู่ไหม พี่ไปนอนเล่นเดี๋ยวหนึ่ง เอาเสื้อลงมาให้พี่ด้วย ไม่ได้ใส่ไป รีบออกมา
ด้วยความที่คิดถึง Big Brother ผมเลยรีบตอบไปว่า ....
B: ว่างพี่... น้องไปส่งแฟนทำงานแล้วครับ ถึงแล้วบอกน้อง
...
พี่ S ถึงผมก็เอาเสื้อลงไปให้แล้วก็เดินขึ้นมาห้องผม เราก็นอนคุยกันปกติ พี่ S ก็บอกว่า...
S: พี่ขอกอดหน่อยนะ
B: กอดดิพี่แต่ถ้ามีอารมณ์ขึ้นมาน้องถีบนะ
S: เออแหม...กูรู้แล้ว
พี่ S ก็หลับไปผมก็นอนเล่นมือถือไปเรื่อยๆ
จนพี่เค้าตื่น แล้วพี่ S ก็บอกว่า... พี่จะกลับบ้านแล้วนะ
แต้งกิ้วมากน้อง ลงไปส่งพี่ด้วย
B: ถึงบ้านแล้วทักมาบอกน้องด้วยนะ
S: เออ...ไว้เจอกันน้อง
....พี่ S ก็กลับบ้านไป ก็ทักมาบอกว่าถึงบ้านแล้ว เดี๋ยวพี่ทำงานก่อนนะ
...
ถึงตรงนี้ทุกคนอาจจะเบื่อแล้ว อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ เรื่องมันยาวมาก พยายามย่อแล้วครับ
....แต่ก็เหมือนเดิมครับ คุยๆ หายๆ กันบ้างเหมือนเดิมบอกคิดถึงกันเหมือนเดิม
มีวันนึงพี่ S ทักมาบอกว่า...
S: คิดถึงพุงน้องวะ มาให้กอดหน่อยดิ
B: พุงบ้านพี่ดิ น้องออกจะหุ่นดี
แต่พี่ S ก็ไม่ได้มาหาผมที่หอหรอกครับ ตามสเต็ปเดิมคุยกันปกติ
อยู่มาวันนึงพี่ S ว่างเลยชวนผมไปขี่รถเล่นด้วยกัน เราก็ขี่รถไปเรื่อยๆ ตากฝนตากแดดกันไปจนถึงบ้านผม ไปแวะหาแม่ที่บ้านของผมทำ ให้แม่ได้รู้จักกับพี่ S ว่าไอ้พี่ S เนี่ยมันเป็นใคร เรานั่งคุยนั่งเล่นกับแม่ผมที่บ้าน แล้วผมกับพี่ S ก็ขี่รถเข้าไปในเมืองเหมือนเดิม แล้วก็ผ่านหอผมเพื่อที่จะไปส่งพี่ S ที่บ้านก่อนผมถึงค่อยกลับหอ แต่พี่ S ถามว่าน้องรีบกลับบ้านไหมมีธุระหรือเปล่า ขี่ไปทะเลกันต่อไหม ผมก็ตอบไปว่าเอาดิน้องว่างวันนี้ จนเราขี่รถไปทะเล ขี่ไปคุยไปเรื่อยๆ จนถึงสะพานแหลมสิงห์ ถ่ายรูปนิดหน่อยแล้วก็กลับไปส่งพี่ S ที่บ้าน บอกลากันปกติ แล้วผมก็แว้นมอไซค์ เข้าเมือง
ทุกครั้งที่พี่ S กับผมไปไหนมาไหนแล้วบอกให้กันรู้ หรือไปด้วยกันจะต้องจบท้ายด้วยคำว่า...ขับรถดีดีนะเว้ยกลับถึงบ้านแล้วบอกกันด้วย เสมอ ด้วยความเป็นห่วงกันแหละครับ
จนพี่ S กับผม หายไปสักระยะ...
คุยกันอีกทีก็ตอนพี่ S ไปเกณฑ์ทหาร พี่ S สมัครครับ
ไปเป็นทหารหกเดือน ก็คุยกันน้อยลงเพราะพี่ S ไม่ว่างผมเข้าใจได้ครับ มีทักมาหาบ้าง หายบ้างเช่นเคย แต่จะนานกว่าปกติหน่อย 😅
พอพี่ S ปลดทหารก็กลับมาอยู่บ้าน...
เราก็กลับมาคุยกันมากขึ้น มากกว่าตอนที่พี่ S ไปเป็นทหารนิดหน่อย พี่ S ก็เคยบอกผมว่า แล้วอยากทำงาน ไปทำที่ไหนดี? ผมก็ได้แต่ตอบกลับไปว่า ช่วยที่บ้านทำสวนนั่นแหละดีแล้วพี่ S แต่คือพี่ S จะเป็นคนแบบเดียวกับผม คือที่บ้านมีสวนแต่ไม่ชอบทำสวน พี่ S บอกผมหลายรอบอยู่เหมือนกันว่าอยากไปทำงานไกลๆบ้าน ผมก็แอบนอยพี่ S นะแต่ไม่ได้พูดออกไปเพราะมันคือเรื่องส่วนตัว แต่พี่ S ก็ยังอยู่บ้านนั่นแหละหลายเดือนอยู่เหมือนกัน เป็นแบบนี้เรื่อยๆ จนระยะเวลาผ่านไป ผมมาซื้อบ้านอีกที่หนึ่งห่างจากหอประมาณ 6 กิโล
มันเป็นช่วงที่เราคุยกันน้อยลง แต่ก็ไม่ได้หายไม่ได้ลืมกัน มีส่อง Facebook กันบ้าง กดถูกใจให้กันบ้าง ตอบกลับโพสต์กันบ้าง
จนมาวันหนึ่งผมนอนอยู่ที่บ้าน แล้วแฟนก็นอนด้วยแต่ผมหลับไปก่อนแล้วอยู่ดีๆแฟนผมก็ปลุกผมขึ้นมาถามว่า คุยกันกับพี่ S ขนาดนี้เลยเหรอเลิกคุยกันเดี๋ยวนี้ แฟนผมอยู่ในแชทของผมกับพี่ S จริงๆในแชทแอบมีทะลึ่งบ้าง เช่น พูดถึงอวัยวะเพศบ้าง นู้นนี่นั้นบ้าง ฯ มันเป็นเรื่องปกติเหมือนผมคุยกับเพื่อนผู้ชาย แต่คือผมกับพี่ S ต่างคนต่างไม่คิดอะไรจริงๆ (ผมไม่รู้ว่าคนอ่านจะเข้าใจไหมว่าผมกับพี่ S ไม่ได้อยากมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ่งหรืออะไรตามที่คุยกันใน
แชทเลยเลย) แฟนผมก็เอา Facebook ของผมทักไปหาพี่ S ว่าเลิกยุ่งกับแฟนผมได้แล้วครับ ไม่ต้องทักมาอีกประมาณนี้ครับ เหมือนพี่ S ตอบกลับมาว่างั้นก็บล็อกพี่ไปด้วยเลยแล้วกันให้เกียรติพี่ด้วย แล้วหลังจากนั้นสักพักใหญ่พี่ S ก็โทรมาหาผมน่าจะเป็นเพราะว่าอยากเคลียร์ เอาให้แน่ใจว่าจะเอายังไงแต่ผมได้ตัดสายพี่ S ไปเพราะว่าตอนนั้นผมอยู่กับแฟน รอไปส่งแฟนทำงานก่อนแล้วค่อยโทรกลับไป แต่กลายเป็นว่าพี่ S บล็อกเบอร์ผมไปแล้ว
...
แต่ผม iMessage ไปหาพี่เขาเพราะไม่กล้าโทรแต่พี่เค้าก็ไม่ได้ Reply กลับมาอีกเลย...
หลังจากนั้นเราห่างหายกันไปประมาณ 6 ถึง 7 เดือนได้ มีสิ่งเดียวที่พี่เค้าไม่บล็อกผมก็คือ Instagram แต่พี่เค้ากด Unfollow ผมไปแล้ว ผมตามส่อง Instagram พี่ S ตลอดกดไลค์ตลอด ด้วยความคิดถึง Big Brother
จนมีอยู่ช่วงหนึ่งผมกดไลค์ของพี่ S รัวมากเกินไป
พี่ S Direct Message มาว่า...
S: คิดถึงพี่อะดิ มากดจงกดใจ
3 ชม. ผ่านไปผมถึงเพิ่งตอบ เพราะว่าด้วยความรู้สึกว่า กลัวว่าพี่ S จะหายไป กลัวพี่เค้านู้นนี่นั้น และด้วยคงามดีใจของผมด้วย ที่ไม่ได้คุยกันนาน ทั้งๆที่ผมอยาก Direct ไปหาพี่ S ตลอดด้วยความคิดถึง Big Brother หรือ Safe Zone ของผม ผมเลยตอบกลับไปว่า...
B: คิดถึงดิ แต่น้องไม่กล้าทัก กลัวพี่ไม่คุยกับน้อง
S: เห็นพี่เป็นคนยังไง ?
B: ก็น้องกลัวนี่หว่า น้องเสียใจอีก
S: แอพนักนะเนี่ย
B: แซ่บยังไงอ่ะพี่ S ปกติน้องก็คิดถึงพี่ S อยู่แล้ว ยิ่งรู้ว่าห้ามคุยยิ่งคิดถึงเข้าไปใหญ่
S: ร้องไห้ไหมล่ะ
B: นอยเลยแหละ
S: จั๊ดจาดา วู้ววว~~~~
B: น้องขอโทษ 😭😭😭
S: ไม่เป็นไรไม่ต้องคิดมาก พี่ว่าพี่เข้าใจ
B: หือออออ ไม่คิดถึงน้องบ้างเลยหรอ
S: เอาความจริงไหม?
B: ไม่เลย ??😭😭😭
S: ห่า คิดถึงสิวะ แต่เสียใจจะหนักกว่า
B: อ้าวเหรอ ปกติน้องถามว่าพี่คิดถึงน้องไหม พี่จะบอกว่าไม่คิดถึงน้อง
S: ก็คิดแค่ว่าแฟนน้องให้พี่รู้จักกับน้องแค่นี้ ก็เลยได้แต่เก็บความรู้สึกดีๆไว้ ก็ดีใจที่ได้เคยรู้จักเด็กอย่างมัน 👍🏽😅
B: ล่าสุดคือน้องนั่งขี้ด้วย ร้องไห้ด้วยแล้วตอนนี้
S: ห่านิ พี่เสียใจจริงๆ ช่วงแรกๆเหมือนซึมเศร้าอ่ะ เด็กเลว
B: เอาจริงป่ะ ไม่ต่างกันเลย แต่น้องก็ทำอะไรไม่ได้เพราะถูกห้ามไว้แล้ว น้องคิดอยู่ว่าน้องจะขอโทษยังไงดี จะไปหาที่บ้านเลยดีไหม ก็กลัวพี่ไม่ต้อนรับ หรือจะโทรไปดีแต่ก็ไม่ติดอีกพี่บล็อกเบอร์น้องไปแล้ว น้องเลยคิดว่ากดไลค์ให้พี่เห็นแล้วกัน อย่างน้อยมันก็ขึ้นว่าน้องโกรธพี่จะได้รู้ว่าน้องคิดถึงพี่นะ
S: เออ ที่ไม่ได้บล็อก Instagram เพราะไม่รู้ว่าบล็อกตรงไหน ตอนนี้รู้แล้ว
B: คิดว่าเหลือไว้ให้น้องคิดถึงพี่ถึงไม่ได้บล็อกน้อง
S: แต่เมื่อคืนเห็นแล้วว่ามันบล็อกยังไง
B: โหหหห แล้วเมื่อคืนคิดจะบล็อกน้องไหม
S: เห็นแล้วว่ามันบล็อกตรงไหน แต่ก่อนบล็อกลองทักมาหาก่อน เท่มั้ย
B: โห โคตรใจร้ายอ่ะ
S: ให้บล็อกป่าวเดี๋ยวมีปัญหาอีก พี่ไม่อยากทำให้ใครมีปัญหา ... ทำไมวันนั้นกูหาปุ่มล็อคไม่เจอว่ะ แปลก พยายามหาแล้วนะแต่เจอมากสุดแค่ลบแชท เวร!!!
B: พี่ไม่ต้องบล็อกน้องนะ ถ้าพี่บล็อกไปน้องก็ไม่ เหลืออะไรไว้ส่องที่อีกเลยนะ อย่าใจร้ายกับน้องเลยแค่นี้น้องก็เสียใจมากพอแล้ว ไม่ต้องคุยกันเหมือนเดิมก็ได้แค่เอาไว้อัพเดทว่าเออพี่ยังมีชีวิตอยู่นะ แค่นี้ก็พอแล้ว
S: เออออออออออ พี่รู้แล้ว
...