ผมเล่นห้องราชดำเนินมานาน ปกติผมมิค่อยได้เข้ากระทู้พวกดราม่า เพราะเข้าไปอ่านดูก็งงไปไม่รู้ใครเป็นใคร
ก็เลยข้ามผ่านเสียส่วนใหญ่ จนมาเจอกับตัวเองเต็มๆ ผมมานั่งคิดว่าเหตุใด จึงเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นมาได้
ผมมิเข้าใจว่าการที่ใครคนใดคนหนึ่งมิชอบเรา ถึงขนาดคอยตามก้นคำตอบเราทุกกระทู้ในอดีต
แล้วคอยเข้าชาร์จทันที ที่ดูเหมือนว่าเราจะหลุดพูดอะไรโดยขาดสติออกมา โดยที่บางทีการหลุดนั้นก็เป็นแค่การขอดกลับ
ในสิ่งที่ใครบางคนที่มาตอบกระทู้แล้วไม่ตอบอย่างเดียวยังแถมมีตอดเข้าให้ด้วย…
ผมก็มานั่งคิดดูถึงคู่กรณีผม เราเคยเคืองอะไรกันรึไม่ ก็เปล่า เพราะปกติโดยนิสัยส่วนตัวผมรักสงบ มิเคยแซะใครหากใครมิมาแซะก่อน
แล้วเขามีเคืองอะไรผมรึเปล่า อันนี้ผมไม่ทราบ เขาจะเคืองรึมีหมั่นไส้อะไรผม ผมก็ไม่แน่ใจ
ผมสังเกตุตั้งแต่ในอดีต หลายครั้งมาแล้ว ทุกครั้งที่ผมหลุดคู่กรณีผม จะแคปเอาคำตอบที่ผมหลุด
ขึ้นมาประจาน แล้วจะตามถากถาง แล้วก็เอารูปเดิมมาวางแล้วถากถาง ซ้ำๆอยู่แบบนี้ ซึ่งผมเลี่ยงที่จะเป็นปัญหามาตลอด
โดยมีเพื่อนผู้หวังดีหลังไมค์มาบอกว่าปล่อยไป อย่าไปใส่ใจ
ผมเข้าใจถึงการการกระทำเขา นัยว่าเพื่อจะให้ผมได้อับอายในสิ่งที่ทำ เพื่อลดเครดิตความน่าเชื่อถือผม ให้ใครที่ได้มาอ่าน เขาเข้าใจผิด
แต่ถ้าใครได้อ่านกระทู้ผมตลอดเขาก็จะเข้าใจ และเห็นว่าความจริงสิ่งที่ผมทำมันมีเหตุ…
และทุกครั้งที่ผมสังเกตุ ก็จะมีลูกคู่คนหนึ่ง มาตอบใต้รูปที่คู่กรณีผม คำตอบของลูกคู่ก็จะแนวเพื่อมาตอกย้ำว่าสิ่งที่ผมพูดมันไม่ถูก
โดยมิดูว่าเหตุใดผมถึงพูดเช่นนั้น (ดังที่ผมเคยตั้งกระทู้ว่า คนเราส่วนใหญ่ตัดสินใครดีเลวจากสิ่งที่เห็นโดยมิได้ดูที่สาเหตุ)
ที่ผมอดแปลกใจปนประหลาดใจเล็กน้อย…คือเหตุการณ์ล่าสุดของผม ที่คู่กรณีผมเอาผมไปตั้งกระทู้เพื่อประจาน
จะมีลูกสมุนออกมาบั๊ฟทับกันแหลกใส่ผลึกหินกันเฮฮา…
ที่ว่าผมประหลาดใจก็คือ สมุนที่บั๊ฟผมในกระทู้คู่กรณี ผมไม่รู้จักสักคน ไม่เคยตอบกระทู้ของกันและกัน แต่ทำไมถึงพากันมารุมยำ…
ส่วนตัวผม เวลาเพื่อนในกลุ่มผมไปมีเรื่องอะไรกับใคร ผมก็มิเคยไปก้าวก่าย ไปด่าคู่กรณีเพื่อนผมแต่อย่างใด
เพราะว่าเรากับเขาก็มิได้เคยทำอะไรให้เคืองกันมาก่อน
ผมถึงสรุปเหตุการณ์ดราม่า ที่เกิดในห้องราชดำเนินในอดีต และกรณีผมว่า…
1.จุดเริ่มของคลื่นคือสิ่งที่มากระทบ จุดเริ่มของดราม่าคือการตอบกระทู้โดยการแซะกันแบบมีเหน็บ ตอดและค่อนขอด
ซึ่งเวลาผมไปตอบกระทู้ใครก็มิเคยแซะ จขกท. จะแซะก็แต่เนื้อหาในกระทู้ เพราะผมรู้ดีว่าหากเราไปแซะเขาก่อน
แน่นอนไม่วายเขาก็อาจจะแซะกลับ
2.มีคนที่ต้องการโชว์ของ ปล่อยเหนือว่าเจ๋ง เพื่อให้ได้รับการยอมรับของสมาชิกในกลุ่ม
คนประเภทนี้ วันๆหาแต่เรื่องตามแซะเพื่อปล่อยของตลอด จนบางคนเขาระอามิอยากต่อกร (อย่างที่คุณหนุ่มโชคชัยกล่าวไว้)
ก็คิดว่าชนะแล้ว ถึงหยุด ไปแซะคนอื่นต่อ (เหลือเชื่อ) คนแบบนี้สังคมควรกำจัดครับ
3.หนักสุดคือลูกคู่กับลูกสมุนครับ ทั้งลูกคู่ที่ตามตอดในกระทู้ กับลูกสมุนที่คอยบั๊ฟอยู่ในรัง
สองพวกนี้จะหนักสุด ผมจะมิแปลกใจหากใครคนนั้นเคยเป็นคู่กรณีกันมาก่อน
แต่กรณีผม ผมมั่นใจได้ว่า ใครที่บัฟผมอยู่ในรัง ไม่เคยมีเรื่องราวกับผมมาก่อน
เว้นมีบางคนอาจมีมาก่อนเล็กน้อย แต่ก็เกิดจากที่ผมถูกแซะมาก่อน
ลูกสมุนกับลูกคู่นี่ตัวดีเลยครับ เพราะเป็นส่วนหนึ่งให้ดราม่าขยายตัว บ่อยครั้งที่ผมเห็น ความจริงคู่ชกมีคู่เดียว
แต่พอลูกคู่ลูก ลูกสมุนสบทบ กลายเป็นเพิ่มคู่ชก กันไปโดยปริยาย
4.ไม่ยอมจบ เหตุการณ์บานปลาย หลายคู่ครับ เหตุการณ์ดราม่าเลยเถิดจนเกิดเป็นซีรี่ย์
เลยเถิดถึงขนาดตามขุดกันย้อนอดีตภพข้ามชาติไปเลยก็มี จุดเริ่มจากขี้หมาก้อนเล็กลามไปถึงฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาล…
:
:
:
ผลึกหิน เคยเขียนเรื่องคลื่นแห่งคุณสมบัติและการจัดพวก คนเราจะมีคลื่นแผ่ออกมาเพื่อดึงดูดสิ่งที่เหมือนกันเข้าหาตัว
คลื่นนี้จะต่างจากคลื่นแม่เหล็ก เพราะคลื่นแม่เหล็กจะดูดสิ่งตรงข้าม แต่คลื่นประจำตัวเราจะดูดสิ่งที่เหมือนกันให้มาหากัน
ผมถึงมิแปลกใจที่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะมีนิสัยคล้ายๆกัน ความคิดคล้ายๆกัน กระทำสิ่งคล้ายๆกัน ก็เพราะคลื่นแห่งคุณสมบัติในตัวเรานั่นเอง
:
:
:
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่ผลึกหินเจอเองทั้งๆที่เลี่ยงดราม่ามาตลอด ขอสรุปสั้นๆว่า…
…เรื่องบางทีเรามิต้องวิ่งเข้าหา บางทีมันก็มาหาเอง…
:
:
:
—-ผลึกหิน—-
@@@ว่าด้วยเรื่องดราม่าในห้องราชดำเนิน@@@ —-ผลึกหิน—-
ก็เลยข้ามผ่านเสียส่วนใหญ่ จนมาเจอกับตัวเองเต็มๆ ผมมานั่งคิดว่าเหตุใด จึงเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นมาได้
ผมมิเข้าใจว่าการที่ใครคนใดคนหนึ่งมิชอบเรา ถึงขนาดคอยตามก้นคำตอบเราทุกกระทู้ในอดีต
แล้วคอยเข้าชาร์จทันที ที่ดูเหมือนว่าเราจะหลุดพูดอะไรโดยขาดสติออกมา โดยที่บางทีการหลุดนั้นก็เป็นแค่การขอดกลับ
ในสิ่งที่ใครบางคนที่มาตอบกระทู้แล้วไม่ตอบอย่างเดียวยังแถมมีตอดเข้าให้ด้วย…
ผมก็มานั่งคิดดูถึงคู่กรณีผม เราเคยเคืองอะไรกันรึไม่ ก็เปล่า เพราะปกติโดยนิสัยส่วนตัวผมรักสงบ มิเคยแซะใครหากใครมิมาแซะก่อน
แล้วเขามีเคืองอะไรผมรึเปล่า อันนี้ผมไม่ทราบ เขาจะเคืองรึมีหมั่นไส้อะไรผม ผมก็ไม่แน่ใจ
ผมสังเกตุตั้งแต่ในอดีต หลายครั้งมาแล้ว ทุกครั้งที่ผมหลุดคู่กรณีผม จะแคปเอาคำตอบที่ผมหลุด
ขึ้นมาประจาน แล้วจะตามถากถาง แล้วก็เอารูปเดิมมาวางแล้วถากถาง ซ้ำๆอยู่แบบนี้ ซึ่งผมเลี่ยงที่จะเป็นปัญหามาตลอด
โดยมีเพื่อนผู้หวังดีหลังไมค์มาบอกว่าปล่อยไป อย่าไปใส่ใจ
ผมเข้าใจถึงการการกระทำเขา นัยว่าเพื่อจะให้ผมได้อับอายในสิ่งที่ทำ เพื่อลดเครดิตความน่าเชื่อถือผม ให้ใครที่ได้มาอ่าน เขาเข้าใจผิด
แต่ถ้าใครได้อ่านกระทู้ผมตลอดเขาก็จะเข้าใจ และเห็นว่าความจริงสิ่งที่ผมทำมันมีเหตุ…
และทุกครั้งที่ผมสังเกตุ ก็จะมีลูกคู่คนหนึ่ง มาตอบใต้รูปที่คู่กรณีผม คำตอบของลูกคู่ก็จะแนวเพื่อมาตอกย้ำว่าสิ่งที่ผมพูดมันไม่ถูก
โดยมิดูว่าเหตุใดผมถึงพูดเช่นนั้น (ดังที่ผมเคยตั้งกระทู้ว่า คนเราส่วนใหญ่ตัดสินใครดีเลวจากสิ่งที่เห็นโดยมิได้ดูที่สาเหตุ)
ที่ผมอดแปลกใจปนประหลาดใจเล็กน้อย…คือเหตุการณ์ล่าสุดของผม ที่คู่กรณีผมเอาผมไปตั้งกระทู้เพื่อประจาน
จะมีลูกสมุนออกมาบั๊ฟทับกันแหลกใส่ผลึกหินกันเฮฮา…
ที่ว่าผมประหลาดใจก็คือ สมุนที่บั๊ฟผมในกระทู้คู่กรณี ผมไม่รู้จักสักคน ไม่เคยตอบกระทู้ของกันและกัน แต่ทำไมถึงพากันมารุมยำ…
ส่วนตัวผม เวลาเพื่อนในกลุ่มผมไปมีเรื่องอะไรกับใคร ผมก็มิเคยไปก้าวก่าย ไปด่าคู่กรณีเพื่อนผมแต่อย่างใด
เพราะว่าเรากับเขาก็มิได้เคยทำอะไรให้เคืองกันมาก่อน
ผมถึงสรุปเหตุการณ์ดราม่า ที่เกิดในห้องราชดำเนินในอดีต และกรณีผมว่า…
1.จุดเริ่มของคลื่นคือสิ่งที่มากระทบ จุดเริ่มของดราม่าคือการตอบกระทู้โดยการแซะกันแบบมีเหน็บ ตอดและค่อนขอด
ซึ่งเวลาผมไปตอบกระทู้ใครก็มิเคยแซะ จขกท. จะแซะก็แต่เนื้อหาในกระทู้ เพราะผมรู้ดีว่าหากเราไปแซะเขาก่อน
แน่นอนไม่วายเขาก็อาจจะแซะกลับ
2.มีคนที่ต้องการโชว์ของ ปล่อยเหนือว่าเจ๋ง เพื่อให้ได้รับการยอมรับของสมาชิกในกลุ่ม
คนประเภทนี้ วันๆหาแต่เรื่องตามแซะเพื่อปล่อยของตลอด จนบางคนเขาระอามิอยากต่อกร (อย่างที่คุณหนุ่มโชคชัยกล่าวไว้)
ก็คิดว่าชนะแล้ว ถึงหยุด ไปแซะคนอื่นต่อ (เหลือเชื่อ) คนแบบนี้สังคมควรกำจัดครับ
3.หนักสุดคือลูกคู่กับลูกสมุนครับ ทั้งลูกคู่ที่ตามตอดในกระทู้ กับลูกสมุนที่คอยบั๊ฟอยู่ในรัง
สองพวกนี้จะหนักสุด ผมจะมิแปลกใจหากใครคนนั้นเคยเป็นคู่กรณีกันมาก่อน
แต่กรณีผม ผมมั่นใจได้ว่า ใครที่บัฟผมอยู่ในรัง ไม่เคยมีเรื่องราวกับผมมาก่อน
เว้นมีบางคนอาจมีมาก่อนเล็กน้อย แต่ก็เกิดจากที่ผมถูกแซะมาก่อน
ลูกสมุนกับลูกคู่นี่ตัวดีเลยครับ เพราะเป็นส่วนหนึ่งให้ดราม่าขยายตัว บ่อยครั้งที่ผมเห็น ความจริงคู่ชกมีคู่เดียว
แต่พอลูกคู่ลูก ลูกสมุนสบทบ กลายเป็นเพิ่มคู่ชก กันไปโดยปริยาย
4.ไม่ยอมจบ เหตุการณ์บานปลาย หลายคู่ครับ เหตุการณ์ดราม่าเลยเถิดจนเกิดเป็นซีรี่ย์
เลยเถิดถึงขนาดตามขุดกันย้อนอดีตภพข้ามชาติไปเลยก็มี จุดเริ่มจากขี้หมาก้อนเล็กลามไปถึงฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาล…
:
:
:
ผลึกหิน เคยเขียนเรื่องคลื่นแห่งคุณสมบัติและการจัดพวก คนเราจะมีคลื่นแผ่ออกมาเพื่อดึงดูดสิ่งที่เหมือนกันเข้าหาตัว
คลื่นนี้จะต่างจากคลื่นแม่เหล็ก เพราะคลื่นแม่เหล็กจะดูดสิ่งตรงข้าม แต่คลื่นประจำตัวเราจะดูดสิ่งที่เหมือนกันให้มาหากัน
ผมถึงมิแปลกใจที่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะมีนิสัยคล้ายๆกัน ความคิดคล้ายๆกัน กระทำสิ่งคล้ายๆกัน ก็เพราะคลื่นแห่งคุณสมบัติในตัวเรานั่นเอง
:
:
:
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่ผลึกหินเจอเองทั้งๆที่เลี่ยงดราม่ามาตลอด ขอสรุปสั้นๆว่า…
…เรื่องบางทีเรามิต้องวิ่งเข้าหา บางทีมันก็มาหาเอง…
:
:
:
—-ผลึกหิน—-