กฎแห่งกรรมไม่มีการลดโทษ แต่ถ้าเราทำผิดแล้วสำนึกผิด และพยายามทำความดีมาชดเชย วิบากกรรมนั้นก็จะลดหย่อนลง ถ้าจะเปรียบสิ่งไม่ดีที่เราทำลงไปเหมือนกับการที่เราเติมเกลือลงไปในน้ำ แล้วเราสำนึกผิด หยุดการทำบาป ไม่เติมเกลือ แต่สร้างบุญเยอะ ๆก็เหมือนกับเติมน้ำลงไปเยอะ ๆ น้ำเกลือก็จะเจือจางลง ความเค็มจะลดลง วิบากกรรมที่ตามมาก็จะทุเลาลง แต่บาปที่ทำไปแล้วยังมีอยู่แต่ฤทธิ์อ่อนลงถ้าเราสร้างบุญเยอะ ๆ จะรอให้คนอื่นมาอภัยโทษไม่มีหรอก มีแต่ต้องสร้างบุญด้วยตัวของเราเองเยอะ ๆ แล้วหยุดสร้างบาปให้บุญไปเจือจางให้บาปอ่อนลง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงตรัสว่า “อตฺตา หิ อตตฺ โน นาโถ”คือเราต้องพึ่งตนเอง คนอื่นช่วยเราไม่ได้ เราต้องละชั่ว ทำดี แล้วทำใจให้ผ่องใส อย่างนี้พอจะแก้ไขได้ ดังตัวอย่างเรื่องของพระเจ้าอชาตศัตรูที่ไปคบกับพระเทวทัต จนสุดท้ายจากเจ้าชายที่เป็นคนดีก็ฆ่าพ่อ คือ พระเจ้าพิมพิสารเพื่อหวังจะขึ้นครองบัลลังก์ พอฆ่าพ่อก็เท่ากับว่าทำอนันตริยกรรม ซึ่งเป็นกรรมที่หนักมากอนันตริยกรรมมีทั้งหมด ๕ อย่าง คือ ๑. ฆ่าพ่อ ๒. ฆ่าแม่ ๓. ฆ่าพระอรหันต์ ๔. ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนห้อเลือด ๕. ทำสังฆเภท คือยุให้พระทะเลาะกัน ให้สงฆ์แตกกัน กรรม ๕ อย่างนี้อย่าไปทำเด็ดขาด อย่าทำทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อม การที่เราไปโจมตีพระสงฆ์รูปนั้นรูปนี้ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์พูดไปพูดมาจนพระท่านเข้าใจผิด แตกกันขึ้นมา เราเสร็จเลย เป็นอนันตริยกรรม ถึงแม้ท่านจะไม่ถึงกับแตกกัน แค่บาดหมางกันไม่ค่อยชอบใจกัน เราก็เริ่มมีความเสี่ยงแล้วอย่าทำเด็ดขาด พระเจ้าอชาตศัตรูฆ่าพ่อตามแรงเชียร์ของพระเทวทัต เท่ากับทำอนันตริยกรรม นั่นคือ ปิดสวรรค์ ปิดนิพพานเลย ชาตินั้นจะทำดีเท่าไรก็ตาม ตกนรกแน่นอน ไม่มีทางที่จะขึ้นสวรรค์ได้ ไม่มีทางบรรลุธรรมหรือนิพพานได้ แต่ชาติต่อไปยังมีสิทธิ์ ชาตินั้นตายแล้วต้องตกนรกก่อน ตามปกติพระเจ้าอชาตศัตรูต้องไปอเวจีมหานรก แต่เนื่องจากพระองค์คิดได้ภายหลัง เพราะได้กัลยาณมิตร คือ หมอชีวกโกมารภัจจ์ มาแนะนำให้พระองค์ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เมื่อได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา ถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พระองค์ได้เป็นเอกอัครศาสนูปถัมภกในการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๑ ทำบุญใหญ่ขนาดนั้น แต่ตายไปแล้วก็ยังตกนรกอยู่ดีแต่บุญนี้ช่วยให้ไม่ต้องไปอเวจีมหานรก ไปแค่โลหกุมภีนรก ซึ่งก็น่ากลัวมาก แต่เทียบกับอเวจีมหานรกแล้วดีกว่ากันเยอะ ดังนั้นคนที่ทำผิดแล้ว ถ้ากลับตัวกลับใจ ตั้งใจทำความดีก็จะทำให้วิบากกรรมหนักอ่อนกำลังลง เป็นการลดหย่อนโทษโดยการทำความดีด้วยตัวของเราเอง
http://www.dmc.tv/page_print.php?p=%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88/%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1.html
กฎแห่งกรรมมีการลดโทษให้คนที่ทำบาปบ้างไหม?
กฎแห่งกรรมไม่มีการลดโทษ แต่ถ้าเราทำผิดแล้วสำนึกผิด และพยายามทำความดีมาชดเชย วิบากกรรมนั้นก็จะลดหย่อนลง ถ้าจะเปรียบสิ่งไม่ดีที่เราทำลงไปเหมือนกับการที่เราเติมเกลือลงไปในน้ำ แล้วเราสำนึกผิด หยุดการทำบาป ไม่เติมเกลือ แต่สร้างบุญเยอะ ๆก็เหมือนกับเติมน้ำลงไปเยอะ ๆ น้ำเกลือก็จะเจือจางลง ความเค็มจะลดลง วิบากกรรมที่ตามมาก็จะทุเลาลง แต่บาปที่ทำไปแล้วยังมีอยู่แต่ฤทธิ์อ่อนลงถ้าเราสร้างบุญเยอะ ๆ จะรอให้คนอื่นมาอภัยโทษไม่มีหรอก มีแต่ต้องสร้างบุญด้วยตัวของเราเองเยอะ ๆ แล้วหยุดสร้างบาปให้บุญไปเจือจางให้บาปอ่อนลง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงตรัสว่า “อตฺตา หิ อตตฺ โน นาโถ”คือเราต้องพึ่งตนเอง คนอื่นช่วยเราไม่ได้ เราต้องละชั่ว ทำดี แล้วทำใจให้ผ่องใส อย่างนี้พอจะแก้ไขได้ ดังตัวอย่างเรื่องของพระเจ้าอชาตศัตรูที่ไปคบกับพระเทวทัต จนสุดท้ายจากเจ้าชายที่เป็นคนดีก็ฆ่าพ่อ คือ พระเจ้าพิมพิสารเพื่อหวังจะขึ้นครองบัลลังก์ พอฆ่าพ่อก็เท่ากับว่าทำอนันตริยกรรม ซึ่งเป็นกรรมที่หนักมากอนันตริยกรรมมีทั้งหมด ๕ อย่าง คือ ๑. ฆ่าพ่อ ๒. ฆ่าแม่ ๓. ฆ่าพระอรหันต์ ๔. ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนห้อเลือด ๕. ทำสังฆเภท คือยุให้พระทะเลาะกัน ให้สงฆ์แตกกัน กรรม ๕ อย่างนี้อย่าไปทำเด็ดขาด อย่าทำทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อม การที่เราไปโจมตีพระสงฆ์รูปนั้นรูปนี้ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์พูดไปพูดมาจนพระท่านเข้าใจผิด แตกกันขึ้นมา เราเสร็จเลย เป็นอนันตริยกรรม ถึงแม้ท่านจะไม่ถึงกับแตกกัน แค่บาดหมางกันไม่ค่อยชอบใจกัน เราก็เริ่มมีความเสี่ยงแล้วอย่าทำเด็ดขาด พระเจ้าอชาตศัตรูฆ่าพ่อตามแรงเชียร์ของพระเทวทัต เท่ากับทำอนันตริยกรรม นั่นคือ ปิดสวรรค์ ปิดนิพพานเลย ชาตินั้นจะทำดีเท่าไรก็ตาม ตกนรกแน่นอน ไม่มีทางที่จะขึ้นสวรรค์ได้ ไม่มีทางบรรลุธรรมหรือนิพพานได้ แต่ชาติต่อไปยังมีสิทธิ์ ชาตินั้นตายแล้วต้องตกนรกก่อน ตามปกติพระเจ้าอชาตศัตรูต้องไปอเวจีมหานรก แต่เนื่องจากพระองค์คิดได้ภายหลัง เพราะได้กัลยาณมิตร คือ หมอชีวกโกมารภัจจ์ มาแนะนำให้พระองค์ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เมื่อได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา ถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พระองค์ได้เป็นเอกอัครศาสนูปถัมภกในการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๑ ทำบุญใหญ่ขนาดนั้น แต่ตายไปแล้วก็ยังตกนรกอยู่ดีแต่บุญนี้ช่วยให้ไม่ต้องไปอเวจีมหานรก ไปแค่โลหกุมภีนรก ซึ่งก็น่ากลัวมาก แต่เทียบกับอเวจีมหานรกแล้วดีกว่ากันเยอะ ดังนั้นคนที่ทำผิดแล้ว ถ้ากลับตัวกลับใจ ตั้งใจทำความดีก็จะทำให้วิบากกรรมหนักอ่อนกำลังลง เป็นการลดหย่อนโทษโดยการทำความดีด้วยตัวของเราเอง
http://www.dmc.tv/page_print.php?p=%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88/%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1.html