ผู้ปฏิบัติรุ่นใหม่หลายๆคน คิดว่าการปฏิบัติ
เนสัชชิก เป็นอะไรที่ดีที่เด่นที่เก่งที่เลิศ
มันก็แค่บังคับจิตไม่ให้หลับให้นอนไม่ให้ง่วง แต่ไม่ได้อะไร ไม่มีความสุข สงบ ปลอดโปร่ง สบาย มีแต่การกดข่มจิต
หากไม่รู้พุทธวจน ก็เป็นแค่ผู้มีศาสนาพุทธ บวชเรียนก็เพราะบวชตามประเพณี นั่งสมาธิแข่งกัน ไม่ได้อะไรเช่นกัน
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าศาสนาพุทธ คือศาสนาแห่งการเดินจงกรมนั่งสมาธิทั้งวันทั้งคืน(ชอบเรียกว่าการปฏิบัติ)
แต่สภาพธรรมะที่เกิดขึ้นปัจจุบันไม่รู้อะไรเลย เข้าใจว่าต้องนั่งสมาธิเท่านั้นถึงจะรู้ คิดว่าการปริยัติจะเกิดจากการนั่งสมาธิ(ที่เรียกว่าปฏิบัติ)
เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีความเข้าใจในสภาพธรรมะก่อน แล้วไปเดินจงกรมนั่งสมาธิก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร?
เพราะปัญญาไม่ได้เจริญเลย ถ้าไม่มีความเข้าใจเบื้องต้นจากสุตตมยปัญญา (การฟัง)
ปฏิบัติโดยความไม่รู้ก็เสียเวลาเปล่าๆ สภาพธรรมะไม่ได้เกิดหลังจากได้ฌานหรืออุปจารสมาธิ แต่เกิดอยู่ตั้งแต่ตื่นยันหลับก็ไม่รู้ถ้าไม่ได้ฟัง
ทำสมาธิตามๆกัน แต่ไม่ได้อะไรเลย
เนสัชชิกังคะ ผู้ถือการนั่งเป็นวัตร คือเว้นนอน อยู่ด้วยเพียง 3 อิริยาบถ
มันก็แค่บังคับจิตไม่ให้หลับให้นอนไม่ให้ง่วง แต่ไม่ได้อะไร ไม่มีความสุข สงบ ปลอดโปร่ง สบาย มีแต่การกดข่มจิต
หากไม่รู้พุทธวจน ก็เป็นแค่ผู้มีศาสนาพุทธ บวชเรียนก็เพราะบวชตามประเพณี นั่งสมาธิแข่งกัน ไม่ได้อะไรเช่นกัน
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าศาสนาพุทธ คือศาสนาแห่งการเดินจงกรมนั่งสมาธิทั้งวันทั้งคืน(ชอบเรียกว่าการปฏิบัติ)
แต่สภาพธรรมะที่เกิดขึ้นปัจจุบันไม่รู้อะไรเลย เข้าใจว่าต้องนั่งสมาธิเท่านั้นถึงจะรู้ คิดว่าการปริยัติจะเกิดจากการนั่งสมาธิ(ที่เรียกว่าปฏิบัติ)
เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีความเข้าใจในสภาพธรรมะก่อน แล้วไปเดินจงกรมนั่งสมาธิก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร?
เพราะปัญญาไม่ได้เจริญเลย ถ้าไม่มีความเข้าใจเบื้องต้นจากสุตตมยปัญญา (การฟัง)
ปฏิบัติโดยความไม่รู้ก็เสียเวลาเปล่าๆ สภาพธรรมะไม่ได้เกิดหลังจากได้ฌานหรืออุปจารสมาธิ แต่เกิดอยู่ตั้งแต่ตื่นยันหลับก็ไม่รู้ถ้าไม่ได้ฟัง
ทำสมาธิตามๆกัน แต่ไม่ได้อะไรเลย